มองดูท่าทางไม่รีบร้อนและตื่นตระหนกแล้ว เฉวียนหรูเซินแค้นที่มิสามารถบีบคอคนผู้นี้ให้ตายทันที คำพูดง่ายๆ คำหนึ่งถูกเขาพูดจนเลี้ยวลดวกวนไปมา ยามที่พูดถึงใจความสำคัญ พลันหยุดกะทันหันและหันมามองดูสีหน้าของตน…เ้านี่มันตัวอะไรกันแน่?
คำพูดของจ้านอู๋มิ่งหยุดลงตรงนี้ พิจารณาดูเฉวียนหรูเซินอยู่ครึ่งค่อนวัน จึงยิ้มๆ อย่างขุ่นข้องกล่าวว่า “คิดมิถึงว่าศิษย์พี่จะหนักแน่นถึงเพียงนี้ ตอนที่ข้าได้ยินความลับนี้ถึงกับตะลึงงันไปแล้ว แต่เ้าไม่ตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อยนิด ช่างน่าทึ่งจริงๆ!”
เฉวียนหรูเซินแทบจะพังทลายแล้ว ตัวโง่เขลานี้มีความสามารถมากเกินไป ความลับยังมิได้พูดออกมา ตนก็ยังกำลังรอฟังอยู่ เขาถึงกับทำให้ตนตะลึงงันไปอีกแล้ว ยังพูดอีกว่าพี่ชายไม่ตื่นเต้น พี่ชายมิใช่กำลังรอให้เ้าพูดความลับอยู่หรอกหรือ? เ้าก็พูดออกมาเสียสิ!
“หากว่าเ้ากำลังถ่วงเวลา ข้าเสียใจอย่างยิ่งที่จะบอกเ้าว่ามิมีผู้ใดสามารถช่วยเ้าได้!” ในน้ำเสียงของเฉวียนหรูเซินเปี่ยมสำนึกฆ่าฟัน เยือกเย็นยิ่งนัก จ้านอู๋มิ่งทำให้ความอดทนของเขาใกล้จะหมดลงแล้ว ถ้ามิใช่เพราะเขาสนใจว่าอีกฝ่ายหนึ่งทราบคำสาบานของสิบราชันได้อย่างไร เขาก็จะไม่ทนรำคาญกับจ้านอู๋มิ่งแล้วลงมือสังหารทันที
“อ้อ ศิษย์พี่ เ้าเข้าใจผิดแล้ว ความจริงข้าแค่้าจะดูว่าเ้าอยากรู้อยากเห็นมากขนาดไหน คิดไม่ถึงว่าเ้ากลับนิ่งจนไม่ขยับเลย ร้ายกาจจริงๆ ร้ายกาจยิ่ง! สมแล้วที่เป็ศิษย์พี่ของข้า นับถือแล้ว น่าชื่นชมนัก…” จ้านอู๋มิ่งพูดพล่ามตลอดเวลา แต่มิได้พูดสิ่งที่เฉวียนหรูเซิน้าฟังแต่อย่างใด พูดไปพูดมา เพียงแค่หลุดคำว่าราชันวายุ หนานกงเฉิงออกมาเท่านั้น
