อูิหลิงยืนกรานไม่รับค่ายา แต่แม่เฒ่าหวังก็ยืนยันที่จะให้ ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยอมใคร ท้ายที่สุดหลิ่วไป๋เจ๋อจึงต้องเอ่ยปาก
“หากแม่เฒ่าลำบากใจ หลังจากนี้หากพวกเรามารับประทานบะหมี่เกี๊ยว ท่านก็เพิ่มเกี๊ยวให้มากหน่อยแล้วกัน”
แม่เฒ่าหวังคิดว่าวิธีนี้เหมาะสมยิ่งนักจึงรีบตกปากรับคำ
“ตกลงๆ วิธีของคุณชายหลิ่วดีที่สุด ต่อไปหากท่านและแม่นางมาที่นี่ ข้าจะไม่รับเงินจากพวกท่าน”
“เื่นั้น…” อูิหลิงไม่สบายใจ หันไปมองหลิ่วไป๋เจ๋อ อีกฝ่ายลุกขึ้น เสื้อผ้าขาวเกลี้ยงเกลาราวก้อนเมฆพลิ้วไหว
“แม่เฒ่าเอ่ยเช่นนั้นก็ถือว่าพวกเราตกลงกันแล้ว แม่นางอูไปกันเถิด”
หลิ่วไป๋เจ๋อไม่ปฏิเสธความหวังดีของนางแล้วเดินออกจากร้าน อูิหลิงได้แต่บอกลาผู้สูงวัยด้วยความลำบากใจ
แม่เฒ่าหวังจับมือนางอย่างอาวรณ์และเอ่ยด้วยท่าทีสุภาพ
“หากแม่นางและคุณชายหลิ่วมีเื่มงคลกันในภายภาคหน้า ถ้าไม่รังเกียจก็ส่งคำเชิญร่วมงานให้แม่เฒ่าผู้นี้ด้วยนะเ้าคะ ข้าจะไปร่วมดื่มเหล้ามงคลแน่นอน”
อูิหลิงหน้าแดงลามไปถึงใบหู ไม่รู้ว่าควรอธิบายเื่นี้อย่างไร
“แม่เฒ่าคงเข้าใจผิด ข้ากับคุณชายหลิ่ว…”
“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านเขินสินะ” แม่เฒ่าหวังพูดรัวเร็วจนอูิหลิงไม่สามารถแทรกได้ “หลังงานมงคลควรรีบมีลูก การมีลูกจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยายิ่งแน่นแฟ้น แม่เฒ่าอย่างข้าชอบเด็กๆ เป็ที่สุด เมื่อวานก็เห็นเด็กแฝดหญิง พ่อแม่พามากินบะหมี่เกี๊ยวที่นี่ หน้าตาน่ารักน่าชัง ใครเห็นก็ชื่นชอบ หากพวกท่านมีลูกด้วยกันจะต้องเป็เด็กที่งดงามที่สุดในโลกเป็แน่…”
นางพูดพล่ามไม่รู้จบ ไม่ได้สนใจอูิหลิงซึ่งใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายไปหมดแล้ว
หลิ่วไป๋เจ๋อที่ยืนรออยู่หน้าร้านล้วนแต่ได้ยินบทสนทนาเ่าั้
ในที่สุดอูิหลิงก็ปลีกตัวออกมาได้ รู้สึกจนใจกับแม่เฒ่าหวังซึ่งยืนยิ้มและมองส่งอยู่ไม่ไกล
“คุณชายหลิ่วอย่าได้ใส่ใจคำพูดของแม่เฒ่าเลยเ้าค่ะ แค่เื่หยอกล้อกันเท่านั้น”
“ไปกันเถอะ”
ความเฉยเมยของเขาทำให้อูิหลิงผิดหวังอีกครั้ง
ทั้งคู่เดินไปไม่กี่ก้าวหลิ่วไป๋เจ๋อก็หยุดฝีเท้า แล้วเอ่ยกับคนที่อยู่เื้ั
“จะตามไปอีกนานแค่ไหนกัน ตามมานานขนาดนี้เ้าไม่หิวบ้างหรือ”
ท้ายตรอกที่อยู่ไม่ไกลปรากฏร่างชายในชุดสีดำ ก่อนหน้านี้อูิหลิงก็สงสัยว่ามีคนแอบตามมาด้วยเจตนาร้ายหรือไม่ ใครจะไปคิดว่าเป็อูิโยว
“เ้าเด็กคนนี้ เหตุใดถึงอยู่ที่นี่ได้”
อูิโยวหัวเราะเบาๆ ก่อนจะโน้มกายมาด้านหน้า “ท่านพี่หญิง ก็ข้ากลัวว่าท่านจะเจอพวกคนเลวนี่นา! ดูทั้งสองสิ บุรุษเปี่ยมสามารถและสตรีงาม ช่างเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก ยืนเคียงข้างกันก็ราวกับ์สรรค์สร้าง ใบหน้าที่ก่อภัยให้แก่ชาวประชาเช่นพวกท่าน ไม่กลัวจะถูกทำมิดีมิร้ายระหว่างทางหรือ!”
