หลังจากโจรคนอื่นๆ ทิ้งอาวุธ พวกเขาก็รีบเผ่นแน่บลงจากูเาไปด้วยความตื่นตระหนกทันที เหลือไว้เพียงชายผู้มีหนวดเคราที่มู่เฟิงรั้งเอาไว้เพียงผู้เดียวเท่านั้น
เมื่อโจรคนอื่นๆ จากไปแล้ว สายตาอันคมเฉียบของมู่เฟิงก็จ้องไปยังชายผู้มีหนวดเคราที่กำลังยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เขาหวาดกลัวมากเสียจนไม่กล้าหายใจแรง ทำได้เพียงก้มศีรษะงุดราวกับกำลังรอฟังคำสั่ง
“ข้าถามเ้า เ้ารู้หรือไม่ว่าคลังสมบัติของพวกเ้าซ่อนอยู่ที่ใด?”
มู่เฟิงพาดหอกลงบนไหล่ของชายผู้นั้น ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเ็า
“รู้ขอรับ ข้ารู้ ขอท่านโปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย”
ชายมีเคราผู้นั้นรีบตอบอย่างรวดเร็ว
“เอาละ นำทางข้าไป”
มู่เฟิงพยักหน้า หลังจากได้ยินคำพูดนั้น ชายผู้มีหนวดเคราก็รีบเดินนำไปทันที ใช้เวลาเพียงไม่นานคนทั้งสามก็มาถึงฐานโจร พวกเขาเดินมายังเรือนพักที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้
นี่คือเรือนพักที่หม่าลี่เคยพักอาศัย
หลังจากที่ได้เข้ามาสำรวจ คนทั้งสามคนก็พบว่าภายในห้องนอนมีบานประตูเหล็กปิดล็อกเอาไว้อย่างแ่า เห็นได้ชัดว่าด้านหลังบานประตูเหล็กนั้นคือห้องลับ
หม่าลี่สร้างคลังสมบัติเอาไว้ในห้องนอนของเขา เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครเข้ามาขโมยสิ่งของของเขาได้
“นี่คือคลังสมบัติของหัวหน้าใหญ่ของเรา แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่มีกุญแจขอรับ”
ชายผู้มีหนวดเครากล่าวขึ้นขณะผินหน้าไปทางประตูเหล็ก
มู่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ‘กุญแจ’ ในตอนที่ค้นตัวหม่าลี่เขาไม่พบกุญแจเลย แน่นอนว่าหม่าลี่จะต้องซ่อนกุญแจเอาไว้ที่ไหนสักแห่งแน่
มู่เฟิงเดินไปยังประตูเหล็กและลองเคาะมัน จากเสียงที่สะท้อนกลับมาคาดว่าประตูเหล็กนี้น่าจะมีความหนาประมาณหนึ่งฟุต ซึ่งความหนาระดับนี้กระทั่งยอดฝีมือระดับหนิงกังก็ยังไม่สามารถทำลายได้
มู่เฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก เปลวเพลิงสีแดงลุกโชนขึ้นบนหมัดของเขา เด็กหนุ่มแผดเสียงคำรามต่ำและชกหมัดไปยังประตูเหล็กนั้นเต็มแรง
เปรี้ยง...!
เสียงดังโครมครามปรากฏขึ้น แม้จะเกิดรอยยุบบนประตูเหล็ก แต่มันก็ยังเปิดไม่ออก มีเพียงฝุ่นผงที่ฟุ้งกระจายตลบอบอวลไปทั่ว
“โอ้ ประตูเหล็กนี้แข็งแกร่งมากทีเดียว”
ไป๋จื่อเยว่กล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจ
“ประตูเหล็กนี้ทำขึ้นจากเหล็กหนาหนึ่งร้อยชั้น จากความหนาของมันแน่นอนว่าย่อมแข็งแกร่งมาก แม้แต่อาวุธปราณขั้นสองก็ยังไม่สามารถทำลายมันได้”
มู่เฟิงมองไปยังลายเส้นที่สลักลงบนประตูเหล็ก แน่นอนว่าเขาไม่ได้รีบร้อน แค่ประตูเหล็กประตูเดียวจะสามารถหยุดยั้งเขาได้อย่างไร
หยกเทพชูร่าถูกแปรสภาพกลายเป็ดาบโลหิตชูร่า และปรากฏขึ้นในมือของเขามู่เฟิง ดาบโลหิตชูร่าเล่มนี้มีน้ำหนักมากกว่าหนึ่งพันจิน เด็กหนุ่มยกดาบขึ้นสุดแขนก่อนจะฟาดดาบไปยังประตูเหล็กอย่างแรง
ปัง!
