น้องสาวเลี้ยงผีกองกอยเองก็ชอบอยู่คนเดียวตอนที่ฉันและเธอเดินผ่านห้องเรียนต่างๆ ตามทางเดินนั้น ผู้หญิงคนอื่นๆต่างก็ทักทายกันตามประสารุ่นพี่รุ่นน้อง มีเพียงเธอที่ไม่ได้มีการทักทายกับใครเธอพาผีกองกอยของเธอะโไปตามทางข้างหน้าเรื่อยๆจนพวกเรามาถึงห้องเรียนและพากันนั่งลง
ห้องเรียนใหญ่โตมากแต่กลับมีลักษณะเป็วงกลม เป็ห้องเรียนที่แปลกมากที่นั่งถูกจัดเรียงเป็วงกลมไล่ระดับขึ้นไป้าทีละชั้น และตรงกลางของวงกลมก็มองไม่เห็นกระดานดำมีแค่ภาพที่ถูกปิดผนึกไว้
พอฉันนั่งลงก็เริ่มหยิบกระเป๋าปากกาสมุดบันทึกออกมา ฉันจงใจปิดเสียงโทรศัพท์จี้ตัวแทนของโม่ิมองฉันด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย"ฉันขอโทษ"
"ไม่ต้องมาคุยกับฉัน" ฉันเก็บเขายัดใส่ลงในกระเป๋า จี้ตัวแทนของโม่ิยังจะมีความรู้สึกมากกว่าโม่ิตัวจริงซะอีก
"อย่าเมินฉันเลยนะ" เสียงเล็กๆ นั้นดังออกมาจากในกระเป๋า
ฉันมองสาวน้อยที่นั่งอยู่ด้านข้างและพบว่าเธอหยิบยันต์ออกมาจากกระเป๋า...กระบี่ เหรียญเงิน... กระจกวิเศษ
เอ่อ...หรือฉันจะเข้าใจวิธีเปิดกระเป๋าผิดไปหน่อยหรือเปล่านะ
ฉันมองไปรอบๆ ห้องและเห็นว่าไม่มีใครหยิบพวกปากกาหรือสมุดบันทึกออกมาเลยทุกคนต่างพากันหยิบเอาอาวุธและอุปกรณ์ประกอบการต่อสู้ออกมาจากกระเป๋ากันทั้งนั้นเลย
ผู้ชายด้านหน้าฉันหยิบมีดเล่มใหญ่ความยาวเท่ากับที่นั่งของคนหกคนออกมา
และก็ยังมีกลุ่มที่นำสัตว์เลี้ยงติดตามตัวมาเหมือนกับสาวน้อยที่มีผีกองกอยคอยติดตามตัวมาทั้งสัตว์ประหลาด ทั้งภูตผีปีศาจต่างๆ มีอยู่ในห้องนี้หมด
ฉันกะพริบตาปริบๆด้วยอาการตัวแข็งทื่อ ฉันค่อยๆ แอบหยิบกระเป๋าปากกาและสมุดบันทึกเก็บใส่ในกระเป๋าหรือว่าที่มหาลัยเทพและปีศาจแห่งนี้จะไม่ต้องเข้าเรียนอาจจะแค่แนะนำตัวแล้วก็แนะนำอาวุธของตัวเองสักเล็กน้อยหรือไม่ก็ให้พูดคุยสนทนาผูกมิตรกัน
แล้วฉันจะทำยังไง
และในตอนนั้นเองก็มีคนนั่งลงตรงที่นั่งด้านข้างฉันฉันหันไปมองก็พบว่าเป็เหมาเหมา ตามมาด้วยเจียงเหยี่ยน ชิงิและซืออีนั่วก็เข้ามานั่งอยู่ด้านหน้าฉันทั้งสามคนหันหน้ากลับมาทักทายฉันอย่างไร้ชีวิตชีวา"อรุณสวัสดิ์..." สีหน้าพวกเขานี่ไม่ได้แตกต่างอะไรกับผีกองกอยของสาวน้อยตัวดำเลย
"พี่เสี่ยวหลันมาเร็วมากเลย" เหมาเหมาวาดวงแขนมาคล้องคอฉันไว้ ร่างที่ปกคลุมไปด้วยขนนุ่มฟูของเธอทำให้เธอมีอุณหภูมิในร่างกายสูงกว่าคนอื่น "พวกเราตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอพี่แล้ว"
"อุ้ยกลุ่มคนไร้ความสามารถรวมตัวกันแล้ว" พอเสียงของสาวน้อยตัวดำดังขึ้นมารอยยิ้มของเหมาเหมาก็จางหายไปจากใบหน้าทันที เธอก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกอับอายปล่อยแขนที่คล้องคอฉันอยู่ลง
ซืออีนั่วหลบอยู่ด้านหลังเสี่ยวไป๋ท่าทางดูไม่ค่อยสบายใจเหลือเพียงชิงิและเจียงเหยี่ยนที่จ้องมองสาวน้อยตัวดำด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