อูิหลิงไม่พูดให้มากความ ยื่นมือไปดึงหูอูิโยวทันที “เ้าพูดเื่ไร้สาระอะไรกัน ก่อภัยให้แก่ชาวประชาอย่างนั้นหรือ จะชมใครทั้งทียังไม่ได้เื่เลยนะเ้าเนี่ย!”
อูิโยวร้องขอความเมตตาเพื่อหลีกหนีจาก ‘กรงเล็บปีศาจ’ ก่อนจะรีบวิ่งไปหลบข้างหลังหลิ่วไป๋เจ๋อ จากนั้นก็ดันอีกฝ่ายไปด้านหน้าเพื่อเป็เกราะกำบัง เมื่อเห็นว่าอูิหลิงไม่กล้าก้าวเข้ามาใกล้ จึงโน้มตัวไปกระซิบข้างหูหลิ่วไป๋เจ๋อด้วยเสียงอันแ่เบา
“บอกข้ามา ทั้งๆ ที่มีโอกาสดีเช่นนี้ เหตุใดเ้าถึงพาท่านพี่หญิงมาร้านบะหมี่เกี๊ยว”
หลิ่วไป๋เจ๋อเลิกคิ้วและเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “แล้วควรจะไปที่ใดล่ะ”
“ไม่ว่าอย่างไรก็ควรหาสถานที่เงียบสงบ บรรยากาศดีๆ ที่ที่ชายหญิงอยู่ด้วยกันแค่สองต่อสองสิถึงจะถูก!”
“เ้าไม่กลัวว่าข้าจะทำอะไรพี่สาวเ้าหรือ”
อูิโยวหัวเราะเบาๆ ด้วยใบหน้าที่ดูร้ายกาจ “ข้าอยากให้มันเกิดขึ้นจนแทบรอไม่ไหว เื่มาถึงขนาดนี้แล้ว หากข้าเป็น้องสามีเ้าจริงๆ ถึงตอนนั้นเ้าสลัดข้าไม่หลุดแน่”
“เป็น้องภรรยาของข้าต่างหาก เ้านี่ไม่เข้าใจลำดับาุโเลย แล้วยังมาอวดฉลาดอีก” มุมปากของหลิ่วไป๋เจ๋อกระตุก รู้สึกจนใจกับคนคนนี้เสียจริง
“ไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็น้องภรรยาหรืออะไร อย่างไรก็ครอบครัวเดียวกัน เ้าเลือกท่านพี่หญิงเถอะ อย่างไรในอนาคตข้าก็จะจับคู่ให้พวกเ้าอยู่ดี”
ใบหน้าของหลิ่วไป๋เจ๋อเปลี่ยนเป็เ็า
“อ๋อ ฟังดูเ้าช่างเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์เหลือเกิน”
อูิโยวยกคางขึ้น เอ่ยด้วยท่าทีหยิ่งผยอง
“เื่ธรรมดา ข้าอูิโยวคือ-”
“คือคนที่เคยไปิเยวี่ยฟาง!” หลิ่วไป๋เจ๋อเอ่ยเสริมคำพูดของเขาให้สมบูรณ์
อูิโยวบ่นด้วยความโกรธ “เหตุใดเ้าถึงพูดเื่นี้อีกแล้ว! พูดเื่ไม่ควรพูด”
“มีเื่อะไรที่ข้าไม่ควรเอ่ยถึงหรือ”
หลิ่วไป๋เจ๋อยื่นมือออกไปคว้ามือของอีกฝ่ายที่แอบโจมตีเขา
“เื่ใดก็ไม่ควรทั้งนั้น!”
