ภายในห้องทุกอย่างยังคงเป็ปกติ
จั๋วอวิ๋นเซียนออกมาจากมิติมายาสุญญตาด้วยความมึนงงและยากจะสงบอารมณ์ได้
ถึงแม้เขาไม่รู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรกับมิติมายาสุญญตา แต่จากการพูดคุยกับถังจิ่ว เขามั่นใจว่าต้องเกี่ยวข้องกับตัวเขา เกี่ยวข้องกับสุสานโบราณ หรือแม้แต่กับเฉียนโม่แน่
เก้าทวีปสามเกาะออกคำสั่งให้ตรวจสอบความจริงพร้อมกัน
โดยเฉพาะการสอดมือเข้ามาของพันธมิตรเซียนศักดิ์สิทธิ์ ทำให้จั๋วอวิ๋นเซียนรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก
‘พันธมิตรเซียนศักดิ์สิทธิ์‘ ก่อตั้ง่ต้นของศักราชเซียนที่เก้า ยามนั้นทั่วทั้งแผ่นดินตกอยู่ในความวุ่นวาย มรดกสืบทอดวิถีเซียนแทบจะสูญสิ้น โดยเฉพาะการอาละวาดของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ทั้งอสูรและปีศาจไล่สังหารผู้คนอย่างกำเริบเสิบสาน ทำให้เผ่ามนุษย์ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากและเผชิญหน้ากับการสิ้นเผ่าพันธุ์ ทันใดนั้นก็มีผู้บุกเบิกแห่งศักราชเซียนที่เก้าปรากฏตัวออกมา พวกเขาก็คือ ‘จักรพรรดิเก้าเซียน’ กับ ’ราชันเทพไร้ลักษณ์‘
หลายสิบปีหลังจากนั้น ยอดฝีมือทั้งสองได้รวบรวมผู้บำเพ็ญเซียนจากทั้งเก้าทวีปสามเกาะ จนกลายเป็ขั้วอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่ามนุษย์ เพื่อสยบความวุ่นวายภายในและขับไล่ต่างเผ่าพันธุ์จากภายนอก พวกเขาส่งเสริมเกื้อกูลซึ่งกันและกัน พัฒนาไปพร้อมกัน…จนกระทั่งมีแผ่นดินเซียนฉยงที่เป็ระเบียบเฉกเช่นทุกวันนี้ นี่ก็คือต้นกำเนิดของ ‘พันธมิตรเซียนศักดิ์สิทธิ์’
เมื่อเวลาได้ล่วงเลยผ่านไป พันธมิตรเซียนศักดิ์สิทธิ์จึงค่อยๆ ผันตัวไปอยู่เื้ั ถึงแม้พวกเขาจะสอดมือเข้ามายุ่งกับเื่ทางโลกน้อยมาก ทว่าพวกเขากลับเป็ตัวตนสูงส่งที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาและภาพรวมของทั้งแผ่นดินเซียนฉยง
ถึงแม้จั๋วอวิ๋นเซียนไม่คิดว่าตัวเองมีความลับอะไร แต่เขาก็ไม่อยากเข้าไปพัวพัน ถึงอย่างไรเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความยิ่งใหญ่ของพันธมิตรเซียนศักดิ์สิทธิ์ ทางที่ดีที่สุดคืออย่าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
……
“เอ๊ะ!”
จั๋วอวิ๋นเซียนกำลังลุกขึ้น ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าร่างกายเปลี่ยนไป!
เบาลง? เขารู้สึกร่างกายเบาหวิว…เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่ร่างกายที่เบาหวิว แต่เป็การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ เหมือนมีจิตใจอันกว้างใหญ่ไพศาล
ทันใดนั้นจั๋วอวิ๋นเซียนเข้าไปในจิตใจของเขา พบว่าจิตของเขากำลังค่อยๆ เปลี่ยนแปลง ราวกับก้อนหินกำลังกลายเป็หยก แสงสีเจิดจ้า จิตใจปลอดโปร่ง
วิวัฒนาการ! จิตของเขากำลังวิวัฒนาการ!
