ด้านหลังของูเาหลังค่ายเสินเช่อ มีที่ราบแห่งหนึ่งล้อมรอบไปด้วยเนินเขาหลายลูก
เมื่อบ่ายวานนี้ เหล่าทหารในค่ายเสินเช่อ เริ่มเคลื่อนย้ายกันไปอย่างสงบ
มิมีผู้ใดรู้ว่าคนที่ถูกเผาตายในกองไฟท่ามกลางสายตาใต้หล้านั้น ยังคงปลอดภัยดีในตอนนี้
ทุกคนใช้ยาแก้พิษที่เหนียนยวี่ตระเตรียมให้ และ ‘โรคระบาด’ เริ่มกลับมาควบคุมได้แล้ว เหลือเพียงคนที่มีอาการรุนแรงเล็กน้อยเท่านั้นที่ยังอยู่ภายใต้การดูแลของหมอทหารและเซียวหราน คอยช่วยล้างสารพิษที่หลงเหลืออยู่ในร่างกาย
หลังจากค่ำคืนที่ทุกข์ทรมาน ทหารในค่ายพักผ่อนอยู่ในกระโจมที่สร้างขึ้นมาชั่วคราว ฉู่ชิงมิได้หลับเลยตลอดทั้งคืน เขายืนอยู่ใต้ต้นไม้ มองไปยังทิศทางของเมืองชุ่นเทียน รวมถึงทอดมองไปยังเปลวไฟสีแดงเพลิงที่ย้อมทั่วท้องนภา สายตามืดมิดเหม่อลอย
ในกระโจมค่าย
บุรุษใบหน้าดำคล้ำเปรอะเลอะไปด้วยขี้เถ้านอนอยู่บนตั่งตัวยาว
เหนียนยวี่บิดผ้าขนหนูสีขาว เช็ดขี้เถ้าออกจากใบหน้าของบุรุษผู้นั้น เช็ดจนสะอาด ใบหน้าหล่อเหลาพลันปรากฏขึ้น เหนียนยวี่จ้องมอง พลางย่นคิ้วงดงามเล็กน้อย
จ้าวอี้...บุรุษผู้นี้...
หากไม่ใช่เพราะโชคช่วย ยามนี้เขาคงถูกเผาตายในค่ายเสินเช่อไปแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าเขาเห็นกองเพลิงโหมไหม้ในค่ายเสินเช่อ ทว่ากลับยังพุ่งเข้ามา แท้จริงแล้วเขายัง้าชีวิตอยู่อีกหรือไม่?
เหนียนยวี่ครุ่นคิด คิ้วงามพลันขมวดแน่นขึ้นกว่าเดิม เปลือกตาของบุรุษที่นอนบนตั่งขยับปรือเล็กน้อย สติของเขาค่อยๆ คืนมา สิ่งแรกที่ผุดขึ้นในหัว คือภาพเปลวเพลิงที่ลุกโชนปกคลุมทั่วท้องฟ้า เขาเข้าไปในค่ายเสินเช่อ ทว่าทำอย่างไรก็หาร่างของเหนียนยวี่ไม่พบ จากนั้นไฟก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะกลืนกินเขา...
"ยวี่เอ๋อร์..." ฉับพลันนั้นจ้าวอี้ร้องะโออกมา มือที่เช็ดใบหน้าให้บุรุษผู้นั้นพลันสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย
จ้าวอี้ลืมตาและลุกขึ้นนั่งด้วยความใ ใบหน้าที่โผล่ในหัวของเขากลับอยู่ตรงหน้าเขาอย่างพอดิบพอดี จ้าวอี้ผงะไปครู่หนึ่ง "ยวี่...ยวี่เอ๋อร์..."
