ิเป่าจูไม่มีแก่ใจจะสืบเื่ของสองคนนั้น จึงเดินผ่านกลุ่มคนที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์ไปโดยไม่แยแสสายตาทุกคู่ที่จดจ้องมาที่ตนเอง
นางไม่ไร้เดียงสาพอที่จะคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานจะสามารถเปลี่ยนมุมมองของคนทั้งหมู่บ้านที่มีต่อตนเองได้ ภาพลักษณ์ที่ิเถี่ยจู้กับหวังซื่อเพียรสร้างให้นางมาตลอดหลายปี ไม่มีทางถูกทำลายลงได้อยู่แล้ว
เมื่อมาถึงเรือน ไม่มีสุ้มเสียงใดในห้องหลักแม้แต่น้อย พอมองเข้าไปในห้อง ถึงพบว่าที่แท้ทั้งสองคนกำลังนอนกลางวันหลับสบายกันอยู่ จึงไม่ได้ปลุกพวกเขา
ิเป่าจูวางอาหารทั้งหมดบนโต๊ะอย่างเบามือ ในใจยังจำได้ว่าต้องกลับไปหลังเขา ขุดต้นเกล็ดักลับมาหลายๆ ต้น รวมถึงสมุนไพรอีกหลายชนิดที่เถ้าแก่หวังไหว้วานให้ช่วยหา จึงสะพายกระบุงขึ้นหลังแล้วขึ้นเขา
แสงแดดจัดยามเที่ยงวัน ทำให้พวงแก้มถูกแผดเผาร้อนฉ่าจนน่าใ
เส้นทางูเาขรุขระมากขึ้น ิเป่าจูต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะปีนไปถึงยอดเขา
เคราะห์ดีต้นไม้สูงใหญ่ในป่าบดบังแสงแดดไปเสียส่วนใหญ่ ร่มเงาจากต้นไม้ทำให้ร่างกายเย็นสบายขึ้นไม่น้อย
นางพิงต้นไม้พักผ่อนครู่หนึ่ง เมื่อกำลังวังชาเริ่มฟื้นคืนมาก็เริ่มค้นหาต้นเกล็ดั
เมื่อคืนท้องฟ้ามืดสลัว ทัศนะวิสัยไม่ดีนางจึงขุดได้เพียงต้นเดียว หัวใจเต็มไปด้วยความอิ่มเอม เดิมคิดว่าวันนี้จะต้องเก็บเกี่ยวได้ไม่น้อย แต่เดินจนทั่วป่าแล้วก็ยังไม่เห็นอีกเลย
“เฮ่อ...”
ิเป่าจูเห็นก้อนหินแบนขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกล จึงเดินไปนั่งลงแล้วถอนหายใจเฮือก
นางควรจะบอกว่าตนเองโชคดีหรือไม่
ถ้าจะบอกว่าไม่ดี นางก็ขุดต้นเกล็ดัมาได้ในสถานการณ์สิ้นหวัง ขายได้ราคาสูง ั้แ่นั้นก็มีความหวังขึ้นอีกครั้ง
ถ้าจะบอกว่าดี ไฉนถึงมีแค่ต้นเดียว ความฝันที่จะได้นั่งบนกองเงินกองทองพังทลายในชั่วพริบตา
์ทนเห็นนางฉกฉวยโอกาสหาทางลัดไม่ได้ใช่หรือไม่ ถึงบีบให้นางต้องพึ่งลำแข้งของตนเอง ใช้วิชาความรู้ทำมาหากิน
มิน่าราคาต้นเกล็ดัถึงสูงลิบลิ่ว ใช่ว่าไม่มีเหตุผล นึกถึงก่อนหน้านี้ก็รู้สึกขาดทุนจริงๆ ที่ไม่ต่อรองราคาให้สูงขึ้นอีกหน่อย
ขณะกำลังพร่ำระบายความทุกข์ เสียงน้ำไหลที่แว่วผ่านหูก็ดึงดูดความสนใจของนาง
“มีน้ำตกหรือ?”
