หานอวี้ฉีมองใต้เท้าโอวหยางด้วยความไม่เชื่อ จากนั้นก็มองไปที่ฮูหยินสวี่ด้วยความสงสัยว่าสองคนนี้ถูกผีสิงหรือไม่? สุภาพกับหานอวิ๋นซีขนาดนี้เลยหรือ?
“ท่านแม่...”
ในขณะที่เขากำลังจะอ้าปากพูด ฮูหยินสวี่ก็โน้มตัวลงไป พร้อมกับส่งสายตาเคร่งขรึมและดุด่าว่า “ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง มีตาหามีแววไม่! ยังไปโทษหวังเฟยอีก! ถึงแม้หวังเฟยจะเป็พี่สาวของเ้า แต่จะมาเล่นกับนางแบบนี้ไม่ได้!”
ในขณะที่ตำหนิด้วยความโกรธ นางก็ยังขยิบตาให้หานอวี้ฉี แต่หานอวี้ฉีนั้นไร้เดียงสาเกินไป ไม่ฉลาดแม้แต่น้อย เขามองมารดาด้วยความสงสัยและยืนนิ่งไม่ขยับใดๆ
ฮูหยินสวี่ทั้งโกรธทั้งกังวล ดึงหูของบุตรชายแล้วดุว่า “ลูกเนรคุณ คุกเข่าลง! เล่นอะไรไม่รู้ มาทำตัววุ่นวายกับพี่สาวเ้า เ้ารู้หรือไม่ว่าการขู่หวังเฟยมีโทษปะาชีวิต? ถ้าเ้าอยากรนหาที่ตายนัก ก็เชิญเลย!”
“โอ๊ย...เจ็บ ปล่อย...ปล่อยนะ!”
หานอวี้ฉีร้องโอดโอยด้วยความเ็ป เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องก้มหัวลง ในขณะเดียวกันสวี่ฮูหยินก็ถือโอกาสนี้กระซิบข้างหูของเขาว่า “เด็กเนรคุณ เ้าคิดว่าข้าเต็มใจทำตามนางหรือ! ข่าวลือนั่นเป็เื่จริง! หานอวิ๋นซีช่วยไท่จื่อไว้ ตาของเ้าเป็คนพูดด้วยตัวเอง!”
อะไรนะ ข่าวลือเป็จริงหรือ?
หานอวิ๋นซีช่วยไท่จื่อไว้จริงๆ ตอนนี้นางเป็วีรสตรีผู้ยิ่งใหญ่แล้วงั้นหรือ?
หานอวี้ฉีรู้สึกเพียงว่ามีบางอย่างกระแทกศีรษะอย่างแรง เขาใมากจนสติหลุดลอยไปชั่วขณะ สองขาก็อ่อนแรงและคุกเข่าลง
“หวังเฟย เ้าเด็กดื้อคนนี้คิดจะพูดอะไรก็พูด ท่านเองก็รู้ อย่างไรก็ตาม เขายังเด็ก ท่านยกโทษให้เขาเถอะนะ ครั้งนี้เป็ความผิดของข้าทั้งหมด ข้าสอนบุตรชายได้ไม่ดีเอง ข้าจะชดใช้ให้ท่านเอง!”
ฮูหยินสวี่ที่พูดอย่างจริงใจมาก ทว่ากลับมีความไม่พอใจซ่อนอยู่ในแววตา ต้องรู้ว่าก่อนหน้านั้นนางมักจะสั่งการและชักสีหน้าใส่หานอวิ๋นซีอยู่เสมอ
ในเวลานี้ ใต้เท้าโอวหยางที่อยู่ด้านข้างก็รีบร้องขอเช่นกัน “หวังเฟย คุณชายใหญ่...ฮ่าฮ่า คุณชายใหญ่ไม่เข้าท่าก็จริง แต่นี่ก็เป็เื่ของตระกูลหานเช่นกัน หากเื่ไปถึงศาลต้าหลี่ ท่านเองก็จะเสียหน้า ท่านจะปล่อยให้คนอื่นดูเื่ตลกจริงๆ หรือ?”
