"เลิกประชุม" หลังจากเสียงแหลมประกาศก้องท้องพระโรง เหล่าขุนนางทั้งบุ๋นบู๊นับร้อยคนต่างก็ค่อยๆ ขยับออกไปข้างนอก ต่างคนต่างจับกลุ่มเล็กๆ สนทนากันไปด้วย
ลี่อ๋องสีหน้าเย็นเยียบ สายตากวาดมองเฟิงอ๋องผู้สุขุมอ่อนโยนในชุดหมั่งเผาสีเหลืองทองคาดเข็มขัดหยกข้างพระที่นั่งั แววมาดร้ายวาบผ่านดวงตา
ในที่สุดตำแหน่งผู้สำเร็จราชการก็ยังเป็ของเฟิงอ๋อง องค์ชายลำดับถัดไปอย่างพวกเขาประชันขันแข่งกันแทบตาย ก็ยังไม่อาจเอาชนะคำว่า "ทายาทสายตรงตามกฎหมาย"
สีหน้าของเขาดำทะมึน ความเ็าจากเรือนกายยิ่งเข้มขึ้นหลายส่วน
"พี่ห้า พวกเราไปเยี่ยมเสด็จพ่อกันเถอะ" องค์ชายหกหวงผู่เหลียนลี่อบอุ่นอ่อนโยนดั่งหยก เดินเข้ามาอย่างงามสง่า ใบหน้าหล่อเหลาทอยิ้มอย่างสุภาพอ่อนโยนคล้ายไม่สะดุ้งะเืจากเื่ที่เฟิงอ๋องได้เป็ผู้สำเร็จราชการแม้แต่น้อย
ลี่อ๋องตวัดหางตามองเขาปราดหนึ่ง จิ้งจอกห่มหนังแกะผู้นี้เสแสร้งเก่งเป็ที่สุด เขาทำสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม "ได้สิ แต่เสด็จพ่อตรัสไว้ว่าหากไม่มีพระบัญชาห้ามไปรบกวน ถ้าน้องหกสามารถเข้าไปได้ ก็พาพี่ชายไปด้วยสิ"
"ดูพี่ห้าพูดเข้า แต่ไรมาเสด็จพ่อทรงโปรดปรานอุปนิสัยตรงไปตรงมาของพี่ห้าเป็ที่สุด หากท่านไปเยี่ยมไข้ เสด็จพ่อต้องทรงอนุญาตให้เข้าเฝ้าเป็แน่ ควรเป็พี่ห้าพาน้องหกเข้าไปมากกว่า" องค์ชายหกสวนกลับไปอย่างไม่เร่งร้อนไม่เฉื่อยชา
"พวกเ้าอย่าเสียเวลาเปล่าเลย"
หลิ่งอ๋องซึ่งมีเชื้อสายเผ่าเิรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน เครื่องเคราใบหน้าคมเข้ม ยิ่งอยู่ในเครื่องแบบขุนนาง ก็ยิ่งสูงใหญ่ผึ่งผาย ยามอยู่กลางท้องพระโรง มีเพียงองค์ชายเจ็ดหวงผู่เหลียนเซวียนเพียงคนเดียวที่มีความสูงสูสีกับเขา
"ได้ยินว่าเมื่อคืนหวงกุ้ยเฟยยังถูกขวางไว้นอกตำหนักยงหนิง พวกเ้าคิดว่าตนเองแน่กว่าหวงกุ้ยเฟยหรือเปล่าล่ะ" สีหน้าของหลิ่งอ๋องผู้ตรงไปตรงมาแฝงแววเหยียดหยันโดยไม่ปิดบัง
ลี่อ๋องกับองค์ชายหกต่างสบตากัน ข่าวนี้พวกเราย่อมจะรู้
ทันใดนั้นพวกเขาก็มองไปทางหวงผู่เหลียนเซวียนซึ่งกำลังจะออกไปนอกท้องพระโรงโดยไม่ได้ตั้งใจ
"น้องเจ็ด อย่าเพิ่งรีบไปสิ ไปเยี่ยมเสด็จพ่อด้วยกันเถอะ" หวงผู่เหลยลี่เดินเข้าไปขวางหวงผู่เหลียนเซวียน
"พี่หก พวกท่านไปกันเถอะ ข้ามีงานราชการติดตัวไปด้วยไม่ได้" ดวงเนตรสงบนิ่งดุจน้ำบ่อลึกกวาดมองผู้ที่มาขวางหน้า ก่อนที่จะเดินอ้อมผ่านตัวเขาออกไปนอกท้องพระโรง
หวงผู่เหลียนลี่ถูกสายตาเ็าจดจ้อง หัวใจพลันกระสับกระส่าย