“ข้าผู้นี้ชอบคบหาสหายมากที่สุด โดยเฉพาะชอบคบหาสหายของศัตรูเป็สหายมากเป็พิเศษ เ้าอย่าได้พูดออกไปเชียว ข้าได้คบหากับสหายของหนานกงเฉิงผู้หนึ่ง คนผู้นี้มักจะทานอาหารร่วมกับหนานกงเฉิงเป็ประจำ แน่นอน เขามิทราบศักดิ์ฐานะของข้า มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพูดกับข้าว่าหลังจากหนานกงเฉิงดื่มจนเมามายแล้วบอกเขาว่าพวกเ้าสิบราชัน ถึงแม้เปลือกนอกจะมักมีความขัดแย้งกันอยู่เสมอ ไม่ลงรอยกันอย่างยิ่ง แต่จริงๆ แล้ว พวกเ้าร่วมรุกร่วมถอยด้วยกันตลอดมา สหายข้าถามว่าเพราะเหตุใด หนานกงเฉิงกล่าวว่า เนื่องจากระหว่างพวกท่านมีคำสาบานร่วมกัน คำปฏิญาณนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างใหญ่หลวงกับอาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียน…” จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างลึกลับซับซ้อน
“ชายคนนี้คือผู้ใด?” สีหน้าของเฉวียนหรูเซินแปรเปลี่ยนเป็ไม่น่าดูอย่างยิ่ง เขาคาดไม่ถึงว่าข่าวสารนี้กลับเล็ดลอดออกมาจากทางด้านหนานกงเฉิง อีกทั้งยังเป็วาจาที่พูดความจริงหลังดื่มสุราเมามาย เขาไม่ค่อยเชื่อคำพูดของจ้านอู๋มิ่งมากนัก แต่สิ่งที่จ้านอู๋มิ่งพูดนั้นอย่างน้อยส่วนหนึ่งเป็ความจริง ยกเว้นสิบราชันเอง คนอื่นๆ ไม่สามารถที่จะทราบความลับนี้
“ศิษย์พี่ เ้ากำลังขอให้ข้าทรยศสหายหรือ? เช่นนี้ไม่ดีกระมัง ถึงแม้ข้าจะพูดแล้ว เ้าก็ทำอะไรนางไม่ได้อยู่ดี” พลันจ้านอู๋มิ่งยิ้มแล้ว ยิ้มจนดูชั่วร้ายเล็กน้อยและดูไร้ยางอายอยู่บ้าง แต่สภาพตลอดทั้งตัวก็ผ่อนคลายยิ่งนัก ผ่อนคลายจนทำให้เฉวียนหรูเซินรู้สึกว่าแปลกพิกลอยู่
“สามารถหรือไม่สามารถทำอะไรนาง นั่นคือเื่ของข้า…”
“ศิษย์พี่ เ้าผิดอีกแล้ว จะสามารถหรือไม่สามารถทำอะไรนาง ความจริงคือเื่ของข้า นั่นเพราะต้องดูว่าวันนี้ข้ายินยอมหรือไม่ยินยอมให้เ้าไปจากที่แห่งนี้!” จ้านอู๋มิ่งยกนิ้วชี้ขึ้นแล้วโบกไปโบกมา ยิ้มเยาะเย้ยพลางพูดขึ้น
สีหน้าเฉวียนหรูเซินแปรเปลี่ยน ดวงตาของเขาฉายจิตสังหารอันดุร้ายขึ้นวูบ กล่าวเสียงเย็นเยียบ “เ้ากำลังถ่วงเวลาของข้า?”
