สถานการณ์แบบนี้คงมีเพียงต้องอะลุ่มอล่วยเท่านั้น
หากคนหนุ่มสาวถูกหลอก แขนขายังสามารถใช้งานได้ดี อย่างมากสถานีตำรวจคงให้อยู่ที่นี่ได้สักสองวัน ทว่าสุดท้ายก็ต้องหาทางดิ้นรนเอาชีวิตรอดต่อเอง
ถ้าส่งคนไปเผิงเฉิงหมดทุกคน คนอื่นๆ จะไม่ฉวยโอกาสนี้กันหมดหรือ?
แต่สถานการณ์ของแม่เฒ่าเซี่ยนั้นค่อนข้างพิเศษ เธอเดินทางตามคนที่บ้านมาต่างเมืองแต่คนอื่นกลับหายสาบสูญกันหมด อีกทั้งเธอเองก็อายุมากแล้ว ก่อนหน้านี้ยังเป็ลมหมดสติ จะส่งกลับไปที่บ้านเกิดก็คงไม่ได้ เพราะที่บ้านเกิดไม่มีใครอยู่เลยน่ะสิ
ทว่าเธอมีลูกชายอยู่คนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เขาทำงานอยู่ที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ
ทางตำรวจช่วยทำบัตรผ่านแดนให้แม่เฒ่าเซี่ย พร้อมกับประสานงานติดต่อไปยังเผิงเฉิง เนื่องจากพวกเขาต้องติดต่อเครือเชิงหรงให้ได้เสียก่อน มิเช่นนั้นหากส่งตัวแม่เฒ่าเซี่ยไปแล้วไม่มีคนมารับจะทำอย่างไร!
ก่อนอื่นต้องยืนยันให้ได้ว่า เครือเชิงหรงมีคนชื่อเซี่ยต้าจวิน
จากนั้นก็พิสูจน์ว่าเซี่ยต้าจวินกับแม่เฒ่าเซี่ยเป็แม่ลูกกันจริงๆ
เมื่อเห็นว่าทางตำรวจได้ทำการประสานงานให้ แม่เฒ่าเซี่ยจึงสงบจิตใจลงได้บ้าง เธอจับมือตำรวจแน่นไม่ยอมปล่อย “สหายตำรวจ พวกคุณต้องจับตัวคนร้ายให้ได้นะ ช่วยลูกชายฉันกลับมาที เขาคงเจอกับเื่เลวร้ายอยู่แน่ๆ !”
แม่เฒ่าผู้นี้ดูอย่างไรก็น่าสงสาร แต่อย่างไรก็ไม่ควรอยู่ร่วมกับเธอนานเกินไป
“ลูกสะใภ้กับหลานสาวล่ะ แม่เฒ่าไม่ห่วงบ้างหรือ?”
ดูอย่างไรสหายหญิงทั้งสองย่อมเสี่ยงอันตรายมากกว่า สหายชายหากถูกพาไปขายก็คงแค่ขายแรงงาน แต่สหายหญิงนั้นพูดยาก โดยเฉพาะคนที่ยังสาว ต่อให้ช่วยกลับมาได้ก็คงถูกทำร้ายไปทั้งร่างกายและจิตใจ
ทว่าแม่เฒ่าเซี่ยกลับไม่ค่อยห่วง
ลูกชายคือลูกแท้ๆ ของเธอ คือเืเนื้อจากร่างกายเธอ
ในขณะที่ลูกสะใภ้คือคนนอกไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ต่อให้หวังจินกุ้ยจะอยู่กับเธอทั้งวัน คอยดูแลตอนป่วย แต่ถึงอย่างไรก็เป็ได้แค่คนนอก
ส่วนเซี่ยหงเซี๋ยคือหลานสาว แต่หลานสาวสามคนของตระกูลเซี่ย แม้แต่รองเท้าผุพังอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานก็ยังสามารถเจริญก้าวหน้าได้ ต่างจากเซี่ยหงเซี๋ยยิ่งนัก แม่เฒ่าเซี่ยรังเกียจที่เซี่ยหงเซี๋ยที่ไม่รู้จักสู้ชีวิต ตระกูลเซี่ยมีหลานสาวถึงสามคน หากหลานสาวหายไปคนหนึ่งก็ไม่เห็นจะเป็อะไร
จากที่สหายตำรวจพูดมา ผู้หญิงถูกเอาไปขายแล้วก็คง... แม่เฒ่าเซี่ยคิดในใจ ถ้าเช่นนั้นก็อย่าตามหาอีกเลย พากลับบ้านมาก็คงทำให้ตระกูลเซี่ยขายขี้หน้าเสียเปล่า!
