แต่เป็แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ตอนที่อีกฝ่ายออกมาแล้วเขาก็จะค่อยๆ หลอกถามคำถามในการทดสอบดู หึๆ......
เมื่อคิดถึงตรงจุดนี้ หลี่เฉียนโจวจึงส่งสายตาแสดงความซาบซึ้งให้กับหวังเยว่
ดูเหมือนว่าตอนนี้หลี่เฉียนโจวได้ลืมไปแล้วว่าเมื่อสองวันก่อนตอนที่หวังเยว่ถามเื่การทดสอบจากเขาเขาตอบอีกฝ่ายไปว่าอย่างไร
ไม่ใช่ว่าจะไม่แก้แค้น แต่ยังไม่ถึงเวลาแก้แค้นต่างหาก!
เมื่อเห็นสายตาที่กำลังสื่อสารกันระหว่างหลี่เฉียนโจวและหวังเยว่จางฮุยิจึงถามหลินเยว่ด้วยเสียงต่ำ “สองคนนี้คงไม่ได้มีแผนร้ายกันหรอกนะ?”
“ไม่รู้สิ”
หลินเยว่ส่ายศีรษะ
เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับการที่หวังเยว่เสนอตัวออกมาเป็คนแรกถึงแม้ว่าหวังเยว่จะค่อนข้างสนิทกับหลี่เฉียนโจว แต่หลี่เฉียนโจวก็คือหลี่เฉียนโจวหวังเยว่ก็คือหวังเยว่ เขาไม่ได้คิดว่า 2 คนนี้เป็คนคนเดียวกันแต่หากหวังเยว่ช่วยหลี่เฉียนโจวกลั่นแกล้งหรือเล่นงานตนเองหลินเยว่ก็ไม่มีทางยอมออมมือให้กับอีกฝ่ายเช่นกันแต่ทว่าหลินเยว่กลับรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลี่เฉียนโจวและหวังเยว่ดูไม่ได้รักใคร่สนิทสนมเหมือนที่แสดงออกแต่นี่เป็เพียงการคาดเดาของเขาเท่านั้น และเป็การคาดเดาโดยไม่มีหลักฐานใดๆเสียด้วย
ผู้เฒ่าหลิวมองหวังเยว่ที่ทำตัวประหนึ่งเกรงว่าจะไม่ได้เป็คนแรกที่เข้าไปด้านในอย่างประหลาดใจเขาพยักหน้าด้วยท่าทีนิ่งเฉยพร้อมพูดขึ้น“ตอนนี้สามารถตามเ้าหน้าที่เข้าไปทำการทดสอบได้แล้วล่ะ”
ขณะที่พูดเขาก็ชี้ไปยังผู้ที่จะพาหวังเยว่เข้าไปด้านใน
ก่อนหวังเยว่จะเดินตามไป หลี่เฉียนโจวยังทำเป็กำมือแล้วยกขึ้นให้กับหวังเยว่สายตาของเขาแกล้งทำเป็บอกว่าสู้ๆ นะ!
