เมืองชางยังคงคึกคักอึกทึกครึกโครมดังเดิม ผู้คนตื่นแต่เช้าเดินขวักไขว่ไปมาบนถนนตรอกซอกซอย บ้างก็เพื่อทำมาหากิน บ้างก็เพื่อแสวงหาความสำราญ บ้างก็เพื่อฝึกฝนเพื่อความแข็งแกร่งของพลังฝีมือ...
แสงแดดในยามเช้าที่ค่อยๆ สาดส่องไปทั่วทั้งทวีปนำความอบอุ่นและแสงสว่างสาดส่องมายังเมืองชางด้วยเช่นกัน
ฟิ้ว!
ท้องฟ้าด้านทิศตะวันตกมีเสียงดังแหวกอากาศลอยมาดึงดูดความสนใจของผู้คนในเมือง ทุกคนต่างหยุดทำกิจกรรมที่ทำอยู่ในขณะนั้นพร้อมกับส่งสายตามองขึ้นไปยังท้องฟ้าเบื้องบนด้านทิศตะวันตก เมืองชางคือเมืองที่อยู่ใต้การปกครองของตระกูลเย่ ในสถานการณ์ปกติไม่มีใครกล้าที่จะกำเริบเสิบสานถึงขนาดกล้าเหาะลอยเข้ามาภายในเมืองชางเช่นนี้ เพราะการกระทำเช่นนี้ไม่ต่างจากการท้าทายตระกูลเย่และผู้คนในเมืองชาง
ฟิ้ว!
“ผู้ที่มาคือผู้ใด?”
ทันใดนั้นภายในเมืองชางปรากฏเงาร่างสีดำสายหนึ่งลอยขึ้นมาพร้อมกับร้องตวาดขู่ออกไป เงาร่างสีดำคือผู้าุโแห่งจวนจ้าวเมือง แม้เขาจะรู้สึกไม่พอใจต่อความเสียมารยาทของแขกผู้มาเยือน แต่ก็รู้สึกกลัวอยู่ภายในเช่นเดียวกันดังนั้นคำพูดที่พูดออกไปจึงไม่กล้าที่จะกำเริบเสิบสานมากเกินไป
“ไสหัวไป!”
พลันมีเสียงร้องด่าลอยมาครั้งหนึ่งจากนั้นปรากฏเงาร่างสีเหลืองสายหนึ่งลอยผ่านไปยังตระกูลเย่ที่อยู่ทางด้านทิศเหนือของเมืองชางโดยไม่สนใจต่อผู้าุโที่อยู่บนท้องฟ้า
“เอ่อ...ข้าน้อยสมควรตาย คำนับท่านหัวหน้าตระกูล!” ผู้าุโชุดดำคิดอยากที่จะด่าออกไปสักคำแต่พอมองเห็นว่าเป็เย่เทียนหลงจึงรีบหลบทางออกไปอยู่ข้างๆ รีบประสานมือพร้อมกับพูดออกมาอย่างตื่นใกลัว
เย่เทียนหลงสีหน้าอาการกลับดูเร่งรีบร้อนรน แม้กระทั่งผู้าุโท่านนั้นก็ไม่สนใจ ทำเพียงรีบเหาะลอยหายเข้าไปยังภายในตระกูลเย่อย่างรวดเร็ว
“เอ่ออ...” ผู้าุโชุดดำลูบหนวดเคราอย่างรู้สึกแปลกประหลาดใจและสีหน้าปั้นยากขึ้นมา ท่านหัวหน้าตระกูลแม้ปกติจะค่อนข้างมีทิฐิและหัวโบราณคร่ำครึ แต่ก็ไม่น่าปฏิบัติต่อตนเองเช่นนี้? หรือว่าจะมีเื่อะไรเกิดขึ้น?