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือ ประตูเหล็กอันแข็งแกร่งถูกดาบโลหิตชูร่าตัดผ่านอย่างง่ายดายราวกับเต้าหู้นิ่ม จากผลลัพธ์นี้เห็นได้ชัดว่าดาบโลหิตชูร่านั้นคมกริบและทรงพลังมากเพียงใด
มู่เฟิงยกดาบโลหิตชูร่าขึ้นก่อนจะฟาดมันลงไปอีกครั้ง คราวนี้ประตูเหล็กพังทลายลงอย่างสมบูรณ์
มู่เฟิงพรูลมหายใจออกมาก่อนจะเก็บดาบโลหิตชูร่า ด้านหลังประตูเหล็กมีเส้นทางลับอยู่เส้นทางหนึ่ง
มู่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เส้นทางลับนั้นมืดสนิทเขามองไม่เห็นอะไรเลย ทันใดนั้นบนฝ่ามือของเขาก็พลันมีแสงส่องสว่าง เป็ลูกไฟจากพลังปราณเพลิง เขาคิดจะใช้สิ่งนี้เป็แสงสว่างนำทางในช่องทางลับ
“เ้าเข้าไปก่อน”
มู่เฟิงหันไปกล่าวกับชายผู้มีหนวดเครา
ชายผู้นั้นมองเข้าไปในเส้นทางลับ แม้ว่าจะกลัวแต่เขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของมู่เฟิง จึงทำได้เพียงต้องเดินเข้าไปโดยมีมู่เฟิงและไป๋จื่อเยว่เดินตามหลังอยู่ห่างๆ
คลิก...!
ทันใดนั้นได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้น เหมือนว่าชายผู้มีหนวดเคราจะเผลอเหยียบอะไรบางอย่างเข้า
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ทันใดนั้นเสียงหวีดแหลมก็ดังขึ้นจากกำแพงสองฝั่งทางที่มืดสนิท
ฉึก! ฉึก! ฉึก!
“อ๊าก...!”
ชายผู้มีหนวดเครากรีดร้องออกมาด้วยความเ็ป เนื่องจากเขาเผลอไปเหยียบกับดักเข้า ทำให้เขาตกเป็เป้าของอาวุธที่ถูกซ่อนเอาไว้ในกลไกลับ จึงถูกยิงเสียชีวิตในทันที
มู่เฟิงและไป๋จื่อเยว่ถึงกับลอบสูดลมหายใจเข้าลึก หม่าลี่ผู้นี้ช่างร้ายกาจนัก ถึงกับวางกับดักเอาไว้ด้วย เกรงว่าหากเขาบุ่มบ่ามเข้าไปคงต้องเจอความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสเป็แน่
จากนั้นมู่เฟิงก็ใช้พลังปราณเพลิงสำรวจผนังทั้งสองฝั่งทาง ทำให้เขาสังเกตเห็นว่าบริเวณผนังจากสองฝั่งมีช่องของลูกศรอยู่ตรงกลาง
มู่เฟิงก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับหอกยาวในมือ เด็กหนุ่มลากหอกยาวไปตามพื้นซึ่งทิ้งระยะห่างจากตัวเขาพอสมควร
คลิก!
