~ สถานที่ใดที่หนึ่งภายในเมืองเทียนหยุน ~
อาณาบริเวณเป็ตึกราบ้านช่องที่ส่องสุมอยู่ภายในส่วนลึกของอาคารสูงตระหง่าน แม้แต่แสงจันทร๋ก็มิอาจทอดสาดส่องให้เห็นได้อย่างเด่นชัด
ไป๋เฉินปรากฏตัวขึ้นเหนือจั่วอาคารหลังนั้นอย่างเงียบเชียบ ในมือของเขาคือร่างของนกพิราบส่งสาส์นตัวนั้นที่ซึ่งเขียนโดยฉินฟง
เนื่องจากความทรงจำที่ผสานเข้าด้วยกันจึงทำให้สามารถใช้ทุกกระบวนท่าหรือทุกการเคลื่อนไหวได้อย่างแเี ผนวกเข้ากับทักษะการเคลื่อนไหวจากชาติที่แล้ว เขาจึงสามารถประยุกต์การใช้งานปราณเข้ากับท่วงท่าได้อย่างลงตัว
ไป๋เฉินมิได้ตัดสินใจสังหารนกพิราบที่อยู่ในมือ หากแต่นำข้อความออกมาแล้วค่อยส่งมันกลับไปในภายหลังเพื่อมิให้เกิดความสงสัยจากฉินฟง
ไป๋เฉินตัดสินใจเปิดอ่านม้วนกระดาษ ซึ่งด้านในมีใจความอยู่ว่า : อีกไม่กี่วันต่อจากนี้ ข้าจะให้พวกเ้าติดตามการเคลื่อนไหวของไป๋เฉินและพยายามลอบสังหารมันด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว ข้า้างานที่ปราณีตละเอียดอ่อนและไร้ร่องรอย หลังจากนั้นข้าจะให้หลวนซิงเป็หัวหน้าสมาพันธ์แทนที่ข้าไปสักระยะ เมื่อเื่ราวเริ่มคลี่คลายข้าจะกลับมาอีกครั้ง ในระหว่างนี้ห้ามมิให้มีผู้ใดติดต่อกลับมา ส่วนเงินรางวัลพรุ่งนี้ข้าจะส่งใครบางคนไปส่งมอบให้แก่พวกเ้าถึงที่
และมีอักษรลับปิดท้ายที่บ่งบอกว่ามันคือข้อความที่ส่งจากฉินฟงแต่เพียงผู้เดียว
ไป๋เฉินยังคงนั่งทำความเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาภายในม้วนกระดาษ เนื่องจากสมาพันธ์นักฆ่านี้ถูกโดยฉินฟง แน่นอนว่ารายละเอียดในภารกิจคือการลอบสังหารตนและฉินฟงจะเผยแพร่ข่าวลือปลอมเกี่ยวกับแพทย์จากแผ่นดินใหญ่ปรากฏตัวขึ้นในเมืองเทียนหยุน
ทันใดนั้นไป๋เฉินตระหนักได้ถึงบางสิ่ง "การที่จะสร้างสมาพันธ์นักฆ่าขึ้นได้ต้องใช้ระยะเวลาหลายสิบปีจนกว่าจะเป็รูปเป็ร่างถึงเพียงนี้ ดูเหมือนว่าฉินฟงจะวางหมากและแผนการนี้ไว้ั้แ่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว"
ไป๋เฉินใช้เวลาครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนที่แสงสีเืในแววตาส่องประกายด้วยความรู้แจ้ง เขายกข้อมือขึ้นมาพลางหมุนเวียนพลังปราณจากตันเถียนเพื่อนำมาใช้งานเป็ครั้งแรก!
โดยปกติแล้วรากปราณจะเป็สิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของแต่ละบุคคล แต่ตรรกะนี้ใช้ไม่ได้กับรากปราณมารเก้าเนตรที่ไป๋เฉิน
นั่นเป็เพราะรากปราณมารเก้าเนตรถือกำเนิดโดยสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักและอาศัยการสิงสู่เพื่อยึดครองร่างของบุคคลสับเปลี่ยนไปเป็ระยะๆ แน่นอนว่าภายในรากปราณมารเก้าเนตรมีข้อมูลความทรงจำเดิมของั์ตาทั้งเก้าติดค้างมาด้วย ไป๋เฉินจึงสามารถเข้าใจวิธีการบำเพ็ญปราณและความสามารถพิเศษของรากปราณมารเก้าเนตรได้พอสมควร
การดูดกลืนจิติญญาั์ตาทั้งเก้าดวงนั้นไม่ต่างจากการดูดกลืนความทรงจำเศษเสี้ยวหนึ่ง ฉะนั้นไป๋เฉินจึงได้ตระหนักว่าความสามารถพิเศษของรากปราณมารเก้าเนตรนั้นคือการควบคุมโลหิต!
เคล็ดวิชาตราประทับโลหิตคือเคล็ดวิชาสำหรับการบำเพ็ญปราณของรากปราณมารเก้าเนตร!
