ในใจของซุนเฟยทั้งซาบซึ้งทั้งร้อนรน
ขวานั์ในมือตวัดฟันคลื่นพลังที่ไหลเวียนอยู่ในอากาศและรับดาบที่แทงเข้ามาของนักรบสามดาวแรนดุ๊ก ซุนเฟยะโอย่างโมโหว่า “เพียร์ซ ข้าสั่งเ้าในฐานะาา รีบพาเหล่านักรบของข้ากลับเมืองแซมบอร์ด ไม่อนุญาตให้ขัดคำสั่ง...พวกเ้าวางใจเถอะ ข้ามีวิธีกลับไปได้”
เพียร์ซก้มหน้าลง หลบสายตาของซุนเฟย
ในฐานะที่เป็ทหารองค์รักษ์รักษาพระองค์แล้ว เขามีหมื่นพันเหตุผลที่จะอยู่ต่อสู้เคียงข้างองค์าา และตอนนี้องค์าาก็ไม่ได้ไร้เทียมทานเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว จริงอยู่ว่าต่อให้พวกเขาถอนตัวออกไปก็ไม่มีใครกล่าวว่าเพราะมันเป็คำสั่งของาา แต่พวกเขาทุกคนดูออกว่าหลังจากที่ยอดฝีมือสามดาวปรากฏตัว องค์าาอเล็กซานเดอร์ก็ไม่สามารถบุกไปข้างหน้าได้อย่างง่ายๆ เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ฝีมือการต่อสู้ของทั้งสองคนสูสีกันมาก ไม่มีใครช่วยอะไรได้เลย หากตอนนี้พวกเขาถอนตัว มันไม่เท่ากับว่าทิ้งให้องค์าาอยู่ท่ามกลางอันตรายเพียงลำพังหรือ...พวกเขาจะขอใช้เืเนื้อของตัวเองสู้ตายในานี้ และจะไม่ทิ้งให้องค์าาต้องอยู่ในอันตราย
พวกเขาหลบสายตาของซุนเฟย เพียร์ซ ดร็อกบาและคนอื่นพากันดื่มน้ำในถุงอย่างเงียบๆ ไม่รอให้าแสมานกันดีก็รวมตัวจัดขบวนทัพเป็รูปกรวย โดยที่เพียร์ซอยู่ด้านหน้าสุดพร้อมที่จะเริ่มเปิดฉากโจมตี
“ฝ่าา บันไดยึดเมืองและเครื่องยิงหินก็ถูกทำลายหมดแล้ว พวกเราจะอยู่รั้งท้ายเอง ได้โปรด ท่านกลับไปที่เมืองเถอะขอรับ”
ซุนเฟยเห็นแบบนั้นก็นิ่งเงียบไม่ตอบอะไรอีก
เขารู้ว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ แม้ว่าตัวเองจะใช้อำนาจของาาออกคำสั่งก็ไม่สามารถทำให้เหล่านักรบกลุ่มนี้ยอมกลับไปที่เมืองได้แน่ๆ ขวานั์ในมือก็เปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้ เขาไม่ป้องกันอีกต่อไป เขาใช้รูปแบบการต่อสู้แบบตายหรือพินาศไปด้วยกัน ขวานั์ฟาดฟันนักรบสามดาวแรนดุ๊ก...
“พวกสุนัขจนตรอก...ฮ่าๆๆๆ ไม่มีประโยชน์หรอก วันนี้พวกเ้าจะไม่มีใครรอดไปได้!”
นักรบสามดาวแรนดุ๊กหัวเราะออกมาอย่างสะใจ เขามองเห็นความหวังในการชนะแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็ต้องเร่งรีบสู้แตกหักกับซุนเฟย แค่ยืดเวลาให้ข้าศึกพวกนี้อยู่บนสะพานนานอีกหน่อย อาศัยข้อได้เปรียบด้านจำนวนคนที่มีมากกว่า ไม่ช้าก็สามารถจัดการพวกมันได้
ซุนเฟยเองก็มองแผนการของแรนดุ๊กออก
มองเห็นแม้กระทั่งอีกฝั่งหนึ่งของสะพานที่อยู่ไกลออกไป มีขบวนทหารเกราะดำกระจ่างอีกจำนวนหนึ่งกำลังเดินขึ้นมาบนสะพาน ทหารกลุ่มนี้แต่ละคนสะพายกระบอกลูกธนูขนาดใหญ่ไว้ด้านหลังและถือคันธนูยาวไว้ตรงเอว ถึงแม้จะอยู่ห่างกันเป็พันเมตร แต่สัญชาตญาณเฉียบแหลมของคนเถื่อนร้องบอกซุนเฟยว่าธนูยาวนั่นจะต้องแข็งแกร่งมากเป็แน่
นอกจากนี้ ซุนเฟยยังรู้สึกถึงภัยคุกคามยิ่งกว่าพลธนูเ่าั้ที่อยู่ห่างออกไปอีก ทันใดนั้นจิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง นั่นก็คือความรู้สึกกลัว เหมือนกับว่ามีอสรพิษที่มีพิษร้ายแรงกำลังเลื้อยเข้ามาใกล้ตัวเองอย่างเชื่องช้าและเงียบงัน
ไม่ช้า ดวงตาของซุนเฟยก็เป็ประกายและััได้ถึงแหล่งที่มาของอันตราย
ตรงปลายสะพานหินมีกลุ่มหมอกหนาสีดำกำลังเคลื่อนใกล้เข้ามาอย่างช้าๆ ในหมอกหนานั่นมีเงาร่างสีดำสลัวๆ อยู่ด้านใน ความผันผวนของพลังเวทมนตร์ที่รุนแรงแผ่ออกมา ทันทีที่ซุนเฟยเปลี่ยนเป็ ‘โหมดจอมเวท’ ยิ่งทำให้เขาเข้าใจความผันผวนของพลังเวทได้อย่างชัดเจน รู้สึกถึงพลังเวทที่แผ่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด ความผันผวนของพลังที่อยู่ไกลๆ นั้นเกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้ แม้แต่ตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับบอสเมืองทริสแทรมอย่างกริสวอลด์ในโลก Diablo เขายังไม่รู้สึกว่าเป็ภัยคุกคามตัวเองอย่างใหญ่หลวงเท่าตอนนี้เลย...
