เมื่อมองไปข้างนอกตามเสียง หลินกู๋หยู่เห็นรถม้าหยุดจอดอยู่หน้าประตูบ้านของนาง
คนในชนบทติดนิสัยไม่ปิดประตูตอนกลางวัน เมื่อถึงเวลากลางคืนก็จะปิดประตูใหญ่อย่างแ่า
หลินกู๋หยู่วางเสื้อผ้าทั้งหมดในมือลงบนตะกร้าใบเล็กข้างอ่างน้ำ โดยคิดว่าอีกสักพักนางจะซักผ้าเหล่านี้
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หลินกู๋หยู่ยืนขึ้นและหันศีรษะไปมอง เห็นลู่จื่อยู่เดินมาหานางจากระยะไกล
คนผู้นั้นงดงามราวกับมงกุฎหยก สวมเสื้อผ้าสีขาวสะอาดสะอ้าน ผิวภายใต้เส้นผมสีดำนั้นราวกับน้ำแข็ง คิ้วราวกับหมึกสีดำ ดั้งจมูกโด่ง ดวงตาเป็ประกายดั่งอำพัน ั์ตาเ็าแต่เจือด้วยความอบอุ่นคู่นั้นกำลังมองมาที่นาง
ร่องรอยของความประหลาดใจแวบเข้ามาในใจของหลินกู๋หยู่ นางไม่ได้เชิญลู่จื่อยู่เข้ามา นางไม่รู้ว่าเขามาทำอะไรที่นี่
ผู้มาเยือนย่อมเป็แขก มุมริมฝีปากของหลินกู๋หยู่โค้งเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างใจเย็น "ท่านหมอ ถ้าไม่รังเกียจ เชิญท่านเข้ามานั่งด้านในก่อน"
ลู่จื่อยู่กวาดสายตาเ็าลงบนอ่างไม้ข้างๆ หลินกู๋หยู่ ก่อนจะพยักหน้า แล้วเดินตามนางเข้าไปด้านใน
“ไม่รู้ว่าอาการป่วยของสามีของเ้าเป็อย่างไรบ้าง?” ลู่จื่อยู่พูดด้วยน้ำเสียงสุขุม “วันนี้ข้ามีเวลาว่างพอดี”
"ดีขึ้นมากแล้ว" หลินกู๋หยู่รู้สึกว่าเป็เพราะการฝังเข็มของลู่จื่อยู่ทำให้ร่างกายของฉือหางฟื้นตัวได้เร็วกว่าเมื่อก่อน "รบกวนท่านหมอแล้ว"
ลู่จื่อยู่เดินช้าๆ ไปที่เตียง มองไปที่ดวงตาของฉือหางที่มองมาทางเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย ขนตายาวของเขาค่อยๆ ตกลงอย่างช้าๆ ดวงตาทั้งสองข้างแสดงออกถึงความเ็า
"ท่านนี้คือหมอที่จะช่วยดูอาการและรักษาเ้า" หลินกู๋หยู่กล่าวแนะนำสั้นๆ อยู่ข้างเตียง
วันนั้นที่ลู่จื่อยู่ดูอาการและรักษา ฉือหางหมดสติไปก่อนแล้ว
ฉือหางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หลินกู๋หยู่ปราดหนึ่ง เม้มริมฝีปากแห้งผากน้ำของเขาเบาๆ เสียงของเขาแหบแห้งเหมือนฝ่ามือหยาบกร้านััผ้าไหมเนื้อละเอียด "ท่านหมอ ร่างกายของข้าเป็อย่างไรบ้าง?"
ลู่จื่อยู่ค่อยๆ ถอนมือออก ยืนขึ้นอย่างสง่างาม เขาเดินไปข้างหน้าหลินกู๋หยู่
“เป็อย่างไรบ้าง?” แม้ว่าหลินกู๋หยู่จะรู้เกี่ยวกับอาการของฉือหางก่อนแล้ว แต่อย่างไรก็ตามนางก็ยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
"ไม่มีปัญหาแล้ว" ลู่จื่อยู่หันศีรษะไปมองที่ฉือหาง จากนั้นมองไปทางหลินกู๋หยู่ "เ้าอยากไปโรงหมอกับข้าไหม?"