“เ้าอยากจะคิดเช่นนั้นก็ได้ หรือเ้าคิดว่าข้าว่างมากหรือไร กับราชันสัตว์ร้ายคนหนึ่งมีสิ่งใดน่าสนทนาด้วย ยังคิดว่าข้าพี่ชายจะชอบผู้ที่มีเบี่ยงเบนเช่นเ้าจริงๆ หรือไร?” พลันจ้านอู๋มิ่งแปรเปลี่ยนเป็หยิ่งผยองขึ้นมาทันใด ตอบด้วยสีหน้าแสดงความรังเกียจ
เฉวียนหรูเซินโกรธจนหน้าเขียวแล้ว เขาไม่รู้สึกว่ามีสิ่งใดผิดปกติ เขามิทราบว่าจ้านอู๋มิ่งถ่วงเวลาด้วยวัตถุประสงค์ใด คำพูดของจ้านอู๋มิ่งกลับทำให้เขาโกรธเคืองจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ แม้จะไม่สามารถถามจนทราบว่าคนผู้นั้นคือใคร เขาก็ต้องสังหารจ้านอู๋มิ่งก่อน หลังจากนั้นค่อยไปหาหนานกงเฉิง
“รนหาที่ตาย!” เฉวียนหรูเซินลงมือ รวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด ดั่งนกเหยี่ยวตะครุบกระต่าย ในเมื่อตัดสินใจฆ่าจ้านอู๋มิ่งแล้ว ก็ไม่มีการลังเลอีกต่อไป
ในดวงตาจ้านอู๋มิ่งฉายแววเหยียดหยามวูบหนึ่ง พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของเฉวียนหรูเซินม้วนเป็ัวารีสายหนึ่งพุ่งเข้าหาตน เขารู้สึกถึงความโกรธเคืองของเฉวียนหรูเซิน แต่เขาไม่สนใจสายน้ำที่ถูกเฉวียนหรูเซินใช้พลังควบแน่นจนแข็งแกร่งดุจทอง ดั่งเหล็กก็มิปาน เพราะธาตุน้ำในสายตาของเขาเหมือนดั่งลูกสุนัขอันเชื่องเชื่อ ไม่สามารถส่งผลภัยคุกคามใดๆ ได้เลย แต่พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้อันแข็งแกร่งของเฉวียนหรูเซิน กลับทำให้เขาต้องระมัดระวังตัว
“ตูมมม…” เฉวียนหรูเซินชกออกหมัดหนึ่ง ทะเลสาบราวกับโดนอุกกาบาตพุ่งชนใส่ ก่อเกิดเป็คลื่นั์ลูกหนึ่ง
จ้านอู๋มิ่งเหมือนขนนกชิ้นหนึ่ง ถูกคลื่นั์ซัดขึ้นไปบนท้องฟ้า เคลื่อนไหวตามคลื่น พลิ้วลอยไปกับสายลม ลอยแ่พลิ้วกายออกไปไกลเกินขอบเขตการโจมตีของเฉวียนหรูเซิน
“พลังของเ้าอ่อนแอเกินไปและความเร็วของเ้าก็ช้าเกินไปแล้ว ด้วยพลังเพียงแค่นี้ เ้าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะฆ่าข้า!” จ้านอู๋มิ่งส่ายหน้า ยิ้มและกล่าววาจา คำพูดของเขาคล้ายดั่งใบมีดคมเล่มหนึ่งแทงใส่หัวใจของเฉวียนหรูเซิน
เดิมทีนี่ควรเป็คำพูดที่เฉวียนหรูเซินพูดกับจ้านอู๋มิ่ง กลับถูกจ้านอู๋มิ่งนำมาใช้กับเขา เขารู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตนถูกท้าทาย ความโกรธอันเกรี้ยวกราดกลายเป็เจตนาฆ่าดัง “ตูมมม”
