ที่ภาคตะวันออก หน่วยลับเงาทมิฬดำเนินแผนการอย่างรวดเร็ว ด้วยข้ออ้างว่า ขุนนางในแต่ละเมืองสมรู้ร่วมคิดกับราชวงศ์ดาบ ซึ่งเป็ศัตรูของราชวงศ์เพลิง์ ทำให้ภารกิจการยึดครองเมืองต่างๆ เป็ไปอย่างราบรื่น เนื่องจากว่าประชาชนทั้งหมดในภาคตะวันออกต่างเกลียดชังราชวงศ์ดาบอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ เพียงแค่กล่าวหาว่าขุนนางเ่าั้มีการสมรู้ร่วมคิดกับราชวงศ์ดาบ และการยึดครองเมืองต่างเป็ไปอย่างง่ายดาย เพราะประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่ชอบเ้าเมืองหรือขุนนางของพวกเขาอยู่แล้วด้วย
หน่วยลับเงาทมิฬเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว สังหารขุนนางและผู้มีอำนาจในเมืองต่างๆ ทันที ไม่ให้พวกเขาได้มีโอกาสแก้ตัวใดๆ เพราะคนตายพูดไม่ได้ ประชาชนเห็นว่าขุนนางผู้สมรู้ร่วมคิดถูกกำจัดไปอย่างหมดจด ก็เพิ่มศรัทธาและยกย่องจักรพรรดิหลี่หวงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้เลยว่าขุนนางเ่าั้ถูกสังหารไปไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ดาบเลยแม้แต่น้อย
ภายในเวลาไม่นาน ภาคตะวันออกที่มี 40 เมือง ก็ถูกยึดครองทั้งหมด ทรัพยากรทุกอย่างที่มีในภาคตะวันออก ไม่ว่าจะเป็ทรัพยากรทางการเพาะปลูก ทองคำ อัญมณี หรือแม้แต่ทรัพยากรมนุษย์ ล้วนตกอยู่ในมือของหลี่หวง หน่วยลับเงาทมิฬทำการปล้นทรัพย์สินจากคลังของขุนนางที่ถูกกล่าวหาทุกคน และส่งส่วนหนึ่งไปเสริมกำลังในเมืองหลวง
เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับจักรพรรดิหลี่หวง หน่วยลับเงาทมิฬได้ประกาศยกเว้นภาษีในภาคตะวันออกเป็เวลา 1 ปี ประชาชนในแต่ละเมืองต่างยินดีและซาบซึ้งในความเมตตาของจักรพรรดิหลี่หวงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงแค่นั้น หน่วยลับเงาทมิฬยังทำการแจกข้าวสาร อาหารแห้ง และสิ่งของจำเป็ให้ประชาชนได้เก็บไว้ใช้
บรรยากาศในภาคตะวันออกเต็มไปด้วยความยินดี ประชาชนต่างโห่ร้องและเชิดชูหลี่หวงในฐานะผู้นำที่ช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากการกดขี่ของขุนนางและผู้มีอำนาจที่คดโกง ชื่อเสียงของหลี่หวงพุ่งทะยานขึ้นเป็ที่ยอมรับในฐานะจักรพรรดิผู้ชาญฉลาดและมีความยุติธรรม ภาพลักษณ์ของหลี่หวงในสายตาประชาชนปลายเป็ดั่งพระเ้าช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากความทุกข์ยาก