ไปโรงหมอ?
หลินกู๋หยู่ไร้การตอบสนองไปชั่วคราว
"เ้ามีพร์เช่นนี้ หรือเ้าจะอยู่ดูแลเขาแบบนี้ตลอดไปหรือ?" ลู่จื่อยู่ชำเลืองมองฉือหางอย่างมีความหมายลึกซึ้ง เมื่อเขามองไปที่หลินกู๋หยู่ ดวงตาของเขาก็อ่อนโยนจนแทบจะมีน้ำหยดออกมา
หลินกู๋หยู่รู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ตอนแรกนางแค่คิดว่า เมื่อฉือหางหายดีแล้ว นางก็จะสามารถออกจากที่นี่ได้
"เ้าสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้หลายชีวิต แทนที่จะอยู่ที่นี่ตลอดไป" ดวงตาของลู่จื่อยู่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจางๆ มุมปากของเขาโค้งเล็กน้อย "หรือไม่ใช่?"
ด้วยสภาพร่างกายในปัจจุบันของฉือหาง ร่างกายของเขาไม่อาจฟื้นตัวได้เร็วภายในหนึ่งวันสองวันเป็แน่ ในทุกๆ วัน หลินกู๋หยู่จะต้องตื่นมาทำอาหารและช่วยฉือหางนวด หลังจากทำสิ่งเหล่านี้เสร็จแล้วก็ถึงเวลาทานอาหารกลางวัน
ในยามบ่าย บางครั้งก็ต้องต้มและปรุงยา บางครั้งก็ต้องจัดข้าวของในบ้าน ซักเสื้อผ้า หลินกู๋หยู่รู้สึกว่านางไม่ค่อยได้มีเวลาว่างเลยแม้แต่น้อย
“ข้าต้องขอโทษจริงๆ” คิ้วของหลินกู๋หยู่ถูกบีบกลายเป็รอยย่นกระจุกระหว่างดวงตา “ตอนนี้ข้าดูแลเขาคนเดียวก็ยุ่งมากแล้ว ข้าไม่สามารถไปโรงหมอได้จริงๆ รอให้อาการป่วยของเขาหายดีแล้ว ถึงเวลานั้นข้ายินดีที่จะช่วยเหลือคนให้มากกว่านี้"
ถ้าได้เป็หมอได้ ย่อมหาเงินได้มาก และถ้ามีเงิน นางก็จะสามารถช่วยส่งหลินเสี่ยวหานเรียนหนังสือได้
"อืม" ลู่จื่อยู่หันศีรษะไปมองฉือหางด้วยใบหน้าบูดบึ้ง เม้มริมฝีปากเล็กน้อย "สังเกตจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว เขาจะสามารถลุกจากเตียงและเดินไปรอบๆ ได้ภายในเวลาหนึ่งเดือนกว่า"
“เ้าค่ะ” หลินกู๋หยู่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
เดิมทีฉือหางไม่ได้าเ็สาหัสมาก แต่คนเ่าั้พูดถึงอาการของเขาเกินจริง นอกจากนี้ ลู่จื่อยู่ยังฝังเข็มให้เขา และหลินกู๋หยู่ก็นวดให้เขาทุกวัน ดังนั้นร่างกายของฉือหางจึงฟื้นตัวได้เร็วมาก
ฉือหางมองไปที่คนทั้งสองด้วยความประหลาดใจปนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
ลู่จื่อยู่พูดพลางหยิบเข็มเงินทั้งหมดในแขนเสื้อออกมา
เมื่อเห็นการกระทำของลู่จื่อยู่เช่นนี้ หลินกู๋หยู่ก็เข้าใจโดยธรรมชาติ เดิมทีหลินกู๋หยู่คิดจะฝังเข็มให้ฉือหางในตอนบ่าย แต่นางไม่คาดคิดเลยว่าลู่จื่อยู่จะมา
ลู่จื่อยู่นั่งอยู่บนขอบเตียง เตรียมพร้อมที่จะเริ่มฝังเข็ม
โต้ซาวิ่งเข้ามาจากด้านนอก มองไปที่เข็มสีเงินแวววาวในมือของลู่จื่อยู่ เขาอดไม่ได้ที่จะกอดต้นขาของหลินกู๋หยู่ "ท่านแม่ กลัว!"