หงปิงเองก็มีลูกชายอีกสองคน ขาดลูกสาวไปคนหนึ่งย่อมไม่ใช่เื่ใหญ่
ต้าจวินทิ้งเมียและลูกถึงมีโอกาสร่ำรวยเหมือนทุกวันนี้ ไม่แน่ลูกชายคนที่สามของเธออาจจะถูกหวังจินกุ้ยกับเซี่ยหงเซี๋ยถ่วงแข้งถ่วงขาก็เป็ได้
ไว้หงปิงร่ำรวยเหมือนต้าจวินเมื่อไร ยังจะกลัวหาเมียใหม่ไม่ได้หรือ
หึ รองเท้าผุพังเน่าๆ อย่างเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัยแล้วอย่างไร อยู่กับคนไม่เอาไหนอย่างหลิวเฟินย่อมไม่มีทางมีความสุข!
ตำรวจหญิงเห็นแม่เฒ่าเซี่ยเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว ทั้งยังเอาแต่เน้นย้ำว่าจะต้องหาตัวลูกชายอย่างเซี่ยหงปิงให้เจอ ก็รู้สึกไม่ชอบใจนัก หญิงชราคนนี้ช่างโหดร้ายเกินไป ไม่เห็นลูกสะใภ้กับหลานสาวเป็มนุษย์สักนิด
ทำไมผู้หญิงส่วนหนึ่งถึงเห็นผู้ชายมีค่ากว่าผู้หญิง?
ตำรวจหญิงไม่เข้าใจสักนิด อย่างไรก็ตามทางตำรวจควรรีบติดต่อไปทางเผิงเฉิง และควรส่งตัวหญิงชราคนนี้ไปให้เร็วที่สุด
—-------------------------------------------------
ศาสตราจารย์เฉียวหย่งขุยเดินทางจากปักกิ่งมาถึงเผิงเฉิงแล้ว
ศาสตราจารย์เฉียวปีนี้อายุห้าสิบกว่า โดยเขาเป็ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผู้มีชื่อเสียงในวงการ กวนฮุ่ยเอ๋อกับเซี่ยอวิ๋นและคนอื่นๆ ได้เดินทางไปรับศาสตราจารย์เฉียวที่สนามบินไป๋อวิ๋นเพื่อเดินทางมายังเผิงเฉิง เมื่อมาถึงก็พบกับคังเหว่ยที่ฟื้นได้สติอยู่พอดี ศาสตราจารย์เฉียวจึงได้ทำการตรวจอาการของคังเหว่ยอย่างละเอียด
หลังทำการตรวจอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า จนเห็นว่าคังเหว่ยเริ่มเพลีย ศาสตราจารย์เฉียวถึงบอกข้อสรุปเบื้องต้นให้ได้รับรู้
“การผ่าตัดประสบความสำเร็จเป็อย่างมาก การดูแลหลังผ่าตัดก็ดีเยี่ยม โชคดียิ่งนักที่นำตัวคนไข้มาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา ญาติวางใจได้ เพราะโอกาสที่เขาจะมีอาการข้างเคียงหลังผ่าตัดนั้นมีน้อยมาก”
การวินิจฉัยของศาสตราจารย์เฉียวทำให้ทุกคนโล่งอก
เซี่ยอวิ๋นขอบตาแดงก่ำ แต่ก็สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้
ไหล่ที่ตั้งตรงอย่างเคร่งเครียดของคังเหลียนหมินคลายตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
คังเหว่ยช่างดวงแข็งจริงๆ เขาอายุยังน้อย ต่อให้มีชีวิตรอด แต่ถ้ามีอาการข้างเคียงหลังผ่าตัดล่ะก็คงเป็เื่ที่น่าเสียดาย
การวินิจฉัยของเฉียวหย่งขุยคือยาเสริมกำลังใจที่ดีที่สุด คังเหลียนิอดคิดไม่ได้ว่า พี่ใหญ่ที่จากโลกนี้ไปแล้วคงกำลังคุ้มครองคังเหว่ยอยู่ ดังนั้นใบหน้าเคร่งขรึมของเขาจึงคลี่ยิ้มออกมาอย่างหาได้ยาก
“ศาสตราจารย์เฉียว เดินทางมาไกลลำบากคุณแล้วครับ”
