เย่ชิงหานพูดจบทั้งห้าต่างรีบลุกขึ้นอย่างว่องไว ตงฟางเตาที่อยู่ตรงกลางเดินออกมาก้าวหนึ่งแล้วพูดออกมาอย่างเคารพและระมัดระวัง
“เ้านายน้อย ท่านไม่เคยได้ยินห้าองครักษ์โลหิตของท่านเ้านายใหญ่ผู้เป็บิดารึ? พวกข้า...เป็ทายาทของห้าองครักษ์โลหิต ในปีนั้นท่านเ้านายใหญ่เสียชีวิตไปอย่างฉับพลัน ตระกูลองครักษ์โลหิตของพวกข้าน้อยถูกเย่เจี้ยนกดดัน ท่านหัวหน้าตระกูลเย่เทียนหลงหลีกเร้นกาย ประกอบทั้งเ้านายน้อยอายุยังน้อยพวกข้าไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่ามใดๆ จึงได้แต่หลีกเร้นตัวจากโลกภายนอกเช่นเดียวกัน ตอนนี้เ้านายน้อยแสดงพลังฝีมือสังหาร...เอ่ออ! ท่านหัวหน้าตระกูลออกมาจากูเา พวกข้าทั้งห้าตระกูลจึงกลับออกมาสู่โลกภายนอกอีกครั้ง หลังจากได้รับการอนุมัติจากท่านหัวหน้าตระกูลจึงเดินทางมารับใช้เ้านายน้อย”
ห้าองครักษ์โลหิต? เย่ชิงหานเริ่มเข้าใจได้ในทันที บิดาเย่เตาอาศัยเสน่ห์และพลังฝีมือที่โดดเด่นที่เป็หนึ่งเคยรับยอดฝีมือผู้ติดตามไว้ห้าคน โดยถูกเรียกว่า...ห้าองครักษ์โลหิต แต่บิดาเสียชีวิตทีู่เาสุสานทวยเทพห้าองครักษ์ก็พลอยเสียชีวิตไปด้วย ดังนั้นเย่ชิงหานจึงยังงงๆ อยู่ไม่รู้ว่าอะไรเป็อะไร แต่เมื่อรู้ว่าทั้งห้าเป็ทายาทของห้าองครักษ์โลหิตและยังโผล่พรวดพราดออกมาแสดงฉากละครตามหาเ้านายเช่นนี้อีก แน่นอนว่าจะต้องเป็เย่เทียนหลงที่สั่งให้ทำ ดูท่าปู่คนนี้เพื่อที่จะดึงจิตใจของตนเองกลับมาถึงกลับยอมทำทุกทางแลกกับทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ
หลังจากเข้าใจในเื่ราวที่เกิดขึ้นเย่ชิงหานพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่โต๊ะที่อยู่ด้านหลัง “อืม...พวกเ้านั่งโต๊ะด้านหลังข้า กลับไปพวกเราค่อยคุยกันอย่างละเอียดอีกที”
ทั้งห้าพยักหน้าตอบรับแล้วเดินไปนั่งด้านหลังอย่างเคารพนอบน้อมและนิ่งเงียบไป เย่ชิงหานไม่ได้สนใจต่อสายตาของทุกคนยังคงนั่งดื่มน้ำชาต่อไปคนเดียว สำหรับห้าคนที่อยู่ด้านหลังเย่ชิงหานไม่ได้ให้ความสนิทสนมมากนัก แม้ว่าประวัติความเป็มาจะถูกยืนยันแล้ว แต่เขาก็จำเป็ต้องดูพลังฝีมือและนิสัยด้วย เขาไม่คิดจะนำคนไร้ค่าหรือว่าพวกมีความประพฤติเลวทรามไปเข้าร่วมงานประลองาระหว่างเขตปกครองด้วยอย่างแน่นอน
ละครก็ดูจบแล้ว ที่ควรรู้จักก็รู้จักแล้ว ที่ควรยกยอก็ยกยอแล้ว ทุกคนจึงหมดความสนใจแล้วทยอยพากันนั่งลง ตระกูลเยว่จัดโต๊ะไว้สามแถว ้าสุดติดประตูเป็ที่นั่งของเหล่าผู้าุโ พวกเย่ชิงหานนายน้อยทั้งห้านั่งอยู่แถวแรก ส่วนนายน้อยและคุณชายที่เหลือรู้ตำแหน่งและฐานะของตนเองดีจึงนั่งต่ออยู่ด้านหลังของพวกเขา
“ขอแสดงความยินดีกับนายน้อยหานด้วยที่ได้นักรบที่แข็งแกร่งเพิ่มมาอีกห้าคน” เฟิงจื่อที่นั่งอยู่ข้างเย่ชิงหานยกจอกเหล้าขึ้น ฮวาเฉ่าและพวกหลงสุ่ยหลิวต่างก็รีบร้อนยกจอกเหล้าขึ้นเช่นกัน วันนี้แม้เย่ชิงหานรับปากว่าจะไม่เป็ฝ่ายรุกจีบธิดาศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ก่อกวน ดังนั้นทั้งสี่เมื่อมีโอกาสจึงไม่พลาดที่จะเอาใจเขาสักหน่อย ถึงแม้ว่าเย่ชิงหานจะไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้เท่าใดนัก
“ขอแสดงความยินดีกับพวกท่านด้วยเช่นกัน!” เย่ชิงหานยกจอกเหล้าขึ้นพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ
.................................
