“ท่านอ๋องทั้งสองพระองค์อารมณ์ดีไม่เลว ต่างฝ่ายต่างก็กลับจวนของตนเองไป ได้ยินว่าวันนี้ตำหนักของฮองเฮาเปลี่ยนเครื่องลายครามไปชุดหนึ่ง หลังจากนั้นที่ตำหนักของพระสนมกุ้ยเฟยก็มีข่าวออกมาว่านางกำนัลไม่เคารพเชื่อฟัง ต้องโทษโบยพ่ะย่ะค่ะ” ปรกติแล้วเื่ในวังมิใช่หน้าที่ของเฟิงเยวี่ย แต่บังเอิญเฉินคุนมีธุระจึงไหว้วานให้เขาเข้ามารายงานเซวียนอ๋อง
คนบนเตียงยังไม่มีการเคลื่อนไหว หลังจากนิ่งไปครู่ใหญ่ก็เอ่ยถามเสียงเรียบ “แล้วจวนโม่เป็อย่างไรบ้าง”
“คุณหนูสามกลับจวนไปไม่นานก็หลับ จึงยังไม่ทราบเื่คุณหนูใหญ่ คาดว่าพรุ่งนี้ก็คงรู้เื่พ่ะย่ะค่ะ” เฟิงเยวี่ยรู้ดีว่าท่านอ๋องของตนให้ความสำคัญกับคุณหนูสามสกุลโม่แตกต่างจากผู้อื่น จึงถามแล้วถามอีกอย่างละเอียด หลังจากรายงานเรียบร้อยก็ไม่ลืมถามเื่สำคัญ “ท่านอ๋อง ยาที่ให้จัดเตรียม จะให้ส่งไปตอนนี้เลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“หากเตรียมพร้อมแล้ว ส่งมาให้เปิ่นหวางที่นี่ก่อน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
…
เมื่อคืนโม่เสวี่ยถงนอนน้อยวันนี้จึงตื่นสาย เนื่องจากหลายวันก่อนเหล่าไท่ไท่ล้มป่วย จึงสั่งไว้ว่าไม่ต้องไปคารวะยามเช้า ดังนั้นโม่เสวี่ยถงจึงกอดหมอนทำท่าจะหลับต่อ แต่ยังไม่ทันจะทำตามใจก็ถูกโม่หลันปลุกให้ตื่นเสียก่อน นางยกมือคลึงขมับอยู่ครู่ใหญ่เพราะยังเวียนศีรษะอยู่ จึงค่อยกลับมาเป็ปรกติ ขณะนั้นโม่หลันก็รายงานว่าโม่เสวี่ยิ่เกิดเื่แล้ว
โม่เสวี่ยิ่เกิดเื่? เมื่อคืนนางยังออกไปข้างนอกอยู่เลย จะเกิดเื่ได้อย่างไร มือซ้ายของนางยังคงออกแรงนวดหน้าผาก เหลือบตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ พยายามรวบรวมสมาธิฟังสิ่งที่โม่หลันเล่า
“คุณหนู คนของจวนเสนาบดีเชิญคนมาจวนเรา บอกว่า้ามาสู่ขอคุณหนูใหญ่ไปเป็ภรรยาเอกคนใหม่ วันนี้คุณชายหลี่ส่งขุนนางสื่อราชสำนักมาแต่เช้า นายท่านโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ไล่ตะเพิดขุนนางสื่อผู้นั้นออกจากห้องหนังสือ แล้วให้บ่าวไปเรียกคุณหนูใหญ่มาตำหนิ อารมณ์ฉุนเฉียวไม่เบา...”