ไป๋เฉินตัดสินใจกัดปลายนิ้วชี้เบาๆเพื่อให้โลหิตไหลเป็เส้น พลันใช้นิ้วชี้วาดลงไปยังม้วนกระดาษด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ
.
.
.
ภายในอาคารหลังต่ำมืดมืดไร้แสงจันทร์สาดส่อง ด้านในเผยให้เห็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆและตะเกียงแขวนอยู่รายล้อม
ร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งในอาภรณ์สีดำทมึนนั่งอยู่หัวมุมของโต๊ะ โดยมีบุรุษอีกเจ็ดร่างและสตรีอีกหนึ่งนางนั่งขนาบข้างกันและกัน
สถานที่แห่งนี้คือสมาพันธ์นักฆ่าตาเหยี่ยวที่อยู่ภายใต้คำสั่งการของฉินฟงทั้งสิ้น
ชายที่นั่งอยู่หัวมุมนามว่าหลวนซิงเคาะโต๊ะเบาๆก่อนจะกล่าวถามแบบสุ่ม "มีข่าวสารใดๆจากฉินฟงบ้างหรือไม่?"
หลวนซิงผู้นี้คือผู้นำที่มีตำแหน่งและอำนาจในการสั่งการนักฆ่าทุกคนที่อยู่ภายใต้สมาพันธ์แห่งนี้
สตรีที่มีผมเผ้าเป็สีเงินส่องประกายและมีรูปร่างเพรียวบางในอาภรณ์สีดำทมึน นางเอ่ยตอบพลางส่ายศีรษะ "ยังไม่มีการติดต่อใดๆมาจากท่านฉินฟง...ดูเหมือนว่าท่านกำลังระมัดระวังต่อฉินเหยียนอยู่เป็แน่"
สตรีผู้นี้คือนักฆ่าหมายเลขสองรองจากหลวนซิงมีนามว่าหลิวอี้หลิว
หลวนซิงทอดถอนหายใจยาว "่นี้พวกเราแทบจะไม่ได้รับภารกิจลอบสังหารแม้แต่ภารกิจเดียว…ความนิยมของพวกเราลดน้อยลงหรือเป็เพราะฝีมือไม่ถึงขั้นกันแน่"
"เอี๊ยด..."
ทันใดนั้นในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน ประตูไม้บานนั้นกลับแง้มออกอย่างเชื่องช้าเผยให้เห็นร่างในอาภรณ์สีดำปกคลุมใบหน้าที่มีแสงจากั์ตาสีแดงส่องประกายกับตะเกียงไฟรอบๆห้อง
"นั่นใคร!?" ทุกผู้คนต่างลุกขึ้นพรวดพร้อมเพรียงด้วยความระมัดระวัง
ทว่าร่างสีดำที่เพิ่งจะเปิดประตูได้ย่างกรายเข้าไปในห้องมืดมิดด้วยท่วงท่าที่สงบ ฝีเท้าแต่ละก้าวช่างหนักอึ้งและให้ความรู้สึกที่หายใจไม่ทั่วท้อง
ทุกสายตาที่กำลังจดจ่อกับร่างนั้น ราวกับว่าพวกเขาได้เห็นการมาเยือนของจักรพรรดิมารที่มีรังสีอำมหิตรายล้อมไปทั่วทุกทิศทาง!
แม้แต่กลุ่มคนที่เรียงรายรอบโต๊ะที่กำลังจะจู่โจมก็กลับมิอาจขยับเขยื้อนเพื่อหยิบอาวุธได้
นั่นเป็เพราะสัญชาตญาณนักฆ่าได้บ่งบอกว่า หากพวกเขาพลั้งมือหยิบอาวุธหรือจู่โจมชายผู้ที่มาถึงนี้ โอกาสที่พวกเขาจะรอดชีวิตออกไปได้นั้นเท่ากับศูนย์!
พวกเขาทำได้เพียงแค่เมียงมองร่างนั้นเดินเข้ามาชิดใกล้โดยที่มิอาจจะเคลื่อนไหวใดๆได้แม้แต่มิลเดียว
นี่คือการข่มขู่ถึงขีดสุด!
เสียงฝีเท้าของร่างสีดำหยุดลงเบื้องหน้าโต๊ะกลมของพวกเขาอย่างไร้ความหวาดหวั่นพลันทอดสายตาไปทั่วทั้งห้อง "ผู้ใดคือหลวนซิง?"
