“ท่านเองหรือ!” อวิ๋นเจียวไม่ได้พบกับอวิ๋นเหนียง แต่กลับได้พบกับฉู่อี้ ทำให้นางประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง
าแของฉู่อี้เกือบจะหายดีแล้ว แต่สีหน้ายังคงซีดเซียวอยู่บ้าง เขายิ้มบางๆ ดวงตาคู่นั้นดำสนิทราวกับบ่อน้ำโบราณที่ลึกล้ำจนยากจะหยั่งถึง ดูไม่เข้ากับวัยของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ร้านนี้เป็ของข้า” เขาพูดสั้นกระชับ ตรงประเด็น ทั่วทั้งร่างของฉู่อี้แผ่รัศมีสูงศักดิ์ออกมาโดยธรรมชาติ แน่นอนว่าอวิ๋นเจียวย่อมไม่ซื่อบื้อจนคิดว่าเขาเป็เพียงบุตรชายของตระกูลพ่อค้าธรรมดาๆ
“วันนั้นที่จากมาโดยมิได้ร่ำลา... เพราะว่าข้าไม่อยากรบกวนพวกเ้า เดิมทีตั้งใจว่าจะรอให้หายดีก่อน แล้วค่อยแวะไปขอบคุณอย่างเป็ทางการ ไม่คิดว่าจะได้พบกับเ้าอีก” ฉู่อี้นั่งลงแล้วลงมือเปลี่ยนถ้วยชาอุ่นๆ ให้อวิ๋นเจียวด้วยตัวเอง
จางหลิง องครักษ์ที่ติดตามเขามาเบิกตากว้าง ซื่อจื่อของพวกเขาลงมือปรนนิบัติเด็กสาวบ้านนอกให้ดื่มชาด้วยตัวเอง!
จางหลิงอดไม่ได้ที่จะมองอวิ๋นเจียวอย่างพิจารณา จดจำใบหน้าของเด็กสาวคนนี้ไว้ในใจ คนที่ซื่อจื่อของพวกเขาให้ความสำคัญ เขาต้องจดจำไว้ให้ดี
อวิ๋นเจียวจิบชาหนึ่งอึก แล้วเอ่ยว่า “อืม ท่านรู้ตัวก็ดีแล้วว่าการจากไปโดยไม่ร่ำลาเป็เื่ไร้มารยาท”
ฉู่อี้ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา ส่วนจางหลิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยิ่งเบิกตากว้าง เด็กสาวคนนี้ช่างไม่เกรงใจกันเอาเสียเลย! กล้าตำหนิซื่อจื่อของพวกเขาว่าไร้มารยาทเชียวหรือ!
ที่สำคัญคือซื่อจื่อของพวกเขาไม่เพียงไม่โกรธเคือง แต่ดูเหมือน... ว่าจะ... เพลิดเพลินใจเสียอีก? หรือว่าซื่อจื่อมีนิสัยชอบถูกทารุณ? จางหลิงเผลอปล่อยใจคิดฟุ้งซ่านไปไกลโดยไม่รู้ตัว
ฉู่อี้เอ่ยว่า “เช่นนั้นวันนี้ข้าเลี้ยงเอง เชิญเ้าไปทานอาหารที่ร้านอู่เว่ยไจเป็การไถ่โทษดีหรือไม่?”
อวิ๋นเจียวส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ไว้คราวหน้าเถิด ตอนเย็นท่านแม่ข้ารอพวกข้าอยู่”
ฉู่อี้ได้ยินอวิ๋นเจียวพูดว่า ‘พวกข้า’ จึงเอ่ยถาม “ท่านอามาเป็เพื่อนเ้ากระมัง ไม่ทราบว่าท่านอาอยู่ที่ใด? ในเมื่อมาถึงแล้ว ข้าก็ควรไปกล่าวขอบคุณเขาด้วยตัวเอง”
อวิ๋นเจียวจิบชา ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีไม่ใส่ใจนักว่า “ท่านพ่อข้าอยู่ที่ศาลาว่าการอำเภอ อีกเดี๋ยวข้าจะไปหาเขาแล้ว หากท่านอยากจะขอบคุณเขาก็ไว้คราวหน้าเถิด วันนี้เขาไม่ว่าง”
ศาลาว่าการหรือ? แววตาของฉู่อี้พลันลุ่มลึกขึ้น เด็กหนุ่มส่งสายตาให้จางหลิง จางหลิงเข้าใจความหมาย จึงรีบโค้งตัวแล้วเดินออกไป
“เครื่องประทินผิวที่พวกเ้าเอามาให้คราวก่อนนั้นเป็ของดี น่าเสียดายที่จำนวนน้อยไปหน่อย”
เขาส่งของสิ่งนั้นไปเมืองหลวงแล้ว และส่งต่อเข้าไปในวังหลวง พระสนมองค์นั้นได้ไปก็พึงพอใจเป็อย่างยิ่ง และด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้จึงยิ่งหลงใหลนาง... ส่วนท่านผู้นั้นที่เมืองหลวงก็ตอบรับน้ำใจของเขาเช่นกัน เื่ของเขานั้น อีกฝ่ายได้เริ่มลงมือจัดการให้แล้ว
อวิ๋นเจียวเอ่ยว่า “สิ่งนั้นเป็ของหายาก ต้องทำเครื่องประทินผิวหลายครั้งกว่าจะทำได้หนึ่งถึงสองขวด แต่ครั้งนี้ที่ข้ามาก็เพื่อจะขายของ ไม่ทราบว่าท่านจะเป็คนกำหนดราคา หรือว่าให้หลงจู๊คนเดิมเป็คนกำหนดราคาดี?” กล่าวจบชุนเหมยก็ยื่นห่อผ้าให้อวิ๋นเจียว แล้วเปิดห่อผ้านั้นออกต่อหน้าฉู่อี้
อวิ๋นเจียวหยิบกล่องไม้ใบหนึ่งออกมาจากห่อผ้า หลังจากนั้นเมื่อเปิดกล่องออก สบู่ทำมือสีชมพูกึ่งโปร่งแสงก้อนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าฉู่อี้
ฉู่อี้ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “นี่คืออะไรหรือ?”