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น ประตูใหญ่ของตระกูลเยว่ในที่สุดก็ถูกเปิดออก ผู้ที่เดินออกมาคนแรกคือสาวงามวัยกลางคนที่ไม่สามารถจะรู้ถึงอายุได้ เนื่องจากรูปร่างที่ยังอ้อนแอ้นอรชรและผิวบนใบหน้าที่ราวกับสาววัยรุ่น จะมีก็แต่เพียงรอยย่นบางๆ ที่หางตาที่ทำให้รู้ว่ามีอายุมากแล้ว ด้านหลังหญิงสาววัยกลางคนคือชายร่างใหญ่คนหนึ่งในชุดสีเขียว ดวงตาปูดโปนราวกับดวงตาของวัวที่ดูเหมือนจะทะลักออกมา และชายแก่อีกสามคนที่เดินตามมาด้านหลังต่างเดินไปนั่งโต๊ะแถวบนสุดด้วยร้อยยิ้ม
“คารวะผู้าุโสูงสุดทั้งห้าท่าน!” ทุกคนรีบลุกขึ้นทำความเคารพ ธรรมเนียมของเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนของตระกูลเยว่จะมีผู้าุโสูงสุดจากทั้งห้าตระกูลมาร่วมควบคุมและตัดสิน สิ่งนี้ทุกคนล้วนรู้ดีและไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เย่ชิงหานทำท่าทางประสานมือพอเป็พิธี จากนั้นถลึงตามองไปยังเย่ชิงหนิวคล้ายกับจะถามและตำหนิเกี่ยวกับเื่ทายาทห้าองครักษ์โลหิตที่อยู่ด้านหลังตนเอง
“เ้าหนูไม่ต้องมามองข้า ปู่ของเ้าเป็คนทำไม่เกี่ยวกับข้า พวกเขาเป็ทายาทของห้าองครักษ์โลหิตแน่นอน ทั้งพลังฝีมือและนิสัยล้วนไม่มีปัญหา เ้าสามารถใช้สอยพวกเขาได้อย่างสบายใจ” เย่ชิงหนิวส่งกระแสเสียงมา หรี่ตาลงยิ้มออกมาเล็กน้อย
อืม! เย่ชิงหานกลอกตามองบนแต่ไม่ได้แสดงอะไรออกมาอีก คนพวกนี้เป็ทายาทของผู้ติดตามรับใช้บิดาก็นับว่าเป็คนของตนเองเช่นกัน ในเมื่อเย่ชิงหนิวบอกว่าพลังฝีมือและนิสัยไม่มีปัญหา ถ้าอย่างนั้นต่อไปก็คงต้องลองใช้สอยดูสักหน่อย
“คุณชายทั้งหลายล้วนเป็ผู้มีพลังฝีมือระดับหัวกะทิยุคใหม่ของเขตปกครองเทพา วันนี้ข้ารู้สึกเป็เกียรติที่ได้เป็ตัวแทนของตระกูลเยว่ในการต้อนรับทุกท่านเข้าร่วมงานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนในครั้งนี้ ตอนนี้ข้าขอประกาศให้เริ่มงานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนอย่างเป็ทางการ ณ บัดนี้!”