“นั่นเป็นักเวทชั้นสูง...น่าจะมีพลังเกินระดับสามดาว”
ในใจของซุนเฟยพลันสั่นไหว
ชั่วพริบตา เขาก็รู้ว่าอันตรายที่แท้จริงกำลังเอื้อมใกล้เข้ามา
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีบอสที่แข็งแกร่งมากขนาดนี้ซ่อนในทัพฝ่ายข้าศึก สถานการณ์เลวร้ายอย่างมาก และไม่ใช่แค่นั้น นักเวทที่มีหมอกดำปกคลุมรอบๆ กายกำลังเดินเข้ามาในรัศมีสามเมตรแล้ว คาดว่าเมื่อมันมาถึง ทั้งตนเองและเหล่านักรบทั้งยี่สิบเอ็ดคนที่อยู่ด้านหลังคงไม่อาจมีชีวิตรอดได้แน่นอน
และที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นคือการมีอยู่ของยอดฝีมือผู้นี้ มันทำให้ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของตนเองนั้นต้องเสียเปล่า เพราะนักเวทที่มีระดับมากกว่าสามดาวคนหนึ่งก็มีอำนาจมากพอจะทำลายเมืองแซมบอร์ดแล้ว อันตรายยิ่งกว่าเครื่องยิงหินทั้งหกเครื่องนั่นยี่สิบเท่าเลย
“จะต้องคิดหาวิธีกำจัดไอ้นักเวทนั่นก่อน!” ซุนเฟยคิดวกวนไปมาในหัว
แต่ด้วยพลังของซุนเฟยในตอนนี้ แค่ต้องปะทะกับนักรบระดับสามดาวก็ว่ายากลำบากแล้ว หากคิดจะจัดการกับนักเวทที่มีระดับมากกว่าสามดาวที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของเหล่าทหารเกราะดำ มันยากยิ่งกว่าปีนป่ายขึ้น์เสียอีก เขารับมือกับแรนดุ๊กไปพลาง ในใจก็ครุ่นคิดหาวิธีไปพลาง แต่ตอนนี้เขาคิดอะไรไม่ออก คิดไปคิดมา ดูเหมือนว่าแม้จะมีพลังของ ‘โหมดคนเถื่อน’ ‘โหมดพาลาดิน’ และ ‘โหมดนักเวท’ แต่มันคงไม่พอที่จะต่อกรกับนักเวทที่มีระดับมากกว่าสามดาวคนนี้ได้แน่
ชั่วพริบตา เพียร์ซและดร็อกบากับคนอื่นๆ ก็เริ่มพุ่งเข้าไปเพื่อจะขวางหน้าระหว่างซุนเฟยและนักรบสามดาวแรนดุ๊ก ด้วยหวังจะให้ซุนเฟยได้มีโอกาสพักบ้าง
“จะช้าไม่ได้แล้ว!”
ในใจของซุนเฟยเต้นอย่างตื่นตระหนก
เขารู้ดีว่าเวลาเริ่มกระชั้นชิดเข้ามาแล้ว หากยังยืดเวลาไปอีก นักรบของเขาทั้งหมดจะต้องพ่ายแพ้ย่อยยับแน่ๆ
ซุนเฟยพลันะโออกมา เขาใช้งานทักษะ ‘คำราม’ อีกครั้ง คลื่นพลังความกลัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก็แพร่กระจายออกไป ทหารเกราะดำที่อยู่ด้านหน้าก็พากันร้องโวยวายหนีไป จากนั้นซุนเฟยก็เหวี่ยงขวานอีกครั้งเพื่อหลบออกห่างจากแรนดุ๊ก ทันใดนั้นซุนเฟยก็ะโขึ้นไปในอากาศ สองมือกำขวานแน่นแล้วฟันลงไปแนวตั้งด้วยแรงมหาศาลประหนึ่งูเาไท่ซานกดทับลงมา
พลังที่แผ่ออกมาจากขวานนี้เหมือนกับอุกกาบาตตก ใบขวานเสียดทานกับอากาศจนเกิดเป็ประกายไฟขึ้นมา ฉับพลันการไหลเวียนของอากาศก็เกิดการแปรปรวน
ในใจแรนดุ๊กตื่นกลัว พลังแบบนี้เขาไม่กล้ารับไว้ตรงๆ
ตูม!
ซุนเฟยเหวี่ยงขวานฟันลงบนสะพานหินอย่างรุนแรง
เศษหินพลันแตกกระจายไปทั่ว พลังที่ะเืฟ้าสะท้านดินจนทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นกลัว ทั้งสะพานหินเองก็ถูกขวานของซุนเฟยฟันจนเกิดแรงสั่นไหว หินขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้สะพานถูกแรงฟันจนสั่นะเืล่วงลงไป น้ำในแม่น้ำเองก็เกิดการกระเซ็นขึ้น
“ฮ่าๆๆๆ ไอ้ขี้ขลาด มีพลังนักรบสามดาวแท้ๆ แต่กลับไม่กล้ารับพลังขวานข้าตรงๆ อย่างงั้นหรือ?”
ซุนเฟยยืนบนสะพานและเริ่มส่งเสียงหัวเราะ ดวงตาฉายแววเหยียดหยามพลางชี้ใบขวานไปที่หน้าของนักรบสามดาวแรนดุ๊ก ร่างกายยืดตัวตรง เขาทำเหมือนไม่มีคนยืนอยู่ตรงนั้น ส่วนกองทัพนับพันที่ตั้งมั่นอยู่ด้านหลัง พลันรู้สึกได้ว่าพลังที่ร้ายกาจขนาดนี้ เป็พลังเฉพาะที่ทำให้กองทัพทหารเกราะดำที่กำลังเคลื่อนไหวก็เกิดความรู้สึกครั่นคร้ามขึ้นมาทันที
“ถอยกลับไป!”