“ท่านยังมิได้บอกข้าเลยว่าใครจะเป็คนกำหนดราคา!” อวิ๋นเจียวไม่อยากอธิบายซ้ำอีกรอบ เพราะรู้ว่าคุณชายสูงศักดิ์เช่นฉู่อี้ ต่อให้เขาจะเป็เ้าของร้านนี้ แต่เขาก็คงไม่ได้เป็คนดูแลเอง
ฉู่อี้ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะลั่น เขารู้สึกว่าเด็กสาวที่ทำท่าทางจริงจังในตอนนี้น่าสนใจยิ่งนัก “ฮ่าๆๆ... ใครก็ได้ไปตามอวิ๋นเหนียงมา!”
อวิ๋นเหนียงยืนรออยู่ที่หน้าประตูอยู่แล้ว พอได้ยินฉู่อี้เรียกนางก็รีบเดินเข้ามา นางค้อมตัวคำนับฉู่อี้อย่างอ่อนช้อย “คารวะนายน้อยเ้าค่ะ”
จากนั้นก็หันไปทักทายอวิ๋นเจียวอย่างกระตือรือร้น “คุณหนูอวิ๋น เราได้พบกันอีกแล้ว คราวก่อนข้าบอกว่าหากว่างแล้วจะไปเยี่ยมพวกเ้าที่หมู่บ้านไหวซู่ ไม่คิดว่าเ้าจะมาที่นี่ก่อน”
คำพูดของอวิ๋นเหนียงมาจากใจจริง ยาเม็ดวิเศษเม็ดนั้นทำให้นางรู้สึกคันยุบยิบในใจ หลังจากที่ได้ยินนายน้อยพูด นางก็รู้สึกว่าคุณหนูอวิ๋นผู้นี้ช่างมีโชคโดยแท้ จึงอยากจะผูกมิตรด้วย
อวิ๋นเจียวยิ้มตอบ “หลงจู๊ซุน วันนี้ข้ามาขายของ คนที่บ้านทำสบู่ผลึกแก้วขึ้นมา วันนี้พอดีว่าท่านพ่อข้ามีธุระที่ในอำเภอ ข้าก็เลยติดสอยห้อยตามเขามาด้วย พร้อมกับนำของสิ่งนี้มาให้พวกท่านดู”
“สบู่ผลึกแก้วหรือ?” อวิ๋นเหนียงเห็นสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะั้แ่ตอนที่เดินเข้ามาแล้ว นางหยิบสบู่ทำมือขึ้นมาดมที่ปลายจมูกอย่างพิจารณา สบู่สีชมพูกึ่งโปร่งแสงนั้นแผ่กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ ช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก
อวิ๋นเจียวอธิบายว่า “มันคือสบู่หอมนั่นแหละเ้าค่ะ เพียงแต่นำมาล้างมือล้างหน้าได้ดีกว่าสบู่หอม”
อวิ๋นเหนียงได้ยินดังนั้น ดวงตาก็เป็ประกาย นี่ทำให้โลกทัศน์ของนางกว้างขึ้นโดยแท้ สบู่หอมสามารถทำให้เป็เช่นนี้ได้ด้วยหรือ? ช่างเป็ของดีเสียจริง!