เสียงของโม่หลันที่ดังข้างหู ถูกแทรกด้วยเสียงของโม่อวี้ “คุณหนูมิได้เห็น คราวนี้คุณหนูใหญ่อาละวาดจนแทบไม่เป็ผู้เป็คน ได้ยินบ่าวเรือนฝูฉิงเล่าว่า คุณหนูใหญ่ร้องร่ำว่าอยากตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว หากมิใช่ว่าโม่ซิ่วไปพบเข้า ป่านนี้คงเอาหัวพุ่งชนกำแพงตายไปแล้ว ยามนี้มีข่าวลือกันไปทั้งจวนว่าคุณหนูใหญ่ไม่รักษาระเบียบ ค่ำคืนดึกดื่นหนีออกไปข้างนอกจนถูกคนพูดจาแทะโลม และก็เป็คุณชายหลี่ผู้นั้นช่วยไว้...”
เมื่อคิดถึงคุณหนูใหญ่ที่ต่อหน้าแสดงว่าเป็กุลสตรีอ่อนโยนเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมดีงามเผยลวดลายออกมา สีหน้าของโม่อวี้ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น พูดจ้อไม่หยุด จนถูกโม่หลันกระตุกหางเปียเบาๆ จึงค่อยรู้ตัวและเงียบเสียงลง โม่เยี่ยวางเครื่องประดับสำหรับแต่งผมในมือ แล้วเดินไปหน้าม่าน ฉวยโอกาสขณะที่เรียกสาวใช้ให้ไปกวาดลานสวนมองสังเกตไปรอบๆ
“วางใจเถอะ ตอนนี้ฟางอี๋เหนียงไม่ได้เป็คนจัดการภายในเรือนหลังแล้ว ท่านป้าิก็รักคุณหนูของเราที่สุด ช่วยบอกอี๋เหนียงทั้งสองไว้แล้วว่าให้จัดการกับบ่าวที่ไม่อยู่ในโอวาทในเรือนให้หมด ตอนนี้คนที่เหลืออยู่แม้จะไม่ใช่คนของคุณหนู แต่ก็ไม่มีใครกล้าปากมากแน่นอน” โม่อวี้อารมณ์ดียิ่ง แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ตอนที่โม่เยี่ยเดินกลับมา แต่ก็ลดเสียงเบาลง
“ท่านพ่อเล่า... อยู่ที่ไหน” ยามนี้โม่เสวี่ยถงมีสติแจ่มใสดีแล้ว ขณะถามก็ยังคงนวดศีรษะพลางมุ่นคิ้ว
เมื่อวานโม่เสวี่ยิ่เกิดเื่ขนาดนั้นก็ยังไม่หยุดความคิดเลวร้าย หมายให้โหยวเยวี่ยเฉิงแนะนำคุณชายเสเพลผู้นั้นมาสู่ขอตนเอง หากมิใช่เฟิงเจวี๋ยหร่านพามาได้ยินกับหูเห็นกับตา นางก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อคืนได้ยินชัดว่าเฟิงเจวี๋ยหร่านสั่งให้องครักษ์ของตนเองไปตามหาคุณชายหลี่ ยามนั้นนางไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาจะทำให้คุณชายหลี่คิดแต่งโม่เสวี่ยิ่ทั้งที่เจอกันเพียงครั้งเดียวได้อย่างไร
โม่เสวี่ยถงคาดการณ์ไม่ผิด ผู้ที่กำกับละครทั้งเื่จะไม่เป็เฟิงเจวี๋ยหร่านไปได้อย่างไร
เมื่อคืนหลังจากที่โม่เสวี่ยิ่อำลาโหยวเยวี่ยเฉิงออกมาจากหอเซียงหม่านโหลว เนื่องจากนางลอบออกมา จึงมิได้ใช้รถม้าคันใหญ่ของสกุลโม่โดยเฉพาะ แต่ให้หญิงรับใช้ออกไปจัดการหารถเล็กที่เทียมด้วยลาเพียงตัวเดียวมาแทน