ซุนเฟยฉีกยิ้มกว้าง สีหน้าแปรเปลี่ยนไปในทันที แขนทั้งสองข้างขยับเคลื่อนไหว
พลังมหาศาลแผ่ออกมาจากแขนทั้งสองข้าง ด้านหลังของซุนเฟย เพียร์ซและคนอื่นที่พุ่งเข้ามาจะช่วยซุนเฟยก็พากันถอยหลังออกไป ยามที่เผชิญหน้ากับพละกำลังที่น่าเกรงขามของคนเถื่อน เหล่านักรบก็เหมือนได้เจอกับกำแพงเมืองั์ที่ตั้งตระหง่าน แต่ละคนเซถอยหลังไป
จากนั้นไม่รอให้อีกฝ่ายได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาก็ะโขึ้นไปในอากาศเหมือนเมื่อครู่แล้วรวบรวมพลังทั้งร่าง ก่อนจะฟันขวานออกไปอย่างรุนแรง
ภายใต้แรงเสียดทานความเร็วสูง ใบขวานเสียดสีกับอากาศอีกครั้งก่อนจะกลายเป็เปลวไฟสีแดง กลิ่นอายอันร้อนระอุตัดผ่าอากาศ ฟันมาที่นักรบสามดาวแรนดุ๊ก
พลังที่ไร้เทียมทาน
ขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศ ซุนเฟยก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่าๆๆ มีใครกล้ารับขวานข้าตรงๆ บ้าง?”
ไม่มีใครกล้ารับ
และหนึ่งในนั้นก็รวมถึงนักรบสามดาวแรนดุ๊ก เหล่าทหารเกราะดำพากันถอยหลังออกไปเล็กน้อย
ท่ามกลางทหารเกราะดำนับพัน ไม่มีใครกล้าต่อต้านกับสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่ง จนสามารถทำลายขบวนโล่หอกัได้ง่ายดายด้วยกำลังเพียงลำพัง เผชิญหน้าโดยตรงกับการโจมตีที่เหมือนสิงโตกำลังคลั่งงั้นหรือ?! ยังไม่โง่ขนาดนั้นหรอก พวกเขาเลือกที่จะถอยอย่างไม่ลังเล
แต่เห็นได้ชัดว่าซุนเฟยไม่คิดที่จะล้มเลิกความคิดนี้
เขาะโลอยขึ้นกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง การะเิพลังของขวานกลางอากาศนั้นมันเป็การสิ้นเปลืองพลังมาก ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ร้ายที่กำลังบ้าคลั่งตัวหนึ่ง พวกเขาพากันหลบหลีกพลังกลางอากาศที่ตกลงมา ไม่มีใครกล้าละสายตาจากเขา
ตูม! ตูม! ตูม!!! ตูม!!! ตูม!!!
“ทำไม ไม่มีใครกล้ารับขวานข้าสักคนเลยหรือ?”
“ฮ่าๆๆๆ กองทัพทหารเกราะดำตั้งสามพันคน เป็พวกขี้ขลาดหดหัวอยู่แต่ในเป้าใช่ไหม?”
“ฮึ! แรนดุ๊ก เกียรติยศนักรบของเ้าตอนนี้มันหายไปไหนแล้ว? กล้ารับขวานข้าตรงๆ ไหม?”
“มีใครกล้าสู้กับข้า?”
“…”
“…”
ซุนเฟยฟันขวานพลางหัวเราะเยาะออกมาและเอ่ยถามขึ้น จากนั้นก็ก้าวเท้าไปด้านหน้า
รูปลักษณ์ที่สูงส่งราวกับจักรพรรดิ์ที่กำลังมองลงมาที่ตัวเอง ไม่มีใครกล้าสบตาเขาเลยสักคน ซุนเฟยก้าวเท้าไปด้านหน้า ทหารเกราะดำก็พากันถอยไปด้านหลังด้วยขาที่สั่นพั่บๆ ไม่กล้าออกอาวุธเข้าโจมตี แม้แต่นักรบสามดาวแรนดุ๊กก็ถูกพลังที่ะเิออกมาอย่างบ้าคลั่งของซุนเฟยกดดันไว้ เขาไม่สงสัยเลยว่าหากตนเองรับขวานตรงๆ แม้ว่าจะมีคลื่นพลังคอยปกป้องกาย แต่คงต้องถูกฟันออกเป็สองท่อนแน่ๆ ความรู้สึกกลัวนี้ ทำให้เขาถอยหลังไม่หยุด
เวลาผ่านไปสั้นๆ แค่เจ็ดแปดวินาที ซุนเฟยฟันขวานออกไปทั้งหมดแปดครั้ง
และทั้งแปดครั้งนี้ก็มีเสียงะเิดังอยู่ตลอด เหมือนกับมีสายฟ้าผ่าลงมาที่สะพาน ทั้งสะพานสั่นไหว หินขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้สะพานก็หักโค่นตกลงไปในแม่น้ำ ชนเข้ากับ ‘ปลากระหายเื’ ที่กำลังแย่งกันกินศพในน้ำจนตาย ฉันพลันเืสีแดงก็ย้อมลงในแม่น้ำ
ทหารเกราะดำบนสะพานถูกขวานกดดันให้ล่าถอยไปกว่าสิบหกสิบเจ็ดเมตร
หลังจากที่ซุนเฟยฟันไปได้แปดครั้ง เขาก็หยุดเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง
ในระหว่างที่หัวเราะเหล่าข้าศึกก็พากันถอยหลัง
วินาทีต่อมา ดวงตาของซุนเฟยก็กวาดสายตามองอย่างเหยียดหยาม ทันใดนั้นเขาถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วะโขึ้นกลางอากาศ ใช้ทักษะ ‘ะโ’ ของคนเถื่อนะโขึ้นไปสูงมากกว่าห้าหกเมตร เค้นพลังทั่วร่างก่อนจะฟันขวานออกมาอย่างหนักหน่วง
ขวานนี้ไม่ได้ฟันไปทางข้าศึก แต่กลับฟันไปบนสะพานที่อยู่ด้านหลังเขาอย่างรุนแรง
แกร่ก!
ขวานั์ในมือรองรับพลังมหาศาลของซุนเฟยไม่ไหว ท่ามกลางประกายไฟที่กระเด็นไปทั่ว ขวานั์สีดำที่มีลวดลายแปลกประหลาดก็มีเสียงร้องดังขึ้น ก่อนที่จะหักเป็สองท่อน...
