อู๋อู๋เดินออกมาจากห้องสำนักงานด้วยท่าทีตกตะลึงพรึงเพริด สมองว่างเปล่า นึกถึงประโยคที่อีกฝ่ายได้กล่าวเมื่อครู่
“เสี่ยวอู๋ แน่นอนว่าเธอทำงานด้วยความจริงจังและขยัน ครั้งก่อนที่เรียกเธอไปพูดคุยนั้นไม่ได้มีความหมายอื่น เพียงแต่เห็นว่าวันหยุดเธอยังเข้าเวรเพิ่ม สำหรับเพื่อนร่วมงานที่ขยันขันแข็งเช่นเธอ เื่ที่ควรชื่นชมก็ได้ชื่นชมไปแล้ว ส่วนเื่อื่นๆ แค่พูดถึงเท่านั้น เธอไม่จำเป็ต้องใส่ใจหรอกนะ”
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เขาได้ปฏิเสธคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมกับตัดความสัมพันธ์
เป็เช่นนี้ไปได้อย่างไร
แววตาของอู๋อู๋ว่างเปล่า เธอเดินโซเซออกมาจากโรงพยาบาล สภาพในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับิญญาเร่ร่อน
ระหว่างที่เธอกำลังตามหาคณบดีเพื่อคุยเื่นี้ เื่การเปิดให้เลือกคนที่มีความสามารถเพื่อเข้าอบรมก็แพร่สะพัดไปทั่วโรงพยาบาล
ในตอนนั้นมีคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นสีหน้าเย้ยหยันของเธอ หลังจากที่เธอเดินออกไป คำพูดที่พวกเขาเอ่ยออกมาก็ยิ่งไร้ความปรานีมากขึ้น
“มีข่าวลือว่าเลือกเธอไว้แล้วไม่ใช่หรือ”
“ที่มาของคลาสอบรมการช่วยชีวิตนี้ มีแต่หมอมากความสามารถจากในมณฑลมาเข้าร่วม จะปล่อยให้สิ่งไม่ดีเข้าไปปะปนได้ยังไง”
“ดูเธอสิ ทำหน้าอย่างกับปีศาจ”
“สะพายกระเป๋าชาแนลอีก ไม่ใช่เพราะมีสามีรวยหรอกหรือ ถึงได้เอาแต่ซื้อนั่นซื้อนี่ตลอด”
“สามีของเธอรวยขนาดนั้น ไม่แน่เขาอาจจะหาเมียน้อยก็ได้ ถึงเวลานั้นเธอได้ร้องไห้เป็เผาเต่าแหงๆ”
บางคนพูดอะไรไม่แยกแยะถูกผิด และคนเดียวกันนี้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังแทบจะสรรเสริญเยินยอ ในตอนนี้เมื่อได้ยินประกาศกลับเปลี่ยนทิศ พากันอดรนทนไม่ไหวที่จะกระทืบคนอื่นให้จมดิน
แต่อันที่จริงเื่เหล่านี้จะโทษเพื่อนร่วมงานพวกนี้ไปเสียหมดก็คงไม่ได้ อู๋อู๋ไม่รู้จักถ่อมตัวเอง หลังจากที่รู้ว่าวงในได้กำหนดรายชื่อแล้วก็ดีใจจนออกนอกหน้า ปฏิบัติต่อ “ผู้ใต้บังคับบัญชาในอนาคต” อย่างหน้าไม่อายพร้อมกับแสดงท่าทีเป็ผู้นำ
และอู๋อู๋ก็ไม่มีทางคิดว่าเป็ความผิดของตนเองอย่างแน่นอน ในสมองของเธอสับสน เสียงซุบซิบนินทาไม่น่าฟังเ่าั้ลอยเข้าหูจนเธอรู้สึกว่าอกจะแตก
และไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป
แม้แต่กระเป๋าชาแนลสุดที่รักก็ลืมหยิบออกมาด้วย เธอรีบก้าวออกจากประตูโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
จิตใจของอู๋อู๋ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กลับถึงบ้านได้อย่างไรก็ยังไม่รู้ ท่าทีอกสั่นขวัญหายของเธอทำให้ป้าสวี่ใมาก ประคองเธอไปนั่งที่โซฟาก่อนจะชงชามาให้ดื่มเพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน บรรยากาศที่คุ้นเคยทำให้จิตใจเธอค่อยๆ สงบลง ก่อนจะเริ่มครุ่นคิดถึงต้นสายปลายเหตุ
เธออายุเกิน 35 ปีแล้ว ไม่ใช่เด็กสามขวบ มีความสามารถในการแยกแยะถูกผิด ในคำพูดที่ดูสมบูรณ์แบบของคณบดี กลับทำให้เธอไม่คิดจะเชื่อเลยสักนิด
ตรงนี้แหละที่เป็ปัญหา เหตุใดท่าทีของคณบดีจึงแตกต่างไปจากเดิมมากเพียงนี้
อู๋อู๋ครุ่นคิด สิ่งที่เป็ไปได้มีเพียงสองอย่าง