ในขณะเดียวกัน หน่วยลับเงาทมิฬยังคงปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่องในเมืองต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การปกครองของหลี่หวง พวกเขากำจัดภัยคุกคามและสร้างความมั่นคงให้กับราชวงศ์เพลิง์ด้วยความโหดร้าย พวกเขาฆ่าทุกคนไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็ใครก็ตาม และไม่มีใครล่วงรู้ถึงสิ่งที่พวกเขากระทำเลยนอกจากหลี่หวง
ภาคตะวันตก ที่นี่เหมือนนรกบนดินสำหรับคนทั่วไปแต่สำหรับพวกขุนนางหรือผู้มีอำนาจมันแทบจะเป็สรวง์บนดินเลยก็ว่าได้ ทุกเมืองในภาคตะวันตกนั้นเต็มไปด้วยความอดอยากและความสิ้นหวัง ร่างมากมายนอนเกลื่อนกลาดอยู่บนท้องถนนจนแทบจะแยกไม่ออกว่าเป็คนหรือศพ บ้านเรือนหลายหลังถูกทิ้งร้างหรือพังทลาย ประชาชนที่อาศัยอยู่ในภาคนี้ต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนักในทุกวัน เนื่องจากขุนนางและเ้าเมืองได้โกงกินและเก็บภาษีอย่างไม่ปรานี ทำให้ประชาชนแทบไม่เหลืออะไรจะกิน ความอดอยากแผ่ขยายไปทั่วทั้งภูมิภาค เหล่าประชาชนไร้ที่พึ่ง ต่างตกอยู่ในความสิ้นหวัง
ที่คฤหาสน์เ้าเมืองแห่งหนึ่งในภาคตะวันตก บรรยากาศเต็มไปด้วยความฟุ้งเฟ้อและหรูหรา หญิงสาวมากมายที่ถูกจับและบังคับให้มาเป็เครื่องบำเรออย่างไร้ทางต่อต้าน ใบหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เ้าเมืองที่ชื่อจางกังหัวเราะอย่างเย้ยหยัน ขณะที่เขาก้าวไปดึงมือหญิงสาวคนหนึ่ง นางสะดุ้งใ ร่างกายสั่นด้วยความกลัว
"ร้องไห้ไปมันก็ไม่สามารถช่วยอะไรเ้าได้หรอก" จางกังพูดพร้อมดึงหญิงสาวเข้าไปใกล้ นางหลับตาลงเตรียมใจรับชะตากรรม
แต่ทันใดนั้นเอง อยู่ๆ กำแพงก็ะเิออกมาเสียงดังสั่นสะท้านไปทั่วทั้งห้องนั้น พร้อมร่างของจางกังถูกกระแทกปลิวไปปะทะกับกำแพงอย่างแรง เมื่อหญิงสาวทุกคนมองไปก็พบว่าหัวของจางกังถูกหอกแทงทะลุติดอยู่กับกำแพงในห้องนั้นพร้อมเืที่ไหลนองเต็มกำแพงลงมายังพื้น
เสียงอันเ็าดังก้องไปทั่วห้อง "จางกัง ทำหน้าที่โดยมิชอบ ใช้อำนาจในทางที่ผิด บังคับข่มขืน และ เก็บภาษีเกินกำหนด บทลงโทษคือปะาชีวิต!!!"
ทหารองครักษ์เ้าเมืองรวมถึงลูกชายของจางกัง ก็เข้ามาดูในห้องนั้นทันที พร้อมพวกเขาเห็น หญิงสาวหลายคนที่ทรุดตัวลงกับพื้น พวกนางต่างมองไปที่ชายในชุดเกราะดำที่นั่งอยู่บนหลังม้า ร่างของเขาส่องแสงเ็าภายใต้หมวกเหล็กที่ปิดบังใบหน้า หญิงสาวคนหนึ่งสะอื้นเบา ๆ "ขอบคุณท่านที่ช่วยชีวิตข้าไว้ ขอบคุณท่านจริง ๆ"
ชายในชุดเกราะดำหันมามองนางพร้อมพูดเสียงเรียบ "ไม่ต้องขอบคุณข้า ขอบคุณองค์จักรพรรดิหลี่หวงเถอะ"
ลูกชายของจางกังพูดขึ้น "เ้าเป็ใครกัน…"
ทหารม้าัดำคนนั้นไม่ได้ตอบ เขาเรียกหอกกลับมาด้วยพลังิญญา หอกเล่มนั้นพุ่งทะลุกำแพงออกไป พร้อมเสียงหวีดหวิว ก่อนจะปลิดชีวิตของเหล่าขุนนางและทหารที่อยู่ในคฤหาสน์อย่างโเี้ หญิงสาวที่มองดูภาพตรงหน้าไม่ได้รู้สึกใแต่อย่างใด พวกนางกับรู้สึกสมน้ำหน้าพวกมันแทน เพราะว่า สิ่งที่พวกนางพบเจอนั้นมันโหดร้ายกว่านี้มาก
