ร่างของเย่เฟิงปรากฏขึ้นเพียงชั่วพริบตา สายลมแข็งแกร่งพัดไปทางเย่เวิ่นเทียนจนเสื้อผ้าปลิวตามแรงลม พลังชี่ไหลเวียนทั่วร่างกายตามบันทึกในคัมภีร์โบราณ การเคลื่อนไหวรวดเร็ว
ด้วยพื้นฐานการฝึกฝนของเย่เวิ่นเทียน เขาััถึงพลังจากมือของเย่เฟิงได้ทันที
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
เมื่อสองเสียงนี้สิ้นสุด เย่เวิ่นเทียนก็แสดงอีกกระบวนท่าของวิชากรงเล็บัเพื่อต้านการโจมตีของเย่เฟิง สีหน้าที่แสดงออกมายังคงนิ่งขรึม
ด้วยระดับพลังห้าปีของเย่เฟิง คาดไม่ถึงเลยว่าอานุภาพพลังเมื่อครู่จะพุ่งถึงระดับมากกว่าสิบปี! อ่านคัมภีร์โบราณเพียงรอบเดียวก็สามารถแสดงกระบวนท่านี้ออกมาได้ หากเขามุ่งมั่นฝึกฝนอย่างหนัก จะไม่ยิ่งน่าเหลือเชื่อกว่านี้หรือ?
เย่เวิ่นเทียนพลันฮึกเหิม ตระกูลเย่ยังไม่ถึงคราวสิ้นสุด! ชายชราไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลานชายของตัวเองจะเป็อัจฉริยะด้านการต่อสู้ วิชากรงเล็บัที่แสนซับซ้อน แต่พอเขาเริ่มเรียนรู้ก็ทำได้ทันที!
สำหรับเย่เฟิง วิชาเซียนที่ซับซ้อนกว่านี้ เขายังเข้าใจได้ง่ายมาก นับประสาอะไรกับกระบวนยุทธเช่นนี้ แต่ระหว่างการใช้วิชากรงเล็บั ชายหนุ่มััถึงความละเอียดอ่อนบางอย่างซึ่งตอนฝึกฝนวิชาเซียนไม่เคยมี
วิชากรงเล็บัมีทั้งหมดสิบกระบวนท่า ซึ่งเย่เฟิงมองผ่านๆ จนครบถ้วนแล้วเมื่อครู่
“ต่อไปเวลาต่อสู้ก็สามารถใช้กระบวนยุทธนี้ได้ น่าจะเหนือกว่าหมัดแปดทิศอยู่มาก” เย่เฟิงรู้สึกได้ชัดเจนว่า ถ้าต้องรับมือกับคนล่ะก็ วิชากรงเล็บัควบคุมพลังได้ง่ายกว่าหมัดแปดทิศ กลวิธีประณีตงดงาม อีกทั้งไร้ที่ติเหมือน์สร้าง
ต่างจากหมัดแปดทิศตรงที่เวลาใช้กระบวนท่านี้จะมีช่องโหว่อยู่ทั่วร่างกาย ถ้าสู้กับปรมาจารย์การต่อสู้ ฝ่ายตรงข้ามจะล้มเขาได้ภายในพริบตาเดียว อีกอย่างการใช้วิชากรงเล็บัจะทำให้เขายิ่งเหมือนคนในยุทธจักร คนอื่นจะไม่สงสัยว่าเขาเป็ผู้ฝึกวิถีเซียน
“ไม่เลวเลย ดีมาก ไอ้เด็กเปรตนี่มีศักยภาพมาก” เย่เวิ่นเทียนพอใจมาก คล้ายเห็นดาวดวงใหม่แห่งยุทธจักรเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว
การฝึกฝนกระบวนยุทธแบ่งออกเป็หลายระดับ ยิ่งมีพร์ การฝึกฝนกระบวนยุทธก็ยิ่งมีระดับสูงขึ้น เช่น วิชากรงเล็บั เย่เวิ่นเทียนสามารถฝึกฝนได้ถึงแค่ขั้นที่สองเท่านั้น แต่อย่างไรพลังก็แข็งแกร่งกว่าขั้นแรกถึงหนึ่งเท่าตัว
ด้วยพร์ของเย่เฟิง หากสามารถฝึกวิชากรงเล็บัถึงขั้นที่สามได้ เมื่อเขาระดับพลังลมปราณยี่สิบปี ยังจะมีใครในโลกนี้รับมือเขาได้ การต่อสู้ด้วยมือเปล่าจะไม่เป็ปัญหาอีกต่อไป!