หานอวิ๋นซียิ้มอย่างเ็า แน่นอนนางรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของใต้เท้าโอวหยางกับรองเสนาบดีกระทรวงขุนนางดี สิ่งที่ใต้เท้าโอวหยางพูดนั้นช่างพูดได้ดีจริงๆ
นางไม่สนใจฮูหยินสวี่และใต้เท้าโอวหยาง ก้มลงมองหานอวี้ฉีและถามกึ่งติดตลกว่า “คุณชายใหญ่ ผู้หญิงชั่วนี่ด่าใครหรือ?”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ฮูหยินสวี่และใต้เท้าโอวหยางต่างก็หวาดกลัว หานอวี้ฉีเองก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก รู้สึกเพียงว่าขาเขาอ่อนแรง ไม่สามารถแม้แต่จะคุกเข่าได้
“หาน... ไม่ไม่ไม่ หวังเฟย ข้าน้อย...ข้าน้อยเพียงล้อเล่นเท่านั้น หวังเฟยอย่าใส่ใจไปเลย ข้าน้อยปากพล่อยเอง! ข้าน้อยจะชดใช้ให้ท่าน! ข้าน้อยผิดไปแล้ว! ผิดไปแล้ว!”
หานอวี้ฉีกลัวมากจนพูดติดขัด ถ้าหานอวี๋นซีกลายเป็วีรสตรีช่วยไท่จื่อไว้ เช่นนั้นนางก็จะไม่ได้เป็แค่หวังเฟยในนามอีกต่อไป!
อย่างน้อย ราชวงศ์ก็จำนางได้ ดังนั้นในฐานะสามัญชนของตระกูลหาน การดูิ่นางเพียงเล็กน้อยอาจเป็ความผิดทางอาญา!
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเพิ่งทำไป หานอวี้ฉีก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก
เขาตบหน้าตัวเองทันที “หวังเฟย ข้าน้อยปากเสีย ข้าจะลงโทษตัวเอง!"
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฮูหยินสวี่ก็ใและปิดปากด้วยความไม่เชื่อ บุตรชายสุดที่รักของนาง!
น่าเสียดายที่หานอวิ๋นซีมองอย่างเ็าโดยไม่ส่งเสียงและไม่ตอบสนองใดๆ
หานอวี้ฉีทำได้เพียงตบหน้าตัวเองอีกครั้ง แน่นอนว่าไม่ได้ออกแรงมากมายนัก ด้วยเพราะเขากลัวเจ็บน่ะสิ
อย่างไรก็ตาม ครั้งที่สองหานอวิ๋นซียังคงเฉยเมย มองอย่างไร้ความรู้สึก
ทำอย่างไรดีล่ะ?
ต้องตบต่อไปหรือ? ไม่ เขากลัวเจ็บ!
ด้วยความสิ้นหวัง หานอวี้ฉีทำเพียงมองไปที่ท่านแม่เพื่อขอความช่วยเหลือ ฮูหยินสวี่เห็นว่าการตบสองครั้งนั้นเ็ปมากพอแล้ว อยากที่จะโต้ตอบกลับแต่ก็ไม่กล้า จึงรีบเกลี้ยกล่อมนางว่า “หวังเฟย อย่างไรเขาก็เป็น้องชายของท่าน เขาคงไม่ได้ตั้งใจ อย่าใส่ใจเขาเลย ข้าจะสั่งสอนเขาเอง คราวหน้าเขาคงไม่กล้าทำอีกแน่นอน”
เวลานี้ หานอวิ๋นซีก็เอ่ยปากพูดว่า “กลัวเจ็บอย่างนั้นหรือ?”
“เจ็บ หน้าบวมไปหมดแล้ว บทเรียนนี้คงเพียงพอที่เขาจะจำไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ” ฮูหยินสวี่พูดอย่างรวดเร็ว
“จริงหรือ…”
หานอวิ๋นซีโน้มตัวลงมา เชยคางของหานอวี้ฉีอย่างใจเย็น หานอวี้ฉีประหม่ามากจนไม่กล้าขยับ
หานอวิ๋นซีกวาดสายตามองหน้าเขา มองซ้ายมองขวา สะอาดเกลี้ยงเกลาบอบบางยิ่งกว่าสตรี ไม่มีร่องรอยเลยแม้แต่น้อย
หากแบบนี้เรียกว่าเจ็บ เช่นนั้นาแที่แขนของนางที่ถูกแส้ฟาดตอนที่ยังเด็กคืออะไร? แล้วรอยเปื้อนเืบนหลังของหานหยุนอี้คืออะไร?
ความโกรธเกรี้ยวฉายแววในดวงตาของหานอวิ๋นซี พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “หน้าบวมหรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเ้า
หลังจากที่นางพูดจบ นางก็ปัดคางหานอวี้ฉีออกไปอย่างแรงและพูดอย่างเ็าว่า “เสี่ยวเฉินเซียง ตบเขา!”