พลังมหาศาลที่ฟังลงไปบนสะพานเกิดเสียงดังกึกก้องขึ้น ทุกคนอดไม่ได้ที่จะยกมือปิดหูตัวเองทันที ทหารเกราะดำที่มีพลังน้อยก็ถูกเสียงแหลมๆ ของการสั่นะเืเสียดแทงเข้ามาที่หูจนแก้วหูแตก เืพลันไหลออกมาจากหู ยิ่งบางคนที่ถูกแรงสั่นะเืจนทำให้มึนงง ยืนไม่มั่นคงและร่วงลงจากสะพานไป...
อำนาจของขวานเหมือนกับความพิโรธของ์
แม้แต่ท้องฟ้าก็ยังเปลี่ยนสี
หลังการสั่นะเืผ่านไป คนส่วนใหญ่รวมทั้งเพียร์ซและคนอื่นๆ ก็เกิดความคิดแปลกๆ ขึ้นมาทันที คิดว่าทำไมซุนเฟยจู่ๆ ก็หันกลับมาฟันสะพานกันนะ?
ฝุ่นควันค่อยๆ กระจายตัว วิสัยทัศน์เริ่มเด่นชัดขึ้น ซุนเฟยที่ยืนอยู่บนสะพานหน้าอกของเขาก็กระเพื่อมขึ้นลง เห็นได้ชัดว่าแทบหมดแรง
เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ
ขวานในมือหักครึ่ง เขาแสยะยิ้มอย่างเ็า มองไปที่นักรบสามดาวแรนดุ๊ก
เวลานั้น ทั้งสนามรบก็พลันเงียบสงัด
ทุกคนสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองได้
ทันใดนั้นก็เกิดเื่ไม่คาดฝัน
ครึ่กๆ!
เสียงเบาๆ ลอยเข้ามาในหูทุกคน
เสียงเบาๆ นี้ฟังดูอ่อนแอเหมือนพวกแมลงกำลังร้อง แต่กลับะเืในใจของทุกคนเหมือนกับเสียงฟ้าผ่า ทุกคนอดไม่ได้ที่จะแตกตื่นขึ้นมา เพราะพวกเขาได้พบเื่ที่น่ากลัวขึ้น รอยแตกที่เหมือนเส้นใยแมงมุมปรากฏขึ้นตรงใต้ฝ่าเท้าของซุนเฟย
เพียงชั่วพริบตา เหมือนมีแสงสว่างวาบในหัว ตอนนี้ทุกคนเข้าใจเหตุผลที่ซุนเฟยทำแบบนี้แล้ว เมื่อครู่นี้ การฟันขวานครั้งที่เก้า เขาไม่ได้้าจะสังหารข้าศึก แต่แอบทำลายสะพานต่างหาก ทำให้บนสะพานเต็มไปด้วยรอยแตก ไม่รู้ว่าเมื่อไรสะพานมันถึงเริ่มยุบตัวลง
สะพานเริ่มสั่นอย่างรุนแรง
ครึ่กๆ ครึ่กๆ ครึ่กๆ ครึ่กๆ!
รอยแตกเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
ก้อนหินที่อยู่ใต้สะพานก็แตกหักลง เสียงหวือดังขึ้น ก้อนหินพวกนั้นล้มลงไปในแม่น้ำจูลี่ น้ำสาดกระเซ็นขึ้นมา
“เวรเอ๊ย! สะพานกำลังจะพัง”
ตอนนี้นักรบสามดาวแรนดุ๊กก็เข้าใจความคิดของศัตรู แต่เขาก็ไม่คิดจะเข้าสู้ ได้แต่รีบวิ่งหนี โคจรคลื่นพลังที่อยู่ในร่างแล้วบินไปด้านหลัง หากสะพานยุบตัวลง แม้เขาจะมีพลังนักรบสามดาว แต่ถ้าร่วงลงไปในแม่น้ำและเผชิญหน้ากับคมเขี้ยวของ ‘ปลากระหายเื’ นับหลายพันตัว เขาก็คงไม่รอดเช่นกัน
ทหารเกราะดำพลันปั่นป่วน ทุกคนต่างร้องโหยหวนออกมา แย่งกันวิ่งหันหลังกลับไป
ยิ่งนานเท่าไรสะพานก็ยิ่งสั่นอย่างรุนแรง
มีเพียงซุนเฟยที่ยืนอยู่ตรงกลางรอยแตกนั่นไม่ขยับเขยื้อนสักนิด
ตอนนี้เขานิ่งเงียบ ในหัววางแผนที่จะเคลื่อนไหวครั้งต่อไป
ครุ่นคิดได้สักพัก เขาก็หยิบขวด ‘น้ำยารักษาชีวิตขวดกลาง’ หนึ่งขวดและ ‘น้ำยาฟื้นฟูพลัง’ หนึ่งขวดออกมาจากเข็มขัด แล้วอาศัยฝุ่นควันและเศษหินที่กำลังปลิวว่อนดื่มมันลงไป
ชั่วพริบตา าแทั่วทั้งร่างก็เลือนหายไป แผลบนร่างก็สมานกันอย่างรวดเร็ว
ไม่ช้าเขาก็ฟื้นฟูสภาพกลับมาเหมือนเดิม นอกจากชุดเกราะเหล็กและขวานั์ที่หักเป็สองท่อนแล้ว ร่างกายก็ไม่มีปัญหาอะไร แม้แต่ร่องรอยาแเล็กๆ...
ก็ไม่มีแล้ว
น้ำยาทุกชนิดในโลก Diablo เป็สิ่งที่น่าอัศจรรย์
ในเวลาเดียวกัน ดร็อกบาและเพียร์ซกับเหล่านักรบที่อยู่อีกด้านกลับใมาก
เพราะพวกเขาพบว่า ตอนนี้องค์าาอเล็กซานเดอร์ยังคงยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางสะพานที่กำลังพังทลาย ไม่รู้ทำไมถึงไม่ขยับตัว ไม่แม้แต่จะหลบ...ทุกคนคิดว่าอาจเป็เพราะซุนเฟยใช้แรงมากเกินไป ทำให้พลังหดหายจนไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้ ในใจทุกคนต่างพากันตื่นตระหนก หากสะพานยุบตัวลงแล้วาาร่วงลงไปในแม่น้ำ จะต้องเกิดอันตรายขึ้นอย่างแน่นอน
“แย่แล้ว...รีบช่วยฝ่าาเร็ว!”