วิชากรงเล็บัขั้นที่สองจะสามารถดูดคนเข้ามาหาตัวเองจนถึงระดับปล่อยพลังภายในออกมาได้ ส่วนขั้นที่สามจะมีผลลัพธ์น่ากลัวแบบไหน เย่เวิ่นเทียนก็ไม่ทราบเช่นกัน เพราะในประวัติศาสตร์ยังไม่มีผู้ใดฝึกฝนจนถึงขั้นที่สามได้เลย แต่ตอนนี้เขากลับเห็นความหวังในตัวของเย่เฟิง
“แล้วเธอล่ะ รู้สึกยังไง?” หลังจากเย่เวิ่นเทียนชื่นชมเย่เฟิงแล้วก็หันไปทางซูเมิ่งหานซึ่งกำลังศึกษาคัมภีร์โบราณ
“ไม่เข้าใจเลยค่ะ มันซับซ้อนมากเลย” ซูเมิ่งหานแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว สิ่งที่วาดอยู่บนนี้คืออะไร ทั้งหมดนี้คือเส้นลมปราณในร่างกายมนุษย์เหรอ? หญิงสาวไม่เคยศึกษาเื่นี้มาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการฝึกวิชากรงเล็บัเลย!
“ถ้าไม่เข้าใจก็ช่างมันเถอะ เด็กผู้หญิงตีรันฟันแทงมันไม่ค่อยดี” เย่เฟิงแย่งคัมภีร์จากมือเธอแล้วโยนมันคืนให้ท่านปู่
ตามความคิดของเขา เื่ตีรันฟันแทงพวกนี้ ซูเมิ่งหานไม่จำเป็ต้องเรียนรู้ ถ้าจะเรียนก็ควรเรียนวิชาเซียนกับเขาน่าจะเหมาะสมกว่า ในอนาคตคนที่จะต้องเรียนรู้วิชาเซียนเป็รายต่อไปคือหลงหว่านเอ๋อร์ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งต้องวาดขาเตะไปมาตลอดทั้งวันได้อย่างไร หากเป็เช่นนี้เย่เฟิงคงอดเป็ห่วงเธอไม่ได้
“มีวิทยายุทธอื่นอีกไหมครับ? วิชากรงเล็บัสูงส่งไม่น้อยเลย” เย่เฟิงถามพลางขยับแขนขา
“อย่างอื่นน่ะ ลืมไปได้เลย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็วิทยายุทธประจำตระกูลเย่ ถ้านำออกไปคนอื่นก็ต้องจำได้ หึๆ โดยเฉพาะวิชาฝ่ามืออสูรบ้าคลั่งของตระกูลเรา รอให้แกมีพลังลมปราณระดับยี่สิบปี ฉันถึงจะสอนแก” เย่เวิ่นเทียนหรี่ตาพลางพูดปนยิ้ม
“ไม่สอนก็แล้วแต่...” เย่เฟิงทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เขาเองก็ใช่ว่าจะต้องเรียนให้ได้ เพียงแต่เมื่อได้ััศิลปะการต่อสู้ที่ประณีตงดงามเช่นนี้ก็รู้สึกทึ่งกับมันเท่านั้น หากวิเคราะห์ในแง่ของอานุภาพขณะปฏิบัติจริง วิชาเหล่านี้ยังด้อยกว่าวิชาเซียนมาก
“จริงสิ ปู่ถือวิชากรงเล็บัไปด้วยนะ ผมจะเก็บกวาดห้องนี้สักหน่อย เพราะต่อไปจะนอนที่นี่” เย่เฟิงเอ่ยขณะสำรวจรอบๆ
“จะเก็บกวาดทำไม? พวกแกก็นอนห้องเดียวกันไปสิ ฉันเตือนไวก่อนนะไอ้เด็กเวร อย่าสร้างเื่วุ่นวายให้ฉันที่นี่” เย่เวิ่นเทียนด่าหลานชาย ก่อนนำคัมภีร์กรงเล็บัไปซ่อนไว้ในกองหนังสือหนาๆ ที่วางอยู่บนพื้น ปัดฝุ่นในมือสองสามทีจากนั้นะโออกทางหน้าต่างและทิ้งท้ายก่อนจากไป “พรุ่งนี้อย่าลืมไปเข้าเรียนด้วย สาวน้อยตระกูลหลินยังรอให้แกไปเจออยู่”
เพียงครู่เดียวเย่เวิ่นเทียนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงหนุ่มสาวสองคนที่ยังนิ่งอึ้งกันอยู่
“นี่นาย” ซูเมิ่งหานดึงแขนเสื้อเย่เฟิงแล้วถาม “พรุ่งนี้นายจะไปเจอคุณหนูตระกูลหลินสุดสวยคนนั้นไหม?”
“เขาบังคับให้ฉันไปเจอ เธอไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับหล่อนเลยสักคำ” เย่เฟิงตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ที่จริงแล้วก็ไม่ต้องหรอก” เขาพูดถึงขนาดนี้กลับทำให้ซูเมิ่งหานไม่สบายใจ “ผู้ใหญ่แนะนำให้พวกนายพบกัน ถ้าไม่พูดด้วยก็เสียมารยาทแย่ ฉันไม่ว่านายหรอก”
เย่เฟิงได้ยินอย่างนั้นก็พอใจแล้ว ดูเหมือนสาวน้อยคนนี้จะค่อยๆ เปิดใจแล้วสินะ หรือเป็เพราะเริ่มต้นวิถีเซียนแล้ว? เขาบีบหน้าเนียนนุ่มของเธอเบาๆ ยกยิ้มให้แล้วกล่าว “ตอนฝึกฝนรู้สึกยังไงบ้าง?”