หวังเยว่พยักหน้ารับทราบ หลังจากนั้นจึงเดินตามเ้าหน้าที่เข้าไปยังด้านใน
หลินเยว่สังเกตเห็นว่าในมือของเ้าหน้าที่กำลังถือนาฬิกาจับเวลาอยู่แสดงว่าเ้าหน้าที่ผู้ที่พาผู้เข้าแข่งขันเข้าไปก็คือผู้ที่ทำการจับเวลานั่นเอง
หวังเยว่เดินเข้าไปในคฤหาสน์ ส่วนคนอื่นๆ ต้องรออยู่ทางด้านนอกก่อนเมื่อหวังเยว่เดินออกมาก็จะให้คนถัดไปเข้าไปด้านใน
หวังเยว่ตามเ้าหน้าที่เข้าไปยังห้องห้องหนึ่งเมื่อเ้าหน้าที่ปิดประตูแล้ว เขาก็เดินไปยังมุมหนึ่งของห้องและนั่งลงบนเก้าอี้
หวังเยว่กวาดสายตามองไปยังรอบๆ ห้องห้องมีขนาดใหญ่ มีโต๊ะยาวเป็รูปโค้งตั้งเต็มพื้นที่ของห้องและเป็การล้อมหวังเยว่ให้เขาอยู่ตรงกลางผู้าุโทั้งหลายต่างนั่งอยู่ด้านหลังของโต๊ะที่เป็ทรงโค้งตัวนี้
หวังเยว่โค้งตัวทำความเคารพผู้าุโเบื้องหน้าหลังจากนั้นจึงพูดขึ้น “ผู้น้อยขอคารวะผู้าุโทุกท่าน”
ผู้าุโทั้ง 10 คนต่างพยักหน้ารับหลังจากนั้นหวังเยว่จึงนั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ตรงกลาง
ผู้ที่ตั้งคำถามคนแรกคือเฉินเฟย คนที่ 2 คือเว่ยจิ้นจงอาจารย์ของหวังเยว่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงมีการจัดลำดับเช่นนี้
“ตอนนี้สามารถเริ่มทำการทดสอบได้แล้ว”เ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่จับเวลาได้กล่าวขึ้น
เฉินเฟยพยักหน้าหลังจากนั้นเขาจึงหันหน้าไปสบตากับเว่ยจิ้นจง แล้วหันหน้ามาส่งยิ้มให้กับหวังเยว่ “เตาเผาติ้งแบ่งเป็ติ้งใต้ และติ้งเหนือ ขอถามว่าลักษณะเครื่องเคลือบของติ้งใต้และติ้งเหนือมีความแตกต่างกันหรือไม่?หากมีความแตกต่าง แล้วมีความแตกต่างกันอย่างไร?”
เมื่อคำถามนี้ถูกเอ่ยออกมา นอกจากเว่ยจิ้นจงแล้วคนอื่นๆ ต่างขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ส่วนเฮ่อฉางเหอถึงกับส่งเสียงหึๆ
นี่เป็การจงใจตั้งคำถามง่ายๆเพื่อให้อีกฝ่ายได้คะแนนสูงน่ะสิ!คำถามที่ง่ายเช่นนี้ หากเป็คนที่พอมีความรู้เกี่ยวกับเครื่องเคลือบอยู่บ้างย่อมต้องรู้คำตอบอยู่แล้ว
ดูจากสถานการณ์นี้ พวกเขาสองคนต้องมีการเตี๊ยมกันไว้แล้วอย่างแน่นอน!
คนอื่นๆ จึงตื่นตัวขึ้นมาทันที
“เครื่องเคลือบของติ้งเหนือจะหนาส่วนเครื่องเคลือบของติ้งใต้จะบางครับ”
หวังเยว่พูดตอบอย่างหนักแน่น
เฉินเฟยพยักหน้าอย่างพอใจ และพูดชมเชยขึ้น “ดูแล้วคุณมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องเคลือบถูกต้องแม่นยำมากอาจารย์ของคุณต้องทุ่มเทกับตัวคุณมากทีเดียว คุณห้ามทำให้อาจารย์ของคุณผิดหวังล่ะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนอื่นๆต่างขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้งและครั้งนี้แม้กระทั่งเว่ยจิ้นจงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยเช่นกัน
นี่กำลังด่าผมหรือว่าชมผมกันแน่! ความรู้พื้นฐานขนาดนี้แต่กลับพูดชมว่าตนเองสอนได้ดีนี่มันเป็การแอบด่ากันชัดๆ!
แต่เว่ยจิ้นจงก็กลบเกลื่อนความรู้สึกของตนเองได้เป็อย่างดีใบหน้าของเขามีแต่รอยยิ้มเพียงอย่างเดียว
ประจบสอพลอ!