“ไม่นะ…”
ฮูหยินสวี่ร้องอุทาน น้ำเสียงของนางแข็งกร้าวขึ้นทันที “อวิ๋นซี เขาเป็น้องชายของเ้า พวกเ้าเกิดมาจากพ่อคนเดียวกัน! เ้าจะใจร้ายแบบนี้ไม่ได้!”
หานอวิ๋นซียิ้มอย่างเย้ยหยัน “คนที่นอนอยู่ในห้องก็เป็น้องชายของข้าเหมือนกัน เกิดจากพ่อคนเดียวกันเหมือนกัน แล้วทำไมถึงโหดร้ายกับเขาขนาดนั้นได้ล่ะ?”
ลูกชายตนเองทำอะไรลงไป ฮูหยินสวี่รู้ดีอยู่แก่ใจ
นางพูดอะไรไม่ออกชั่วขณะ จากนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อและพูดอย่างเ็าว่า “อวิ๋นซี เ้าเด็กบ้าไม่รู้เื่รู้ราว หรือเ้า...”
ก่อนที่ฮูหยินสวี่พูดจบ หานอวิ๋นซีก็ยิ้มเย้ยหยัน “ทำไมล่ะ อี๋เหนียงสองกำลังโทษว่าอวิ๋นซีโง่เขลางั้นหรือ?”
อี๋เหนียงสอง?
ฮูหยินสวี่ถึงกับผงะ นิ่งไปครู่หนึ่ง หานอวิ๋นซีกำลังเรียกนางหรือ
ใช่ นางไม่ใช่ภรรยาตามกฎหมาย แต่หานฉงอันก็แต่งงานกับนางตามพิธี มีเกี้ยวแต่งงานแปดคนหามมาขอแต่งงาน ั้แ่วันแรกที่นางเข้าประตู ทุกคนต่างเรียกนางว่าฮูหยินสวี่ วันนี้เป็ครั้งแรกที่ได้ยินว่า “อี๋เหนียงสอง” สามคำนี้!
สามคำนี้ มันแสดงให้เห็นว่านางเป็แค่อนุ!
หานอวิ๋นซีกำลังทำให้นางอับอายขายหน้า!
มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อของฮูหยินสวี่กำแน่น ดีจริงๆ หานอวิ๋นซี ช่างพูดเกลี้ยกล่อมได้ดีเหลือเกิน นาง้าอะไรอีก! ถ้าไม่ใช่เพราะอวี้ฉีตกไปอยู่ในกำมือของนาง นางคงไม่ถ่อมตัวขนาดนี้!
ฮูหยินสวี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามที่จะเพิกเฉยต่อชื่อที่หานอวิ๋นซีเรียกและพยายามสงบสติอารมณ์ไว้ วีรบุรุษไม่กินการสูญเสียที่เกิดขึ้นทันที[1] ดังนั้นนางจึงอดทนกับมัน
“ไม่ไม่ ข้าจะไปหมายความว่าเช่นนั้นได้อย่างไร หานอวิ๋นซีเป็พี่สาวคนโต ั้แ่เด็กเ้าก็มีเหตุผลมากกว่าพวกเขาอยู่แล้ว”
หานอวิ๋นซีหัวเราะเยาะ “สิ่งที่อี๋เหนียงสองหมายถึง ก็ไม่ใช่โทษว่าข้าโง่เขลาหรือไร?”
ฮูหยินสวี่พูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง ไม่รู้จะพูดอะไรดี เอาศอกกระแทกใต้เท้าโอวหยางที่อยู่ข้างๆ นาง
“ฉินหวังเฟย...”
ใต้เท้าโอวหยางที่กำลังจะเกลี้ยกล่อม ทว่าหานอวิ๋นซีกลับยกมือห้ามเอาไว้และถามว่า “ใต้เท้าโอวหยาง เ้าเพิ่งพูดไปว่าลงโทษด้วยการเฆี่ยนห้าสิบครั้ง คงไม่ได้โกหกข้าใช่หรือไม่?”