เฉวียนหรูเซินพบกับปัญหาที่น่ากลัวปัญหาหนึ่ง ความเร็วของจ้านอู๋มิ่งกลับรวดเร็วกว่าเขา ที่ทำให้เขาอับจนปัญญามากที่สุดก็คือ ในสถานพำนักของคุนเผิง ฟ้าดินเต็มไปด้วยเจตจำนงของคุนเผิง เขตแดนราชันาของเขาใช้งานไม่ได้เลยและสูญเสียความสามารถการใช้เขตแดนยับยั้งความเร็วของจ้านอู๋มิ่งไป
ธาตุแห่งชีวิตของเฉวียนหรูเซินเป็ธาตุดิน ถนัดที่สุดคือการป้องกันและความแข็งแกร่ง ความเร็วไม่ใช่ข้อได้เปรียบของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฐานการบ่มเพาะของเขาถูกระงับจนถึงระดับราชันาขั้นต้น ความเร็วดั้งเดิมถูกจำกัดด้วยการขาดพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ ความเร็วจึงลดทอนลงมาก จัดการกับราชันาระดับธรรมดาอาจไม่มีผลอะไร แต่ว่าจัดการกับนักยุทธ์ประเภทเน้นความเร็วหรือคู่ต่อสู้ที่ปราดเปรียวว่องไว ย่อมต้องเชื่องช้ากว่าอย่างชัดเจน
“โครม…” จ้านอู๋มิ่งเพิ่งจะพูดจบลง ทันใดนั้นจุดดำจุดหนึ่งจากความว่างเปล่าก็มาถึง จ้านอู๋มิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ ใช้กำปั้นปะทะกับเงาดำ พลังมหาศาลสายหนึ่งบังคับให้ร่างของเขาตกลงไปในน้ำอีกครั้ง แมวสีดำสนิทที่ตัวโตราวกับสุนัขป่าตัวหนึ่งร่อนลงอย่างแ่พลิ้วบนผืนน้ำห่างจากจ้านอู๋มิ่งออกไปหลายวา
“วิฬาร์นรกานต์!” จ้านอู๋มิ่งพูดเสียงต่ำคราหนึ่ง
ในสำนักบริบาลเดรัจฉานมีเพียงไม่กี่คนที่เห็นเฉวียนหรูเซินเรียกใช้สัตว์ร้ายของตน แต่มีข่าวลือในสำนักว่าสัตว์ร้ายคู่หูของเฉวียนหรูเซินคือแมวตัวหนึ่ง ส่วนจะเป็แมวเช่นไร จ้านอู๋มิ่งก็เคยคาดเดาเช่นกัน เพียงแต่เขาคาดมิถึงว่าถึงกับเป็วิฬาร์นรกานต์ สัตว์อสูรกลายพันธุ์ระหว่างสายเืวายุและสายเืรัตติกาล ตำนานเล่าขาน เดิมทีแมวชนิดนี้มิใช่สิ่งมีชีวิตในโลกมนุษย์ แต่หนีออกมาจากดินแดนนรกอเวจีชั้นเก้า ภายหลังอาศัยอยู่ร่วมกับจิ้งจอกวายุจากต่างแดน กำเนิดออกมาเป็สัตว์อสูรกลายพันธุ์ กอปรด้วยสายเืรัตติกาลและสายเืวายุ จึงลิขิตมาให้มันไม่ธรรมดา
เฉวียนหรูเซินเป็ศิษย์คนโตรุ่นที่สามของสำนักบริบาลเดรัจฉาน ฉายาราชันสัตว์ร้ายของเขามิใช่เื่บังเอิญ กระบวนท่าสังหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาไม่ใช่ตัวเขาเอง แต่เป็สัตว์อสูรที่เป็คู่หู เฉวียนหรูเซินทราบจุดอ่อนของตนเองกระจ่างชัด ดังนั้นสัตว์ร้ายคู่หูของเขาจึงเป็สัตว์อสูรจิติญญาที่เสริมจุดอ่อนของเขา วิฬาร์นรกานต์มิเพียงความเร็วไร้ผู้ทัดเทียม ร่างกายก็แข็งแกร่งยิ่งนัก สัตว์อสูรตัวนี้ถนัดการพรางตัวลอบโจมตี ไปมาไร้ร่องรอยดุจล่องหนหายตัว เมื่อความเร็วของธาตุวายุรวมกับคุณสมบัติทางธรรมชาติที่ซ่อนเร้นของธาตุความมืด วิฬาร์นรกานต์ตัวนี้จึงกลายเป็นักล่าที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดแล้ว
