หวงอี้แทงกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่มู่เฟิงและคนอื่นๆ ต่างคอยมองอยู่ด้านข้าง แสดงออกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะไม่เคลื่อนไหว
ไป๋จื่อเยว่นั้นเปรียบเสมือนเหล็กกล้าชั้นดี แต่ก็เป็กระบี่ที่ยังไม่ถูกลับคม ในเมื่อเป็กระบี่ที่ยังไม่ลับคม เช่นนั้นก็จำเป็จะต้องให้เขาลับคมตัวเองเสียหน่อย
หวงอี้้าใช้เพลงกระบี่นี้สังหารไป๋จื่อเยว่ ทว่าอีกฝ่ายกลับสามารถเบี่ยงตัวหลบได้อย่างง่ายดาย และในเวลาเดียวกันนั้น เด็กหนุ่มยังสามารถวาดกระบี่สวนกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
หวงอี้ยกกระบี่ของตัวเองขึ้นมาขวางไว้ในทันที ส่งผลให้กระบี่ของไป๋จื่อเยว่ดีดกลับคืนไป จากนั้นหวงอี้ได้แทงกระบี่ออกมาโดยเล็งไปที่บริเวณทรวงอกของไป๋จื่อเยว่
แม้ไป๋จื่อเยว่จะไม่เคยมีประสบการณ์ในการต่อสู้แบบเอาเป็เอาตาย แต่ก่อนหน้านี้มู่จงได้ทำการฝึกฝนเขามาอย่างหนัก นอกจากนี้เขายังมีทักษะวิชากระบี่ที่มู่เฟิงมอบให้ ซึ่งเป็วิชากระบี่ระดับนิลกาฬขั้นต่ำ เคล็ดกระบี่เงามายา!
เงากระบี่จากทั้งสองฝ่ายเคลื่อนไหวรวดเร็วอย่างยิ่ง การต่อสู้ของพวกเขากำลังเป็ไปอย่างดุเดือด
มู่ขวงรู้สึกเป็กังวลขึ้นมาเล็กน้อย “พี่เฟิง จื่อเยว่ไม่เคยมีประสบการณ์ต่อสู้มาก่อน หากให้เขาต่อสู้แลกชีวิตเป็ตายกับหวงอี้เช่นนี้จะเป็อันตรายต่อเขาเกินไปหรือไม่?”
“กลิ่นหอมของดอกเหมยเกิดจากความหนาวเหน็บ*ฉันใด กระบี่ชั้นดีก็ล้วนเกิดจากการลับคมฉันนั้น หากเขา้าเปลี่ยนแปลงตัวเอง เขาก็ทำได้เพียงต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น เราไม่สามารถช่วยเขาได้ โลกของผู้ฝึกยุทธ์โหดร้ายเพียงใดเ้าเองก็รู้ซึ้งดี”
(*เพื่อที่จะประสบความสำเร็จ จำเป็ต้องทุ่มเทฝ่าฟันเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคให้ได้)
มู่เฟิงกล่าวขึ้นอย่างใจเย็น แต่ในความเป็จริงแล้ว หากไป๋จื่อเยว่มีอันตรายถึงชีวิต เขาจะต้องช่วยเหลืออีกฝ่ายอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องเป็กังวลหรอกขอรับ ระดับวรยุทธ์ของเด็กหนุ่มผู้นั้นสูงกว่าหวงอี้หนึ่งขั้น นอกจากนี้ความเข้าใจในวิชากระบี่ของเขายังเหนือกว่าคนทั่วไป เขาขาดเพียงความโเี้ในการลงมือเท่านั้น ยังต้องลับคมอีกมากขอรับ”
มู่จงที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้น
ฉึก!
กระบี่ของหวงอี้แทงลงไปที่ท้องน้อยของไป๋จื่อเยว่ เด็กหนุ่มร้องออกมาอย่างเ็ป ก่อนจะเอามือกุมท้องและก้าวถอยหลังออกมา หวงอี้แสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย ก่อนจะแทงกระบี่ออกมาอีกครั้ง
“จื่อเยว่!”
มู่ขวงอุทานขึ้นด้วยความใ อดไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหวตัว
“ฉันจะจัดการเอง!”