ขณะที่โม่เสวี่ยิ่กำลังจะขึ้นรถ มีอันธพาลท่าทางหยาบคายสองสามคนโผล่ออกมา เห็นข้างกายนางมีเพียงสาวใช้คนหนึ่ง พาหนะก็เป็เพียงรถเทียมลาที่ไม่สะดุดตา ย่อมนึกว่านางเป็เพียงบุตรสาวของชาวบ้านทั่วไป จึงเข้ามาเกี้ยวพาราสี ล่วงเกินถึงเนื้อถึงตัว
แม้ว่าโม่เสวี่ยิ่จะเป็บุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยา แต่นางเป็สตรีที่ถูกประคบประหงมเลี้ยงดูเยี่ยงคุณหนูในหอลึก จิตใจโเี้ ไม่เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาให้ใครเห็น แม้ว่าอยากเห็นโม่เสวี่ยถงต้องตายอย่างอนาถจนแทบทนไม่ไหว ก็ได้แต่ลอบดำเนินการอย่างลับๆ เมื่อต้องเจอนักเลงหัวไม้เข้ามาพูดจาแทะโลมอย่างไร้ยางอาย ก็รู้สึกทั้งอับอายและหัวเสีย เชิดหน้าใส่ คิดแต่จะขึ้นรถแล้วจากไปโดยเร็ว
โม่ซิ่วขวางอยู่ด้านหน้า ถูกนักเลงสองคนผลักกระเด็นไปชนถูกลาซึ่งเป็พาหนะลากรถ ทำให้ลาแตกตื่นชูคอร้องลั่น โม่เสวี่ยิ่ที่กำลังจะขึ้นรถจึงเสียหลักล้มไปชนหลี่โยว่โม่ที่เพิ่งลงจากหลังอาชาเตรียมจะเข้าไปในหอเซียงหม่านโหลว
หลี่โย่วโม่เป็คนมากราคะ นิยมคนงามโดยไม่สนใจว่าจะเป็ชายหรือหญิง ปรกติในบ้านก็เลี้ยงสาวสวยและเด็กหนุ่มรูปงามไว้ไม่น้อย เมื่อเห็นสาวงามปานหยาดฟ้าหล่นมาสู่อ้อมอกเช่นนี้ก็แสดงตนเป็ผู้ธำรงความยุติธรรมกำจัดเหล่าร้าย สั่งให้ลูกน้องของตนเข้าไปจัดการกับนักเลงสองสามคนนั้นจนหนีเตลิดไป หลังจากนั้นก็กอดรัดโม่เสวี่ยิ่ไว้แน่นจะพานางไปโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น
หากถูกหลี่โย่วโม่พาไปก็นับว่าโม่เสวี่ยิ่สูญสิ้นทุกอย่างแล้ว คนอย่างนางจะยอมได้อย่างไร
ขณะที่หลี่โย่วโม่ไม่ทันระวัง นางก็ดิ้นจนหลุดจากอ้อมแขน แล้วสะบัดมือฟาดกกหูเขาไปเต็มๆ
หลี่โย่วโม่เป็ผู้ใด เขาเป็บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของเสนาบดีหลี่ ปรกติก็ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจจนเสียคน ยามอยู่ในจวน คำสั่งสอนของท่านเสนาบดีก็เป็เหมือนสายลมที่โชยผ่านยอดหญ้า กอปรกับมีมารดาของท่านเสนาบดีคอยให้ท้ายอยู่เสมอ ไหนเลยจะเคยถูกสตรีตบหน้ามาก่อน หลี่โย่วโม่โกรธจนตัวสั่น เดิมทีเขาก็เป็คนกักขฬะคนหนึ่ง กล้าทำร้ายผู้หญิงโดยไม่นำพาสิ่งใดอยู่แล้ว จึงปรี่เข้าหาโม่เสวี่ยิ่หมายตบตีให้หายแค้น