จั๋วอวิ๋นเซียนเคยอ่านในตำราบำเพ็ญตนมาไม่น้อยจึงค่อนข้างเข้าใจรูปร่างดวงจิต ดังนั้นเขาถึงได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเองเป็อย่างดี
ิญญาเปรียบดังราก จิตเปรียบดังใบ มีเพียงรากฝังลึก ใบถึงจะงอกเงย…นี่คือรากฐานของการบำเพ็ญตน
พลังจิตของคนธรรมดาไร้รูปไร้ลักษณ์ พลังจิตของผู้บำเพ็ญตนมีรูปไร้ลักษณ์ และพลังจิตของยอดฝีมือบางส่วนมีการเปลี่ยนจากไร้ลักษณ์กลายเป็รูปลักษณ์
พลังจิตของจั๋วอวิ๋นเซียนในตอนนี้ถึงแม้ยังไม่ก่อเกิดรูปร่าง แต่มันกำลังวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเขายังััได้ถึงการมีอยู่ของสามิญญาเจ็ดจิตได้อย่างชัดเจน
ตำราโบราณบันทึกเอาไว้ว่า ร่างมีสามิญญา ‘์ ปฐี มนุษย์’ คือต้นกำเนิดของชีวิต กายมีเจ็ดจิต ‘ดีใจ โกรธ วิตก กังวล เศร้า กลัว ใ’ คือพิษทั้งหกแห่งความปรารถนา การบำเพ็ญเซียนต้องบำเพ็ญต้นกำเนิดชีวิต ขจัดพิษแห่งความปรารถนาทั้งหก หลอมรวมกับพลังจาก์ ชำระกายให้บริสุทธิ์ จึงจะสามารถปรับสมดุลแห่งหยินหยาง สร้างสมดุลแก่ธาตุทั้งห้า สืบเนื่องต่อไปไม่สิ้นสุด เพื่อบรรลุสภาวะไร้อารมณ์
สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ หลังจากพลังปราณฟ้าดินสลายหายไปแล้ว ประตูเซียนถูกปิดตาย ทำให้ยากจะสำเร็จวิถีเซียนได้ ดังนั้นเซียนแห่งแผ่นดินเซียนฉยงจึงบัญญัติสามิญญาเจ็ดจิตขึ้นมาใหม่ แก้จาก ‘พิษทั้งหกแห่งความปรารถนา’ กลายเป็ ‘วัฏจักรเจ็ดจิต’
นับแต่นั้นมา ิญญา์เป็หยาง จิติญญาเป็ใหญ่ ิญญาปฐีเป็หยิน อายุยืนยาว ิญญามนุษย์เป็ชีวิต ปรารถนาไม่รู้จบ
จั๋วอวิ๋นเซียนเกิดมามีิญญาไม่ครบ จึงไม่อาจปรับสมดุลหยินหยาง ทำให้ร่างกายอ่อนแอั้แ่เด็ก
ความจริงแล้วจั๋วอวิ๋นเซียนค้นหาภายในร่างกายมาเนิ่นนาน แต่มิอาจััการมีอยู่ของ ‘ิญญา์’ กลับกันเขาััถึงตำแหน่งวัฏจักรเจ็ดจิตได้
ิญญาอยู่บนศีรษะ เรียกขานว่าวัฏจักรเศียร คือต้นกำเนิดแห่งสติปัญญา
จิตอยู่กลางหน้าผาก เรียกขานว่าวัฏจักรเกศ คือต้นกำเนิดแห่งจิติญญา
สมาธิอยู่ในกระหม่อม เรียกขานว่าวัฏจักรชีพจร คือต้นกำเนิดแห่งจิตสำนึก
ใจอยู่ตรงหัวใจ เรียกขานว่าวัฏจักรฤทัย คือต้นกำเนิดแห่งชีวิต
ปราณอยู่ที่อก เรียกขานว่าวัฏจักรรวมศูนย์ คือต้นกำเนิดแห่งการหายใจ
กำลังอยู่ที่ฝ่ามือ เรียกขานว่าวัฏจักรหัตถ์ คือต้นกำเนิดแห่งพละกำลัง
ความเร็วอยู่ที่ฝ่าเท้า เรียกขานว่าวัฏจักรพิภพ คือต้นกำเนิดแห่งความสมดุล
……
จั๋วอวิ๋นเซียนเปรียบเทียบร่างกายของตัวเองกับตำราการบำเพ็ญตน เขาพบว่าไม่มีอะไรผิดพลาดแม้แต่น้อย ทำให้เขาดีใจมาก
ขณะที่กำลังดีใจมาก เขาก็นึกถึงตราประทับจึงเริ่มทำสมาธิ
ความว่างเปล่าในทะเลจิต ธารดารายังคงเป็เช่นเดิม กว้างใหญ่ไร้สิ้นสุด ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย แต่เขาสามารถััถึงการโคจรของดวงดาราทุกดวงได้อย่างชัดเจน นี่คือประสบการณ์ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ทั้งน่าอัศจรรย์และตื้นตันใจ
เมื่อเขาเริ่มควบรวมตราประทับ ดวงดาราดวงแล้วดวงเล่าเริ่มส่องแสง ก่อเกิดเป็เงาพร่ามัว
หนึ่งดวง สองดวง สามดวง…
สิบดวง ยี่สิบดวง สามสิบดวง…
ใกล้แล้ว…ใกล้ครบแล้ว…
การควบรวมตราประทับระดับต่ำต้องทำให้ดวงดาราสามสิบหกดวงกำเนิดเป็รูปร่าง จั๋วอวิ๋นเซียนใกล้จะทำสำเร็จแล้ว นี่คือครั้งแรกในรอบหกปีที่เขาเข้าใกล้ความสำเร็จมากขนาดนี้!