เพียร์ซกระโจนไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่ง
เหล่านักรบทุกคนดวงตาแดงก่ำ พวกเขาไม่สนใจอาการาเ็บนร่างของตัวเองที่มีเืไหลออกมาไม่หยุด พวกเขาต่างเร่งรีบกระโจนไปด้านหน้าอย่างไม่คิดชีวิต
“กลับไป นี่พวกเ้าเป็บ้าไปแล้วเหรอ!”
ตอนนี้เอง ดร็อกบายังคงรักษาท่าทีเยือกเย็นไว้ได้ เขารีบดึงเพียร์ซอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตะคอกออกมาว่า “ทุกคนวิ่งไปแบบนั้นยิ่งทำให้สะพานยุบตัวเร็วขึ้น...หาคนที่วิ่งไวที่สุดคนหนึ่งวิ่งไปหาองค์าาแล้วพาท่านกลับมา...”
“ข้าไปเอง! ข้าวิ่งเร็วที่สุด!” หลังจากที่เพียร์ซพูดเสร็จก็ตั้งท่าจะวิ่งไปด้านหน้า
“ฮึๆ...เ้าวิ่งเร็วไม่เท่าข้าหรอก” ดวงตาของดร็อกบาพราวระยับ เผยถึงความเ้าเล่ห์ ทันใดนั้นก็เหวี่ยงขวานเคาะไปที่อกของเพียร์ซทีหนึ่งจนทำให้เพียร์ซจุก ส่วนตัวเองก็วิ่งไปด้านหน้าพลางหัวเราะออกมาเสียงดัง ราวกับว่ามันเป็สิ่งที่ถูกต้อง พลางะโบอกสหายว่า “ใครก็ห้ามวิ่งเข้ามา ข้าจะไปเอง ฮ่าๆๆ ดูแลตัวเองด้วยล่ะเ้าโง่เพียร์ซ”
พูดจบ ดร็อกบาก็วิ่งไปด้านหน้าเหมือนเสือชีต้าห์ สะพานก็ยังคงพังทลายไม่หยุด ร่างกายใหญ่ๆ ของเขาไม่ได้ทำให้ความยืดหยุ่นลดลงเลย ไม่ช้าเขาก็วิ่งมาตรงหน้าซุนเฟยพลางปกป้องซุนเฟยที่ยังยืนอยู่ตรงกลาง
“เวรเอ๊ย...ดร็อกบา? ไอ้บ้าเอ๊ย วิ่งมาทำไมเนี่ย?”
ซุนเฟยที่กำลังวางแผนการต่อไปก็เห็นเงาร่างใหญ่โตวิ่งพรวดออกมาจากในฝุ่นควัน
“ฝ่าา สะพานนี้กำลังจะยุบ รีบกลับกันเถอะขอรับ!”
ซุนเฟยไม่พูดอะไรแต่ใต้ฝ่าเท้ากับสั่นคลอนอย่างรุนแรง ในที่สุดแผ่นหินที่ใหญ่ที่สุดก็พังลงแล้วร่วงลงสู่แม่น้ำ ด้านล่างมี ‘ปลากระหายเื’ กำลังอ้าปากกว้างรอขย้ำเขาอยู่...
“ไม่ทันแล้ว!”
หากอยากจะกลับคงไม่อาจทำได้ ด้านหน้าทั้งหมดยุบตัวลง ซุยเฟยคว้าดร็อกบาไว้ในมือพลางใช้ทักษะ ‘ะโ’ กระทืบเท้าอย่างรุนแรงด้วยพลังมหาศาลทำให้ก้อนหินที่อยู่ใต้เท้าแตกและร่วงหล่นลงไปทันที ซุนเฟยจับดร็อกบาไว้ในขณะที่ลอยตัวขึ้นกลางอากาศและพุ่งตรงไปทางยังที่ปลอดภัย
แต่ทิศทางที่เขาไปไม่ใช่ที่ริมฝั่งด้านเหนือของเมืองแซมบอร์ด แต่เป็ริมฝั่งด้านใต้ที่เป็ของค่ายทหารเกราะดำต่างหาก
เสียงตูมดังขึ้น
ซุนเฟยเหวี่ยงดร็อกบาให้ร่วงลงไปบนสะพานที่อยู่ห่างจากตัวเองหลายสิบเมตร สะพานหินตรงนี้ยังไม่พัง
ในที่สุดกลุ่มควันก็กระจายออกไป
สะพานหินที่สั่นะเือย่างรุนแรงก็ค่อยๆ กลับมาเป็ปกติ
ทุกคนมองเห็นสะพานอย่างชัดเจนหลังจากที่มันพังทลาย ตรงกลางที่เป็จุดที่แคบที่สุดของสะพานเก่าแก่ได้แตกหักลงไปจนเกิดช่องว่างที่กว้างขนาดสิบหกสิบเจ็ดเมตร เหมือนถูกคนตัดตรง่กึ่งกลางออก ช่องว่างนี้กลายเป็คูน้ำธรรมชาติ สะพานพังแบบนี้หากคิดจะบุกโจมตีเมืองอีกครั้งคงเป็เื่ที่ยากจะทำได้ เมื่อเผชิญหน้ากับช่องว่างนี้ หากเป็ยอดฝีมือระดับดาวอาจะโข้ามไปได้ แต่กับทหารธรรมดาๆ แล้วนอกเสียจากว่าพวกเขาจะมีปีก ไม่อย่างงั้นคงยากที่จะข้ามไปฝั่งเมืองแซมบอร์ด
ซุนเฟยและดร็อกบายืนอยู่บนขอบช่องว่างบนสะพาน
ด้านหลังของพวกเขาเป็ร่องน้ำที่กว้างประมาณสิบหกสิบเจ็ดเมตร ที่ด้านล่างมีกระแสน้ำเชี่ยวกราก
ส่วนด้านหน้าของพวกเขาก็มีข้าศึกนับพันที่ถือหอกและดาบ แผ่รังสีฆ่าฟันราวกับเป็กระแสน้ำสีดำก็ไม่ปาน
สำหรับทั้งสองคน นี่...เป็วิกฤติที่ไม่สามารถหลบหนีไปได้แน่ เว้นเสียแต่ว่ากำลังเสริมของเมืองแซมบอร์ดด้านหลังจะสามารถหาวิธีนำทั้งสองคนข้ามมาหรือไม่ก็ทั้งสองคนสามารถกำจัดข้าศึกตรงหน้าได้…แต่ทั้งสองวิธีนั่น เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถทำได้
ความเงียบก็เข้าปกคลุมที่กำแพงเมืองแซมบอร์ด
ทหารรักษาพระองค์และเหล่าชาวบ้านต่างหน้าซีดเผือด ทุกคนต่างนิ่งเงียบ คิ้วของนักรบสามดาวแลมพาร์ดเองก็ขมวดแน่น แองเจล่าที่อยู่ข้างกายเขาก็กัดริมฝีปากตัวเองโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีเืไหลออกมา หยาดน้ำตาแวววาวค่อยๆ ไหลรินออกมาจากดวงตา ส่วนเจ็มม่าก็พุ่งเข้าไปกอดแองเจล่าไว้พลางร้องไห้ออกมาอย่างไร้เสียง...
