เคล็ดวิชาเกราะกายา จื่อต้าหลงอ่านมาครบแล้ว วิธีฝึกไม่ยากเลยแค่ลงไปนั่งแช่ยาในถังสมุนไพรเท่านั้นเอง สิ่งที่ยากคือการหาสมุนไพรมาผสมเท่านั้นเอง ซึ่งปัญหานี้แก้ได้ไม่ยาก เพราะเขาเป็ถึงนายน้อยแห่งตระกูลจื่อ สมุนไพรที่ต้องใช้นั้น ทางตระกูลสามารถหามาให้ได้เลย เขาจึงไม่ได้กังวลอะไรนัก
หลังจากเลือกวิชาเสร็จ จื่อต้าหลงก็ไปถามหาสมุนไพรฝึกวิชากายาจาก จื่อเทียนหลาง
“ท่านพ่อ ข้าอยากได้สมุนไพรฝึกกายา และตำราท่าร่างัม่วง” จื่อต้าหลงกล่าวกับจื่อเทียนหลางด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
สมุนไพรที่ใช้ในการฝึกวิชาเกราะกายานั้น จื่อเทียนหลางย่อมรู้อยู่แล้วว่ามีกี่ชนิด อะไรบ้าง
ส่วนวิชาท่าร่างัม่วงนั้นเป็วิชาเคลื่อนไหวขั้นสุดยอดของตระกูลจื่อ ผู้ที่สำเร็จวิชาท่าร่างัม่วงในขั้นต้น สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ทั้งวิ่ง กระโจน ทะยาน ความคล่องตัวจะเพิ่มขิ่นอย่างมหาศาล เป็การฝึกให้ เคลื่อนไหวได้อย่างพริ้วไหวสวยงาม หากสามารถฝึกถึงขั้นสูงสุด มันทำได้ถึงขั้นเหยียบอากาศบนฟ้าแล้วเหาะเหินได้เลยทีเดียว จื่อต้าหลงจึงอยากได้วิชาท่าทางัม่วงมาฝึกไว้ เพราะคิดว่า คงเป็ประโยชน์ให้ตัวเขาเป็อย่างมากแน่นอน
จื่อเทียนหลางได้ยินดังนั้นก็รู้สึกดีใจที่ลูกชายตัวแสบยอมฝึกวิชาเป็งานเป็การกับเขาเสียที “ดี รับไปซะนี่คือตำราท่าร่างัม่วง ส่วนสมุนไพรไปเบิกที่หอโอสถในตระกูลเราซะ บอกไปว่าข้าเป็คนสั่งให้มาเบิกสมุนไพรหนึ่งชุด….” จื่อเทียนหลาง หยิบตำรามาจากอกเสื้อและยื่นมันให้ลูกชาย พร้อมกับมองไปที่เด็กน้อยอย่างพึงพอใจ จื่อต้าหลงมองตำราวิชาท่ารางัม่วงในมือของจื่อเทียนหลางอย่างสนอกสนใจ ตำราเล่มนี้ดูเก่าแก่ลี้ลับเป็อย่างยิ่ง มันกระตุ้นให้เด็กน้อยอยากลองเปิดอ่านดูว่าข้างในมีอะไรบ้าง หลังจากรับตำรามาแล้ว จื่อต้าหลงก็ได้ไปที่หอโอสถของตระกูลจื่อ เพื่อเบิกสมุนไพรมาฝึกวิชาเกราะกายา….