สามสิบเอ็ดดวง…
“ตูม!”
แสงดาราดับสิ้น เงาพร่ามัวพังทลาย การควบรวมตราประทับยังคงล้มเหลวเช่นเคย
เพียงแต่ครั้งนี้จั๋วอวิ๋นเซียนไม่ได้ผิดหวังหรือโศกเศร้าแม้แต่น้อย กลับกันเขาตื่นเต้นดีใจมาก เพราะเมื่อก่อนเขาควบรวมตราประทับไม่ถึงห้าส่วนด้วยซ้ำ ทว่าตอนนี้ควบรวมตราประทับได้เก้าส่วนแล้ว เหมือนพลังจิตจะยกระดับขึ้นอีกขั้นหนึ่ง เป็เื่ที่คาดไม่ถึงจริงๆ
จั๋วอวิ๋นเซียนรู้สึกได้ว่าเขายังสามารถพัฒนาได้อีก ขอเพียงให้เวลาเขามากกว่านี้ เขาจะสามารถควบรวมตราประทับของตัวเองได้…ถึงแม้จะเป็ตราประทับระดับต่ำ แต่ก็ยังเป็ตราประทับแท้จริง เป็จุดเริ่มต้นของการเปิดประตูเซียน
ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้จั๋วอวิ๋นเซียนได้รับโอกาสครั้งใหญ่ เขาจึงอยากจะไปให้ไกลยิ่งขึ้น อย่างเช่น…การจุดประกายดาราเจ็ดสิบสองดวงเพื่อควบรวมตราประทับระดับกลาง หรือเดินตามรอยความสำเร็จบิดาของเขาด้วยการควบรวมตราประทับระดับสูง
ตราประทับ ‘กระเรียนเมฆา’ ควบรวมจากดาราหนึ่งร้อยแปดดวง รูปร่างสง่างาม มีเส้นชีพจรชัดเจน หากพร์ตื่นขึ้น รากฐานจะลึกซึ้งยิ่งขึ้น
“ดี! ดีมาก! ได้รับโอกาสเช่นนี้ ข้าก็มีหวังในวิถีเซียนแล้ว!”
หลังจากความตื่นเต้น จั๋วอวิ๋นเซียนค่อยๆ สงบลง
ตอนแรกเขาอยากนำการเปลี่ยนแปลงของตัวเองไปบอกกับบิดาและพี่สาวมาก แต่หลังจากสงบใจลงเขาก็ทิ้งความคิดเช่นนี้ไป สถานการณ์ของเขาตอนนี้ไม่มั่นคงนัก แม้แต่ตัวเขาเองก็มิอาจอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ อีกทั้งโอกาสของเขายังเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของมิติมายาสุญญตาด้วย ถ้าเขาเล่าสิ่งที่ตัวเองพบเจอในสุสานโบราณ ไม่แน่ว่าอาจจะสร้างปัญหาให้ตระกูลจั๋วได้
เอาเถอะ เื่พวกนี้ล้วนเป็เพียงข้ออ้างเท่านั้น แท้จริงแล้วความคิดของเขาช่างเรียบง่าย เพียงอยากรอจนควบรวมตราประทับได้ก่อนจึงค่อยบอกกับบิดาและพี่สาว เพื่อไม่ให้ดีใจเสียเที่ยว เขาไม่อยากให้ครอบครัวต้องผิดหวังอีกครั้ง
……
“ใช่แล้วละ! โอกาสในครั้งนี้ผู้าุโเฉียนโม่เป็คนมอบให้ ก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจนางผิดไป”
จั๋วอวิ๋นเซียนรู้สึกละอายใจ เขากำลังจะกลับเข้าไปขอบคุณเฉียนโม่ แต่กลับมีเสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบดังขึ้นมา
“นายน้อยตื่นแล้วหรือ?”
“มีเื่อันใด?”
“นายน้อย ท่านผู้นำกลับมาแล้ว คุณหนูใหญ่ให้ข้ามาเชิญท่าน”
“ท่านพ่อกลับมาแล้วหรือ?”
จั๋วอวิ่นเซียนตกตะลึง เขาเลิกคิดเื่อื่นชั่วคราว “ดี เ้ากลับไปก่อน ข้าจะตามไปเดี๋ยวนี้”
“ทราบแล้ว”
คนรับใช้ขานตอบพร้อมถอยจากไป จั๋วอวิ๋นเซียนถึงพบว่าตอนนี้ฟ้าสว่างแล้ว