ผู้คนภายในเมืองชางเองต่างก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันเกรียวกราวขึ้นมา แม้พวกเขาจะไม่ค่อยได้เห็นเย่เทียนหลงบ่อยนัก แต่ด้วยฐานะอย่างเขากลับด่าทอคำหยาบคายออกมาเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีหน้าอาการเร่งรีบร้อนรน หรือว่ามีเื่ใหญ่อะไรเกิดขึ้น?
.................................
คำที่ร้องตวาดออกมาของเย่เทียนหลง ทำให้เหล่าผู้าุโทั้งหลายที่เหลือนั่งรักษาการณ์อยู่ภายในตระกูลเย่ต่างสะดุ้งใรับรู้ถึงการกลับมาของเขาแต่เนิ่นๆ ทุกคนต่างรีบแต่งตัวใส่เสื้อผ้าไม่มีแม้กระทั่งเวลาอาบน้ำล้างหน้ารีบเหาะลอยกันขึ้นไปบนท้องฟ้ารอคอยต้อนรับเย่เทียนหลง
“คำนับท่านหัวหน้าตระกูล!”
เย่เทียนหลงสีหน้าดำคล้ำเหาะลอยเข้ามาเหล่าผู้าุโทั้งหลายไม่กล้าแม้แต่ส่งเสียงหรือหายใจเสียงดังออกมา ต่างทำเพียงแสดงการคำนับไปครั้งหนึ่งแล้วก็พากันยืนนิ่งเงียบรอฟังคำสั่งจากเขา
“ทุกคนแยกย้ายออกไปให้หมด ทำการปิดล้อมตระกูลเย่เอาไว้ อีกสักครู่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นห้ามใครแพร่งพรายออกไปอย่างเด็ดขาด!” เย่เทียนหลงไม่ได้หยุดชะงักลงแต่อย่างใด พูดสั่งการทิ้งเอาไว้แล้วก็เหาะลอยต่อไปยังูเาด้านหลังตระกูล
“ขอรับ!”
เหล่าผู้าุโทั้งหลายเห็นเย่เทียนหลงพาคนออกไปสิบกว่าคนแต่กลับมาเพียงคนเดียวจึงต่างคาดเดากันว่ามันเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่? เพียงแต่มองเห็นใบหน้าที่โกรธแค้นเดือดดาลของเย่เทียนหลงใครก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรมาก จึงต่างรีบแยกย้ายกันออกไปทำตามคำสั่งปิดล้อมตระกูลเย่เอาไว้รอฟังคำสั่งขั้นต่อไปจากเย่เทียนหลง
“ท่านหัวหน้าตระกูล! มันเกิดเื่อะไรขึ้น?” เย่ไป๋หู่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าแล้วและััได้ถึงการมาของเย่เทียนหลงแต่เนิ่นๆ เช่นเดียวกัน เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหลงกลับมาเพียงคนเดียวพลันอุทานว่า ไม่ดีแล้วอย่างนี้ ออกมาภายในใจแล้วรีบทะยานออกไปถามขึ้นในทันที
“อย่าเพิ่งถามอะไรมากเดี๋ยวค่อยอธิบายให้เ้าฟังภายหลัง เ้ารีบใช้อาณาเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ครอบเขตูเาหลังตระกูลเอาไว้ให้หมด!” เย่เทียนหลงไม่ได้พูดอธิบายอะไรมากรีบเหาะลอยข้ามไปทางพื้นที่โล่งแห่งหนึ่งทางด้านหลังทะเลสาบที่ถูกกำแพงล้อมเอาไว้อย่างแ่า