“ข้าลองใช้ได้หรือไม่?” อวิ๋นเหนียงถามอวิ๋นเจียวด้วยดวงตาเป็ประกาย
อวิ๋นเจียวพยักหน้า “ได้สิเ้าคะ”
เมื่ออวิ๋นเจียวพยักหน้าให้ อวิ๋นเหนียงก็รีบสั่งให้คนไปตักน้ำมาให้ พอน้ำมาถึง นางก็ลองใช้ทันที หลังจากที่ใช้แล้วพบว่าไม่เหนียวเหนอะหนะเหมือนสบู่หอมทั่วไป มีฟองละเอียดอ่อน กลิ่นหอมละมุน และติดอยู่บนมือยาวนานไม่จางหาย
“คุณหนูอวิ๋น คุณหนูคิดว่า... สูตรสบู่ทำมือนี้ของคุณหนูพอจะขายให้กับร้านฝูหรงเซวียนของพวกเราได้หรือไม่? คุณหนูวางใจเถิด เื่ราคาคุณหนูสามารถตั้งได้ตาม้า”
อวิ๋นเจียวเอ่ยว่า “เื่นี้ท่านหลงจู๊ค่อยไปคุยกับพี่ชายข้าเถิด วันนี้ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อขายสบู่ผลึกแก้วเหล่านี้เ้าค่ะ” อวิ๋นเจียวไม่ตอบตกลง เพราะนางอายุเพียงหกขวบ ไม่อาจแสดงความเฉลียวฉลาดเกินวัย
แววตาผิดหวังผุดขึ้นในดวงตาของอวิ๋นเหนียงแวบหนึ่ง แต่ด้วยความที่เป็คนค้าขายมากประสบการณ์ นางจึงรีบยิ้มแล้วเอ่ยถามทันที “เช่นนั้น... คุณหนูตั้งใจจะขายสบู่ผลึกแก้วพวกนี้อย่างไร?”
อวิ๋นเจียว “พี่ใหญ่ของข้าบอกว่าให้พวกท่านเป็คนกำหนดราคา หากราคาเหมาะสมพวกเราก็ขาย หากไม่เหมาะสมก็ไม่ขาย อย่างไรเสียที่บ้านข้าก็ไม่ได้ขัดสนเงินจากการขายสบู่พวกนี้นัก”
อวิ๋นเหนียงได้ยินดังนั้นก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า พี่น้องตระกูลอวิ๋นเฉียบแหลมเกินไปแล้วกระมัง นี่ไม่ใช่ว่าจงใจให้นางเสนอราคาสูงสุดอยู่หรือ
อวิ๋นเหนียงนึกถึงข้อดีของสิ่งนี้ ในใจครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน ขณะเดียวกันก็แอบมองฉู่อี้ เห็นว่าฉู่อี้ไม่มีท่าทีจะเข้ามาแทรกแซง นางจึงเอ่ยขึ้น “เช่นนั้น... ร้านฝูหรงเซวียนของพวกข้าขอซื้อสบู่ผลึกแก้วนี้ในราคาห้าสิบตำลึงต่อก้อนแล้วกัน เพราะสิ่งนี้แตกต่างจากเครื่องประทินผิว แม้จะใช้ดีกว่าสบู่หอม แต่ก็มิใช่สิ่งที่หาสิ่งอื่นมาทดแทนไม่ได้”
การล้างมือน่ะ ใช้สบู่ผลึกแก้วก็ได้ ใช้สบู่หอมก็ได้ หลังจากล้างมือเสร็จก็เพียงแค่ทาเครื่องประทินผิวบำรุงมือชั้นดี ก็สามารถกลบความแตกต่างระหว่างสบู่ทั้งสองชนิดได้แล้ว
ความจริงแล้วในใจอวิ๋นเจียวตั้งราคาไว้ที่สามสิบตำลึงเงินต่อก้อน ตอนนี้อวิ๋นเหนียงเสนอราคาห้าสิบตำลึงเงินต่อก้อน นางรู้สึกว่าอีกฝ่ายให้ราคาสูงมากแล้ว “เ้าค่ะ เช่นนั้นก็ห้าสิบตำลึงต่อหนึ่งก้อน”
เดิมทีอวิ๋นเหนียงคิดว่าอวิ๋นเจียวคงไม่พอใจกับราคานี้ ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลง นางจึงรีบตรวจดูสบู่ผลึกแก้วทั้งหมด จากนั้นก็นับจำนวนต่อหน้าอวิ๋นเจียวอย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วให้ลูกจ้างเก็บไปอย่างระมัดระวัง
“... ทั้งหมดรวมเป็ยี่สิบก้อน ห้าสิบตำลึงต่อหนึ่งก้อน เราต้องให้เงินคุณหนูรวมเป็เงินทั้งหมดหนึ่งพันตำลึง”
อวิ๋นเจียวรีบพูด “ข้า้าสามสิบตำลึงทอง ที่เหลือช่วยแลกเป็ตั๋วเงินให้ข้าด้วยเ้าค่ะ”
ทองคำสามารถนำไปแลกเป็เงินสดในเถาเป่าได้เช่นกัน สามร้อยตำลึงเงินหนักและเยอะเกินไป สามสิบตำลึงทองพกพาสะดวกกว่า ไม่เปลืองพื้นที่ ทั้งยังไม่เป็จุดสนใจ
หลังจากจ่ายเงินให้อวิ๋นเจียวเรียบร้อยแล้ว อวิ๋นเหนียงก็รีบถามขึ้นว่า “คุณหนูอวิ๋น เช่นนั้น... เื่ขายสูตร ในบ้านคุณหนูผู้ใดเป็คนตัดสินใจหรือ?”