หลังจากได้สิ่งที่้าทั้งหมดมาครบแล้ว จื่อต้าหลงก็กลับไปยังที่พักของตัวเองในสำนักปลาทอง ‘เป็นายน้อยนี่ช่างสะดวกสบายเสียจริง คนอื่นเขาต้องลำบากแทบตายกว่าจะได้มา แต่ข้ากลับได้ทั้งหมดที่้ามาโดยไม่ยากนัก…’ เหตุผลที่จื่อต้าหลงเลือกวิชาเหล่านี้มาฝึก ก็เพื่อเอาตัวรอดในยุทธภพเท่านั้น กายแกร่ง ว่องไว ไหวพริบดี นี่คือสุดยอดแห่งการป้องกัน ใครจะทำร้ายเขาก็ต้องเหนื่อยหน่อย เหตุที่ไม่เลือกวิชาโจมตีเพราะเขาไม่ชอบทำร้ายใคร เลยเน้นเอาตัวรอดไว้ก่อน วิชาโจมตีเอาไว้ว่ากันทีหลัง
สำนักปลาทองจะจัดการประลองศิษย์ใหม่ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ทุกคนห้ามปฏิเสธเด็ดขาด นี่คือกฎของสำนัก เป็่เวลาที่เหมาะแก่การฝึกฝน อันดับแรกจื่อต้าหลงต้องแช่ตัวกับน้ำสมุนไพรเพื่อฝึกวิชาเกราะกายาในตอนเช้า และไปฝึกวิชาท่าร่างัม่วงในยามบ่าย ‘เหลือเชื่อเลยว่าข้าจะตั้งใจฝึกขนาดนี้ แต่ถ้าข้าไม่ทำ ค่าขนมต้องอดแน่ ท่านพ่อพูดจริงทำจริงซะด้วย ต่อให้ฟ้องท่านแม่ไปก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จะทำให้ทะเลาะกันปล่าวๆ….’ ปัญหานี้จื่อต้าหลงเลยต้องแก้ด้วยตัวเอง
หลังจากขบคิดเสร็จเรียบร้อย จื่อต้าหลงก็ปรุงสมุนไพรแช่ตัวอย่างช้าๆ จากนั้นจึงลงไปแช่ในอ่างไม้ทั้งตัวโดยเหลือเพียงส่วนหัวที่โผล่พ้นน้ำ ทว่าเวลาผ่านไปยังไม่ถึงสิบลมหายใจก็ได้มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น! “อ๊ากกกก!! ทำไมมันเจ็บๆ คันๆ อย่างนี้วะ! นี่ข้าต้องแช่น้ำสมุนไพรบ้าๆ นี่ถึงวันละสองชั่วยามเลยงั้นรึ!! แล้วไหนจะต้องฝึกท่างร่างอีก โอ้ยยย!! ท่านพ่อนะท่านพ่อ ท่านใจร้ายกับลูกชายสุดที่รักเกินไปแล้ววว!!” จื่อต้าหลงกรีดร้อง เด็กน้อยรู้สึกเหมือนถูกไฟเผาไปทั้งร่าง ความเ็ปแล่นผ่านไปทั้งร่างกาย เขาได้แต่กัดฟันยอมรับความเ็ป มีเหงื่อไหลฝุดขึ้นมาเต็มใบหน้าของเด็กหนุ่ม บ่งบอกให้รู้ว่าการแช่น้ำสมุนไพรมันทรมานแค่ไหน
หลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งเดือน จื่อต้าหลงก็สำเร็จวิชาเกราะกายาถึงขั้นที่สาม เคล็ดวิชาัม่วงขั้นที่สาม และท่าร่างัม่วงถึงขั้นที่สี่! นับว่าพัฒนาไปอย่างก้าวะโ! ส่วนระดับพลังปราณยังอยู่ที่ลมปราณก่อเกิดขั้นเจ็ดเหมือนเดิม
‘เอาล่ะเหลืออีกไม่กี่วันจะถึงเวลาประลองศิษย์ใหม่แล้ว ข้ายังไม่เคยสู้กับใครแบบจริงจังมาก่อน จะรอดมั้ยเนี่ยงานนี้’ นึกได้ดังนั้น จื่อต้าหลงก็แอบปอดแหกหวั่นไหวในใจ ที่ผ่านมาเขา แค่นั่งๆ นอนๆ ออกกำลังกายฝึกวิชาทั่วไปบ้างเล็กน้อย ถึงระดับลมปราณจะสูงกว่าคนอื่น แต่ยังไม่เคยลงมือสู้กับใครแบบจริงจังมาก่อนเื่นี้คงได้แต่ทำใจยอมรับแล้ว
เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะออกไปเดินเล่นในเมืองเพื่อสงบสติอารมณ์เสียหน่อย ในระหว่างที่กำลังเดินเล่นอย่างสบายอารมณ์ ก็ได้ยินเสียงคนตีกัน เด็กน้อยเลยเข้าไปมุงดูกับเขาด้วย มองไปเห็นหนุ่มหัวเกรียนคนที่เคยแพ้พนันเขากำลังสู้ศึกแบบสาม ต่อหนึ่ง โดยที่หนุ่มหัวเกรียนไม่มีท่าทีเพลี่ยงพล้ำเลยแม้แต่น้อย ทั้งสี่คนอยู่ในระดับลมปราณก่อเกิดขั้นสองระดับกลางเหมือนกัน แต่หนุ่มผมเกรียนกลับสู้ได้อย่างสูสี ยิ่งดูจื่อต้าหลงก็ยิ่งเข้าใจว่า เคล็ดวิชา และทักษะการต่อสู้สำคัญขนาดไหน ถ้าเขาเชี่ยวชาญเื่พวกนี้ ในวันหน้าเจอใครเขาก็ไม่ต้องกลัวตายแล้ว ในใจตอนนี้จึงรู้สึกนับถือหนุ่มผมเกรียนเป็อย่างยิ่ง เขาแม้จะดูแข็งกร้าวไปบ้าง แต่เป็คนที่พูดจริงทำจริง วรยุทธสูงส่ง ใบหน้าและท่าทางสมกับเป็ลูกผู้ชายไม่มีทางทำเื่ผิดคุณธรรมอย่างแน่นอน
จื่อต้าหลงแอบฟังบทสนทนาของผู้คนรอบข้างก็ได้รู้ว่าชายสามคนที่ปะทะกับหนุ่มผมเกรียนอยู่นั้น กำลังเกี้ยวสตรีอยู่พอนางไม่เล่นด้วยก็ใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ หนุ่มผมเกรียนผ่านมาจึงได้เข้าไปช่วยเหลือ ยิ่งจื่อต้าหลงดูก็ยิ่งเข้าใจความสำคัญของ วรยุทธ แม้ระดับพลังปราณจะเท่ากััน แต่หนุ่มผมเกรียนกลับใช้วรยุทธที่ฝึกมาได้เป็อย่างดี สามารถต้านศึกหนึ่งต่อสามได้อย่างง่ายดาย เขาคิดว่าหลังจากนี้คงต้องตั้งใจฝึกวิชาที่มีอยู่ให้ชำนาญบ้างเสียแล้ว
เวลาผ่านไป สามคนที่รุมหนุ่มผมเกรียนเริ่มเพลี่ยงพล้ำ และล่าถอย ส่วนหนุ่มผมเกรียนก็ไม่ได้ตามติดทำเพียงยืนยิ้มมองทั้งสามคนที่ถอยออกไปไกลอย่างรวดเร็ว อันธพาลสามคนนั้นฝากคำพูดก่อนที่จะเผ่นไปว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะเฉิงไฉเซียว!!”
“อย่าฝากนานนักล่ะไอ้พวกกระจอก ฮ่าๆๆ” หนุ่มผมเกรียนกล่าวหัวเราะพร้อมกับทำท่าเชือดคอ หลังจากนั้นก็หันกลับมาถามสตรีที่อยู่ข้างกาย “แม่นางเ้าไม่เป็อะไรใช่หรือไม่?”
“ข้าน้อยไม่เป็อะไร ขอบคุณท่านจอมยุทธที่ช่วยเหลือ” นางกล่าวพร้อมก้มตัวขอบคุณอย่างนอบน้อม
หลังจากที่ฝูงชนเริ่มแยกย้าย จื่อต้าหลงก็เดินเข้าไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับปรบมือให้เฉิงไฉเซียวพลางกล่าวว่า
“พี่เฉิง… ช่างฝีมือร้ายกาจนัก แถมยังมีคุณธรรมน้ำใจ ข้าล่ะนับถือท่านจริงๆ”
ได้ยินดังนั้นหนุ่มผมเกรียนจึงหันมามองยังผู้พูด “ไอ้หนูนั่นเ้าเองรึ เห็นหรือยังฝีมือข้าร้ายกาจเพียงใด? ฮ่าๆๆ มาๆ เข้าโรงเตี๊ยม วันนี้ข้าจะเลี้ยงอาหารเ้าเอง” เขากล่าวพร้อมกับลากจื่อต้าหลงไปยังร้านอาหาร จื่อต้าหลงเลยต้องจำยอมตามเขาไปด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้