ไป๋จื่อเยว่ะโขึ้นด้วยความโกรธ เขากัดฟันแน่น พร้อมยกกระบี่ขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของเขาพลันเปลี่ยนเป็สีแดงเข้ม พร้อมกับรังสีสังหารที่แผ่ออกมา ทันใดนั้นเขาก็สะบัดกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็ว ปรากฏเป็ประกายแสงกระบี่สีขาวสามสายพุ่งทะลวงผ่านอากาศมุ่งเข้าหาหวงอี้พร้อมกัน
สีหน้าของหวงอี้พลันเปลี่ยนไป เขายกกระบี่ขึ้นมาเพื่อปัดป้องทันที เงาร่างกระบี่ทั้งสามถูกยับยั้งเอาไว้ได้สำเร็จ แต่ฉับพลันนั้นกลับมีประกายแสงกระบี่สีขาวดุจหิมะอีกสายหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด มันแทงเข้าที่คอของหวงอี้โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว
ฉึก!
กระบี่เล่มยาวแทงทะลุคอของหวงอี้อย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มทำได้เพียงจ้องมองมันด้วยความโกรธ ไม่นานกระบี่ในมือของเขาก็ร่วงหล่นลงบนพื้น
ฟู่!
ไป๋จื่อเยว่แทงกระบี่ลงไปอย่างรุนแรง ส่งผลให้ปลายกระบี่แทงทะลุออกมาทางท้ายทอย ดวงตาของหวงอี้หรี่แสงลง ก่อนเขาจะสิ้นใจและฟุบลงบนพื้นในที่สุด
ไป๋จื่อเยว่หอบหายใจอย่างหนัก แต่แววตาพยาบาทยังคงไม่จางหายไปจากดวงตาของเขา
“ฆ่ามัน! ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!”
เวลานี้ไป๋จื่อเยว่ดูราวกับคนบ้า เขายังคงใช้กระบี่จ้วงแทงร่างไร้ิญญาของหวงอี้ไม่หยุด กระทั่งเืของอีกฝ่ายพุ่งกระฉูดออกมาจนเปรอะเปื้อนไปทั่วร่าง
“จื่อเยว่พอได้แล้ว เขาตายแล้ว”
มู่เฟิงรีบเข้ามาห้ามเอาไว้ เขาสวมกอดไป๋จื่อเยว่ก่อนจะะโบอกอีกฝ่าย
“ตายแล้ว... เขาตายแล้ว...”
จากนั้นไม่นานไป๋จื่อเยว่ก็พลันได้สติกลับมาอีกครั้ง เขามองไปยังมู่เฟิง ก่อนจะกล่าวขึ้นทั้งน้ำตาว่า “พี่เฟิง ข้าสังหารเขาแล้ว พี่เฟิง ท่านอย่าไล่ข้าเลยนะ!”
“เ้าเป็น้องชายที่ดีของข้า ข้าจะไล่เ้าไปได้อย่างไร ไม่เป็ไรแล้ว”
มู่เฟิงตบลงบนไหล่ของไป๋จื่อเยว่เพื่อปลอบโยนเขา
“เสี่ยวเฟิง ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดของตระกูลหวง รวมถึงผู้าุโระดับหนิงกังอีกสองคนล้วนถูกสังหารหมดแล้ว”
ในขณะนั้นเอง มู่ไห่ได้เดินเข้ามาก่อนจะกล่าวขึ้น
มู่เฟิงปล่อยไป๋จื่อเยว่ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับอีกฝ่าย เขาชี้ไปยังลานตรงหน้าก่อนกล่าวขึ้นว่า “รวบรวมศพทั้งหมดไปยังลานตรงนั้น เก็บกวาดทุกอย่างให้เรียบร้อย จากนั้นถอนกำลังกลับได้ขอรับ”
มู่ไห่พยักหน้า ก่อนจะสั่งให้คนไปเก็บกวาดศพมาไว้บนลาน
เพียงไม่นาน ศพจำนวนนับร้อยก็ถูกรวบรวมมาไว้บนลานของจวนอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คนอื่นกำลังเก็บกวาดร่องรอยการต่อสู้ทั้งหมด