"ข้าคือหลวนซิง ไม่ทราบว่าผู้าุโท่านนี้มีสิ่งใดให้ข้าช่วยเหลือหรือไม่?" หลวนซิงลุกขึ้นประสานข้อมือเอ่ยตอบอย่างสุภาพ
ร่างสีดำสะบัดข้อมือวางม้วนกระดาษใกล้เคียงกันก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า "อ่านมัน"
หลวนซิงรับม้วนกระดาษขึ้นมาก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ มันรู้อยู่แล้วว่าม้วนกระดาษนี้คือคำสั่งการโดยตรงจากฉินฟง ดังนั้นมันจึงไม่สงสัยและอ่านออกเสียงดังฟังชัด
"อีกไม่กี่วันต่อจากนี้ ข้าจะให้พวกเ้าติดตามการเคลื่อนไหวของไป๋เฉินและพยายามลอบสังหารมันด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว ข้า้างานที่ปราณีตละเอียดอ่อนและไร้ร่องรอย หลังจากนั้นข้าจะให้ผู้ถือครองม้วนกระดาษเป็หัวหน้าสมาพันธ์แทนที่ข้าไปสักระยะ เมื่อเื่ราวเริ่มคลี่คลายข้าจะกลับมาอีกครั้ง ในระหว่างนี้ห้ามมิให้มีผู้ใดติดต่อกลับมา ส่วนเงินรางวัลพรุ่งนี้ข้าจะส่งใครบางคนไปส่งมอบให้แก่เ้าถึงที่"
เมื่อหลวนซิงได้อ่านออกเสียงจนจบ ทุกผู้คนภายในห้องเหลือบมองร่างสีดำที่เพิ่งเข้ามาด้วยแววตาที่ไม่เป็มิตร
แน่นอนว่าพวกเขาทุกคนที่นี่ต่างก็มีผลงานชื่อเสียงมากมาย หากจะให้บุคคลที่ไม่รู้จักมาเป็หัวหน้าสมาพันธ์แทนที่หลวนซิง แน่นอนว่าจะไม่มีผู้ใดยอมให้เป็เช่นนั้น
"ข้ารู้ว่าพวกเ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ เพราะฉะนั้นพวกเ้าทั้งหมดเข้ามาพร้อมกัน หากทักษะของพวกเ้าสามารถทำร้ายข้าแม้นเพียงน้อยนิดโดยมิใช้พลังปราณ ข้าจะหันหลังกลับและจากไปในทันที..."
"เอาล่ะ แสดงให้ข้าเห็นว่าพวกเ้าจะมีปัญญาล้มข้าลงได้หรือไม่" ร่างสีดำที่ััได้ถึงแววตาขึงขังก็กล่าวด้วยเสียงแหบพร่าพลางผายมือในเชิงยั่วยุ
"พรึ่บ!"
โดยไม่มีแม้แต่การสนทนา ร่างนักฆ่าทั้งแปดพุ่งออกจากตำแหน่งเดิม แสงเย็นจากกริชส่องประกายเข้ากับรูม่านตาของร่างสีดำ ทุกผู้คนจู่โจมไปยังร่างนั้นจากทุกทิศทาง
ร่างสีดำเผยรอยยิ้มเรียบเฉย ก่อนจะหลบเลี่ยงกระบวนท่าแทงทั้งแปดคนอย่างง่ายดาย นิ้วมือของเขากระแทกไปยังลิ้นปี่ของบุคคลแรกจนต้องล้มพับส่งเสียงร้องครวญคราง
ด้วยการพลิกร่างก้มตัวเบาๆ ศอกขวาของเขากระแทกเข้าที่ขั้วหัวใจของบุคคลที่สองจนจำต้องกระอักเืและล้มฟุบไป
ส่วนแขนขวาที่ยังว่างแทงศอกตรงไปยังขม่อมนักฆ่าคนที่สามจนหมดสติไปโดยมิได้หันกลับไปมอง
ร่างสีดำพลิกตัวออกห่างจากวงล้อมที่เหลือด้วยฝีเท้าแพรวพราว พลางจู่โจมไปยังท้ายทอยของนักฆ่าคนที่สี่ด้วยสันฝ่ามือจนหมดสติไปอีกราย
กริชสั้นของนักฆ่าคนที่ห้าที่กำลังจะแทงเข้าลูกตาร่างสีดำ แต่ร่างนั้นพลันใช้มือสองข้างประกบกริชดึงเข้าหาตัวเหวี่ยงศอกเสยปลายคางสวนกลับจนนักฆ่าคนที่ห้ายืนค้างด้วยั์ตาว่างเปล่า
ขาขวาร่างสีดำกวาดต่ำจนอีกสองคนล้มระเนระนาดอย่างไม่เป็ท่า หลังจากถอนขาขวากลับมา ร่างสีดำโยกย้ายขาซ้ายฟาดเข้าที่ใบหน้าของหลิวอี้หลิวจนกระเด็นกระดอนไปไกล
และในวินาทีสุดท้ายที่หลวนซิงกำลังจะเคลื่อนไหว จู่ๆร่างสีดำกลับปรากฏกายขึ้นเื้ัโดยที่มีกริชจ่อลูกกระเดือกในระยะห่างเพียง 3 เิเ ก่อนจะเปล่งเสียงเย็นๆเข้าที่หลังคอ "จุ๊ จุ๊ จุ๊ พวกเ้ายังอ่อนแอเกินไป..."
เหงื่อเย็นเยียบไหลผ่านหน้าผากของหลวนซิงโดยพลัน สีหน้าของมันแสดงออกถึงความหวาดกลัวสุดขีด