"ไม่ต้องกลัว!" หลินกู๋หยู่เดินออกไปข้างนอกพร้อมกับอุ้มโต้ซาในอ้อมแขน ตราบใดที่โต้ซาไม่เห็น เขาก็จะไม่กลัว
ฉือหางนอนอยู่บนเตียง เฝ้าดูลู่จื่อยู่สอดเข็มเข้าไปในร่างกายของเขาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาอย่างซาบซึ้งว่า "ท่านหมอ ขอบคุณท่านจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน..."
"ไม่จำเป็ต้องขอบคุณข้า!" ลู่จื่อยู่ลดสายตาลงโดยไม่แม้แต่จะมองไปที่ฉือหาง คำพูดเ็าหลุดออกมาจากริมฝีปากบางของเขา "ถ้าไม่มีนาง เ้าคงตายไปนานแล้ว"
หลังจากเงียบไปชั่วคราว ลู่จื่อยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองฉือหาง "ถ้าไม่ใช่เพราะนาง ข้าคงไม่มาที่นี่"
ฉือหางกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความลำบากใจ
หลังจากลู่จื่อยู่ดึงเข็มสุดท้ายบนร่างของฉือหางออกมาโดยไม่ลังเล เขาหันกลับและเดินออกไปข้างนอก
เมื่อหลินกู๋หยู่ได้ยินเสียงฝีเท้า นางอุ้มโต้ซาและหันมองกลับไป เห็นลู่จื่อยู่กำลังเดินมาหานาง
“ขอบคุณท่านมาก” หลินกู๋หยู่พูดด้วยรอยยิ้ม “อีกสักพักอยู่กินข้าวกับพวกเราเถอะ”
"ไม่กินแล้ว" ลู่จื่อยู่เหลือบมองโต้ซาด้วยสายตาเ็า ทว่าเมื่อเขามองไปที่หลินกู๋หยู่ ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน "ข้าต้องกลับไปทำธุระอื่นอีก รอให้อาการป่วยของเขาดีขึ้น ไม่ทราบว่าเ้าจะสามารถมาที่โรงหมอสกุลลู่ของพวกเราได้หรือไม่?”
ปรากฏว่าสาเหตุที่เขามาที่นี่ก็เพื่อตามนางไปทำงาน
หลินกู๋หยู่พูดอย่างถ่อมตัวว่า "ข้าแค่รู้วิธีดูอาการป่วยอย่างง่ายก็เท่านั้น ข้ารู้ไม่มากนัก"
"ข้าเชื่อในสิ่งที่ข้าเห็น" ลู่จื่อยู่พูดอย่างหนักแน่น "ถึงเวลานั้น เงินเดือนอย่างน้อยเดือนละสองตำลึง เ้าลองคิดดูก่อนได้"
สองตำลึง
หลินกู๋หยู่เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย ไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใด
หลังจากส่งลู่จื่อยู่ไปแล้ว หลินกู๋หยู่ก็ซักเสื้อผ้าต่อ หลังจากตากผ้า จัดบ้านให้เรียบร้อย นางก็ไปทำอาหารกลางวัน
ฉือหางนอนอยู่บนเตียงอย่างว่างเปล่า สายตาของเขามองตามการเคลื่อนไหวของหลินกู๋หยู่ หลังจากที่นางและโต้ซาทานอาหารเสร็จ หลินกู๋หยู่ก็เดินไปที่ข้างเตียงพร้อมกับข้าวต้มที่ทำให้เขาแยกต่างหาก
"่นี้เ้ากินได้แต่ของจืดๆ" หลินกู๋หยู่กวนช้อนในชาม จากนั้นเป่าเบาๆ ก่อนจะยื่นไปที่ริมฝีปากของฉือหาง
"ข้าเป็คนสร้างปัญหาให้เ้า" ฉือหางเงยหน้าขึ้นมองหลินกู๋หยู่ อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความเศร้าใจ
หลินกู๋หยู่ส่งช้อนไปที่ริมฝีปากของฉือหางโดยไม่ลังเล "เ้าคิดมากไปแล้ว ข้ายังหวังว่าเ้าจะดีขึ้นแล้วพาข้าไปทีู่เาเพื่อล่าสัตว์ป่า!"