มือของคังเหลียนิจับกับศาสตราจารย์เฉียวแน่น ศาสตราจารย์เฉียวไม่ได้มาเพราะถูกผู้มีอำนาจบังคับ แต่เป็เพราะเขาได้ยินว่ามีคนไข้ทางนี้้าความช่วยเหลือ อีกทั้งยังเป็ทายาทของวีรบุรุษ เมื่อหาเวลาได้เขาจึงเดินทางมาทันที
เขาไม่โทษคนตระกูลคังว่าตื่นตูมไปเอง ถึงอย่างไรการเป็ห่วงทายาทเพียงหนึ่งเดียวของครอบครัวย่อมเป็เื่ที่สามารถเข้าใจได้
ศาตราจารย์เฉียวเสริมต่อว่า “หากคนไข้อาการคงที่เมื่อไรก็จะย้ายกลับไปรักษาตัวที่ปักกิ่งใช่หรือไม่ ถึงตอนนั้นให้ผมจะมาตรวจอาการดูให้อีกรอบ แต่ผมคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร”
เซี่ยอวิ๋นกับคังเหลียนิกล่าวขอบคุณศาสตราจารย์เฉียวซ้ำแล้วซ้ำอีก
ถึงอย่างไรศาสตราจารย์เฉียวก็มาถึงเผิงเฉิงแล้ว ที่โรงพยาบาลมีคนไข้ที่อาการค่อนข้างพิเศษอยู่หลายราย ทางโรงพยาบาลจึงเชิญเขาไปช่วยให้คำปรึกษาและแนะนำ
ศาสตราจารย์เฉียวไม่ปฏิเสธคำร้องขอนี้ อีกทั้งเขายังให้การยอมรับกับการผ่าตัดของคังเหว่ยด้วย โดยบอกว่าโรงพยาบาลของเขตเศรษฐกิจพิเศษทำได้ดีมากจริงๆ
ในห้องผู้ป่วยเหลือแค่คังเหลียนิกับเซี่ยอวิ๋น เนื่องจากกวนฮุ่ยเอ๋อเดินออกมาข้างนอกแล้ว
“แม่ต้องเก็บของเตรียมกลับปักกิ่งแล้ว”
ธุระที่หน่วยงาน ธุระที่บ้าน อีกทั้งไม่กี่วันก็จะถึงวันตรุษจีน กวนฮุ่ยเอ๋อไม่ได้มีแค่งานที่ต้องทำเท่านั้น แต่เธอยังเป็ภรรยาของโจวกั๋วปิน ่ตรุษจีนมักจะมีคนมาสวัสดีปีใหม่ที่บ้านหลายคน คงไม่สามารถปล่อยให้พี่เจิงต้อนรับทั้งหมดเพียงลำพังได้
เมื่อครู่ตอนอยู่ในห้องผู้ป่วย ทุกคนตั้งใจฟังศาสตราจารย์เฉียวอย่างเงียบงัน เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่ได้พูดแทรกแต่อย่างใด ทว่าตอนนี้เธออดพูดอย่างเป็ห่วงไม่ได้ “คุณน้านั่งเครื่องกลับวันไหนคะ ฉันจะไปส่ง”
กวนฮุ่ยเอ๋อปรายตามองโจวเฉิง โจวเฉิงเองก็เริ่มร้อนตัว รู้สึกคอแห้งขึ้นมาฉับพลัน
“อีกเดี๋ยวผมก็จะกลับค่ายแล้วครับ”
เขายื้อเวลามานานมากพอแล้ว ตอนนี้คังเหว่ยไม่ใช่เพียงฟื้นคืนสติเท่านั้น แม้แต่ศาสตราจารย์เฉียวที่บินจากปักกิ่งมาถึงที่นี่ ก็ให้ความมั่นใจได้แล้วว่าคังเหว่ยปลอดภัยดี ตอนนี้โจวเฉิงจึงไม่มีข้ออ้างที่จะหยุดงานอีกต่อไป
แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่อยากแยกกับโจวเฉิง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากวนฮุ่ยเอ๋อเธอคงไม่อาจตัดพ้อได้
ในใจของเซี่ยเสี่ยวหลานเหมือนมีคนสองคนกำลังทะเลาะกัน คนหนึ่งชื่อ ‘ความรู้สึก’ ส่วนอีกคนชื่อ ‘สติสัมปชัญญะ’ ความรู้สึกนั้นกำลังอาวรณ์โจวเฉิง แต่สติกลับรู้ดีว่า่นี้ที่เธอกับโจวเฉิงสามารถเจอกันได้ถึงสองครั้ง โดยเฉพาะครั้งนี้ที่เขาขอลางานมาอยู่กับเธอตั้งนาน ความจริงแล้วเป็การฝ่าฝืนกฎระเบียบ
นักศึกษาทหารคนอื่นถูกห้ามไม่ให้ติดต่อกับครอบครัว แต่เธอได้เจอกับโจวเฉิงถึงสองครั้ง สิ่งนี้ถือว่าพิเศษมากพอแล้ว!