กำแพงที่ล้อมรอบไม่ค่อยสูงมากเท่าใดนักประมาณหนึ่งเมตรกว่าๆ ถูกทาด้วยสีดำทั้งหมด พื้นที่ราบภายในมีกองเนินดินเล็กๆ มากมายนับไม่ถ้วน ทุกๆ กองเนินดินล้วนมีแผ่นศิลาหินปักตั้งอยู่พร้อมกับของเซ่นไหว้ต่างๆ นานาวางอยู่ด้านหน้า ที่แห่งนี้คือสุสานบรรพชนของตระกูลเย่มีไว้ให้เฉพาะผู้มีชื่อเสียง พลังฝีมือ และพร์โดดเด่นของตระกูลถึงจะถูกนำมาฝังไว้ในที่แห่งนี้
“ท่านหัวหน้าตระกูลคิดจะทำอะไร?” ใบหน้าของเย่ไป๋หู่เต็มไปด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ เย่เทียนหลงไม่เพียงกลับมาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่กลับมาแล้วไม่พูดอะไรเลยกลับเหาะลอยตรงไปยังสุสานบรรพชนโดยตรง เขาคิดจะทำอะไร? แม้ว่าจะไม่เข้าใจแต่เย่ไป๋หู่ก็ยังปฏิบัติตามคำสั่งของเย่เทียนหลงเริ่มปล่อยอาณาเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ครอบเขตพื้นทีู่เาทางด้านหลังตระกูลไว้ทั้งหมด
เย่เทียนหลงไม่ได้เดินเข้าไปภายในประตูใหญ่ที่อยู่ตรงกลางกำแพง แต่กลับเดินตรงไปที่ด้านหน้าของกำแพงสีดำแทน จากนั้น “ปึง” เสียงดังขึ้น เขาคุกเข่าทั้งสองข้างลงแล้วโขกหัวคำนับลงไปสามครั้ง
“ท่านบรรพบุรุษวีรชนทั้งหลาย เย่เทียนหลงอกตัญญูมารบกวนดวงิญญาอันสงบของพวกท่าน ถ้าหากดวงิญญาของพวกท่านรับรู้ได้ ขอโปรดอย่าได้ถือโทษโกรธลูกหลานของตระกูลเย่เลย ถ้าหากจะถือโกรธลงโทษสิ่งใดก็ขอให้มาลงที่ข้าเย่เทียนหลงผู้นี้เพียงคนเดียวเถิด!”
เย่เทียนหลงพูดจบไหว้คำนับอย่างหนักหน่วงไปอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นนิ้วมือซ้ายทั้งห้ากางออกเปลี่ยนหมัดเป็ฝ่ามือ แสงสีเหลืองสายหนึ่งสว่างขึ้น เขาปล่อยพลังปราณรบออกมาภายนอกฝ่ามือฟาดกระแทกเข้าไปยังกำแพงสีดำในทันที กำแพงสีดำถูกพลังปราณรบของเย่เทียนหลงกระแทกเข้าใส่กลับไม่ได้ล้มลงแต่อย่างใด แต่กลับเปล่งประกายแสงแสบตาออกมาครั้งหนึ่ง แสงที่สว่างวาบขึ้นมานั้นทำการลบล้างพลังปราณรบที่รุนแรงของเย่เทียนหลงไป
ปัง!
เย่เทียนหลงยังไม่ได้ลุกขึ้นแต่กลับปล่อยพลังปราณรบออกมาจากมือทั้งสองข้างอีก จากนั้นโจมตีออกไปอีกสองฝ่ามือ แสงบนกำแพงสว่างขึ้นอีกครั้งลบล้างพลังปราณรบจากฝ่ามือของเขา แต่ทว่าในครั้งนี้แสงที่สว่างขึ้นมานั้นดูจะอ่อนกว่าครั้งแรกอยู่หลายส่วน
ปัง! ปัง! ปัง!
เย่เทียนหลงโจมตีใส่อย่างต่อเนื่องจนในที่สุดแสงสว่างที่อยู่บนกำแพงก็เลือนหายไปไม่เหลือ สุดท้ายกำแพงถูกโจมตีจนพังทลายลงสู่พื้นจนฝุ่นควันลอยปลิวคละคลุ้งขึ้น
เย่เทียนหลงเห็นว่ากำแพงพังทลายลงแล้วจึงหยุดการโจมตีลง จากนั้นทั้งตัวนั่งคุกเข่าหมอบอยู่กับพื้นอย่างไม่ขยับเขยื้อนคล้ายกับกำลังรออะไรบางอย่างอยู่...