“ก็ไม่แย่นะ แต่ว่าที่จริงแล้ววิถีเซียนคืออะไรกันแน่? หนังสือเคล็ดวิชาเมื่อกี้ ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิด มันเป็วิชาเซียนเหรอ?” ซูเมิ่งหานย่นจมูกอย่างน่ารัก ขัดใจที่ตนไม่เข้าใจอะไรเลย
เมื่อเย่เฟิงเห็นอย่างนี้ คงต้องใช้เวลาสักหน่อย หลังจากกลับมาที่ห้องนอนของเธอ เขาก็เล่าปัญหาทั่วไปของการต่อสู้ในยุทธจักรกับวิถีเซียนให้อีกฝ่ายฟัง รวมถึงเื่ของซูเฟยหยิ่งด้วย
“ในโลกนี้มีผู้ฝึกวิถีเซียนไม่มากนัก เท่าที่ฉันรู้ก็มีแค่ฉันกับท่านอาจารย์ของฉันสองคนเท่านั้น” เย่เฟิงพูดตบท้าย “ตอนนี้มีคนเห็นว่าท่านอาจารย์ปรากฏตัวที่ชายฝั่งตะวันออก รอสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จเมื่อไร ฉันจะไปตามหาท่านอาจารย์”
“อื้ม” ซูเมิ่งหานพอจะรู้ว่าเย่เวิ่นเทียนไม่อนุญาตให้เขาออกไปไหน่นี้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้เย่เฟิงคงไปถึงทะเลตะวันออกแล้วมั้ง?
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยคงไม่ใช่เื่สำคัญสำหรับผู้ฝึกวิถีเซียน
เมื่อเย่เฟิงเล่าเื่ราวต่างๆ จบแล้ว ใบหน้าไร้เดียงสาของซูเมิ่งหานพลันขึ้นสีแดงระเรื่อ มือเรียวสวยกำชายกระโปรงแน่นอย่างกระวนกระวาย “เอ่อ... งั้นนาย... คืนนี้นาย...”
เมื่อเย่เฟิงเห็นท่าทางของเธอแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ สาวน้อยคนนี้ยังคิดถึงคำพูดเมื่อครู่ของเย่เวิ่นเทียนแน่
“ฉันมีเื่ต้องจัดการอีกนิดหน่อย เธอไปพักผ่อนก่อนเถอะ ฝันดีนะ” เย่เฟิงกอดเธอสักพักแล้วลุกออกจากห้อง รอให้เธอฝึกฝนจนคล่องแคล่วมากกว่านี้ ค่อยนำหินจิติญญาอีกก้อนที่ได้จากสุสานโบราณของูเาฉางไป๋โดยบังเอิญให้เธอดูดซับเพื่อเพิ่มความเร็วในการเลื่อนระดับพลังลมปราณ ในโลกเทวะ มีเพียงลูกศิษย์สำนักใหญ่เท่านั้นจึงจะได้รับสิทธิ์นี้
ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตมากมายที่คาสิโนเทียนหัว เตาปาเกือบถูกชิงอำนาจในมือไปจนเกือบหมด ยากจะจัดการให้เป็เหมือนเดิม แต่เย่เฟิงจะไปช่วยเหลืออะไรสักหน่อย
“ถ้ามีระดับพลังลมปราณสิบปีก็คงดี” เย่เฟิงคิดในใจ
ถ้ามีระดับพลังสิบปี เขาจะใช้เปลวสุริยะซึ่งเป็การโจมตีขั้นพื้นฐานที่สุดของวิชาเซียนได้ มันถูกใช้เพื่อเผาทำลายศพ ไม่มีวิธีไหนเหมาะสมไปกว่าการเผาศพทำลายหลักฐานแล้ว
การไปช่วยเหลือเตาปาเป็เื่เล็กน้อยมาก แต่เขามีความคาดหวังบางอย่างกับการไปพบคุณหนูใหญ่ตระกูลหลินวันพรุ่งนี้ หลายคนพูดถึงรูปลักษณ์ภายนอกแสนสมบูรณ์แบบของเธอ แม้แต่ซูเมิ่งหานยังชมไม่ขาดปาก ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง เป็ไปไม่ได้ที่เย่เฟิงจะไม่อยากรู้อยากเห็น หากนำความสวยสมบูรณ์แบบที่ใครๆ ต่างเล่าลือมาเทียบกับท่านอาจารย์คนสวยของเขาแล้วจะเป็อย่างไร?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้