ถ้ายังตื๊อโจวเฉิงไม่เลิกคงก่อให้เกิดผลกระทบในแง่ร้ายตามมาจริงๆ อย่างแน่นอน หลังเกิดเื่ของเกาเฟย เซี่ยเสี่ยวหลานก็เข้าใจกฎระเบียบและค่านิยมขององค์กรที่โจวเฉิงสังกัดอยู่มากขึ้น เธอไม่ควรทำให้คนอื่นไม่พอใจโจวเฉิง ไม่ควรทำให้เบื้องบนคิดว่าโจวเฉิงเป็พวกคลั่งรัก จนไม่อาจทำการใหญ่ได้
“ฉันกับคุณน้าจะไปส่งเธอก่อน พวกเราจะส่งถึงแค่ที่หมู่บ้านชาวประมง ไม่เดินต่อไปที่ค่ายแน่นอน”
เธอคิดถึงโจวเฉิงแล้วคนเป็แม่มีหรือที่จะไม่คิดถึง เซี่ยเสี่ยวหลานจึงบอกให้กวนฮุ่ยเอ๋อไปด้วยกัน แม้ระหว่างเดินทางเธอจะไม่สามารถใกล้ชิดกับโจวเฉิงได้ แต่นั่นถือเป็เื่เหมาะสมแล้ว ตามคาด สายตาของกวนฮุ่ยเอ๋อที่มองมาที่เธอเต็มไปด้วยความเมตตา ความสัมพันธ์ของมนุษย์ย่อมต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา!
—-----------------------------------------------------
ในห้องผู้ป่วย ตู้เ้าฮุยได้ข่าวว่ามีผู้เชี่ยวชาญจากปักกิ่งมาดูอาการให้คังเหว่ย
“ถ้าอย่างนั้นก็ปลอดภัยแล้วสินะ”
หากมีเื่อะไร ศาสตราจารย์แซ่เฉียวคนนั้นมีหรือจะว่างไปดูอาการคนไข้คนอื่น ป่านนี้คงนั่งถกกันเื่แผนการรักษากับคนตระกูลคังอยู่มากกว่า ต่อให้ตู้เ้าฮุยจะเป็คนโอหังมากแค่ไหน แต่พอรู้ว่าคังเหว่ยปลอดภัยดี เขาก็อดรู้สึกโล่งใจไม่ได้
คุณชายใหญ่ตู้อารมณ์ดีได้เพียงชั่วครู่ ลูกน้องคนหนึ่งก็เดินมาบอกว่า สถานีตำรวจของหยางเฉิงติดต่อมาที่บริษัท บอกว่าจะส่งตัวแม่ของเซี่ยต้าจวินมาให้
“ทางนั้นแจ้งว่าแม่ของเซี่ยต้าจวินมาถึงหยางเฉิงก็ถูกคนหลอกครับ ตอนนี้พลัดหลงกับญาติคนอื่น เหลือแม่เฒ่าอยู่แค่คนเดียว”
ตู้เ้าฮุยชี้มาที่หน้าตัวเอง
“ฉันหน้าตาเหมือนพวกทำสถานสังเคราะห์รึ?”
คนตระกูลเซี่ยจะวุ่นวายเกินไปหรือเปล่า ต่อให้เซี่ยต้าจวินอยากรับคนที่บ้านมาอยู่ด้วย แต่อย่างน้อยก็ช่วยเลือกจังหวะเวลาหน่อยมิได้หรือ!