“ท่าน...ท่านหัวหน้าตระกูลเป็บ้าไปแล้วรึ?” เย่ไป๋หู่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น มองดูเย่เทียนหลงฟาดฝ่ามือพลังปราณรบใส่กำแพงสุสานบรรพชนครั้งแล้วครั้งเล่า ภายในใจรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริด ทำไมท่านหัวหน้าตระกูลออกไปแค่ครั้งเดียวกลับมาก็เป็บ้าไปแล้ว? เขาไม่รู้หรือว่าภายในกำแพงมีอะไรอยู่? ภายในนั้นมีดวงิญญาอันสงบของเหล่าบรรพบุรุษวีรชนทั้งหลายนอนหลับใหลอยู่...
เพียงแต่ต่อมาเขาเห็นเย่เทียนหลงคุกเข่าหมอบอยู่บนพื้นเช่นนั้นคล้ายกับกำลังรอคอยสิ่งใดอยู่ ในหัวคล้ายกับจะนึกอะไรบางอย่างได้รีบสลายอาณาเขตพลังศักดิ์สิทธิ์แล้วคุกเข่าหมอบลงไปด้วยกันกับเย่เทียนหลงโดยไม่พูดจาใดๆ ออกมา
ผ่านไปเนิ่นนาน หรืออาจจะแค่ไม่กี่วินาที หรืออาจจะเป็หลายชั่วโมง ในที่สุดเย่เทียนหลงและเย่ไป๋หู่ก็ััได้ถึงเสียงที่คล้ายกับยุงที่บินอยู่กลางอากาศค่อยๆ ดังแหวกอากาศลอยใกล้เข้ามา ต่อมาพวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันที่น่ากลัวกดทับลงมายังบริเวณูเาด้านหลังตระกูลเย่ แรงกดดันไม่ต่างจากขุนเขาลูกใหญ่ที่กดทับลงมาบนไหล่ของพวกเขาทั้งสอง ทำให้รู้สึกเหมือนถูกคนบีบคอแล้วยกลอยขึ้นกลางอากาศ รู้สึกหายใจลำบากติดๆ ขัดๆ ทั่วทั้งร่างไร้เรี่ยวแรงและหัวใจจะหยุดเต้นลงฉันนั้น
“ฮึ...เป็ลูกหลานของตระกูลเย่จริงๆ พวกเ้าสองคนทำไมถึงได้ทำลายสุสานบรรพชน? ทางที่ดีที่สุดสำหรับพวกเ้าคือการให้คำตอบที่น่าพอใจแก่ข้า หาไม่แล้วกฎของตระกูลที่ตาแก่อย่างข้าไม่ได้ใช้มาตลอดห้าร้อยปีคงจะต้องเริ่มใช้กับพวกเ้าทั้งสองแล้วละ!”
น้ำเสียงเ็าเสียงหนึ่งปรากฏดังขึ้นมากลางอากาศ ในเวลาเดียวกันกับที่เสียงนั้นดังขึ้นพลังกดดันรุนแรงที่อยู่บนร่างของเย่เทียนหลงและเย่ไป๋หู่พลันเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับว่าไม่เคยปรากฏมีอยู่มาก่อนฉันนั้น
เย่เทียนหลงและเย่ไป๋หู่ไม่มีเวลาแม้แต่จะสนใจเช็ดเหงื่อเย็นที่ผุดออกมาเต็มใบหน้า เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วไหว้คำนับอย่างหนักหน่วงลงไปอีกครั้งก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคารพนอบน้อม “ลูกหลานตระกูลเย่รุ่นที่สามสิบหกเย่เทียนหลง เย่ไป๋หู่ น้อมคำนับท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษเย่รั่วสุ่ย!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้