ั้แ่มาที่นี่ หลินกู๋หยู่เคยกินเนื้อมาแล้วครั้งหนึ่ง
เมื่อก่อนนางชอบกินเนื้ออยู่ไม่น้อย แต่เมื่อมาที่นี่นางได้กินเพียงครั้งเดียว และในครั้งนั้นนางก็ไม่กล้าที่จะกินมาก
เมื่อไรกันที่นางจะได้กินเนื้อสัตว์โดยไม่ต้องควบคุมตัวเอง
เมื่อฟังคำพูดของหลินกู๋หยู่ ดวงตาของฉือหางก็สว่างขึ้นทันใด สีหน้าของเขาออกอาการตื่นเต้นเล็กน้อย "วันข้างหน้าข้ายังสามารถล่าสัตว์ได้หรือ?"
“เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว แน่นอนว่าสามารถล่าสัตว์ได้” หลินกู๋หยู่กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ
โต้ซาเกาะอยู่ข้างเตียงด้วยมือสองข้าง ไหล่เล็กๆ ของเขาพอดีกับขอบเตียง เด็กน้อยมองฉือหางด้วยดวงตาสดใส "ท่านพ่อโง่ กินข้าวไม่ได้"
“ไม่ใช่ว่ากินข้าวไม่ได้” หลินกู๋หยู่ยื่นมือไปหยิกใบหน้าอ้วนๆ ของโต้ซา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านพ่อของเ้าป่วย เขาจึงกินข้าวเองไม่ได้”
“ข้ากินได้!” โต้ซาพูดอย่างภาคภูมิใจ มือของเขาคว้าผ้าปูที่นอนอย่างเต็มกำลัง ในขณะที่สองเท้าเล็กๆ ของเขาฟาดข้างเตียงไปมาพยายามจะปีนขึ้น
ฉือหางหน้าแดงอย่างไม่เป็ธรรมชาติหลังจากได้ฟังคำพูดของโต้ซา
หนึ่งเดือนครึ่งผ่านไปในพริบตา ใน่เวลานี้ลู่จื่อยู่มาทำการฝังเข็มให้ฉือหางวันเว้นวัน
ลู่จื่อยู่เก็บเข็มทั้งหมด มองฉือหางที่นอนอยู่บนเตียงอย่างเ็า จากนั้นเดินไปหาหลินกู๋หยู่ "น่าจะไม่เป็ไรแล้ว"
“พักผ่อนอีกสักพักเถอะ” หลินกู๋หยู่พูดอย่างเป็กังวลเล็กน้อย “อาการาเ็จากกระดูกเลื่อนใช้เวลาหนึ่งร้อยวัน แต่เขาเพิ่งจะผ่านมาสี่สิบวันเท่านั้นเอง”
ก่อนที่ฉือหางจะได้รับาเ็ที่เอว เขามักขึ้นูเาเพื่อล่าสัตว์ทุกวัน ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะมีวันที่น่าสังเวชเช่นนี้
"ลองดู" ลู่จื่อยู่มาที่นี่อย่างขยันขันแข็ง สาเหตุเพราะเขาแค่้าให้ฉือหางฟื้นตัวเร็วขึ้น เช่นนั้นเขาจะได้พาหลินกู๋หยู่ไปที่โรงหมอ
ลู่จื่อยู่สนใจทักษะทางการแพทย์ของหลินกู๋หยู่
แม้ว่าหลินกู๋หยู่จะไม่ได้แสดงความสามารถอะไรต่อหน้าเขา แต่ยิ่งเป็เช่นนี้ ลู่จื่อยู่ก็ยิ่งรู้สึกว่าทักษะทางการแพทย์ของนางต้องดีมากอย่างแน่นอน
"ข้าทำได้" เมื่อต้องเผชิญหน้ากับใบหน้าเ็าของลู่จื่อยู่เข้าหลายวัน แม้แต่หุ่นดินเผาก็ยังมีอารมณ์เสียอยู่หลายส่วน
หลินกู๋หยู่เดินไปพยุงฉือหางขึ้นอย่างระมัดระวัง