สาวน้อยตัวดำยังคงมองพวกเขาอย่างไม่ได้รู้สึกอะไร "พวกเธอจะถือสาอะไรพวกเธอน่าจะชินได้แล้วนะ ถูกเรียกว่ากลุ่มคนไร้ความสามารถ พวกเธอสบายใจได้ ตอนนี้เสี่ยวหลันเป็เพื่อนฉันแล้วพวกเธอก็เหมือนกัน หลังจากนี้ฉันคุ้มกันพวกเธอเอง" เธอตบเข้าที่หน้าอกอย่างหนักแน่น
ชิงิยังคงมองหน้าเธอด้วยสายตาที่ว่างเปล่าเขาหันหน้ากลับไป เจียงเหยี่ยนยกถุงเืขึ้นมาดูดและมองหน้าฉัน "เพื่อนเธอเหรอ"
ฉันยิ้ม "พวกเธออย่าถือสาเลย เธอเป็คนพูดตรงเมื่อครู่เธอก็เพิ่งช่วยฉันไว้" พอรอให้ฉันพูดจบเจียงเหยี่ยนจึงหันกลับไปมองด้านหน้า
สาวน้อยตัวดำกระตุกริมฝีปากมองไปทางพวกเขา "นี่ พวกเธอเอาแต่ซ้ำชั้นอยู่ทุกปีแบบนี้ไม่ท้อแท้กันบ้างเลยเหรอ"
"พวกเราจะเป็ยังไงเธอไม่ต้องมายุ่ง" เจียงเหยี่ยนหันกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น "กรุณาอยู่ให้ห่างๆ จากพวกเราด้วยเธอมาอยู่กับกลุ่มที่ไร้ความสามารถอย่างพวกเราแบบนี้ ระวังจะติดเชื้อเอา"
สาวน้อยตัวดำเลิกคิ้วขึ้น "เชอะ เอาอารมณ์เป็ใหญ่ เหอะ!" เธอลุกขึ้นและเดินจากไป ทำให้ฉันรู้สึกเสียหน้าขึ้นมาเลย
เมื่อเจียงเหยี่ยนเห็นว่าเธอไปแล้วจึงตบบ่าชิงิและซืออีนั่ว สองคนนั้นมองหน้าเขา เขาลุกขึ้น "ฟึบ" เขาะโข้ามเก้าอี้มานั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างๆ ฉัน จากนั้นชิงิและซืออีนั่วก็ะโตามมาติดๆท่าทางที่คล่องตัวนั้นทำให้เส้นผมของพวกเขาปลิวไสว มองไม่ออกเลยว่าพวกเขาไร้ความสามารถตรงไหน
"พวกนายทำอะไร..." เหมาเหมายังคงเป็โรคนั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้น โม่ิมาแล้วเธอก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้น เธอยกนิ้วขึ้นมาถูวนไปมา "ไม่ง่ายเลยนะกว่าพี่เสี่ยวหลันจะหาเพื่อนใหม่ได้พวกนายทำให้เขาลุกออกไปแบบนั้น พี่เสี่ยวหลันก็ขายหน้าแย่เลย"
เหมาเหมาพูดแบบนี้ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกขายหน้ามากกว่าเดิมอีก
เจียงเหยี่ยนยังคงดูดเืด้วยท่าทางที่เรียบนิ่ง "คำว่าเพื่อนคำนี้ให้เวลาเป็เครื่องพิสูจน์เถอะ" จู่ๆน้ำเสียงของเขาก็จริงจังขึ้นมา สายตานั้นก็พลอยเคร่งขรึมไปด้วยเหมือนกับว่าเขามีความลับมากมายหลายอย่างเก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้ร่างกายที่อ่อนแอนั้น
บางครั้งเวลาที่เรา้าจะหาเพื่อนก็จะต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ชวนขายหน้าบ้างอยู่แล้วปล่อยให้มันเป็ไปตามธรรมชาติเถอะ
แต่ว่า ฉันมีพวกเขาอยู่ข้างๆ แบบนี้มันทำให้ฉันมีความรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม
ฉันมองดูพวกเขาซึ่งพวกเขาแต่ละคนต่างก็พากันหยิบเอาของออกมาจากกระเป๋าตัวเองเหมาเหมาหยิบหินลับมีดออกมาหนึ่งก้อน เอ๊ะ นี่มันอะไรกันจากนั้นฉันก็เห็นว่าเหมาเหมาเอื้อมมือออกมา แสงแดดส่องลงมาที่กรงเล็บของเธอ กริ๊ง! สุดยอด!วูล์ฟเวอรีนนี่!