"เฮ่อ น้องหกเอ๋ย ไยต้องลำบากยื่นใบหน้าเร่าร้อนไปขวางเ้าก้อนน้ำแข็งนั่นด้วย ตอนนี้ผู้อื่นควบคุมหน่วยองครักษ์พิทักษ์เมืองหลวงอยู่ในมือ ไม่ได้ว่างงานเหมือนพวกเรา" ดวงตาเฉียบคมของลี่อ๋องจ้องเงาหลังเรือนร่างสูงใหญ่ แววตาล้ำลึกยากจะคาดคะเน
หวงผู่เหลยลี่ยังคงแขวนรอยยิ้มนอบน้อมบนใบหน้า "พี่เจ็ดรับผิดชอบความปลอดภัยของเมืองหลวง ย่อมไม่ว่างอยู่แล้ว พี่รอง พี่ห้า พวกเราไปตำหนักหย่งหนิงกันเถอะ ไม่ว่าจะได้เข้าเฝ้าเสด็จพ่อหรือไม่ นี่คือสิ่งที่พวกเราในฐานะโอรสพึงกระทำ"
เสแสร้งเสียจนเคยชิน หลิ่งอ๋องกับลี่อ๋องมองเขาพร้อมกัน
ในที่สุดทั้งสามก็ตามเฟิงอ๋องไปเยี่ยมไข้ที่ตำหนักยงหนิง
แต่ก็ถูกขวางไว้นอกตำหนักไม่ผิดจากที่คาดไว้
"องค์ชายทั้งสี่มีน้ำใจยิ่ง เพียงแต่ฝ่าากำลังรับการรักษาไม่สะดวกให้เข้าเยี่ยม เชิญองค์ชายทุกท่านกลับไปก่อนเถิด"
ผูหยางชิงหลันยังคงสวมชุดผ้าไหมสีเขียวอมเทาลาย ผมค่อนข้างยุ่งเหยิง เสื้อผ้ามีรอยยับ ท่าทางไม่แข็งขืนไม่อ่อนข้อ ดวงหน้าหล่อเหลาเจือไปด้วยความอ่อนเพลีย สีหน้าฉายแววรำคาญอยู่บ้าง
ผูหยางชิงหลันไม่มีตำแหน่งขุนนาง ทั้งไม่ใช่ทายาทหนิงป๋อโหวอีกต่อไป บัดนี้เป็เพียงสามัญชนคนหนึ่ง แต่ในวังแห่งนี้ไม่มีใครกล้าสบประมาทเขา
"ชิงหลัน พระพลานามัยของเสด็จพอดีขึ้นบ้างหรือไม่" เฟิงอ๋องรีบเอ่ยถาม เนื่องจากมีความสัมพันธ์อันดีกับหวงผู่เหลียนเซวียน เขาจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับผูหยางชิงหลัน
"เฟิงอ๋องโปรดวางพระทัย ฝ่าาทรงมีพระสติแจ่มชัดยิ่ง เพียงแต่ตอนนี้้าความสงบเพื่อพักผ่อน หากในราชสำนักไม่มีเื่ใหญ่จริงๆ ก็อย่ามารบกวนพระองค์ชั่วคราว" ผูหยางชิงหลันคลึงหัวคิ้ว "ข้าต้องรีบไปต้มยา ไม่อยู่สนทนากับองค์ชายทุกท่านแล้ว"
เขาประสานมือส่งแขก พิษโอสถลูกกลอนในพระวรกายของอู่เซวียนตี้แทรกซึมไปถึงกระดูก หากตอนนี้ไม่มีเห็ดหุยซินในมือ ผูหยางชิงหลันก็ไม่รู้ว่าจะช่วยชีวิตพระองค์มาจากมือของพญายมได้อย่างไร
แต่แม้จะช่วยพระองค์กลับมาได้แล้ว แต่ผูหยางชิงหลันก็ยังไม่พอใจเท่าไร
เห็ดหุยซินสี่ดอกนี้ได้มาเพราะความโชคดีของญาติผู้น้องที่เขาเพิ่งรับมาใหม่ คราวนี้ต้องใช้ครึ่งหนึ่งเป็อย่างน้อย ทำให้ผูหยางชิงหลันปวดใจเหมือนถูกกระชาก อยากชี้หน้าด่าทออู่เซวียนตี้จนใจจะขาด เมื่อก่อนที่อาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ ก็เคยเตือนพระองค์แล้ว
กว่าจะเห็นคุณค่าและรู้จักถนอมชีวิตก็ยามที่เกือบจะสูญเสียมันไป ภายใต้ความพยายามครั้งนี้ต้องเบียดบังสมุนไพรล้ำค่าของตนเองไปไม่รู้เท่าไร ผูหยางชิงหลันตีอกชกตัวก่อนเดินเลี่ยงไป
หลังส่งเหล่าองค์ชายที่มาเยี่ยมไข้กลับไปแล้ว ก็มีขุนนางใหญ่มาอีกกลุ่ม ผูหยางชิงหลันคร้านจะออกหน้า จึงให้คนของหวังฮองเฮาออกไปจัดการ