หนึ่ง เด็กที่อินอินช่วยไว้แท้ที่จริงเป็เพียงเด็กธรรมดา เื่ทั้งหมดเป็เพียงการเข้าใจผิด
สอง อีกฝ่ายรู้ว่าอินอินไม่ใช่บุตรแท้ๆ ของตระกูลหลิง จึงยึดสิทธิ์โควตาคืน
สถานการณ์อย่างที่สองคือสิ่งที่อู๋อู๋ไม่อยากให้เกิดขึ้น เธอ้าให้มันเป็แค่การเข้าใจผิด และไม่้าให้เด็กไร้มารยาทที่เป็เหมือนนกกางเขนผู้เข้าบ้านของผู้อื่น ทำให้บุตรสาวอันเป็ที่รักของเธอต้องใช้ชีวิตอยู่ในชนบทอย่างยากลำบากมาหลายปี โดยมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง
“ไม่ใช่สิ ก่อนที่เธอจะช่วยเด็กคนนั้น พวกเราก็รู้เื่ที่อุ้มบุตรสลับตัวกันแล้ว จึงได้เริ่มตรวจ DNA”
เมื่อคิดออกแล้ว อู๋อู๋ก็มีท่าทีมั่นใจมากขึ้น
เมื่อนึกถึงพฤติกรรมแปลกๆ ที่เกิดกับซูอิน่นี้ ไม่เพียงแต่บุคลิกท่าทีแตกต่างจากเดิมที่เรียบร้อยและอ่อนแอ แต่หลายครั้งกลับพูดด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง อีกทั้ง่อาทิตย์ที่ผ่านมาก็กลับบ้านดึกดื่น วันเสาร์กว่าจะกลับก็ค่ำมืด
นี่ไม่ใช่เด็กขี้อายที่เธอรู้จักมาตลอดสิบหกปี
อู๋อู๋มีเหตุผลที่จะสงสัย เพราะการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ เป็ไปได้ว่าเธอคงมีหลักพึ่งพิง
ในเวลานั้นป้าสวี่กำลังยกจานผลไม้ที่ปอกเสร็จออกมาให้พอดี ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะคุยเื่ที่ระยะนี้ซูอินออกจากบ้านแต่เช้าและกลับดึก อีกฝ่ายจึงได้บอกข่าวที่น่าใให้เธอรู้
“ทำงาน”
“ฉันได้ยินคนพูดว่า ร้านชานมใกล้ๆ ถนนย่านการค้ามีเด็กสาวคนหนึ่งมาทำงานใหม่ เธอมาจากโรงเรียนทดลอง ทุกวันหลังเลิกเรียนก็จะสวมชุดนักเรียนไปทำงานที่ร้านนั้น”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ป้าสวี่ที่สวมผ้ากันเปื้อนก็ได้แสดงความรู้สึกออกมาบนใบหน้า
อินอินน่าสงสารเหลือเกิน…
แต่อู๋อู๋กลับรู้สึกโล่งใจ
“เอาละ เธอออกไปก่อนเถอะ”
ป้าสวี่ถอนหายใจ เธอมองท่าทีของอู๋อู๋ แต่ตัวเธอซึ่งเป็เพียงแม่บ้านจะมีสิทธิ์อะไรไปตัดสินใจเื่ครอบครัวของผู้เป็เ้านาย นอกเหนือจากแอบเอาอาหารไปวางไว้ในห้องของซูอินทุกวัน เพื่อไม่ให้เธอหิวตอนทำการบ้าน เื่อื่นๆ ก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย
อู๋อู๋ถอนหายใจยาว ตอนนี้เธอมั่นใจแล้วว่าเื่นี้คงเป็เพียงการเข้าใจผิด
เธอถอดรองเท้าและนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา หยิบไม้จิ้มฟันจิ้มผลไม้
ทุกอย่างเป็เพราะซูอิน…
เธอมีเวลาไปสนใจเื่ราวไร้สาระเช่นนี้ได้อย่างไร แม้แต่เธอยังเอาตัวเองไม่รอด จะไปปกป้องใครได้ นี่ยังมีกะจิตกะใจไปช่วยเหลือคนอื่นอีก
ทำให้ตัวเธอที่เต็มไปด้วยความคาดหวังต้องผิดหวัง และไม่ต้องพูดเลยว่า ทำให้เธอต้องอับอายต่อหน้าเพื่อนร่วมงานมากขนาดไหน
ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ สีหน้าของอู๋อู๋อึมครึม แววตาแฝงความชั่วร้าย นิ้วโป้งกับนิ้วชี้จับไม้จิ้มฟันเอาไว้แน่น เล็งไปที่จานผลไม้บนโต๊ะ นึกภาพว่าเนื้อขาวนวลของแคนตาลูปคือหน้าของซูอิน ก่อนจะจิ้มลงไปด้วยความโกรธ
ซูอินที่กำลังตั้งใจเรียนจู่ๆ ก็รู้สึกหนาวโดยไม่ทราบสาเหตุ ราวกับมีบางอย่างจ้องมองเธออยู่
หน้าโพเดียม หลินซิ่วซึ่งทำหน้าที่ครูที่ปรึกษาและสอนวิชาภาษาจีนกำลังทบทวนเนื้อหาเพิ่มเติมให้นักเรียนที่เตรียมสอบทักษะการเขียนบทความเพื่อสอบขึ้นชั้นมัธยมปลาย