อูิโยวสะบัดแขนให้หลุดจากนิ้วมือเรียวงามดุจหยก ทั้งคู่เถียงกันไปเถียงกันมาต่อหน้าผู้คน ชั่วครู่หนึ่งก็ะโขึ้นไปบนกำแพงหินริมถนน จากนั้นะโขึ้นต้นหลิวโบราณที่อยู่ไม่ห่างจากกำแพงนัก ร่างทั้งสองหายเข้าไปในกิ่งหลิวจนแยกไม่ออกว่าใครเป็ใคร
“…เป็อย่างไรบ้าง มองเห็นหรือไม่ว่าเป็ใคร”
อูิโยวซ่อนตัวอยู่หลังกิ่งไม้ วางมือบนไหล่ของหลิ่วไป๋เจ๋อ แล้วโผล่ศีรษะมองไปยังตรอกที่อยู่ไม่ไกลนัก
“เ้าวางใจปล่อยพี่สาวไว้ที่นั่น ไม่กลัวว่านางจะถูกทำมิดีมิร้ายแล้วหรือ”
อูิโยวไม่สนใจ ทำเพียงเม้มปากก่อนจะเอ่ยขึ้น “ทำมิดีมิร้ายท่านพี่หญิงของข้าน่ะหรือ ฮึ! คงมีแต่เ้าคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้”
หลิ่วไป๋เจ๋อได้แต่ส่ายหัว ต้องทำอย่างไรให้คนคนนี้ล้มเลิกความคิดที่จะเป็พ่อสื่อให้เขากันนะ
ทั้งสองสังเกตการณ์อยู่ครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดก็พบผู้ที่แฝงตัวมากับฝูงชนซึ่งคอยติดตามพวกเขามาตลอด
“ข้าจะจับเ้าคนนั้นมาให้ได้ คอยดูว่าจะหนีพ้นหรือไม่!” อูิโยวถลกแขนเสื้อขึ้นเตรียมกระโจนไปจับตัวคนที่ว่า แต่ถูกหลิ่วไป๋เจ๋อคว้าแขนไว้ก่อน
“ไม่จำเป็”
หลิ่วไป๋เจ๋อะโลงจากต้นไม้ มุ่งหน้าไปหาชายผู้นั้นโดยไม่หลบเลี่ยงหรือซ่อนตัว เมื่อมองเห็นหลิ่วไป๋เจ๋อและอูิโยวเดินใกล้เข้ามา อีกฝ่ายก็ยืนรออย่างสงบนิ่ง เมื่อระยะห่างเหลือเพียงไม่กี่ก้าวก็หันหลังเดินเข้าไปในตรอกใกล้ๆ
หลิ่วไป๋เจ๋อและอูิโยวตามเข้าไปก็เห็นเขายืนคอย ข้างหลังมีอูิหลิงซึ่งรออยู่ก่อนแล้ว
“คำนับคุณชายหลิ่ว คุณชายรองอู แม่นางอู”
ชายผู้นั้นมีท่าทีสุภาพถ่อมตน ไม่เหมือนคนเลวร้ายอะไร
“ท่านผู้นำตระกูลหลานเป็เช่นไรบ้าง”
ชายหนุ่มตกตะลึง ไม่คิดว่าหลิ่วไป๋เจ๋อจะคาดเดาตัวตนของเขาได้
“ผู้คนต่างพูดกันว่า ถึงแม้บุตรชายคนโตของตระกูลหลิ่วจะตาบอด แต่หัวใจกลับเปรียบดังกระจกวิเศษ มองเห็นได้ชัดแจ้งกว่าใคร ข้านับถือจริงๆ!”