เยว่จีลุกขึ้นยืนกล่าวออกมาสั้นๆ ไม่กี่ประโยคแล้วจึงประกาศเริ่มงานอย่างเป็ทางการ ทุกคนยิ้มออกมาด้วยความยินดีเพราะไม่ต้องฟังอะไรยืดยาวก็เริ่มงานพิธีในทันที
เยว่จีเห็นทุกคนยิ้มออกมาด้วยความยินดีเช่นนี้ก็พลอยมีความสุขไปด้วย ขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังจะยกขึ้น เพียงแต่...ไม่นานหลังจากนั้นราวกับว่านางััได้ถึงอะไรบางอย่าง สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาในทันที มือข้างที่ยกขึ้นมาได้ครึ่งหนึ่งพลันปล่อยลง จากนั้นหันหน้ามองไปทางท้องฟ้าทางทิศเหนือ พวกเย่ชิงหนิวต่างก็หยุดการซุบซิบพูดคุยกันลงในทันที สายตาก็มองไปยังท้องฟ้าทางด้านทิศเหนือด้วยความเคร่งขรึมขึ้น
ในใจเย่ชิงหานก็เกิดความสงสัยขึ้นเช่นเดียวกัน หันมองตามไปยังท้องฟ้าทางทิศเหนือแต่กลับไม่พบสิ่งใด เพียงแต่ผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าทางด้านทิศเหนือพลันปรากฏเสียงแผดร้องที่สั่นะเืไปทั่วผืนฟ้า จากนั้นปรากฏจุดสีดำที่ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เสียงัคำราม!”
“มารอสูรระดับเจ็ด เทอโรซอร์!”
ในตอนนี้ทุกคนถึงได้รู้ว่าเหล่าผู้าุโสูงสุดกำลังจ้องมองสิ่งใด ภายในใจรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น แต่ไม่นานก็สงบสติอารมณ์กันลงได้ เพียงแต่อาการตื่นเต้นดีใจที่แสดงออกมาบนใบหน้านั้นชัดเจนเกินกว่าจะอธิบายออกมาเป็คำพูดได้
เป็เวลาหลายปีแล้วที่เขตปกครองเทพาไม่เคยมีมารอสูรออกมาอาละวาดเข่นฆ่าผู้คน ดังนั้นมารอสูรที่จะออกจากป่ามาอาละวาดจึงเป็ไปไม่ได้ ในเมื่อไม่ใช่มารอสูรจากป่าก็แสดงว่ามารอสูรระดับเจ็ดเทอโรซอร์ตัวนี้ถูกเลี้ยงด้วยคน เทอโรซอร์นั้นแข็งแกร่งเป็อย่างมาก ตระกูลหรือผู้ที่จะเลี้ยงได้นั้นต้องไม่ใช่ระดับธรรมดา ทั่วทั้งทวีปมีเพียงที่เดียวที่สามารถเลี้ยงเทอโรซอร์ได้ ซึ่งที่นั่นก็คือ...นครแห่งเทพ!
เห็นได้ชัดว่าเ้าเทอโรซอร์ตัวนี้กำลังบินตรงมาทางเกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้ที่มาคือคนจากนครแห่งเทพอย่างแน่นอน!
นครแห่งเทพ!