“ข้าจะให้เ้าได้เปิดหูเปิดตา ดูฝีมือของข้าสักครั้ง!” เฉวียนหรูเซินแค่นเสียงเ็าคำหนึ่ง
เขาทราบว่าถ้าพึ่งพาเฉพาะพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้และทักษะการต่อสู้ เทียบกับกายเนื้อที่แสนแข็งแกร่งของจ้านอู๋มิ่งแล้ว เขามิได้ความได้เปรียบใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความเร็วร่างกายจ้านอู๋มิ่งนั้นเร็วกว่าท่าร่างพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของเขา เขาได้แต่ต้องใช้วิฬาร์นรกานต์ สัตว์อสูรจิติญญาคู่หูของตนแล้ว
ในดวงตาของจ้านอู๋มิ่งเปล่งแสงเย็นวาบวูบหนึ่ง วิฬาร์นรกานต์หายตัวไปกลางอากาศต่อหน้าต่อตา คล้ายหลอมรวมกับความว่างเปล่าก็มิปาน ไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงคลื่นอากาศกระเพื่อมคราหนึ่งทางด้านขวา กรงเล็บแมวดูเหมือนจะเจาะผ่านความว่างเปล่า ตะกุยมาทางลำคอของเขา
“ช่างเป็พลังความมืดที่แปลกประหลาดจริงๆ” จ้านอู๋มิ่งยกมือขึ้นตบไปที่อุ้งเท้าของวิฬาร์นรกานต์ เพียงรู้สึกว่าอุ้งเท้ามืดทะมึนยิ่งนัก มีพลังงานมืดสายหนึ่งที่แผ่ออกมาจากอุ้งเท้านั้น แล่นมาตามฝ่ามือของตนแล้วชอนไชเข้าไปในเส้นชีพจร โลหิตในร่างกายคล้ายดั่งหยุดนิ่งไปชั่วขณะก็มิปาน
จ้านอู๋มิ่งถูกตบโดยอุ้งเท้านี้ ถอยกลับไปหลายฟุตบนน้ำ ร่างวิฬาร์นรกานต์หายตัวไปอีกครั้ง ดูเหมือนวิฬาร์นรกานต์จะสามารถทะลุผ่านอากาศได้ตาม้า มีความสามารถย้ายร่างในชั่วพริบตา
จ้านอู๋มิ่งทราบว่า นี่มิใช่การย้ายร่างในชั่วพริบตา แต่เป็พลังของธาตุลม ลมมีอยู่ในทุกแห่งหน ลมเคลื่อนตัวเหมือนรูปลักษณ์เคลื่อนที่ ความเร็วของมันเหนือกว่าการมองด้วยตาเปล่า นอกจากนี้ สัตว์ร้ายตัวนี้ยังมีพลังความมืด สามารถซ่อนเร้นอยู่ในความว่างเปล่า ดังนั้นจึงดูเหมือนทะลุผ่านความว่างเปล่า ราวกับย้ายร่างในชั่วพริบตา
นี่คือสัตว์อสูรจิติญญาที่ประกอบด้วยธาตุสองชนิดอันเป็สิ่งที่ทำให้ปวดศีรษะมากที่สุด
ไม่น่าแปลกใจที่เฉวียนหรูเซินมีคู่แข่งน้อยนักในหมู่ราชันา ขึ้นชื่อว่าราชันสัตว์ร้าย ถึงแม้วิฬาร์นรกานต์ตัวนี้จะไม่อาจเทียบได้กับสัตว์อสูรระดับเทพเ้า แต่สายเืของมันไม่อ่อนแอไปกว่าสัตว์อสูรระดับเทพเซียน ตำนานเล่าขานว่าแดนนรกานต์เป็แดนคู่ขนานกับแดนเทพเซียน สถานที่นั้นมีสัตว์อสูรแปลกประหลาดจำนวนมากมาย เรียกว่าสัตว์อสูรนรกานต์ สอดคล้องสัตว์อสูรระดับเทพเซียน สายเืของพวกมันก็สูงส่งไม่แพ้กัน วิฬาร์นรกานต์ตัวนี้ก็เป็เช่นนั้น