โชคดีที่โหยวเยวี่ยเฉิงเดินออกมาจากด้านในและเห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี จึงเข้ามาขวางหลี่โย่วโม่ไว้ แล้วลากเขาไปด้านข้าง กระซิบบอกสถานะของโม่เสวี่ยิ่ให้รู้ โม่ฮว่าเหวินบิดาของนางเป็ขุนนางขั้นสาม รั้งตำแหน่งผู้ตรวจการพระนคร แม้ไม่อาจเทียบกับท่านเสนาบดี แต่เป็ขุนนางที่รับใช้ใกล้ชิดองค์จักรพรรดิ ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในเมืองหลวง มิอาจเปรียบเทียบกับขุนนางระดับสามทั่วไปได้
เจตนาของโหยวเยวี่ยเฉิงเพื่อเป็การปรามหลี่โย่วโม่ แต่คิดไม่ถึงว่าสหายของตนผู้นั้นจะเป็พวกชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ แม้จะยอมเห็นแก่โหยวเยวี่ยเฉิงปล่อยตัวโม่เสวี่ยิ่ไป แต่หลังจากกลับไปถึงบ้าน ยิ่งคิดไฟโทสะก็ยิ่งปะทุขึ้นมาอีก สตรีคนหนึ่งกล้าตบเขาได้อย่างไร กอปรกับคนรับใช้ข้างกายพูดยุยงอีกสองสามประโยค ก็แล่นไปหาฮูหยินผู้เฒ่าหลี่แต่เช้าตรู่ บอกว่าตนเองหมายตาคุณหนูใหญ่สกุลโม่ ้าแต่งนางเข้าจวนให้ได้
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินเช่นนั้นก็งงเป็ไก่ตาแตก ปรกติหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของนางผู้นี้อยู่ข้างนอกก็ชอบตีหมาหยอกไก่ ชอบเสพสุขดื่มเหล้าเคล้านารี ไม่เคยคิดทำอะไรจริงจังสักอย่าง เมื่อสองปีก่อนกว่าจะเคี่ยวเข็ญให้เขายอมตกปากรับคำแต่งภรรยามิใช่เื่ง่าย แต่งเข้ามาได้ไม่ถึงสองวันก็ถูกเขากดขี่จนตาย หลังจากนั้นมาก็ไม่เคยตอบตกลงที่จะแต่งภรรยาอีกเลย
แต่คราวนี้ถึงกับมาเอ่ยปากด้วยตนเองว่าจะแต่งภรรยา แล้วฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่ดีใจได้อย่างไร พอให้คนไปสืบถามจนรู้ความ แม้ว่าคุณหนูใหญ่สกุลโม่ผู้นั้นจะเป็ธิดาที่เกิดจากอนุภรรยา ชื่อเสียงก็ไม่ค่อยดีนัก แต่ได้ยินมาว่าเป็กุลสตรีอ่อนโยน มีพร์ไม่น้อย หน้าตาก็สะสวย แม้ว่าฐานะบุตรอนุของนางกับข่าวลือในทางที่ไม่ดีจะทำให้ตนเองไม่ค่อยพอใจนัก แต่หลานชายของตนเองเป็อย่างไรนางย่อมรู้ดี
จึงให้ขุนนางสื่อราชสำนัก[1] ส่งคนไปจวนโม่เพื่อทาบทามสู่ขอ นางย่อมบอกกับผู้เป็ขุนนางสื่อว่าคุณหนูใหญ่สกุลโม่ถูกคนชั่วแทะโลม หลานชายของตนเองจึงแสดงตนเป็ผู้กล้าเข้าช่วยเหลือหญิงงาม ทั้งสองกอดกันต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก ทั้งยังกล่าวอีกว่าหนึ่งในบุคคลที่เป็พยานรู้เห็นก็คือิกั๋วกงซื่อจื่อ
เพื่อให้เื่ต่างๆ ดูน่าเชื่อถือ สกุลหลี่ย่อมลดการวางท่าสูงส่งลงมา ไม่ว่าอย่างไรหลี่โย่วโม่ก็นับว่าได้ช่วยสตรีผู้หนึ่งไว้
