เว่ยอี๋เหนียงเข้าใจนายท่านหนีดี เขาคงเกรงว่าชาวบ้านจะเล่าลือกัน ถึงเื่ที่บุตรสาวเคยถูกจับตัวไปขายให้กับหอโคมเขียวแล้วจะไม่มีผู้ใดมาสู่ขอ ดังนั้นจึงตั้งใจจะชดเชยให้นางอย่างเต็มที่
แม้สาเหตุจะเป็สิ่งที่ยอมรับได้ยาก ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมาก็ทำให้เว่ยอี๋เหนียงพยักหน้าเห็นด้วย “ชิงหวา ความจริงแล้ว ทั้งแม่ของเ้ากับข้าก็มีความตั้งใจเช่นนี้เหมือนกัน”
มารดาของโจวชิงหวามองไปที่หนีเจียเอ๋อร์ด้วยความเอ็นดู พลางเอ่ย “หากบุตรชายของข้าได้แต่งงานกับคุณหนู ก็นับว่าเป็เกียรติของตระกูลโจวยิ่งนักเ้าค่ะ!”
หนีเจียเฮ่อรู้สึกว่าข้อเสนอนี้ดีมาก จึงผงกศีรษะ “หากได้ชิงหวามาเป็น้องเขย เสี่ยวเอ๋อร์จะต้องมีความสุขมากเป็แน่”
ทุกคนหันไปมองหน้าโจวชิงหวา และเฝ้ารอคำตอบของเขา
ชายหนุ่มไม่อยากฝืนใจหนีเจียเอ๋อร์ แต่หากปฏิเสธนางก็อาจจะอับอายได้ ตอนนี้เขาจึงตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จนกระทั่งมีบ่าวรับใช้ผู้หนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน ว่าต้วนอวิ๋นหลานมาเยี่ยมหนีเจียเอ๋อร์
โจวชิงหวาถอนหายใจ ก่อนมองไปยังหญิงสาวที่กำลังแสดงท่าทีโล่งอกออกมาอย่างเปิดเผย ด้วยหัวใจร้าวราน
นายท่านหนีชวนทุกคนไปรอต้อนรับต้วนอวิ๋นหลาน แต่ยังไม่ทันลุกจากที่นั่ง ก็มีเสียงกังวานดังขึ้นเสียก่อน
“มาช้า ดีกว่าไม่มา”
เป็ต้วนอวิ๋นหลานนั่นเอง... เขาสวมเสื้อคลุมสีขาว และปรากฏตัวขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ดูน่าชิดใกล้โดยไม่แบ่งแยกชายหญิง
ทุกคนจึงลุกขึ้นทักทาย “คารวะ ท่านแม่ทัพต้วน”
ดวงตาของต้วนอวิ๋นหลานกวาดมองไปทั่ว แล้วจึงกล่าว “มิต้องมากพิธี ทุกคนเชิญนั่ง!”
นายท่านหนีสั่งให้พ่อบ้านเพิ่มเก้าอี้ พร้อมถ้วยและตะเกียบ จากนั้นจึงเชิญให้แม่ทัพหนุ่มมานั่งตรงตำแหน่งเดิมของตน เพื่อแสดงการให้เกียรติ
ต้วนอวิ๋นหลานตอบรับอย่างสุภาพสองสามคำ แล้วนั่งลง พลางมองหนีเจียเอ๋อร์ด้วยสายตาเป็ห่วง “เสี่ยวเอ๋อร์ ข้ามาหาเ้าหลายครั้งแล้ว วันนี้เพิ่งได้พบ หายดีแล้วหรือ?”
เนื่องจากหนีเจียเอ๋อร์หนีออกจากบ้าน ก่อนหายตัวไป นายท่านหนีจึงเกรงว่าหากพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมเช่นนี้เผยแพร่ออกไป อาจจะส่งผลต่อชื่อเสียงของตระกูลหนี จึงต้องปล่อยข่าวว่านางป่วยหนัก จนไม่อาจออกมาพบหน้าผู้คนได้
ด้วยกลัวว่าบุตรสาวจะหลุดปากพูดความจริง เขาจึงแสร้งทำเป็กระแอมไอส่งสัญญาณเตือน
หนีเจียเอ๋อร์เข้าใจการบอกใบ้ของบิดา จึงลุกขึ้นตอบอย่างลื่นไหล “ขอบคุณพี่ใหญ่ที่เป็ห่วง เสี่ยวเอ๋อร์หายป่วยแล้วเ้าค่ะ”
ต้วนอวิ๋นหลานพยักหน้ายิ้มๆ “ดีแล้ว คราวนี้พี่ใหญ่เป็ห่วงเ้าแทบตาย”
จากนั้นก็หันไปมองโจวชิงหวา ก่อนพูดต่อ “เชื่อว่าความรู้สึกในตอนนั้นของพี่ชิงหวา ก็คงจะไม่ต่างกัน”
โจวชิงหวาเหลือบมองหญิงสาว แล้วคลี่ยิ้ม “น่าจะใช่!”