“หาก้าอ้างอิงคำพูดของผู้มีชื่อเสียง ครูจะบอกเคล็ดลับบางอย่างให้พวกเธอฟัง หากคิดไม่ออกจริงๆ สามารถเขียนชื่อบุคคลมีชื่อเสียง จากนั้นก็สร้างประโยคง่ายๆ ที่ดูเหมือนคำพูดของคนดังขึ้นมาก็พอ ตัวอย่าง นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่อย่างวิกตอร์ อูว์โกเคยกล่าวไว้ว่า ความฝันทำให้คนก้าวหน้า แม้แต่ครูผู้ตรวจข้อสอบก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าตัวเขาเคยอ่านหนังสือมาหมดทุกเล่มแล้วหรือยัง หากมีความแตกต่างกันนิดหน่อยก็คงไม่ได้ใส่ใจมากนักหรอก”
ซูอินที่กำลังเหม่อลอยเห็นสายตาของหลินซิ่วที่มองเธอ หลินซิ่วก้าวลงจากโพเดียม เดินมาที่ข้างโต๊ะเรียนของซูอิน
“แน่นอนว่า การเพิ่มพูนการอ่านถือเป็กุญแจสำคัญ แต่อย่างไรก็ตามทางที่ดีที่สุด เคล็ดลับนี้ให้ถือว่าเป็ทางเลือกสุดท้ายดีกว่า”
บนโต๊ะปรากฏมือที่ถือชอล์ก ทำให้ซูอินดึงสติกลับมา ก่อนจะยิ้มให้คุณครูหลินด้วยท่าทีประหม่า เธอสะบัดไหล่เพื่อคลายความรู้สึกหนาวเมื่อครู่ ก่อนจะรีบตั้งใจฟังที่คุณครูสอนต่อ
หลังจากคาบเรียนสุดท้ายสิ้นสุดลง ซูอินได้ทิ้งหนังสือและเอกสารต่างๆ เข้าไปในห้วงมิติ ก่อนจะแบกกระเป๋านักเรียนที่แทบไม่มีน้ำหนักไปทำงานที่ร้านชานม
เธอคุ้นชินกับงานที่ร้านชานมมากขึ้น
ในชาติก่อนเมื่อการสอบเข้ามหาวิทยาลัยล้มเหลวทำให้เธอไม่สามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เธอจึงถูกอู๋อู๋สั่งให้อยู่บ้าน อีกฝ่ายเที่ยวบอกใครต่อใครว่าส่งเธอไปเรียนต่อต่างประเทศด้วยความอาลัยอาวรณ์ แต่ในความเป็จริงกลับไล่แม่บ้านออก และให้เธอกลายเป็คนรับใช้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน
แน่นอนว่านอกจากทำหน้าที่แม่บ้านแล้ว เธอยังมีหน้าที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การถูกทำให้เสียหน้า ในทางกลับกัน ความสวยงาม ความฝัน ความสูงส่งของหลิงเมิ่งกลับสวยงามมากขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนนั้นเธอต้องดูแลพื้นที่ทั้งในและนอกคฤหาสน์เกือบพันตารางเมตรเพียงคนเดียว และจัดการได้เป็ระเบียบเรียบร้อยมาก ตอนนี้เมื่อมาทำงานในร้านชานมที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก สำหรับเธอแล้วจึงถือเป็เื่ง่ายนิดเดียว
ในตอนแรกที่ต้องทำงานติดต่อกันนานสามชั่วโมง ร่างกายคงเหนื่อยล้า แต่หลังจากฝึกฝนเป็เวลาหนึ่งสัปดาห์ สมรรถภาพทางกายของเธอก็ดีขึ้น
ซูอินลูบเอวของเธอ เดิมทีหน้าท้องนั้นแบนราบ แต่หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีการขยับเพื่อออกกำลังกาย ทำให้ท้องน้อยของเธอเริ่มแข็งขึ้น เมื่อเช้าตอนที่ส่องกระจก เธอก็พอจะเห็นกล้ามหน้าท้องเล็กน้อย
เธอรู้สึกพอใจมาก
หลังจากทำงานติดต่อกันสามชั่วโมง เธอก็เก็บเงินค่าแรงลงในห้วงมิติ คลังสมบัติเล็กๆ ของเธอมีธนบัตรสิบหยวนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งใบ
ลมกลางคืนพัดผ่านระหว่างที่เธอเดินกลับจนไปถึงหน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลหลิง เธอหยิบกุญแจออกมาเปิดประตู หมุนซ้ายหมุนขวา ทว่าตัวล็อกประตูไม่ขยับ
ลองอยู่นานหลายนาที ซูอินจึงมั่นใจว่าจะต้องมีคนล็อกประตูจากด้านในอย่างแน่นอน