หากตระกูลหนึ่งถูกทำลาย แน่นอนว่าสิ่งของมีค่าภายในตระกูลย่อมถูกกวาดไปด้วย
มู่เฟิงเดินไปยังลานที่เต็มไปด้วยซากศพ ก่อนหน้านี้เขาได้สั่งให้ทุกคนออกไปก่อนแล้ว พร้อมกันนั้นก็ได้ปิดประตูจวนเป็ที่เรียบร้อย เด็กหนุ่มนำหยกเทพชูร่าออกมาดูดซับพลังเืและแก่นโลหิตของศพเหล่านี้ เพียงไม่นานร่างศพทั้งหมดก็พลันแห้งเหี่ยวลง
จากนั้นมู่เฟิงก็ได้จุดไฟเผาซากศพที่แห้งเหี่ยวทั้งหมด เพียงไม่นานเปลวไฟก็ลุกโชนไปทั่วลานกว้าง
ในตอนนี้หยกเทพชูร่าได้ดูดซับพลังเืและแก่นโลหิตเข้าไปไม่น้อยแล้ว ทำให้มันมีพลังสะสมอยู่ภายในเป็จำนวนมาก
ภายในหยกเทพชูร่านั้นมีพื้นที่สีโลหิตแห่งหนึ่งอยู่ ซึ่งแก่นโลหิตแต่ละหยดที่ถูกดูดซับเข้ามาล้วนกำลังลอยตัวอยู่ในพื้นที่แห่งนั้น นอกจากนี้หลังจากที่มันได้ดูดซับพลังเืเข้าไปเป็จำนวนมากแล้ว คาดไม่ถึงว่ามันจะเกิดการควบแน่นเป็เม็ดโอสถสีแดงที่มีขนาดเท่าหัวแม่มือขึ้นมา
และเม็ดโอสถเหล่านี้ก็มีลายเส้นโอสถปรากฏอยู่บนนั้น โดยส่วนใหญ่จะมีลายเส้นหนึ่งลาย ในขณะที่ส่วนน้อยจะมีลายเส้นสองลาย ซึ่งเม็ดโอสถเหล่านี้ก็ได้ลอยอยู่ในพื้นที่สีโลหิตแห่งนั้น เห็นได้ชัดว่ามันเป็เื่ที่แปลกประหลาดเป็อย่างมาก
คนของตระกูลมู่เก็บกวาดร่องรอยทั้งหมดจนเสร็จเรียบร้อยใน่เวลาตีสอง จากนั้นพวกเขาก็ได้ทำการปล้นอาวุธปราณก่อนจะถอนกำลังทั้งหมดออกไป เวลานี้ภายในตระกูลหวงจึงเหลือเพียงแค่คนธรรมดาในตระกูลที่กำลังร่ำไห้กับการสูญเสียครั้งใหญ่
วันถัดมา
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำผู้หนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้น เขาสวมใส่หมวกสีดำและมีดาบห้อยอยู่ข้างเอว จากการแต่งตัวของเขาสามารถบ่งบอกได้ว่าชายผู้นี้เป็คนของทางการ นอกจากเขาแล้วยังมีกลุ่มคนของกองปราบอีกจำนวนหนึ่ง เวลานี้พวกเขากำลังตรวจสอบร่องรอยการนองเืของตระกูลหวงที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน
“ใต้เท้า ผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลหวงถูกสังหารไปทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบสามคนขอรับ ศพของพวกเขาทั้งหมดถูกเผาอยู่ในลานแห่งนั้น ส่วนคนที่เหลือรอดล้วนมีเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้นขอรับ”
มือปราบผู้หนึ่งรีบเข้ามากล่าวรายงานด้วยความเคารพ
หัวหน้ามือปราบพยักหน้าก่อนจะถอนหายใออกมา “ตระกูลหวงถือเป็หนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองอันหนาน นึกไม่ถึงว่าจะมีจุดจบเช่นนี้ พวกเราถอนกำลังได้”
“ใต้เท้า เราจะไม่ตรวจสอบเื่นี้หรือขอรับ?”