และชายฝั่งแม่น้ำจูลี่ ตอนนี้เองชายหน้ากากเงินโกรธจนหน้ามืด
สะพานหินถูกตัดขาด ทันใดนั้นแผนการที่เคยวาดหวังว่าจะพิชิตเมืองแซมบอร์ดด้วยกองทัพเกราะดำในเวลาอันสั้นก็แตกสลายไม่มีชิ้นดี ช่องว่างที่กว้างถึงสิบหกสิบเจ็ดเมตรราวกับคูน้ำธรรมชาติได้ขวางกันอยู่ด้านหน้ากองทัพเกราะดำ มันเป็เื่ยากที่เขาจะผ่านมันไปได้
“สังหารมันให้ข้า...สังหารพวกมันให้ข้า...!”
ชายหน้ากากเงินที่ยืนอยู่ไกลๆ ก็ชี้นิ้วไปทางซุนเฟยและดร็อกบาที่ยืนอยู่ตรงขอบช่องว่างบนสะพาน ความรู้สึกเหนือกว่าและคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างยังอยู่ภายใต้การควบคุมก่อนหน้านี้พลันสลายหายไป ร่างกายของเขาสั่นเทาเหมือนเป็ลมบ้าหมู ร่างสั่นเทาจนไม่อาจพูดให้ชัดเจน ยากที่จะรักษาความสง่างามเอาไว้ได้เขาแผดเสียงแหลมร้องสั่งออกมา
ท่าทางแบบนั้นทำให้คนส่วนใหญ่ต้องขยี้ตาตัวเองอย่างยากจะเชื่อ
หลายปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่เคยเห็นท่าทางบ้าคลั่งแบบนี้จากผู้บัญชาการของตัวเองเลยสักครั้ง มันดูเหมือนคนปัญญาอ่อนกำลังถูกกระตุ้น ความสง่างามในอดีตหายไปแล้ว หลงเหลือเพียงภาพลักษณ์บ้าคลั่งที่น่าเกลียดกว่าขอทานที่ใกล้จะหิวตายข้างทาง
บนสะพานที่ถูกตัด
นักรบสามดาวแรนดุ๊กเห็นรูปการเป็แบบนี้ ในใจก็พลันผ่อนคลาย
ท่ามกลางวิกฤติแบบนี้ เขามั่นใจเลยว่าไอ้สองคนนี้ต้องตายแน่ๆ สะพานด้านหลังถูกตัดไม่สามารถหลบหนีได้ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ แม้ว่ามันจะมีพลังมหาศาลขนาดไหนหรือจะเป็ยอดฝีมือระดับสี่ดาวก็ไม่อาจรอดพ้นไปจากคลื่นมนุษย์นี้ไปได้
ในใจเขาเบิกบานยิ่ง “ฮ่าๆๆ ไอ้พวกชั้นต่ำ คราวนี้พวกเ้าตายทั้งคู่แน่...ตาย! ข้าจะทุบกระดูกพวกเ้าทีละชิ้น และจะเฉือนเนื้อพวกแกออกทีละชิ้นเช่นกัน ให้พวกเ้าต้องร้องขอชีวิตก็ไม่ได้ ร้องขอความตายก็ไม่ได้แน่นอน!”
นักรบสามดาวแรนดุ๊กหัวเราะลั่นพลางก้าวเข้ามาใกล้ๆ ทีละก้าว
ด้านหลังของเขา เหล่าทหารเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาเดินตรงมาด้านหน้าอย่างช้าๆ รังสีฆ่าฝันแผ่ออกมาจนรู้สึกเหมือนว่าสามารถจับต้องรังสีฆ่าฟันนั่นได้ บรรยากาศก็พลันเปลี่ยนเป็กดดัน
หากคนธรรมดาเผชิญหน้ากับเหตุการณ์แบบนี้คงใจนขวัญหนี
แต่...
“ฮึ...วันนี้คงเป็วันตายของพวกเราซะแล้วสิ ว่าอย่างไรเล่า เ้าเสียใจไหม?” ซุนเฟยเมินข้าศึกที่กำลังใกล้เข้ามาและหันไปถามดร็อกบาด้วยรอยยิ้ม “กลัวตายหรือเปล่า?”
“ได้ตายเคียงข้างกับองค์าาอเล็กซานเดอร์ นักรบผู้ยิ่งใหญ่อย่างพระองค์ ถือว่าเป็เกียรติแก่วงศ์ตระกูลดิดิเย...ดิดิเย ดร็อกบาคนนี้ไม่เคยเสียใจ!” พูดจบก็กำขวานั์ในมือแน่น ร่างกายเต็มไปด้วยรอยาแ แต่ดวงตากับเหมือนเหล็กกล้า ร่างกายยืดตัวตรง ก้าวไปขวางด้านหน้าของซุนเฟยอย่างมุ่งมั่น ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปที่ข้าศึกอย่างเกรี้ยวกราดพลางะเิเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆ วันนี้ปู่คนนี้ฆ่ามามากแล้ว...หากไอ้พวกลูกหมาขี้ขลาดอย่างพวกเ้าคิดจะมาทำลายาาของข้า ก็ต้องข้ามศพข้าดร็อกบาไปซะก่อน!”