“เ้าสิตาบอด!” คนอื่นจะว่าร้ายตนเองอย่างไร อูิโยวผู้นี้ไม่เคยคิดเป็เดือดเป็ร้อน แต่เขาทนไม่ได้ที่มีคนพูดถึงดวงตาของหลิ่วไป๋เจ๋อ
ชายคนนั้นไม่ได้อธิบายอะไรให้มากความ บอกเพียงเหตุผลที่มาปรากฏตัว
“ข้าขอเชิญทั้งสามคนไปยังเรือนอันต้อยต่ำของข้าเพื่อสนทนากันสักหน่อย!”
อูิโยวเหยียดหลังตรงด้วยความขุ่นเคือง มือก็กำหมัดเอาไว้แน่น
“บังเอิญจริงๆ พวกข้าก็มีเื่ต้องหารือกับท่านผู้นำตระกูลหลานเช่นกัน!”
“ิโยว อย่าไร้มารยาท!” ิหลิงที่อยู่เื้ัดึงแขนเสื้อของน้องชาย ก่อนจะเอ่ยกับชายผู้นั้น
“เชิญนำทาง!”
ทั้งสามติดตามชายหนุ่มไปรอบเมืองหลวงนานครึ่งค่อนวัน จนกระทั่งเที่ยงก็มาถึงูเาที่ห่างออกไปสองลี้ รอบด้านล้อมด้วยแนวเขา เร้นลับเป็อย่างมาก หากไม่ได้ตั้งใจเดินทางมาโดยตรงคงไม่รู้เลยว่ามีที่ดินเล็กๆ อยู่กลางหุบเขาเหล่านี้ นอกจากนี้ยังมีป่าไผ่สูงใหญ่ล้อมรอบ ต่อให้ไม่มีเขาลูกอื่นห้อมล้อมไว้ แต่ให้มองทะลุป่าไผ่นี้ไปก็ยังไม่อาจเห็นเขตแดนได้ง่ายๆ พวกเขาถูกพาไปยังที่ราบลุ่มผืนหนึ่ง ั้แ่เข้ามาหลิ่วไป๋เจ๋อมักมีท่าทีแปลกๆ อยู่บ่อยครั้ง
“มีอะไรผิดปกติหรือ” อูิโยวเดินมาใกล้ก่อนจะเอ่ยถาม
หลิ่วไป๋เจ๋อส่ายหน้าพร้อมเอ่ยตอบ
“ไม่ใช่ว่าผิดปกติ ข้าเพียงคาดไม่ถึงว่าท่านผู้นำตระกูลหลานจะซ่อนตัวในสถานที่เช่นนี้”
อูิโยวและอูิหลิงมาจากหุบเขาไป่หลิง ไม่ค่อยคุ้นเคยกับสภาพการณ์ในเมืองหลวงเฉกเช่นหลิ่วไป๋เจ๋อ พวกเขาจึงไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เผชิญอยู่มากนัก
“เ้ารู้จักที่นี่อย่างนั้นหรือ” อูิโยวถามด้วยความสงสัย
หลิ่วไป๋เจ๋อพยักหน้าและกล่าวว่า “ผู้คนล้วนพูดกันว่าเฟิ่งเทียนถูกควบคุมโดยสามตระกูลใหญ่…”
อูิโยวรีบเอ่ยขึ้น “เื่สามตระกูลใหญ่เนี่ยใครบ้างที่ไม่รู้ ข้าเองก็รู้ว่ามี ตระกูลหลิ่ว คฤหาสน์ชิงหลิ่วถังของเ้า ตระกูลอวิ๋น คฤหาสน์อวิ๋นหลานซานและตระกูลจิ่วฟาง จิ่วฟางกวน ไม่ใช่หรือ”
ทันใดนั้นอูิหลิงก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไม่ใช่อย่างนั้น ตระกูลจิ่วฟางอยู่ที่เทือกเขาจู่เสียมาหลายชั่วอายุคนแล้ว พวกเขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเื่ราวในเมืองหลวง ดังนั้นตระกูลจิ่วฟางไม่รวมอยู่ในนั้น”
“เช่นนั้นสามตระกูลใหญ่ที่ผู้คนกล่าวถึงไปทุกตรอกซอกซอยนี่ไม่ใช่ตระกูลอวิ๋น ตระกูลหลิ่ว และตระกูลจิ่วฟางหรอกหรือ” อูิโยวยังคงข้องใจ
อูิหลิงชำเลืองมองไปยังหลิ่วไป๋เจ๋อและถามอย่างไม่มั่นใจว่า “สามตระกูลใหญ่ที่คุณชายหลิ่วกล่าวถึง นอกจากตระกูลหลิ่วและตระกูลอวิ๋นแล้ว หรือว่าจะเป็ตระกูลหนิงที่จู่ๆ ก็หายตัวไปอย่างกะทันหันเมื่อยี่สิบปีก่อน ใช่หรือไม่เ้าคะ”