เขากลับเข้าไปด้านใน อวี๋เฟิงหยางก็วิ่งเข้ามาหาอย่างเร่งร้อน
"อาจารย์ ฝ่าาทรงเรียกหาขอรับ"
ผูหยางชิงหลันเดินไปยังตำหนักข้างด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ยามอู่เซวียนอี้ยังทรงเป็หนุ่มจิตใจมั่นคงเด็ดเดี่ยว รักเกียรติทะนงตน เป็คนใช้ได้ทีเดียว แต่เสียดาย นิสัยที่น่ารังเกียจก็เยอะมากเช่นกัน ทั้งหมกมุ่นในตัณหาราคะ มักทำตามใจตนเอง ชอบคุยโวโอ้อวดความเก่งกล้าของตน ทั้งมือเติบใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย และมากความหวาดระแวง
"ฝ่าาทรงไม่สบายตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ"
ภายในห้องร้อนระอุ กลิ่นสมุนไพรเข้มข้นฟุ้งกำจายไปทั่ว อู่เซวียนตี้แช่อยู่ในถังอาบน้ำซึ่งมีควันโขมง รู้สึกว่าตนเองใกล้จะเป็ลมเพราะความร้อนอยู่รอมร่อ
"ชิงหลัน ยามนี้คือเดือนหกเป็่อากาศอบอ้าวที่สุด เ้าให้เราแช่สมุนไพรร้อนเช่นนี้ จะต้มเราให้สุกหรืออย่างไร"
อู่เซวียนตี้เอ่ยอย่างมีโทสะแต่ไร้กำลัง พลางหยิบผ้าจากอ่างน้ำด้านข้างมาเช็ดวงพักตร์แดงก่ำ
"ฝ่าา นี่เป็วิธีขับพิษที่ละมุนละไมและได้ผลที่สุดแล้ว พิษโอสถลูกกลอนกระจายไปทั่วพระวรกายแล้ว หากไม่ใช้วิธีนี้ขับพิษ ก็ไม่อาจขับพิษออกได้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเดือนก่อน พิษของเหลียนเซวียนก็ขับออกด้วยวิธีเดียวกันนี่แหละพ่ะย่ะค่ะ"
ผูหยางชิงหลันค้อมกายเล็กน้อยขณะทูลตอบ ทว่าดวงตาที่หลุบต่ำกลับมาแววเยาะวาบผ่าน ไม่ให้พระองค์ทรมาน พระองค์ก็จะนึกว่าการช่วยชีวิตจากเงื้อมมือยมราชเป็เื่ง่ายน่ะสิ
อายุใกล้จะครึ่งร้อยแต่ยังคงใช้ชีวิตสำมะเลเทเมา พึ่งโอสถลูกกลอนเสริมพลังหยางเสพสุขกับเหล่านางสนมในวังหลังทุกค่ำคืน บุรุษที่มักมากในตัณหาราคะเช่นนี้ ผูหยางชิงหลันไม่เคยพบเจอมาก่อน
"หา เหลียนเซวียนก็ถูกต้มอย่างนี้เหมือนกันหรือ" อู่เซวียนตี้ร้อนจนหน้าแดงก่ำ ยามเอ่ยปากยังมีควันโขมง แต่กลับรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
การแช่ตัวในสมุนไพรที่เพิ่งต้มเสร็จหมาดๆ จะต่างกับการถูกต้มจริงตรงไหน อู่เซวียนตี้อึดอัดทรมานดิ้นจนตัวงอ
เคราะห์ดี พิษสลายเอ็นกร่อนกระดูกของสำนักอิ่นเหมินสามารถขับออกได้ทั้งหมด พิษจากโอสถลูกกลอนก็ต้องขับได้เหมือนกัน อู่เซวียนตี้รู้สึกมีความหวัง ในที่สุดก็ระงับความรู้สึกอยากปีนออกมาจากถังสมุนไพรลงได้
"ฝ่าา เสวยยาพ่ะย่ะค่ะ" ผูหยางชิงหลันรับถ้วยโอสถหยกขาวที่อวี๋เฟิงหยางยกเข้ามา
หลี่กงกงซึ่งยืนอยู่ด้านข้างรีบเข้ามารับไป
อู่เซวียนตี้เห็นน้ำแกงยาสีดำข้นคลั่ก ใบหน้าก็สั่นน้อยๆ ราวกับว่าในชามนั้นไม่ใช่โอสถ แต่เป็ยาพิษ