ในน้ำเสียงงุนงงสับสนนั้นมิอาจซ่อนความปีติยินดีได้ แทบไม่ต้องคิด เขาเอื้อมมือออกไปกอดสตรีตรงหน้าทันที "ยวี่เอ๋อร์ ในที่สุดข้าก็หาเ้าเจอแล้ว ในที่สุดข้าก็หาเ้าเจอแล้ว"
เหนียนยวี่ขมวดคิ้วแน่น หานางเจอแล้วงั้นหรือ?
เมื่อคืนเขาเข้าไปในค่ายเสินเช่อเพื่อตามหานางหรือ?
ในใจนางราวกับมีบางอย่างเข้ามากระทบครู่หนึ่ง สิ่งนี้ทำให้นางนึกถึงวันนั้นที่เมืองถูกปิดล้อม
ยามนั้น นางคิดว่าบุรุษที่รักนางมากที่สุดจะมาช่วยนางและช่วยนางออกไป ทว่านางมิคิดเลยว่า เขาจะวางแผนมาอย่างดี โดยนำตัวทหารห้าพันคนของนางไปทดลอง โดยไม่สนใจไยดีชีวิตของนางเลยแม้แต่น้อย ส่วนจ้าวอี้ที่อยู่ตรงหน้า พวกเขารู้จักกันได้ไม่นาน ทว่าเขากลับทำเพื่อนางโดยมิสนใจชีวิตตัวเองถึงเพียงนี้!
"ท่านอ๋องมู่..." เหนียนยวี่เอ่ยปาก
ทันทีที่เสียงเอ่ยเรียกดังออกมา จ้าวอี้พลันผละเหนียนยวี่ออกจากอ้อมกอด มองสำรวจนางั้แ่บนลงล่าง ดวงตาฉายแววอบอุ่น "โชคดีที่เ้าสบายดี ข้าคิดว่าเ้าตายแล้ว..."
"ตายแล้ว ย่อมต้องตายแน่นอน กองไฟใหญ่ถึงเพียงนี้ เป็อะไรที่ง่ายดายมากที่จะเผาครอกคนจนตาย" เหนียนยวี่ปล่อยให้เขามองสำรวจ ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ ทั้งยังเอ่ยออกมาอย่างเ็า
ความดีใจบนใบหน้าของจ้าวอี้พลันแข็งค้าง “ตายแล้ว...”
"ใช่ ท่านอ๋องมู่คิดว่าชีวิตของตัวเองมีมากมายนักหรือ?" เสียงของเหนียนยวี่เ็า นางสะบัดตัวออกจากมือทั้งสองข้างของจ้าวอี้ที่กุมไหล่นาง และเอ่ยอย่างกรุ่นโกรธ
เขากล้าบ้าบิ่นเพื่อช่วยนางโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของตัวเอง สิ่งนี้ทำให้นางซาบซึ้งก็เป็อีกเื่หนึ่ง การตำหนิเขาที่ทำอะไรไม่คิดเช่นนี้ก็เป็อีกเื่หนึ่ง
เขาคือมู่อ๋องผู้สูงส่ง สิ่งที่เขาแบกไว้บนบ่านั้นแตกต่างจากคนอื่น ชีวิตของเขามีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด โดยส่วนตัวแล้ว นางไม่้าให้เขาได้รับาเ็อะไรเลย โดยส่วนรวมแล้วก็เช่นเดียวกัน
เหนียนยวี่ลุกขึ้นจากด้านข้างของจ้าวอี้ นางหันกลับไปและเผชิญหน้ากับดวงตาสีนิลสนิท
ฉู่ชิงหรือ?
เขาเข้ามาในกระโจมั้แ่เมื่อใด?