ห้าพันปีก่อนเนื่องจากทั้งสามเขตปกครองมีเผ่าพันธุ์และวัฒนธรรมความเป็อยู่ที่ไม่เหมือนกัน จึงทำให้เกิดการสู้รบกันอยู่ตลอด ทุกครั้งที่สู้รบกันจะมีคนตายไปเป็จำนวนมากทั้งนักรบและชาวบ้านผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จนกระทั่งเมื่อห้าพันปีก่อน คนผู้หนึ่งที่มีนามว่า “ถู” ปรากฏตัวออกมา อาศัยพลังฝีมือของตนเพียงคนเดียวสยบเหล่ายอดฝีมือของทั้งสามเขตปกครองที่กำลังสู้รบกันนัวเนียอยู่บนูเาแห่งเทพ บีบบังคับให้ทั้งสามเขตกปครองหยุดการสู้รบแล้วกำหนดงานประลองาระหว่างเขตปกครองขึ้น จากนั้นก่อตั้งนครแห่งเทพขึ้นบนเทือกเขาแห่งเทพที่เป็จุดเขตแดนเชื่อมต่อของทั้งสามเขตปกครอง
นับั้แ่าการสู้รบครั้งนั้นจบลง นครแห่งเทพจึงกลายมาเป็สัญลักษณ์สูงสุดแห่งพลังฝีมือที่ไม่อาจก้าวข้ามพ้นไปได้ และนำความสงบสุขมาสู่ทั่วทั้งทวีปตลอดห้าพันปี อย่างน้อยประชาชนคนธรรมดาก็ไม่ต้องมาตายอย่างไม่มีความผิด พวกที่ชอบการต่อสู้...ถูกจัดให้ไปฆ่าฟันกันที่งานประลองาระหว่างเขตปกครอง พวกที่รักความสงบ...ก็ใช้ชีวิตเรียบง่ายต่อไปไม่ต้องกลัวว่ากลางดึกจะมีศัตรูต่างเผ่าพันธุ์มาเข่นฆ่า
นครแห่งเทพหลังจากที่ประกาศคำสั่งแห่งเทพที่ไม่นับว่าเข้มงวดอะไรนักออกมาไม่กี่ข้อ จากนั้นก็ไม่เคยสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเื่ราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในทั้งสามเขตปกครองอีกเลย ทำเพียงตั้งตระหง่านสูงโดดเด่นอยู่บนูเาแห่งเทพ ราวกับยอดคนเหนือโลกที่ยืนอยู่บนผาสูงจ้องมองลงมาดูหมู่เมฆที่ม้วนตัวและแตกสลายเคลื่อนคล้อยไปตามแรงลม
เนื่องด้วยท่าทีสูงส่งที่มองลงมาดูโลกอย่างราบเรียบของนครแห่งเทพเช่นนี้ ผู้คนทั่วทั้งสามเขตปกครองจึงค่อยๆ ยอมรับูเาแห่งเทพลูกนั้น ค่อยๆ ยอมรับนครแห่งเทพที่เป็ตัวแทนของชายผู้แข็งแกร่งผู้นั้น
แต่ทะเลย่อมมีคลื่นลูกใหม่ที่ใหญ่และดุดันปรากฏขึ้นมาเป็เื่ธรรมดา นับพันปีมานี้ปรากฏยอดฝีมือที่แข็งแกร่งขึ้นมานับไม่ถ้วน พวกเขาล้วนไม่พอใจกับนครแห่งเทพที่อยู่บนเขาสูงตระหง่านลูกนั้นที่กดทับและขวางทางพวกเขาอยู่ ครั้นแล้วพวกเขาจึงจับอาวุธแล้วเดินขึ้นไปยังเขาลูกนั้น เดินเข้าไปภายในนครแห่งนั้น เพียงแต่...บทสรุปสุดท้ายของทุกคนล้วนเหมือนกัน ไม่มีใครที่ถืออาวุธเดินเข้าไปภายในนครแห่งเทพแล้วได้กลับออกมาอีก...ไม่เคยมีเลยสักครั้ง!
ด้วยเหตุนี้นครแห่งเทพจึงกลายมาเป็ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภายในใจของผู้ที่อยู่ในทวีปแห่งนี้ทุกๆ คน และยังกลายมาเป็สถานที่ต้องห้ามอีกด้วย
แต่ว่าวันนี้ เทศกาลโคมไฟฤดูร้อน ทะเลสาบแห่งความเงียบสงบกลับมีแขกพิเศษคนหนึ่ง เป็แขกที่มาจากนครแห่งเทพ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผู้คนที่อยู่ในงานตกตะลึงระคนยินดีกันได้อย่างไร?
มองดูเทอโรซอร์กับคุณชายที่อยู่บนหลังของเทอโรซอร์ที่ยิ่งใกล้เข้ามาทุกที เย่ชิงหานหรี่ตาลงในทันที สำหรับนครแห่งเทพแล้วเขาไม่ได้รู้สึกดีด้วยอะไรนัก ภายในใจของเขามีความรู้สึกต่อต้านูเาสูงใหญ่ลูกนั้น คล้ายกับว่าูเาลูกนั้นสูงใหญ่จนเกินไปจนทำให้ผู้คนทั่วทั้งทวีปัเพลิงโงหัวไม่ขึ้น และตอนนี้นครแห่งเทพกลับส่งชายหนุ่มคนหนึ่งมายังทะเลสาบแห่งความเงียบสงบด้วย และเป็การมาที่ยิ่งใหญ่และเกรียงไกรเช่นนี้ แท้จริงแล้วพวกเขาคิดจะทำอะไรกันแน่?