คนที่เหลือต่างก็ก้มหน้าลง ทำเป็ไม่เห็นและไม่ได้ยินสิ่งใด
ความจริงแล้ว ทุกคนย่อมรู้ดี ว่าการที่หนีเจียเอ๋อร์หายตัวออกจากบ้านไปนานกว่าหนึ่งเดือนนั้น คงยากต่อการปิดบัง ยังไม่ต้องพูดถึงงานเลี้ยงของสวีซื่อ ที่เปิดจวนต้อนรับสตรีชั้นสูงทั่วเมืองหลวงเมื่อสามวันก่อน แต่กลับเลิกไปเสียดื้อๆ หากผู้ใดมีสติปัญญา ก็ย่อมคาดเดาและปะติดปะต่อเื่ราวเองได้
หลังจากรับประทานอาหาร ต้วนอวิ๋นหลานก็เสนอให้ไปเดินเล่นรอบๆ แต่หนีเจียเฮ่อต้องรีบกลับตำหนักบูรพา นายท่านหนีจึงให้หนีเจียเอ๋อร์ไปเป็เพื่อนเขาแทน
แม่ทัพหนุ่มผู้นี้ ยังเป็บุคคลต้องสงสัย ว่าอาจจะเป็ตัวการที่ส่งกลุ่มชายชุดดำมาที่เรือนบนูเา โจวชิงหวาจึงไม่อยากให้พวกเขาอยู่ตามลำพังนัก แต่เพราะไร้หลักฐาน ทั้งยังไม่อาจฟื้นฝอยเื่เก่าขึ้นมาได้ ชายหนุ่มจึงจำต้องพามารดากลับจวนไปก่อน
หนีเจียเอ๋อร์พาต้วนอวิ๋นหลานไปเดินเล่นภายในสวน เขาถามถึงอาการป่วยของนาง และยังกล่าวถึงองค์ชายน้อย ว่าเฝ้าถามหาหญิงสาวกับนางกำนัลของฮองเฮาอยู่บ่อยครั้ง หากแต่ตนเองก็มิได้เล่าเื่ที่นางป่วยให้ผู้ใดทราบ
หนีเจียเอ๋อร์รู้ดีว่าต้วนอวิ๋นหลานคงจะไม่เชื่อในเื่นี้ แต่เขาก็ไม่คิดจะถามหาเหตุผล ความเข้าอกเข้าใจเช่นนี้ ทำให้หญิงสาวรู้สึกละอายแก่ใจ
พอเดินไปสักพัก หนีเจียเอ๋อร์ก็เชิญแม่ทัพหนุ่มเข้าไปในดื่มชาในจวน
หลังดื่มชาไปจอกหนึ่ง เขาก็ถอนหายใจออกมา
หนีเจียเอ๋อร์จึงเอ่ยถาม “พี่ใหญ่ ท่านมีปัญหาหนักใจอะไรหรือ?”
ต้วนอวิ๋นหลานขมวดคิ้วด้วยความกังวล “เมื่อเร็วๆ นี้ มีเด็กสาวหายตัวไปหลายคน ฝ่าาจึงมอบหมายให้ข้าจัดการเื่นี้ร่วมกับเสนาบดีสวี แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังหาเบาะแสไม่พบ”
“หายตัวไปหรือ?” หนีเจียเอ๋อร์ครุ่นคิด แล้วถามต่อ “ผู้แจ้งเหตุให้ข้อมูลว่าอย่างไรบ้าง?”
ต้วนอวิ๋นหลานโน้มตัวไปข้างหน้า พลางกระซิบน้ำเสียงจริงจัง “ข้าดูบันทึกทั้งหมดแล้ว รายงานการสืบสวนในคดีเหล่านี้ บ่งบอกว่าการหายตัวไปของเด็กสาวทั้งหมดมีความคล้ายคลึงกัน ข้าสงสัยว่านี่อาจจะเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์”
พอฟังอีกฝ่ายเล่าถึงรายละเอียด ทั้งก่อนและหลังการหายตัวไปของหญิงสาวเ่าั้ หนีเจียเอ๋อร์ก็พบว่าอาจจะเป็ฝีมือของคนกลุ่มเดียวกันกับที่เคยลักพาตัวนางไป
น่าฉงนนัก! โจวชิงหวาจัดการพวกเขาไปแล้ว ทว่ายังคงเกิดคดีในลักษณะเดียวกันอยู่
ดูท่า กิจการของคนเหล่านี้จะรุ่งเรืองเฟื่องฟูไม่น้อย จึงถึงขั้นกล้าลงมืออย่างอุกอาจโดยไม่สนฟ้าดินเช่นนี้... หนีเจียเอ๋อร์คิด
ใบหน้าของนางยังคงราบเรียบ ขณะหยิบกาน้ำชาขึ้นมารินให้แม่ทัพหนุ่มอีกจอก พลางปลอบใจไปสองสามคำ
ต้วนอวิ๋นหลานหรี่ตามอง “เสี่ยวเอ๋อร์ ข้ามีความคิดบางอย่าง ไม่รู้ว่าเ้าจะเห็นด้วยหรือไม่?”
หญิงสาวพอจะคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร จึงทำท่าผายมือ ส่งสัญญาณให้อีกฝ่าย “เชิญพี่ใหญ่ พูดมาเถอะ”
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน “ล่าสุด จากการสืบสวนเื่การวางยาพิษองค์ชาย ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเ้ามีสติปัญญาล้ำเลิศ ทั้งยังมีความกล้าหาญที่ไม่ธรรมดา หากข้าจะขอให้ช่วยสืบสวนหาตัวผู้ร้ายในคดีนี้ด้วยกัน เ้าจะยินดีหรือไม่?”
หนีเจียเอ๋อร์จึงลุกขึ้นยืน แล้วตอบตกลง “เสี่ยวเอ๋อร์จะทำให้ดีที่สุด เพื่อมิให้พี่ใหญ่ต้องผิดหวัง”
ต้วนอวิ๋นหลานรู้สึกโล่งอก จนถึงขั้นยกกาน้ำชามารินให้นางด้วยตัวเอง และยกยิ้มอย่างหล่อเหลา “ชาจอกนี้ ถือเป็การขอบคุณน้องหญิง”
หนีเจียเอ๋อร์ยกแขนเสื้อมาบัง ก่อนดื่มชาจนหมดจอก
หลังต้วนอวิ๋นหลานกลับไป หญิงสาวก็มุ่งหน้ามายังจวนสกุลโจวทันที จากนั้นก็เล่าเื่ที่ตนได้รับการไหว้วานให้โจวชิงหวาฟัง เพราะอยากจะขอยืมตัวสือหวู่ให้ไปช่วยสืบหาผู้สมรู้ร่วมคิด ด้วยเชื่อว่าคนที่ถูกองครักษ์ของจวนสกุลโจวยิงธนูเข้าใส่นั้น น่าจะยังมีชีวิตอยู่
ไม่ต้องให้หนีเจียเอ๋อร์พูด โจวชิงหวาก็ออกปากมาเอง ว่าเต็มใจที่ช่วยตรวจสอบเื่ดังกล่าว
หลังจากคุยธุระจบ ทุกอย่างก็พลันเงียบงัน...
สายตาของคนทั้งสองสบประสาน...
หนีเจียเอ๋อร์กำมือกุมริมฝีปาก แล้วกระแอมไอ ก่อนพูดอย่างเขินอาย “หากข้ากลับตอนนี้เลย มันจะไม่เร็วไปหน่อยหรือ?”
โจวชิงหวายื่นมือไปเกี่ยวเส้นผมนุ่มสลวยของนาง แล้วจึงยกยิ้ม “เ้ากลุ้มใจ ที่นายท่านบอกให้หมั้นหมายกับข้าหรือ?”
หนีเจียเอ๋อร์ดึงผมตัวเองกลับมา พยายามทำสีหน้าเรียบเฉย ทั้งยังกระแอมไอหลายครั้ง แล้วจึงตอบ “ท่านพ่อนี่ก็จริงๆ เลย จู่ๆ ก็พูดออกมาได้โดยไม่คิดจะปรึกษาหารือก่อน ไม่รู้หรืออย่างไร ว่าพวกเราสองคนเป็พี่น้องร่วมน้ำนมเดียวกัน เช่นนี้แล้ว จะแต่งงานกันได้หรือ!”
ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปาก นางก็เสริมขึ้นทันที “ไม่ต้องเอาเื่นี้มาใส่ใจ ข้าจะเป็คนพูดกับท่านพ่อเอง ขอตัวลา”
ขาดคำ นางก็แทบจะวิ่งหนีไป
โจวชิงหวามองตามแผ่นหลังของหนีเจียเอ๋อร์ ภายในแววตาของเขาตอนนี้ ยากที่จะหยั่งรู้ได้ว่ากำลังคิดสิ่งใด
ชายหนุ่มนั่งโดดเดี่ยวเพียงลำพัง พลางเฝ้ามองรถม้าที่ค่อยๆ ห่างออกไปจนสุดสายตา...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้