นางนึกถึงอ้อมกอดตอนที่จ้าวอี้ตื่นขึ้นมา ในใจเหนียนยวี่พลันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ ยามที่นางนึกคิด จ้าวอี้ที่ถูกเหนียนยวี่สะบัดมือตัวเองออกจากบ่า ในใจพลันรู้สึกผิดหวัง เพราะคำพูดของเหนียนยวี่ วงคิ้วของเขาจึงขมวดแน่น
“ข้าตายแล้ว เ้าเองก็ตายด้วยหรือ?” จ้าวอี้จ้องมองเหนียนยวี่ และพรวดพราดลุกยืนขึ้น ทว่าความเ็ปที่ขายังคงมีอยู่ ความเ็ปนั้นะเืไปถึงสมองเขา จ้าวอี้ร้องลั่นออกมาทันทีโดยไม่รู้ตัว จ้าวอี้สะดุ้งใ เขารู้สึกได้ถึงความเ็ป เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ตาย!
แต่ยวี่เอ๋อร์...
เหนียนยวี่ได้ยินเสียงของจ้าวอี้ จึงละสายตาจากฉู่ชิง รีบหันหลังและก้าวเข้าไปช่วยประคองตัวจ้าวอี้ "ท่านอ๋องมู่สงบอารมณ์กว่านี้หน่อยมิได้หรือ?”
"ข้ายังไม่ตาย!" จ้าวอี้ยื่นมือออกไปบีบแก้มของเหนียนยวี่ อุณหภูมิที่อบอุ่นทำให้เขามีความสุข "เ้ายังไม่ตาย! เ้า...ยวี่เอ๋อร์ เ้าหลอกข้า!"
เหนียนยวี่กลอกตา กำลังจะดึงมือของเขาออกจากแก้มนาง ทันใดนั้นกลับมีฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นเข้ามาตรงหน้านาง และดึงมือของจ้าวอี้ออก หน้ากากสีเงินสะดุดสายตาผู้คนเป็อย่างยิ่ง
เหนียนยวี่ชะงักงันไปครู่หนึ่ง ฉู่ชิงดึงมือของจ้าวอี้ที่บีบแก้มนางออกไปแล้ว
"จื๋อหร่าน..." จ้าวอี้เพิ่งสังเกตเห็นว่ายังมีบุคคลที่สามอยู่ในกระโจมด้วย ไม่แปลกที่ฉู่ชิงเอามือออก ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม "เ้าเองก็ไม่เป็ไร ดูสบายดีมาก!"
จ้าวอี้ไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นบนใบหน้าได้
ฉู่ชิงจัดแจงจ้าวอี้ให้นั่งลงบนตั่ง และเอ่ยออกมาอย่างราบเรียบว่า “เ้าได้รับาเ็เล็กน้อย หมอทหารบอกว่าเ้าไม่ควรขยับตัวมาก"
น้ำเสียงเ็าและนิ่งสงบ ฉู่ชิงเอ่ยทิ้งไว้ไม่กี่ประโยค และไม่ได้สนใจอะไรจ้าวอี้ต่อ เขาพาตัวเองเข้าไปนั่งด้านข้าง จ้าวอี้เหลือบมองฉู่ชิง เขาคุ้นเคยกับอารมณ์ที่ไม่แยแสของฉู่ชิงดี สายตาของเหนียนยวี่มองตามฉู่ชิงชั่วครู่หนึ่ง จนกระทั่งลืมที่จะถอนสายตากลับ
จ้าวอี้หันมองเหนียนยวี่ เขาสังเกตเห็นว่าเหนียนยวี่จ้องมองจดจ่อกับฉู่ชิงอย่างมาก เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“ยวี่เอ๋อร์ ข้าจำได้อย่างชัดเจนว่า ข้ากำลังตามหาเ้า ทว่าหลังจากนั้น ข้าเองก็จำไม่ได้ เห็นได้ชัดว่ากองไฟที่ลุกโหมนั้นมีขนาดใหญ่มาก ข้าคิดว่าพวกเราคงตายกันหมดในกองไฟ ทว่าเหตุใดพวกเ้าถึงไม่เป็อะไรเลยเล่า? แล้วเหตุใดข้าถึงไม่เป็อะไรเช่นกัน?” จ้าวอี้เอ่ยปากถาม สิ่งที่เขาอยากถามที่สุดไม่ใช่เื่นี้ เขาอยากจะถามว่า เหตุใดเหนียนยวี่จึงได้มาอยู่ในค่ายเสินเช่อ แล้วเหตุใดถึงอยู่ด้วยกันกับฉู่ชิง!