ในขณะที่กำลังลากหอกไปข้างหน้าก็เหมือนว่ามันจะไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นลูกศรจำนวนหลายชุดก็พุ่งออกมาจากผนังทั้งสองฝั่ง
หลังจากทำแบบนี้ซ้ำสามรอบ ก็พบว่าไม่มีการยิงลูกศรออกมาแล้ว ดังนั้นมู่เฟิงและไป๋จื่อเยว่จึงเดินเข้าไปข้างใน
เส้นทางลับนี้ไม่ยาวมากนัก ระยะทางเพียงสิบกว่าเมตรเท่านั้น เพียงไม่นานพวกเขาก็มาถึงปลายทาง
ไป๋จื่อเยว่เตะเปิดประตูห้อง ทันทีที่ประตูเปิดออก แสงสีทองอร่ามก็พุ่งออกมาจากด้านใน
ภายในห้องแห่งนี้มีเหรียญตำลึงทองวางเกลื่อนไปทั่วห้อง ทำให้เกิดแสงสีทองส่องอร่าม นอกจากของเหล่านี้แล้วยังมีอาวุธปราณวางสะเปะสะปะไปทั่ว และยังมีกล่องไม้อีกจำนวนหนึ่ง
“ว้าว เหรียญตำลึงทองมากมายเลย พี่เฟิง เรารวยแล้ว ฮ่าๆ คาดว่าคงมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนเหรียญตำลึงทองอย่างแน่นอน”
ไป๋จื่อเยว่หัวเราะออกมาขณะพลิกเหรียญตำลึงทองเ่าั้ไปมา
มู่เฟิงไม่ได้สนใจเหรียญตำลึงทองมากนัก ดังนั้นเขาจึงเดินไปเปิดกล่องไม้ทีละกล่อง
ในกล่องไม้กล่องแรกนั้นถูกบรรจุไว้ด้วยพวกเครื่องประดับ จากนั้นมู่เฟิงก็เปิดกล่องถัดไปทันที
กล่องไม้เหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็เครื่องประดับจำพวกไข่มุก อัญมณีและเพรชพลอย นอกจากนี้ยังมีส่วนน้อยที่เป็ภาพวาดพู่กัน
“หื้ม นี่มันอะไรกัน?”
มู่เฟิงหยิบม้วนตำราออกมาจากกล่องไม้กล่องหนึ่ง หลังจากเขาเปิดม้วนตำราออกก็พบว่าภายในม้วนตำรานั้นมีแผนภาพลวดลายกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วน
หลังจากมองไปยังภาพกระบี่เหล่านี้แล้ว เขาก็พบว่าลวดลายแต่ละเส้นที่ร้อยผสานเข้าด้วยกันนั้นให้ความรู้สึกเฉียบขาดและคมกริบ ทำให้ผู้คนรับรู้ถึงอานุภาพของพลังที่เกียงไกรและไร้เทียมทานได้ ทว่ามันเป็ความรู้สึกที่แข็งแกร่งเกินไป กระทั่งมู่เฟิงก็ยังมีหยาดเหงื่อไหลซึมออกมาจากหน้าผาก
มู่เฟิงรีบปิดม้วนตำรากลับคืนไปในทันที เมื่อไม่มีความรู้สึกแบบเมื่อครู่แล้ว ภายในใจของเขาก็ค่อยๆ สงบลง
“รูปนี้มันอะไรกัน ช่างแปลกยิ่งนัก”
มู่เฟิงมองไปยังม้วนตำราในมือก่อนจะพูดกับตัวเองด้วยความใ
“ช้าก่อน”
ฉับพลันนั้นมู่เฟิงก็พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาเปิดม้วนตำราออกมาอีกครั้ง คราวนี้เขาลองพิจารณามององค์ประกอบของภาพกระบี่นี้อย่างถี่ถ้วน โดยองค์ประกอบลวดลายของภาพกระบี่นี้มีความละเอียดเป็อย่างยิ่ง และลวดลายเหล่านี้ก็ทำให้มู่เฟิงรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
‘หรือว่านี่จะเป็ ลายเส้น!’