แต่เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกส่งผ่านจากปากขุนนางสื่อไปถึงหูของโม่ฮว่าเหวิน เขาก็ลุกขึ้นมาเต้นผางควันออกหู ไล่ขุนนางสื่อผู้นั้นออกไปจนวิ่งแทบไม่ทัน ใครจะมีคุณสมบัติอย่างไรเขาไม่รู้ แต่หลี่โย่วโม่ผู้นี้ขึ้นชื่อเื่ความเ้าชู้เสเพล หากไม่ไปทุบตีกับคนข้างถนนเพื่อแย่งชิงหญิงคณิกา ก็กินดื่มเที่ยวเล่นจนสำราญแล้วนั่งรถม้าออกไปก่อเื่สร้างความรำคาญไปทั่ว คนแบบนี้กล้ามาสู่ขอบุตรสาวของตนเองถึงจวน ไหนเลยจะเป็ข่าวดี สำหรับจวนโม่แล้วนี่เป็ความอัปยศอดสูมากกว่า
เมื่อย้อนนึกถึงเมื่อวาน โม่เสวี่ยิ่ถูกสั่งกักบริเวณ ย่อมรู้ว่าหากมิใช่เพราะนางทำตัวต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง แอบออกไปข้างนอกยามค่ำคืนจะเจอเื่แบบนี้ได้อย่างไร ทำให้เขาผิดหวังในตัวบุตรสาวคนโตเป็อย่างยิ่ง และพลอยถือโทษโกรธเคืองฟางอี๋เหนียงไปด้วย ว่าอบรมสั่งสอนบุตรสาวอย่างไรจึงออกมาเป็เช่นนี้ เนื่องด้วยโทสะต่อมาเมื่อมีข่าวว่าโม่เสวี่ยิ่ฆ่าตัวตาย โม่ฮว่าเหวินจึงคิดไม่ใส่ใจอีก นั่งกลัดกลุ้มอยู่ในห้องหนังสือเพียงลำพัง
โม่เสวี่ยถงรีบแล่นไปห้องหนังสือที่เรือนหน้าอย่างรวดเร็ว ยามที่ไปถึงเห็นโม่ฮว่าเหวินนั่งเอามือกุมศีรษะอยู่หน้าโต๊ะทำงาน หัวคิ้วมุ่นอย่างทุกข์ใจไม่คลาย
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ให้ขุนนางสื่อนำเื่เมื่อคืนมาบอกเล่าให้เขาฟัง ทางหนึ่งก็กล่าวว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อนแล้ว ไม่ใช่ว่าหลานชายของตนคิดไม่ดีกับธิดาสกุลโม่ อีกทางกลับแฝงความหมายเชิงข่มขู่วางอำนาจ ผู้กล้าช่วยสาวงาม โอบกอดต่อหน้าธารกำนัลมีผู้คนมากมายรู้เห็น หากเื่การแต่งงานสำเร็จลุล่วงย่อมเป็ข่าวดี แต่หากไม่สำเร็จก็จะกลายเป็ข่าวฉาวโฉ่ ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังมีิกั๋วกงซื่อจื่อเป็พยานอีกคน
หลี่โย่วโม่เป็คนชื่อเสียงไม่ดี หากเขาปล่อยข่าวเื่เมื่อคืนออกไป ขอเพียงจวนโม่ยืนกรานว่าสตรีผู้นั้นมิใช่คุณหนูใหญ่สกุลโม่ทุกอย่างก็จบลงได้ แต่โหยวเยวี่ยเฉิงไม่เหมือนกัน เขาเป็ทายาทผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์ิกั๋วกง ชื่อเสียงไม่ด่างพร้อย วาจาและคำพูดเชื่อถือได้ หากเขายืนยันว่าเป็โม่เสวี่ยิ่จริงๆ ถึงไม่ใช่ก็ต้องนับว่าใช่แล้ว