ใต้เท้าโอวหยางตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อเห็นว่าหานอวิ๋นซีจริงจังขนาดนั้น ก็กลัวที่จะถูกตำหนิและส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “มิบังอาจพ่ะย่ะค่ะมิบังอาจ เฆี่ยนห้าสิบทีจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นเมื่อครู่หานอวี้ฉีด่าข้าว่าเป็สตรีชั่ว แบบนี้ไม่ถือว่าเป็อาชญากรรมหรือ?” หานอวิ๋นซีถามอีกครั้ง
ใต้เท้าโอวหยางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้า “ถือว่าเป็พ่ะย่ะค่ะ”
“ในเมื่อนับว่าเป็ เช่นนั้นทำผิดสองครั้ง ก็ควรจะเฆี่ยนร้อยทีไม่ใช่หรือ?” หานอวิ๋นซีพูดอย่างเคร่งขรึม
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หานอวี้ฉีก็แข็งทื่อไปทั้งร่างกาย หมดเรี่ยวแรง สมองขาวโพลน ฮูหยินสวี่เองก็หน้าซีดด้วยความใ และมองไปที่ใต้เท้าโอวด้วยสายตาเ็าที่เต็มไปด้วยคำเตือน!
แต่เป็คำเตือนแล้วอย่างไรล่ะ ใต้เท้าโอวหยางเองก็ไม่กล้าที่ล่วงเกินหานอวิ๋นซี และทำได้แค่เพียงหลบเลี่ยงสายตาของนาง
“ใต้เท้าโอวหยาง พาเขาออกไป ลงโทษเสีย!” หานอวิ๋นซีไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้หายใจ
เฆี่ยนหนึ่งร้อยครั้ง เรียกได้ว่าสามารถฆ่าคนได้เลยทีเดียว หากเทียบกับการเฆี่ยน การตบไม่ถือว่าเบาไปเลยหรือไร?
พวกเขามีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น หากไม่ตบ ก็ต้องโดนเฆี่ยนหนึ่งร้อยครั้ง
“ตบ!”
ฮูหยินสวี่ที่ไม่มีทางเลือก นางลุกขึ้นพรวดและพูดอย่างเร่งรีบว่า “หวังเฟย เ้าเด็กดื้อคนนี้สมควรโดนตบ! ต้องโดนตบ!”
หานอวิ๋นซีเองก็ไม่ได้้าที่จะเฆี่ยนอยู่แล้ว นางจึงรีบจับมือของเสี่ยวเฉินเซียงแล้วลากมาข้างหน้า “เ้าตบ! ตบเลย!”
เสี่ยวเฉินเซียงเกลียดสองแม่ลูกคู่นี้อย่างมาก สะบัดมือแล้วพูดช้าๆ ว่า “มือของหม่อมฉันเล็กนิดเดียว คุณชายใหญ่หนังหน้าหนา บางทีใบหน้าของคุณชายใหญ่อาจจะไม่บวม แต่เป็มือหม่อมฉันที่จะบวมเสียก่อน”
หานอวิ๋นซีแอบหัวเราะ ที่แท้เสี่ยวเฉินเซียงคนนี้ก็ปากร้ายไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย
เมื่อได้ยินว่าเสี่ยวเฉินเซียงไม่ตบ หานอวี้ฉีดูเหมือนจะหวาดกลัวและนั่งนิ่งอยู่บนพื้น ความเศร้าโศกในดวงตาของฮูหยินสวี่นั้นมีมากมาย ดวงตาของนางแดงก่ำและร้องไห้ออกมา
“อวิ๋นซี เ้าปล่อยน้องชายของเ้าไปเถอะ ข้าขอร้อง...”
ขอร้อง? แสร้งทำตัวน่าสงสารอยู่หรือไร?
รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏบนริมฝีปากของหานอวิ๋นซี และมองไปที่อี๋เหนียงเจ็ดเฮ่อเหลียนที่ยังคงสลบไสลอยู่ข้างๆ หากการขอร้องมีประโยชน์ละก็ มารดาผู้น่าสงสารท่านนี้คงไม่ได้ถูกข่มขู่เช่นนี้
ถ้าการขอร้องมันมีประโยชน์ ั้แ่เด็กจนโต นางก็คงไม่ทุกข์ทนทรมานมากขนาดนี้
หานอวิ๋นซีสะบัดมือของฮูหยินสวี่ออกอย่างโเี้ “ใต้เท้าโอวหยาง พาเขาไป!”
“ไม่! อย่านะ!”
ฮูหยินสวี่ะโและหยุดใต้เท้าโอวหยาง “ข้าตบ! ข้าจะตบเอง! อวิ๋นซี ข้าจะสั่งสอนเขาเอง!”