มือของเยว่จีในที่สุดก็วางลง ใบหน้ากลับไม่ได้มีความเคร่งเครียดเหมือนเมื่อสักครู่ นางมองชายหนุ่มที่อยู่บนท้องฟ้าด้วยรอยยิ้ม ในเมื่อนครแห่งเทพไม่ได้ส่งพวกตาแก่มา แต่เป็เพียงแค่ชายหนุ่มคนหนึ่ง และวันนี้ยังเป็เทศกาลโคมไฟฤดูร้อนที่ตระกูลเยว่คัดเลือกลูกเขย ชายหนุ่มคนนี้มาอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรถึงเพียงนี้จุดประสงค์ก็แน่ชัดแล้วว่ามาทำไม แม้จะไม่ได้เป็เื่ที่ดีสักเท่าไร แต่ก็ไม่ได้เป็เื่ที่เลวร้าย ดังนั้นนางจึงยิ้มออกมาได้อย่างสบายใจ
พวกเย่ชิงหนิวกลับหน้าตาเคร่งเครียดขึ้นมาแทน แม้ด้านตำแหน่งฐานะของพวกเขาจะมีคุณสมบัติพอที่จะคุยกันกับพวกตาแก่ของนครแห่งเทพได้สบายๆ แต่วันนี้ที่มากลับเป็ชายหนุ่มที่ไม่เคยเจอหน้ามาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมาด้วยความโอ้อวดเพื่อแย่งผู้หญิงอย่างหน้าด้านๆ ขนาดนี้ จะให้พวกเขาไม่กังวลไม่โมโหได้อย่างไร?
เฟิงจื่อ ฮวาเฉ่าและหลงสุ่ยหลิวใบหน้าเริ่มดำคล้ำขึ้นมา รู้สึกได้ถึงคู่แข่งที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอีกคน รูปร่างหน้าตาก็ถือว่าไม่เลวแถมภูมิหลังไม่ธรรมดาอีก เสว่อู๋เหินกลับไม่ได้มีท่าทีสุภาพเรียบร้อยเหมือนแต่ก่อน หน้าตาก็ไม่ได้ดำคล้ำลงแต่อย่างใด แต่กลับแสดงความตื่นเต้นดีใจออกมาแทน ส่วนเย่ชิงหานจะอย่างไรก็ได้อยู่แล้วจึงนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวไม่สนโลก เพราะไม่มีความ้าใดๆ จึงไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด
ตูม!
ภายใต้การจับจ้องของทุกคนเทอโรซอร์บินลงสู่พื้นอยู่หนักหน่วง เงาร่างสีขาวที่อยู่บนหลังของเทอโรซอร์ทั่วทั้งร่างแผ่พุ่งแสงสีทองออกมา เขาออกแรงไปที่เท้าเบาๆ ในเวลาเดียวกันกับที่เทอโรซอร์บินลงสู่พื้น ชั่วพริบตาเดียวก็ล่องลอยแหวกผ่าอากาศไปหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของเหล่าผู้าุโสูงสุด ชายหนุ่มเก็บพลังสีทองกลับเข้าร่างจากนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อยประสานมือเข้าหากันพร้อมกับเอ่ยขึ้น
“ถูเชียนจวินคารวะท่านผู้าุโทั้งหลาย ได้ยินกิตติศัพท์ความงามของแม่นางชิงเฉิงมานาน วันนี้จึงอยากจะมายลโฉมให้เห็นกับตาตัวเอง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ยินว่าวันนี้วัยรุ่นหนุ่มสาวระดับหัวกะทิของเขตปกครองเทพาล้วนรวมตัวกันอยู่ที่นี่ทั้งหมด ข้าถูเชียนจวินจึงอยากจะถือโอกาสใช้การประลองฝีมือเพื่อผูกมิตรคบหากับท่านทั้งหลาย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้