ทหารม้าัดำ พาลูกชายของจางกังและขุนนางบางส่วนที่ยังไม่ตายขึ้นไปบนกำแพงในห้องของเ้าเมือง ก่อนจะใช้ดาบแทงไปที่มือของพวกมันทั้งสองข้างเพื่อห้อยพวกมันเอาไว้
ทหารม้าัดำรวบรวมดาบหลายร้อยเล่มจากพลังิญญาและโยนมันลงมาที่ตรงหน้าของหญิงสาวเ่าั้ที่เคยถูกข่มเหงและทรมานอยู่ในคฤหาสน์พร้อมพูดด้วยเสียงที่เ็า "พวกเ้ารู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร"
หญิงสาวเ่าั้ต่างใ แม้ในใจจะหวาดกลัว แต่ความโกรธและความแค้นที่กดทับหัวใจของพวกนางมานานเกินกว่าที่ความกลัวจะหยุดยั้งพวกนางได้ ความทรมานที่พวกนางได้รับจากการบังคับข่มขู่ และ อีกมากมาย
หญิงสาวคนหนึ่งหยิบดาบขึ้นมา มือของนางสั่นเทาด้วยความโกรธแค้น ก่อนที่นางจะพุ่งไปแทงดาบเข้าที่ร่างของลูกชายของจางกัง เสียงกรีดร้องของเขาดังสนั่น "อ๊าาาาา พวกแก...พวกแก อ๊าาาา!"
ดาบเล่มแล้วเล่มเล่าแทงเข้าไปที่ร่างของชายคนนั้น หญิงสาวคนหนึ่งกรีดร้องด้วยความโกรธขณะที่นางแทงดาบ "นี่สำหรับน้องสาวของข้า!"
หญิงสาวอีกคนร้องออกมา "นี่สำหรับน้องชายของข้า! ตายซะ!"
เสียงดาบแทงทะลุร่างดังต่อเนื่อง เสียงกรีดร้องด้วยความเ็ปของเหล่าขุนนางและลูกชายของจางกังก้องไปทั่วคฤหาสน์ ทุกคำขอร้องของพวกมันให้ไว้ชีวิตล้วนไร้ผลโดยสิ้นเชิง
"ข้าไม่เกี่ยวข้อง ข้าไม่เคยทำอะไรพวกเ้าเลย……ข้าขอร้อง!" เสียงร้องของขุนนางอีกคนดังขึ้น แต่ไม่นานเสียงเ่าั้ก็ค่อยๆ เงียบลง ท่ามกลางกลิ่นคาวเืที่ลอยตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง
ทหารม้าัดำมองไปยังหญิงสาวที่ยืนตัวสั่น มือของพวกนางเปื้อนไปด้วยเืของคนที่เคยทำร้ายพวกนาง
ทหารม้าัดำยิ้มแล้วพูดขึ้น "หากพวกเ้าอยากกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองอีกครั้ง อีก 10 วันข้างหน้า จักรพรรดิหลี่หวงจะจัดการคัดเลือกทหารราชวงศ์เพลิง์ หากพวกเ้าสนใจ เตรียมตัวไว้ให้ดี จะมีคนมาที่เมืองนี้เพื่อทำการคัดเลือก"
หลังจากทิ้งคำพูดนั้นไว้ ทหารม้าัดำก็ควบม้าจากไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเ่าั้ต่างมองตามเขาด้วยความมึนงง แต่ในใจพวกนางเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งอย่างสุดซึ้ง บางคนทรุดตัวลงกับพื้น ก่อนจะก้มศีรษะลงต่ำเพื่อแสดงความขอบคุณ หลายคนแบบนั้นก็ทำตามหญิงสาวคนนั้นทันที
"ขอบคุณ... ขอบคุณท่านทหาร ขอบคุณท่านจักรพรรดิที่ทำให้พวกเราได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานนี้"