อาจารย์ของผมสุดยอดแค่ไหน ไม่จำเป็ต้องให้คุณเอ่ยปากชมอย่างนี้หรอก!
หวังเยว่แอบดูถูกเฉินเฟยอยู่ในใจแต่ทว่าเขาไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าเลย เพราะสีหน้าของเขามีแต่ความอ่อนน้อมถ่อมตน“แน่นอนครับ แน่นอนครับ ผู้น้อยขอขอบคุณท่านเฉินที่ชี้แนะผู้น้อยไม่มีทางทำให้อาจารย์ของผมผิดหวัง”
“อืม”
เฉินเฟยพยักหน้าอย่างพอใจ หลังจากนั้นจึงพูดขึ้น“ดูเหมือนว่าคุณจะคุ้นเคยกับเตาเผาติ้งเป็อย่างดี ถ้าอย่างนั้นผมขอถามคุณว่าเครื่องเคลือบเตาเผาติ้งเริ่มมีการเผาขึ้นครั้งแรกในสมัยไหน?”
เมื่อคำถามนี้ถูกถามออกมาแม้กระทั่งจวงตงเฟิงและเจี่ยเหวยเกิ่งก็ถึงกับส่งเสียงหึๆ ในลำคอ
คำถามแบบนี้ยังถือว่าเป็คำถามอีกหรือ?!
ตอนนี้เป็การแข่งขัน ไม่ใช่การคุยล้อเล่นกันนะ!
“คำถามนี้ของท่านเฉินมีความลึกซึ้งมาก!”
หวังเยว่แกล้งทำเป็ขมวดคิ้วลึก“คำถามลึกซึ้งเช่นนี้ ผมต้องขอคิดสักครู่!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉินเฟยจึงมีความรู้สึกราวกับกำลังกินขี้ของแมลงวัน เขามองหวังเยว่อย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ตบหน้า!
นี่เป็การตบหน้าฉาดใหญ่!
คำถามแบบนี้ยังเรียกว่าเป็คำถามอีกหรือ?!
มันเป็การแดกดันกันชัดๆ!
ทุกคนต่างมองหน้าหวังเยว่อย่างตกตะลึง พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมหวังเยว่จึงพูดเช่นนี้?แต่ทว่ามันช่างสะใจดีจริงๆ!
เฮ่อฉางเหอถึงกับหัวเราะฮ่าๆ ออกมาเสียงดัง เสียงหัวเราะของเขาทำให้สีหน้าของเฉินเฟยเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดงทันที
มีเพียงเว่ยจิ้นจงอาจารย์ของหวังเยว่เท่านั้นที่ไม่ได้มีปฏิกิริยาเหมือนคนอื่นๆเขาทำเพียงเหลือบมองเฉินเฟยด้วยสายตาพอใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินเฟยเขาจึงรีบปรับสีหน้าทันที แล้วกล่าวตำหนิหวังเยว่ด้วยสีหน้าจริงจัง “หวังเยว่คุณพูดอย่างนี้ได้อย่างไร? ยังไม่รีบขอโทษท่านเฉินอีก!”
สีหน้าของเฉินเฟยเปลี่ยนไปหลายครั้งหลายคราเขามองหวังเยว่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หลังจากนั้นจึงตีหน้าขรึมพร้อมพูดขึ้น“ไม่ต้องแล้ว ขอเชิญเสี่ยวหวังตอบคำถามเถอะ”
เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินเฟยหวังเยว่ก็เหมือนจะรู้สึกตัวว่าตนเองได้พูดในสิ่งที่ไม่เหมาะสมออกไป เขาจึงลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้ากังวลพร้อมทั้งโค้งคำนับให้กับเฉินเฟยและพูดขอโทษออกมา “ขอโทษครับ ขอโทษครับ ท่านเฉินขอให้ท่านอภัยให้ผู้น้อยด้วยครับ ผู้น้อยไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น......”