“ตระกูลหนิง… ในเฟิ่งเทียนมีตระกูลที่ใช้แซ่หนิงด้วยหรือ เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินเลย” อูิโยวเกาหน้าผาก แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก
หลิ่วไป๋เจ๋อกล่าวต่อ “ในคืนหนึ่งเมื่อยี่สิบปีก่อน ตระกูลหนิงถูกกวาดล้างทั้งตระกูล จนถึงตอนนี้ก็ไม่อาจรู้ถึงสาเหตุ ที่นี่คือที่ตั้งดั้งเดิมของตระกูลหนิง เฟิ่งจูไห่”
พื้นดินที่ดูราบเรียบปกติ แต่ทั้งสามพลันตระหนักได้ว่าใต้ฝ่าเท้าพวกเขามีอดีตอันน่าสลดใจฝังกลบอยู่ ถูกล้อมรอบด้วยป่าไผ่ผืนใหญ่ มีเสียงดังกรอบแกรบลอยมาตามลม อวลด้วยบรรยากาศโศกสลดไม่สิ้นสุด
อูิหลิงชะงักหยุดกะทันหัน มองไปยังกล้วยไม้ฝนผีเสื้อที่อยู่ไม่ไกลซึ่งเติบโตปะปนอยู่ในป่าไผ่อย่างอุดมสมบูรณ์ สีสันงดงามเย้ายวน ภาพที่เห็นทำให้ใบหน้าของนางดูจริงจังขึ้นกว่าเดิม
“ท่านพี่หญิง?”
อูิหลิงส่ายหน้าตอบอูิโยว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแ่เบา
“ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ”
เมื่อทั้งสามคนมาถึงที่หมาย ก็เห็นภาพความสงบสุขของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ชายวัยกลางคนคนหนึ่งอุ้มทารกหญิงไว้ในอ้อมแขน สีหน้าช่างอ่อนโยนสง่างาม กำลังหยอกล้อเล่นกับเด็กน้อย สาวงามข้างกายก็อุ้มทารกหญิงอีกคนด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นกัน
เมื่อเห็นคนทั้งสามก้าวมาเบื้องหน้า ชายคนนั้นก็ส่งทารกในอ้อมแขนให้หญิงวัยกลางคนด้านหลัง ก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปหาพวกเขา
หลิ่วไป๋เจ๋อยกมือขึ้นทำความเคารพ “ท่านผู้นำตระกูลหลาน”
เมื่ออูิโยวได้ยินเช่นนั้นก็ถลกแขนเสื้อแล้วก้าวขึ้นหน้า แต่ถูกหลิ่วไป๋เจ๋อคว้าแขนไว้ก่อน ห้ามไม่ให้ขยับเดิน
“เ้าห้ามข้าทำไม ผู้ดูแลตระกูลหลานยังอยู่ที่ชิงหลิ่วถังเพื่อรอข่าว แต่เขากลับอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข ทำให้พวกเราและคนอื่นๆ วุ่นวายจนหัวหมุน”
“ิโยว” หลิ่วไป๋เจ๋อยังคงคว้าเขาไว้ไม่ปล่อย น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาอ่อนลงกว่าเดิม
“เ้าปล่อย ข้าจะจัดการเขา” แม้จะพูดเช่นนั้น แต่อูิโยวไม่ได้ก้าวเดินต่อ
อูิหลิงดึงเขาไปไว้ด้านหลังและส่งสายตาให้ “ก่อนหน้านี้เ้าสัญญากับพี่ว่าอย่างไร”
อูิโยวเม้มริมฝีปากไม่เอ่ยวาจา ทำเพียงจ้องผู้นำตระกูลหลานด้วยแววตาแข็งกร้าว
—————————————