มู่เฟิงหรี่ตาลง ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของเขาอย่างกะทันหัน
“หรือนี่จะเป็แผนภาพลายเส้น?”
หลังมู่เฟิงต้องทนรับความเฉียบคมของจิตกระบี่ เขาก็ตรวจสอบมันอย่างละเอียด และยิ่งพินิจมองเขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันคือรูปแบบของแผนภาพลายเส้นแบบหนึ่ง
มู่เฟิงรู้สึกยินดีอยู่ภายในใจ แผนภาพลายเส้นนี้ย่อมไม่ใช่ของธรรมดา เพียงแต่ตอนนี้ซีเยว่ยังไม่ตื่น ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงรอสอบถามเื่นี้หลังจากที่นางตื่นเท่านั้น
มู่เฟิงเก็บม้วนตำราเข้าไปในแหวนเฉียนคุน จากนั้นเขาก็มองไปยังกล่องไม้ที่มีของเพียงสิ่งเดียว มันคือชิ้นส่วนสีดำขนาดเท่าฝ่ามือ เมื่อหยิบมันขึ้นมามู่เฟิงก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกแสบร้อนที่ฝ่ามือ
“เอ๊ะ”
มู่เฟิงรู้สึกประหลาดใจ เขาหยิบมันขึ้นมาพิจารณามอง ชิ้นส่วนนี้มีน้ำหนักไม่เบา และเหมือนจะไม่ใช่ทั้งทองคำหรือว่าไม้ เหมือนจะเป็หยกสีดำชนิดหนึ่งมากกว่า ลำพังเพียงชิ้นส่วนขนาดเล็ก คาดไม่ถึงว่าจะหนักหลายสิบจิน นอกจากนี้บนพื้นผิวของมันยังมีลวดลายบางอย่าง
มู่เฟิงพิจารณามองลวดลายที่อยู่บนผิวของมัน ดูเหมือนว่าแผนภาพลายเส้นนี้จะได้รับความเสียหายมาก่อน
มู่เฟิงเก็บชิ้นส่วนของหยกดำลงไปในแหวนเฉียนคุน จากนั้นเขาก็เปิดดูกล่องไม้กล่องอื่นๆ ต่อ แต่ภายในกล่องไม้กล่องอื่นล้วนบรรจุไว้เพียงของเก่าแก่ที่ทำขึ้นจากเครื่องเงินและเครื่องทองเท่านั้น
เมื่อไม่พบสิ่งใดอีก มู่เฟิงก็หมดความสนใจในทันที มีเพียงไป๋จื่อเยว่เท่านั้นที่เอาแต่กอบโกยเหรียญตำลึงทองใส่ลงไปในแหวนเฉียนคุนด้วยความยินดีปรีดา โดยแหวนเฉียนคุนวงนี้เป็ของจางจวี้ที่เขาชิงเอามาหลังจากที่อีกฝ่ายถูกสังหาร
“พี่เฟิง แหวนของข้าบรรจุเกือบจะเต็มแล้ว ท่านรีบเก็บใส่แหวนของท่านเร็วเข้า”
ไป๋จื่อเยว่กล่าวขึ้นขณะกำลังกอบโกยเหรียญตำลึงทอง
มู่เฟิงส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นเขาก็เริ่มกอบโกยเหรียญตำลึงทองเ่าั้ใส่เข้าไปในแหวนเฉียนคุน
ใช้เวลาเพียงไม่นาน เด็กหนุ่มทั้งสองก็กอบโกยทรัพย์สมบัติในห้องไปจนหมด จากนั้นพวกเขาก็ออกจากห้องในทันที
“ฮ่าๆ พี่เฟิง ภารกิจครั้งนี้พวกเรามาไม่เสียเปล่าแล้ว”
ไป๋จื่อเยว่หัวเราะออกมาเสียงดัง
มู่เฟิงคลี่ยิ้ม แต่ขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างนั้น สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
“ระวัง!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้