เสียงนี้ดังกังวานประหนึ่งฟ้าผ่า
แม้แต่นักรบสามดาวแรนดุ๊กก็ถูกความโกรธของคนที่มีพลังน้อยกว่าตนกดไว้จนเผลอหยุดเดินเสียเอง ทหารเกราะดำที่อยู่ด้านหลังก็รู้สึกหวาดกลัว ทหารหลายร้อยหลายพันคนถูกข่มจนหวาดกลัวแล้วถอยหลังกลับไปสองสามก้าว
ตอนนี้เอง ในใจซุนเฟยพลันเืเดือดพล่าน
ก่อนหน้านั้น ซุนเฟยถามใจตัวเองอย่างเงียบๆ ว่า ทำไมตัวเองต้องมาพยายามต่อสู้อย่างสุดชีวิตแบบนี้ด้วย ในโลกนี้ ตนเองก็แค่คนที่บังเอิญทะลุมิติมาเท่านั้นเอง า ความตาย การต่อสู้ เืเนื้อ ทั้งหมดนี้ความจริงมันไม่เกี่ยวอะไรกับตนเองเลย เพียงตนเองเลือกที่จะจากไป อาศัยพลังที่ได้มาจากโลก Diablo ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้...แล้วทำไมตนเองต้องพยายามต่อสู้อย่างสุดความสามารถแบบนี้ด้วย?
เพื่อแองเจล่าสาวงามที่อ่อนโยนและจิตใจงามเหมือนเทพธิดาเหรอ?
เพื่อตอบแทนความจงรักภักดี ความซื่อสัตย์ของบรู๊ค เพียร์ซ กับเหล่านักรบที่ให้การสนับสนุนตนเองอย่างงั้นเหรอ?
หรือเพื่อเหล่าผู้ที่ตกอยู่ในความสิ้นหวังที่อยากจะมีชีวิตรอดและฝากความหวังไว้กับตนเอง หรือพวกเด็กๆ คนแก่ คนเจ็บในเมืองแซมบอร์ดที่มองตนเองราวกับพระเ้าอย่างนั้นเหรอ?
ฮึๆ มารดามันเถอะ ั้แ่เมื่อไรที่ข้ากลายเป็คนที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้?
ซุนเฟยหัวเราะเยาะตนเองอยู่ในใจอีกครั้ง เขาเคยถามตนเองแบบนี้อยู่หลายครั้งเช่นกัน
แต่ตอนนี้ เวลานี้ เมื่อมองไปที่ชายฉกรรจ์ที่ยืนขวางร่างตัวเองตรงหน้า มองไปยังเหล่านักรบคนอื่นๆ ที่คิดจะข้ามช่องว่างมาที่ฝั่งนี้ และมองไกลกว่านั้นตรงที่เหล่าทหารบนกำแพงเมืองกำลังวิ่งเข้ามาที่สะพานไม่หยุด...ทันใดนั้นซุนเฟยก็รู้สึกไม่มีอะไรที่ต้องลังเลอีกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างควรจะเป็แบบนี้
นี่คือทางที่าาเลือก
เมื่อสูดลมหายใจเข้าไปก็พบว่าอากาศในสนามรบเต็มไปด้วยกลิ่นเื ซุนเฟยเดินไปอยู่ข้างๆ ดร็อกบาพลางพูดกับนักรบผู้เืร้อนคนนี้ว่า “หลังจากกลับไปแล้วจงถ่ายทอดคำสั่งข้าออกไป ให้บรู๊คและแลมพาร์ดควบคุมทหารและประชาชนถอยกลับไปในเมืองเสีย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามออกจากเมืองเด็ดขาด...จำคำพูดของข้าให้ดีนะ นี่เป็คำสั่งในฐานะาา ไม่ว่าใครก็ห้ามขัดคำสั่ง มิเช่นนั้นจะถือว่าเป็ฏ”
“อะไรนะ? กลับไป...”ดร็อกบาชะงัก ไม่เข้าใจความหมายที่ซุนเฟยพูด
ตอนนี้เองซุนเฟยก็แย่งขวานั์ของดร็อกบา จากนั้นก็จับที่เอวแล้วออกแรงยกเขาขึ้นมาหันหลังกลับไป อาศัยแรงหมุนแล้วะโลั่น ก่อนจะโยนออกไป
ดร็อกบาไม่ทันจะตอบสนองอะไรก็รู้สึกเหมือนร่างกายเบาโหวง
วินาทีต่อมาราวกับมีเมฆหมอกปกคลุม ภาพตรงหน้าพร่ามัวไปครู่หนึ่ง ท่ามกลางเสียงร้องใ เขาก็พบว่าตัวเองถูกซุนเฟยทำเหมือนเป็กระสอบทรายโยนข้ามช่องว่างไปอีกฝั่งหนึ่งของสะพาน ซุนเฟยพยายามควบคุมพลังคนเถื่อนในการโยน ร่างสูงใหญ่ของดร็อกบาร่วงลงพื้นแล้วกลิ้งไถลห่างจากช่องว่างไปราวๆ สี่ห้าเมตร ชุดเกราะเหล็กขูดไปกับหินจนเกิดประกายไฟแล้วไถลชนกับสหายที่อยู่ตรงกลางของกลุ่ม แต่นอกจากแรงเหวี่ยงในขณะที่ร่วงลงพื้นแล้วก็ไม่ได้เจ็บอะไรมาก
“ทุกคนถอยกลับไปเสีย...เชื่อข้า ข้าจะรอดกลับไป!”
ซุนเฟยะโออกไป เสียงะโกลบเสียงแม่น้ำและดังลอยไปถึงดร็อกบา เพียร์ซ บรู๊ค แลมพาร์ดและแองเจล่ารวมไปถึงทุกคน เสียงนั่นดังก้องไปทั่วฟ้าเป็เวลานาน...