“ตูมมม!” ในครั้งนี้จ้านอู๋มิ่งไม่ได้หลบการลอบโจมตีของวิฬาร์นรกานต์ ความเร็วของสัตว์อสูรตัวนี้กับความเร็วของหนานกงฉู่ใกล้เคียงกันมาก แต่กลับแปลกยิ่งกว่าหนานกงฉู่ วิฬาร์นรกานต์ตัวนี้เป็สัตว์อสูรระดับสี่สูงสุดแล้ว เทียบเท่าราชันาเก้าดาว ถึงแม้จะอยู่ในเขตแดนมหาสมุทรอันเป็สถานพำนักของคุนเผิง ได้รับการสะกดข่มด้วยเจตจำนงของคุนเผิง จึงสามารถใช้พลังต่อสู้เฉพาะระดับสี่ขั้นต้นเท่านั้น แต่ก็น่าสะพรึงกลัวกว่าหนานกงฉู่มากมายนัก
จ้านอู๋มิ่งถูกทุบลงไปในน้ำ ด้วยแรงตบนี้ มีรอยเืตื้นๆ เกิดขึ้นหลายสายบนร่างกาย
“ตูมมม!” ่เวลาขณะร่างจ้านอู๋มิ่งลงไปในน้ำ การโจมตีของเฉวียนหรูเซินก็มาแล้วเช่นกัน
อาวุธของเฉวียนหรูเซินกลับเป็ค้อนขนาดใหญ่ด้ามหนึ่ง ค้อนนี้ ยามทุบลงมาน้ำหนักมากกว่าพันชั่ง คล่องตัวรวดเร็วและดุร้ายรุนแรง พลังอหังการ ค้อนยังไม่มาถึง ผิวน้ำทะเลสาบถูกดันเป็หลุมขนาดใหญ่ จ้านอู๋มิ่งอยู่ที่ก้นหลุมนี้เอง
การโจมตีของเฉวียนหรูเซินร้ายกาจจริงๆ ประสานร่วมกับวิฬาร์นรกานต์เป็อย่างดี ยามนี้เฉวียนหรูเซินลงมืออย่างสุดกำลัง เพราะเขาประหลาดใจที่พบว่ากรงเล็บของวิฬาร์นรกานต์กลับเพียงตะกุยเป็รอยเืเพียงไม่กี่สายบนหลังของจ้านอู๋มิ่ง นี่ทำให้เขาไม่สามารถจินตนาการถึงความแข็งแกร่งของร่างกายจ้านอู๋มิ่งได้ ควรรู้ว่าแม้แต่เหล็กกล้าที่ผ่านการปรับปรุงทุบตีมานับร้อยครั้ง ภายใต้กรงเล็บของวิฬาร์นรกานต์ยังถูกขีดเป็เส้นลึกหลายเส้น แต่ร่างกายที่เป็เืเนื้อของจ้านอู๋มิ่งกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้าที่ผ่านการหลอมตีมานับร้อยครั้ง นี่เขาเป็คนหรือสัตว์ประหลาดกันแน่?
“ซ่าา…” พลันทะเลสาบก็อ้าออกเป็ปากกว้างปากหนึ่ง จ้านอู๋มิ่งจมลงไปอย่างไร้อุปสรรคใดๆ อัตราความเร็วที่จมลงไป เทียบกับค้อนที่ทุบลงมาเหนือศีรษะแล้ว ไม่สามารถตามความเร็วของเขาได้ทันเลย
ขณะค้อนขนาดใหญ่เคลื่อนมาถึงผิวน้ำ พลันน้ำในทะเลสาบที่แยกเป็สองฝั่งก็กลับมารวมตัวกันทันใด คลื่นั์ขนาดมหึมากระแทกใส่เฉวียนหรูเซินอย่างหนักหน่วงจากทางซ้ายและขวาทั้งสองด้าน
“อั๊ก!” เฉวียนหรูเซินแค่นเสียงอึดอัดออกมาคำหนึ่ง ขณะคลื่นั์สองลูกกระทบถูกร่างกายของเขา พลันก็แปรเปลี่ยนกลายเป็น้ำแข็งหนาสองก้อนในทันใด ขนาบทั้งข้างซ้ายและขวาในขณะที่เขาไม่ได้เตรียมตัวใดๆ กระแทกลงบนร่างเขาอย่างหนักหน่วงทันที