มือปราบผู้นั้นเอ่ยถามขึ้น
“ระหว่างยุทธจักรและราชสำนักจะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน เห็นได้ชัดว่านี่เป็การล้างแค้นของคนในยุทธจักร ตรวจสอบไปแล้วจะได้อะไร กระทั่งตระกูลใหญ่อย่างตระกูลหวงพวกเขายังสามารถทำลายได้ ศาลาว่าการของเรายังจะนับเป็อะไรได้อีก? ถอนกำลัง”
หัวหน้ามือปราบผู้นั้นกล่าวขึ้นอย่างเ็า จากนั้นเขาได้พาคนของทางการจากไป
ในเวลาถัดมา ข่าวของตระกูลหวงได้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองอันหนานอย่างรวดเร็ว
ตระกูลหวงซึ่งเป็หนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองอันหนานถูกกวาดล้าง แน่นอนว่าข่าวนี้ย่อมสร้างความใให้กับผู้คนได้เป็อย่างมาก
“จุ๊ๆ เ้าได้ยินข่าวนี้หรือไม่ เมื่อคืนนี้ผู้ฝึกยุทธ์นับร้อยคนของตระกูลหวงถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นแล้ว ช่างเป็เื่ที่โหดร้ายยิ่งนัก!”
“ข้าได้ยินมาเช่นกัน ไม่รู้ว่าเป็ฝีมือของผู้ใด คงมีความแค้นใหญ่หลวงต่อกันเป็แน่ถึงได้ลงมือโเี้ขนาดนี้ ในเมื่อผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลหวงถูกสังหารไปหมดแล้ว เช่นนั้นอนาคตของตระกูลหวงคงจบเห่แน่แล้ว”
“ไอหยา เมื่อไม่นานมานี้ตระกูลมู่เพิ่งถูกปล้นสินค้าไป มาตอนนี้ตระกูลหวงยังถูกกวาดล้างอีก เหตุใดสถานการณ์ในเมืองอันหนานจึงได้วุ่นวายเช่นนี้กันนะ”
ภายในเหลาสุราแห่งหนึ่งมีกลุ่มคนจากยุทธจักรกำลังนั่งดื่มสุราขณะพูดคุยกันไปพลาง
ในเมืองอันหนานยังมีตระกูลใหญ่อีกหนึ่งตระกูล นั่นคือตระกูลหวัง
“ว่าอย่างไรนะ ตระกูลหวงถูกกวาดล้าง!”
ภายในโถงรับรอง ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งหยัดกายลุกขึ้นด้วยความใหลังจากได้ฟังคำรายงานจากศิษย์ในตระกูล
ชายผู้นี้สวมใส่ชุดคลุมสีน้ำเงิน รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าทรงเหลี่ยม บุคลิกและท่าทางของเขาดูสง่าทั้งยังดูมีอำนาจ
คนผู้นี้ก็คือผู้นำตระกูลหวัง หวังปิน!
แววตาของหวังปินแสดงออกถึงความคาดไม่ถึง ศิษย์ของตระกูลหวังผู้นั้นยังกล่าวเสริมขึ้นอีกว่า “เื่นี้ถูกแพร่ออกไปทั่วเมืองอันหนานแล้วขอรับ หลังจากส่งคนออกไปตรวจสอบพบว่าเป็เื่จริงขอรับ”
“ตระกูลหวงถูกกวาดล้าง... นี่เป็ฝีมือของผู้ใดกัน หรือว่าตระกูลหวงได้ไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกินเข้า”
หวังปินพึมพำด้วยความใ
“จากการสอบถามผู้คนที่อาศัยอยู่โดยรอบ เมื่อคืนมีเสียงกรีดร้องดังมาจากจวนตระกูลหวง ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ฝีมือคนเพียงคนเดียวของรับ แต่เป็กองกำลังกลุ่มหนึ่ง ข้าสงสัยว่า...”
ศิษย์ผู้นั้นลังเลที่จะพูดออกมา
“ในเมืองอันหนานมีเพียงตระกูลมู่และตระกูลหวังของเราเท่านั้นที่มีกำลังมากพอที่จะต่อกรกับตระกูลหวงได้ หรือว่าเ้ากำลังสงสัยตระกูลมู่”
หวังปินหรี่ตาลงขณะเอ่ยถาม
“ถูกต้องขอรับ เมื่อไม่นานมานี้ตระกูลมู่เพิ่งถูกปล้นไป มีความเป็ไปได้มากว่าจะเป็ฝีมือของตระกูลหวง และนี่อาจเป็การแก้แค้นของตระกูลมู่ขอรับ”
ศิษย์ผู้นั้นวิเคราะห์
ดวงตาของหวังปินทอประกาย เขาพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า “หากเป็ฝีมือของตระกูลมู่จริง เช่นนั้นก็เกรงว่าตระกูลมู่จะปิดบังความแข็งแกร่งได้ดีเกินไปแล้ว...”