ทว่ามิรู้เพราะเหตุใด ในใจเขากลับดูคล้ายหวาดกลัวที่จะถาม กลัวที่รู้คำตอบของคำถามนี้
ในความทรงจำของเขา เหนียนยวี่สนิทกับตนเองมากที่สุดเพียงคนเดียวเท่านั้น ทว่าเหนียนยวี่กับจื๋อหร่าน...ระหว่างพวกเขาสองคน ไปสนิทสนมใกล้ชิดกันั้แ่เมื่อใด?
เหนียนยวี่ปรายตามองจ้าวอี้ มิได้รับรู้ถึงความคิดในใจเขา นางเอ่ยตอบออกมาอย่างช้าๆ ว่า “ไฟไหม้ค่ายเสินเช่อ ส่วนโรคระบาดครานี้นั้นยังพูดได้ไม่ชัดเจนนัก เื่ที่ท่านอ๋องมู่ยังมีชีวิตรอดมาได้ถึงตอนนี้นั้น ต้องขอบคุณท่านแม่ทัพหลวงให้ดีแล้ว หากมิใช่เพราะเขาเข้าไปช่วยพาตัวท่านออกมาจากกองเพลิง ท่านอ๋องมู่คงได้สิ้นพระชนม์จริงอย่างแน่นอน”
จื๋อหร่านช่วยเขาหรือ?
จ้าวอี้หันมองไปยังบุรุษผู้นั้น และเอ่ยติดตลกว่า "ถ้าเช่นนั้นข้าก็เป็หนี้ชีวิตจื๋อหร่านอีกครั้งแล้ว!"
อีกครั้งงั้นหรือ?
เหนียนยวี่ไม่พลาดคำพูดที่เขาเอ่ย
ฉู่ชิงหยิบตำราคู่มือม้วนหนึ่งขึ้นมาอ่านในมือ ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดของจ้าวอี้ จ้าวอี้คุ้นเคยกับมันมานานแล้ว เขาถอนสายตากลับ ครั้นเห็นเหนียนยวี่อยู่ไกลจากตัวเองมาก ในใจพลันรู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขาเหลือบมองาแที่ขา และยกขาขึ้น ความเ็ปแผ่ซ่านไปทั่ว จ้าวอี้แยกเขี้ยวยิงฟัน “โอ๊ย...”
“เป็อะไรหรือ?”
"ขา...ขยับไม่ได้" จ้าวอี้จ้องมองเหนียนยวี่ เขาขมวดคิ้วดูน่าสงสาร “ยวี่เอ๋อร์ ข้าอยากนอน”
เหนียนยวี่แอบกลอกตาเบาๆ นางรู้ดีว่าาแบนขาของจ้าวอี้นั้นไม่ถึงขั้นยกขาขึ้นไม่ได้ ทว่าสำหรับชายหนุ่มผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ผู้นี้ นางยังมิอาจเอ่ยแทงใจและปฏิเสธเขาได้ จึงก้าวเข้าไปช่วยยกขาจ้าวอี้ให้วางลงบนตั่งอย่างระมัดระวัง ทั้งยังหยิบหมอนจัดแจงให้เขานอนลง
"ยวี่เอ๋อร์ เ้าใจดียิ่งนัก ผู้ใดที่ได้แต่งงานกับเ้า ผู้นั้นคงจะเป็คนที่โชคดีที่สุดในโลก" จ้าวอี้จ้องมองเหนียนยวี่ ใบหน้าหล่อเหลาแย้มยิ้มสดใส