ขณะที่นางพูด ด้วยกลัวว่าหานอวิ๋นซีจะไม่ให้โอกาสอีก นางจึงตบหน้าหานอวี้ฉีอย่างแรงโดยไม่ลังเล “เพียะ!”
ครั้งนี้หานอวี้ฉีได้สติกลับมาทันที เขายกมือขึ้นกุมหน้าโดยไม่รู้ตัว เมื่อกำลังจะหลบ ฮูหยินสวี่ก็พูดอย่างเ็าว่า “ใครก็ได้ มาจับตัวเขาไว้”
คนรับใช้ทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ต่างตกตะลึง ทันทีที่ได้ยินเสียงะโของฮูหยินสวี่ ก็มีคนเข้ามาสองคนจับตัวหานอวี้ฉีไว้
“ท่านแม่…”
หานอวี้ฉีที่เพิ่งจะอ้าปากพูด ก็โดนฮูหยินสวี่ตบอีกครั้ง “เพียะ!”
เสียงที่ชัดเจนและดังก้องนี้ทำให้คนรับใช้ที่อยู่รอบๆ ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว ใต้เท้าโอวหยางเองก็ไม่กล้าที่จะดู หันหน้าหนีไปทางอื่น
การตบสองครั้งนี้ทำให้แก้มของหนาอวี้ฉีแดงและบวมขึ้นมาเล็กน้อย
มือของฮูหยินสวี่นั้นเจ็บ แต่หัวใจเจ็บยิ่งกว่า นางรักบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนผู้นี้อย่างมาก! ไม่ต้องพูดถึงตัวนางหรอก แม้แต่หานฉงอันเองก็ไม่เคยปล่อยให้บุตรชายของนางโดนทำร้ายสักครั้ง
แต่วันนี้นางกลับทำมันด้วยตนเอง มือของฮูหยินสวี่ที่สั่นเทา พร้อมกับหัวใจที่แตกสลาย
หานอวี้ฉีรู้สึกเพียงว่าแก้มทั้งสองกำลังไหม้ เ็ปมากจนเขาไม่กล้าแม้แต่จะััมัน
แค่นี้ คงพอแล้วใช่หรือไม่?
“หวังเฟย มันบวมแล้ว บวมไปหมดแล้ว” ฮูหยินสวี่พูดอย่างติดขัด ในใจก็เกลียดจนแทบอยากจะพุ่งเข้าไปตบหานอวิ๋นซีเสียเหลือเกิน!
จริงอยู่ที่มันบวมขึ้นมาแล้วเล็กน้อย เพียงแต่เมื่อเทียบกับอาการาเ็ที่หลังของอี้เอ๋อร์ มันเทียบไม่ได้เลยสักนิด การตบสองครั้งจะเท่ากับการเฆี่ยนร้อยครั้งแล้วหรือ ฮูหยินสวี่จะเอาเปรียบเกินไปหรือไม่?
หานอวิ๋นซีชำเลืองมองนางและพูดอย่างเ็าว่า “ข้าเพิ่งจะพูดไปเองว่า มันบวมหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเ้า!”
อะไรนะ?
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หานอวี้ฉีก็ร้องไห้ออกมา ส่วนฮูหยินสวี่เองร้องไห้ออกมานานแล้ว ทว่าก็ไม่กล้าเถียงกลับไป ดังนั้นนางจึงได้แต่กัดฟันแล้วทำต่อไป
ตบซ้ายที ขวาที “เพียะ! เพียะ! เพียะ!” เสียงช่างฟังดูรุนแรงอย่างมาก
มือของฮูหยินสวี่เจ็บ ใบหน้าของหานอวี้ฉีเจ็บ สองแม่ลูกร้องไห้ทั้งคู่ แต่หานอวิ๋นซีกลับไม่หยุด
ท้ายที่สุด คนรับใช้ทั้งหมดที่อยู่โดยรอบก็ไม่กล้าที่จะมอง ในใจเองก็หวาดกลัว คุณหนูใหญ่ท่านนี้ ไม่สิ...จะพูดให้ถูกคือฉินหวังเฟย ไม่ใช่คนที่จะไปมีเื่ด้วยจริงๆ พวกเขาทั้งหมดประเมินนางต่ำไป!
------------------------------------------------
[1] วีรบุรุษไม่กินการสูญเสียที่เกิดขึ้นทันที (好汉不吃眼前亏) หมายถึง เมื่อตกอยู่ในที่นั่งลำบากหากถอยได้ก็ถอยออกมา เพื่อที่จะไม่ได้เป็เบี้ยล่างในขณะนั้น