เมื่อได้ยินหวังเยว่พูดเช่นนี้สีหน้าของเฉินเฟยจึงค่อยๆ ดูดีขึ้น เขายิ้มเล็กน้อยพร้อมพูดออกมา “เสี่ยวหวังไม่ต้องใไป ผมไม่ได้ติดใจกับเื่พวกนี้หรอก ตอบคำถามเถอะ”
“ขอบคุณครับท่านเฉินผมคิดไว้แล้วว่าท่านเฉินต้องไม่ได้เป็ไปตามที่ศิษย์น้องเฉียนโจวเคยพูดไว้แบบนั้นอย่างแน่นอนถ้าอย่างนั้นผมขอเริ่มตอบคำถามนะครับ”
และเวลานี้เองที่หวังเยว่พูดออกมาอย่างรวดเร็วเขาไม่ได้ปล่อยให้เฉินเฟยตั้งตัวได้ทัน หลังจากนั้นเขาจึงพูดคำตอบออกมา “เครื่องเคลือบเตาเผาติ้งเริ่มเผาครั้งแรกในสมัยราชวงศ์ถัง”
เฉินเฟยพยักหน้าหลังจากนั้นจึงขมวดคิ้วพร้อมถามขึ้น “เมื่อสักครู่ประโยคที่คุณพูดถึงเฉียนโจวหมายความว่าอย่างไรหรือ?”
“ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไรครับ ท่านเฉินท่านอย่าคิดมากเลยครับ” หวังเยว่ทำเป็พูดอย่างตระหนกแต่ความจริงแล้วในใจของเขากำลังดีใจราวกับดอกไม้กำลังผลิบาน
ไอ้บ้าเอ๊ย! เพราะลูกศิษย์ของคุณไม่ยอมบอกข้อสอบผมไงล่ะดังนั้น ผมก็จะทำให้คุณกับลูกศิษย์ต้องผิดใจกัน ตอนนี้ผมมองพวกคุณได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้วคิดจะหลอกใช้ผมกับอาจารย์ของผมเป็เครื่องมือของพวกคุณอย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะครั้งนี้ผมจะต้องแย่งอันดับ 1 มาให้ได้ในสายตาของผม หลี่เฉียนโจวลูกศิษย์ของคุณเป็เพียงเสียงผายลมเท่านั้นแหละ!
ขณะที่เฉินเฟย้าจะถามหวังเยว่ต่อเว่ยจิ้นจงพลันพูดขึ้นมา “พี่เฉิน มีคำถามอะไรเดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกันทีหลังเถอะตอนนี้เป็เวลาทำการแข่งขัน เดี๋ยวจะถูกคนอื่นเอาไปพูดต่อก็คงจะดูไม่ค่อยดีนัก”ขณะที่พูด เว่ยจิ้นจงก็เหลือบตามองเฮ่อฉางเหอที่นั่งอยู่ไม่ไกลนัก
เฉินเฟยรู้เป็อย่างดีว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะซักไซ้ไล่เลียงต่อไปแต่ทว่าคำพูดของหวังเยว่ก็เหมือนกับก้อนหินก้อนใหญ่ที่กดทับอยู่บนหน้าอกของเขาหากไม่ได้ถามออกมา เขาคงไม่มีทางสบายใจได้เลยเขามองหวังเยว่ด้วยสายตาครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง หลังจากนั้นจึงพูดขึ้น “ทำการทดสอบต่อเถอะ”
เมื่อพูดจบเขาจึงเขียนคะแนนที่เขาให้กับหวังเยว่ลงบนกระดาษเบื้องหน้าหลังจากนั้นจึงจับกระดาษหันไปทางเว่ยจิ้นจงด้วยท่าทีเหมือนไม่ใส่ใจนัก
บนกระดาษเขียนตัวเลขไว้ 2 ตัว
10
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้