พูดจบ ซุนเฟยก็โยนขวานั์ที่แย่งมาจากมือของดร็อกบาทิ้งไปข้างๆ จากนั้นก็เริ่มพุ่งเข้าไปทางกลุ่มทหารเกราะดำและแรนดุ๊กเหมือนพายุทอร์นาโดที่น่ากลัวซึ่งกำลังหมุนอยู่บนพื้นและส่งเสียงคำรามดังกึกก้อง
“ข้าจะฆ่าเ้า อ๊ากกกก...”
ในที่สุดแรนดุ๊กก็ได้สติกลับมา เขาเห็นสถานการณ์เป็แบบนี้จึงรู้สึกมั่นใจมากว่า อย่างไรซุนเฟยก็คงต้องตายแน่ๆ แต่การที่ศัตรูหนึ่งคนหลบหนีไปได้แบบนี้ มันก็ทำให้เขารู้สึกโมโหในใจอย่างมากจนยากที่จะอธิบายเป็คำพูดได้ ตอนนี้ความรู้สึกที่เขาข่มกลั้นไว้ตลอดก็ะเิขึ้น เขากระแทกเท้าที่พื้นแล้วพุ่งขึ้นไป คลื่นพลังสีแดงลุกท่วมร่างอย่างบ้าคลั่ง เห็นได้ชัดว่าเร่งพลังมาถึงขีดสุดแล้ว
“ฮ่าๆๆๆ ข้าจะส่งชีวิตสุนัขอย่างเ้ากลับบ้านเก่าไปซะ ส่วนศพข้าจะแยกเป็ชิ้นๆ!”
ซุนเฟยไม่ปรากฏท่าทางหวาดกลัวใดๆ เขาหัวเราะอย่างยั่วยุ
ในระหว่างที่กำลังปะทะกัน เขาก็พลันเปลี่ยนโหมดเป็ ‘โหมดจอมเวท’ ชั่วพริบตา พลังเวทมนตร์อันแข็งแกร่งที่อยู่รอบๆ กายของเขาก็ปรากฏขึ้น อากาศก็กลายเป็ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ
หวือ!
บอลไฟสีแดงลูกหนึ่งปรากฏขึ้นมาก่อนจะโยนไปทางแรนดุ๊ก
เวทมนตร์เพลิง ‘ะุเพลิง’
ตามมาด้วยเสียงวูบ เบาๆ ก่อนจะมีบอลอสนีบาตสีเงินอีกลูกปรากฏที่มือของซุนเฟย และเขาก็โยนไปทางแรนดุ๊กอีกครั้ง
เวทมนตร์อสนีบาต ‘ะุพลังงาน’
ยังไม่หมดเท่านี้
หลังจากบอลสายฟ้าแล้วก็มีเสียง ‘พรึ่บ’ ความเย็นแผ่กระจายไปทุกสารทิศ ฉับพลันมวลอากาศก็หมุนตัวอย่างรวดเร็วก่อนจะกลายเป็บอลน้ำแข็งแล้วโยนไปทางแรนดุ๊ก
เวทมนตร์น้ำแข็ง ‘ะุน้ำแข็ง’
ซุนเฟยใช้ทักษะทั้งหมดของจอมเวทเลเวล 3 อย่างไม่ลังเล เพียงชั่วพริบตา มานาทั้งหมดของจอมเวทก็หายไปไม่เหลือ จากนั้นก็รีบเปลี่ยนเป็โหมด ‘โหมดคนเถื่อน’ อย่างรวดเร็วแล้วพุ่งเข้าไป
ประกายแสงสีทองเจิดจ้า
จากนั้นเขาก็สลับเป็อุปกรณ์สำรองของคนเถื่อน ‘มีดสั้นพายุ’ กับ ‘โล่ตราิญญาคชสาร’ ปรากฏออกมา
อีกด้าน แรนดุ๊กจัดการกับทักษะเวทมนตร์ที่ถูกซุนเฟยโยนมาอย่างร้อนรน
เขาคาดไม่ถึงว่าคู่ต่อสู้จะเป็นักเวทด้วย ในใจพลันตื่นตระหนก
แต่นักรบสามดาวก็ไม่ได้กระจอก เขาหลบบอลเพลิงมาได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด ยังไม่ทันจะตั้งตัวบอลอสนีบาตสีเงินก็พุ่งเข้ามา แรนดุ๊กยกดาบขึ้นมาขวาง แต่ใครจะไปรู้ว่าบอลอสนีบาตนั่นจะะเิออกมา แสงสีเงินแล่นพล่านไปทั่ว ทิ่มแทงไปที่ร่างของเขา ทำให้ร่างกายของเขาชาจนเคลื่อนไหวได้ช้า
แรนดุ๊กรีบโคจรคลื่นพลังขับไล่พลังสายฟ้าที่อยู่ในร่าง พอจะตอบโต้กลับก็มีบอลน้ำแข็งพุ่งเข้ามาชน ม่านตาของเขาหดลง คราวนี้เขาหลบไม่ทันอีกครั้ง
ปัง!
ในขณะที่บอลน้ำแข็งชนที่ร่าง ทันใดนั้นก็มีชั้นน้ำแข็งบางๆ ปกคลุมบนร่างของเขา
ไม่รอให้เขาได้โคจรคลื่นพลังละลายชั้นน้ำแข็ง เขาก็พลันรู้สึกได้ถึงแสงสะท้อนสีทองสว่างวาบตรงหน้า ลำคอของเขาเย็นวาบ จากนั้นแรนดุ๊กก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังลอยขึ้นและมองเห็นร่างที่แสนคุ้นเคย นั่นคือด้านหลังของตัวเขาเองและบนคอก็ไม่มีหัว! เืสดๆ พุ่งออกมาเหมือนน้ำพุ
“ข้า...ถูกตัดหัว?”
จิตสำนึกสุดท้ายไม่ใช่ความหวาดกลัวแต่เป็ความสงสัย จากนั้นเบื้องหน้าก็ดับวูบไป เขาก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย...
----------------------------------------------------