“ถ้าเ้าไม่สบายตัวตรงไหน ให้รีบบอกข้า” หลินกู๋หยู่พูดอย่างเป็ห่วงเป็ใย “ถ้ารู้เร็วก็จะรักษาได้เร็ว จะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง”
ฉือหางคว้าแขนของหลินกู๋หยู่ด้วยมือข้างหนึ่ง อีกมือหนึ่งประคองโต๊ะข้างๆ เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างประหม่า
ไม่เจ็บแล้ว ความรู้สึกเจ็บที่เคยปวดแทบตายก็หายไปแล้ว
ฉือหางมองไปที่หลินกู๋หยู่ที่อยู่ข้างๆ ด้วยความดีใจ ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
“ออกกำลังและเคลื่อนไหวนานเกินไปไม่ได้” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนนี้ฉือหางดูเหมือนจะสบายดีแล้ว แต่อย่างไรก็ตามนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหายสนิทแล้วจริงๆ
ด้วยความที่ไม่สามารถยืนขึ้นเหมือนคนปกติมานาน ความรู้สึกตื่นเต้นจากการได้ยืนนี้ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ
หลินกู๋หยู่ประคองฉือหางให้นอนลงอย่างระมัดระวัง ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน "รอเวลาอีกสักระยะหนึ่ง เ้าก็จะหายเป็ปกติแล้ว"
เมื่อฟังคำพูดของหลินกู๋หยู่แล้ว มุมปากของฉือหางก็อดไม่ได้ที่จะโค้งขึ้น
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ลู่จื่อยู่มักจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่เห็นสองคนนั้นสนิทสนมกัน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะก้าวไปข้างหน้า
“เวลาสายมากแล้ว ข้าควรจะกลับได้แล้ว!” ดวงตาของลู่จื่อยู่จับจ้องไปที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหลินกู๋หยู่ เขารู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
รอให้ฉือหางทิ้งตัวนอนลง หลินกู๋หยู่ก็คลุมผ้าห่มสองผืนให้เขาอย่างใส่ใจ ลุกขึ้นและมองไปที่ลู่จื่อยู่ "ท่านหมอลู่ ขอบคุณจริงๆ ลำบากท่านแล้ว ข้าจะส่งท่านออกไป!"
ทั้งสองคนพูดคุยในระหว่างเดินออกไปข้างนอก เมื่อพวกเขาเดินไปถึงประตู หลินกู๋หยู่เฝ้าดูรถม้าของลู่จื่อยู่ออกไป ในขณะที่หลินกู๋หยู่กำลังจะเดินกลับ นางเห็นโจวซื่อเดินส่งหญิงสาวที่แต่งตัวงดงามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวดอกไม้บาน โดยมีรถม้าหนึ่งคันจอดอยู่ไม่ไกล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้