ถัดมา ฉันก็เห็นเจียงเหยี่ยนที่นั่งอยู่ข้างฉันกำลังนั่งฝนเล็บอยู่อย่างนิ่งสงบตกลงมหาลัยที่นี้เรียนอะไรกันแน่เนี่ย ทำไมถึงเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เลย
ฉันมองเจียงเหยี่ยนอีกครั้งและเห็นว่าเขาไม่ได้หยิบสิ่งของอะไรแปลกๆ ออกมา แต่เขาหยิบถุงเืขึ้นมาเขามองถุงเืนั้นและยกยิ้มเย็น "สมบัติล้ำค่าของฉัน วันนี้ต้องพึ่งนายแล้ว" พูดจบ เขาก็เปิดถุงเื ฉันคิดว่าเขาจะหยิบของล้ำค่าที่น่าภาคภูมิใจออกมาแต่เขากลับหยิบเพียงแก้วไวน์ออกมาหนึ่งใบ
"ให้ตายเถอะเจียงเหยี่ยนวันนี้นายจะใช้แก้วไวน์ดื่มเืเหรอ"
เจียงเหยี่ยนยิ้มให้ฉัน ชิงิ และซืออีนั่วเงยหน้าขึ้นมาดูด้วยสีหน้าว่างเปล่า "สไตล์"
สไตล์...อืม...คือจะดื่มไวน์แดงรึไง
และในตอนนั้นก็มีแสงสีเขียวสาดส่องลงมาด้านข้างเจียงเหยี่ยน ทันใดนั้น ง้าวสีเขียวรูปัเล่มใหญ่ก็ปรากฏขึ้นมา
ให้ตายเถอะ คนพวกนี้ ปกติแล้วเอาของพวกนี้ไปซ่อนไว้ที่ไหนง้าวเล่มใหญ่ขนาดนี้ ทำไมฉันไม่เคยเห็นชิงิเอาออกมาก่อนเลยนะ
"ตึง!" ชิงิวางง้าวเล่มนั้นในแนวนอนลงตรงหน้าฉันจากนั้นก็หยิบเอาผ้าเช็ดแว่นตาออกมาเช็ดง้าวเล่มนั้นอย่างตั้งใจ
และซืออีนั่วที่นั่งอยู่ด้านข้างเขาก็หยิบเอาถุงเนื้ออบแห้งถุงใหญ่ออกมาจากนั้นก็เริ่มป้อนเสี่ยวไป๋
"เอ่อ...ขอถามหน่อย...นี่มันเื่อะไรกัน" ฉันชี้ไปที่อาวุธของพวกเขา
เหมาเหมาฝนเล็บไปพลางพูดไปพลาง "เตรียมตัวต่อสู้ไง"
"ฮะ"
"เสี่ยวหลันเธอไม่ได้ดูเนื้อหาก่อนที่จะเรียนเลยเหรอ" เจียงเหยี่ยนโคลงแก้วไวน์ไปมา
"เอ๊ะก็ไม่ใช่บอกว่าให้เตรียมตัวให้พร้อมในการเปิดเทอมหรอกเหรอ"
"ต่อสู้!" ชิงิหันมายกนิ้วให้ฉัน
"อะไรนะ"
ซืออีนั่วค่อยๆ โผล่ออกมาจากด้านหลังเสี่ยวไป๋มองเห็นแค่ผมสีขาวที่โผล่พ้นตัวเสี่ยวไป๋ออกมา"พี่เสี่ยวหลัน...พวกเราที่นี่...ไม่เรียนคณิตศาสตร์...วิชาประเภทศิลปะนี้..."
"วิชาคณิตศาสตร์มันจัดอยู่ในหมวดวิทยาศาสตร์ต่างหากล่ะ" ฉันใ
เจียงเหยี่ยนมองหน้าฉันนิ่งๆ "พวกเราที่นี่มีคัมภีร์รวมอยู่ด้วยกันแค่ศาสตร์เดียว"
ฉันหันไปมองเขา "ดังนั้น...นายจะบอกว่า...ที่นี่ไม่มีคณะศิลปศาสตร์ มีแต่..."
"อื้ม!" ชิงิยกง้าวเล่มนั้นขึ้นมา "วิชาต่อสู้"
พรูดดดดดด
ฉันแทบจะกระอักเืออกมาจนเจียงเหยี่ยนกินได้ไปตลอดทั้งปีเซี่ยเสี่ยวหลันคนนี้เป็มนุษย์นะ ถึงจะเล่นกีฬาแต่ฉันก็ต่อสู้ไม่เป็หรอกนะเพิ่งจะเปิดเทอมก็ต้องต่อสู้กันแล้ว ฉันต้องถูกน็อคแน่ๆ
วินาทีนั้นสมองของฉันก็เห็นภาพของฉันที่ถูกนักศึกษาใหม่นับไม่ถ้วนรุมทำร้ายจากนั้นก็อัปโหลดรูปภาพที่มีสภาพน่าอนาถขึ้นบนเว็บไซต์ของมหาลัยในหูของฉันเริ่มได้ยินเสียงหัวเราะเยาะอย่างไร้ความปรานีของทุกคนที่นี่ดังขึ้นไม่หยุด