เมื่อตรองจุดนี้จนกระจ่าง โม่ฮว่าเหวินก็ปวดศีรษะจนแทบะเิ รู้สึกว่าเื่นี้จัดการยากโดยแท้ จึงยังไม่คิดเื่ลงโทษโม่เสวี่ยิ่ คิดแต่จะหาวิธีหลบเลี่ยงภัยพิบัติครั้งนี้ไปให้ได้ก่อน
เขาตระหนักดีว่าไม่อาจให้โม่เสวี่ยิ่แต่งงานกับหลี่โย่วโม่เด็ดขาด เื่นี้มิใช่ปัญหาของโม่เสวี่ยิ่แต่เพียงผู้เดียว หากเขายอมปล่อยให้นางแต่งออกไปให้คนผู้นั้น เท่ากับเป็การยอมรับว่าบุตรสาวแอบหนีออกจากบ้าน ค่ำมืดดึกดื่น พาสาวใช้ออกไปด้วยเพียงคนเดียวแบบนี้ ใช่นัดหมายกับผู้อื่นไว้หรือไม่
หากชื่อเสียงของบุตรสาวสกุลโม่ต้องด่างพร้อย ท้ายที่สุดก็มิอาจไม่แต่งให้หลี่โย่วโม่ และยิ่งเป็การยืนยันว่าบุตรสาวของตนมีความผิดจริง ส่งผลกระทบไปถึงเื่การแต่งงานของบุตรสาวคนอื่นๆ ในสกุลโม่ไปด้วย นี่คือสิ่งที่โม่ฮว่าเหวินจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาด
ถัดจากโม่เสวี่ยิ่ยังมีถงเอ๋อร์อีกคน แค่คิดว่าถงเอ๋อร์ที่น่ารักและฉลาดเฉลียวของตนเองอาจเสียโอกาสในการหาคู่ครองที่ดี เพียงเพราะข่าวเสียหายของโม่เสวี่ยิ่ หัวใจของโม่ฮว่าเหวินก็ร้อนเป็ไฟ อึดอัดกลัดกลุ้มสุดประมาณ จะลุกจะนั่งก็ร้อนใจไปหมด เดินวนไปมาอยู่ในห้องหนังสือก็หลายรอบ สุดท้ายก็ยังคิดไม่ออกว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร
ขณะที่กำลังนั่งกลุ้มอยู่นั้น เสียงนุ่มนวลของโม่เสวี่ยถงก็ลอยมาจากประตู “ท่านพ่อรับสำรับเช้าหรือยังเ้าคะ ถงเอ๋อร์ยังไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องเลย ท่านพ่อมารับประทานเป็เพื่อนถงเอ๋อร์ได้หรือไม่”
เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นใบหน้าเล็กจ้อยที่เต็มไปด้วยความห่วงใยแฝงไปด้วยความระมัดระวัง แม้ว่าคำพูดอาจจะฟังดูแก่นแก้วไปบ้าง แต่กลับแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจ และพยายามเอาอกเอาใจ จนเขาอดใจอ่อนไม่ได้
แสงตะวันสาดส่องผ่านด้านหลังของโม่เสวี่ยถงเข้ามาในห้องหนังสือ ร่างน้อยบอบบางหิ้วปิ่นโตสีแดงใบใหญ่ยืนอยู่หน้าประตู ดวงตาประกายหยดน้ำคู่งามมองมาที่เขาด้วยความห่วงใย ขบริมฝีปากน้อยๆ ความใสกระจ่างในแววตาดั่งสะท้อนความคิดจิตใจคน ส่องไปถึงความเอาใจใส่ที่อยู่ภายใต้ก้นบึ้งดวงตา
……………………………………………………………………………………………………….....
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] ขุนนางสื่อราชสำนัก คือหน่วยงานราชการที่ช่วยดำเนินการเื่การแต่งงานแบบครบวงจร มีมาั้แ่สมัยราชวงศ์โจวตะวันตก