เมื่อครู่ไม่รู้สึกอะไร แต่พอได้ยินเสียงน้ำก็รู้สึกกระหายขึ้นมาอย่างรุนแรง
นางเสาะหาต้นเสียงแล้วเดินไป หลังจากเดินทะลุผ่านป่าที่มีต้นไม้สูงตระหง่านไปแล้ว ม่านน้ำตกก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าสายตาของิเป่าจู
“โอ ไม่... ที่นี่ถึงกับมีน้ำตกจริงๆ”
น้ำตกไม่ใหญ่มาก กว้างแค่สองหมี่กว่าๆ เท่านั้น สายน้ำใสแจ๋วไหลจากโขดหิน เทลงมากับน้ำในแอ่งทรงวงรี
ิเป่าจูม้วนขากางเกงนั่งยองลงไปวักน้ำขึ้นมาดื่ม รับรสความหวานเย็นสดชื่นดับกระหาย
ดื่มไปหลายคำติดกันจนกระทั่งคอไม่แห้งอีกต่อไปถึงหยุดลง
นางจดจ้องน้ำใสแจ๋วจนเห็นก้นสระเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง ก็นั่งลงริมสระ หย่อนเท้าทั้งสองข้างลงไปแช่ในน้ำ วางสองมือเท้าไปด้านหลัง แหงนหน้ามองท้องฟ้าสีคราม พรูลมหายใจออกอย่างสบายอุรา
“สบายจริงๆ เลย”
นี่คือ่เวลาที่ผ่อนคลายที่สุดจากตลอดหลายวันที่นางมาถึงโลกใบนี้ อาบน้ำสักหน่อยดีกว่า
เมื่อคิดแล้วก็ลงมือทำทันที
ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครอยู่รอบๆ นี้อยู่แล้ว ไม่จำเป็ต้องหลบเลี่ยงอะไร
ิเป่าจูถอดเสื้อผ้าออกแล้วดมกลิ่น รู้สึกว่ามีกลิ่นเหม็นหึ่งโชยมา
แม้แต่ตนเองยังรังเกียจ หยิบไปไกลๆ น้องชายกับหลี่ไหวฺอวี้ไม่ได้กลิ่นบ้างเลยหรือ
นึกดูแล้วก็ตัดสินใจอาบน้ำ
ทันทีที่ลงไปในน้ำ สายน้ำเย็นสดชื่นจากรอบกายก็ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายทั้งกายใจ
นางจุ่มเสื้อและกางเกงลงไปในน้ำแล้วขยี้อยู่ครู่หนึ่ง จนรู้สึกว่าน่าจะไม่มีกลิ่นแล้ว ถึงบิดให้แห้งแล้วกางผึ่งบนพื้นหญ้าด้านข้าง
ฤดูร้อนอากาศอบอ้าว
เสื้อกับกางเกงบางๆ สองชิ้นย่อมจะแห้งเร็วมาก ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีสวมใส่
แต่ก่อนที่จะแห้ง นางคงต้องแช่อยู่ในน้ำสักพัก
ิเป่าจูเอนกายพิงก้อนหินด้านข้าง หลับตาลงงีบหลับ โดยไม่รู้เลยว่ามีเนตรหงส์เรียวคู่หนึ่งกำลังจดจ้องลงมาจากบนเนินสูงใกล้เคียงที่นางไม่รู้จัก
หลี่ไหวฺอวี้มีสัญชาตญาณระวังตัวมาแต่ไหนแต่ไร แม้จะหลับอยู่ แต่การตอบสนองต่อเสียงรอบด้านก็ยังเฉียบไว
ตอนิเป่าจูกลับมา นางระมัดระวังมาก แต่ประตูไม้เก่าคร่ำคร่าก็ยังลั่นเอี๊ยดอ๊าดยามเปิดปิด
ขณะที่นางกำลังออกไป หลี่ไหวฺอวี้ก็ตื่นแล้ว
ข้างนอกไม่มีใคร แต่เพียงเห็นของกินบนโต๊ะก็รู้แล้วว่าผู้ใดกลับมา
เขาแกะห่อกินเนื้อไปสองสามคำอย่างเป็กันเอง รออยู่ครู่หนึ่งไม่เห็นิเป่าจูกลับมา
แต่การอยู่คนเดียวก็น่าเบื่อ ทั้งยังไม่รู้สึกง่วงนอนแล้ว จึงลุกขึ้นตามมาที่หลังเขา
พบร่องรอยของเคียวมาตลอดทาง หลี่ไหวฺอวี้จึงตามเบาะแสมาถึงข้างน้ำตก
บัดนี้ิเป่าจูแช่ตัวอยู่ในน้ำ มีเพียงศีรษะเล็กจ้อยที่โผล่ออกมา สีหน้าดูสงบและพึงพอใจเหมือนว่ากำลังงีบหลับ
แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลกลใด
หลี่ไหวฺอวี้กลับไม่หลบเลี่ยง และไม่เปล่งเสียงเรียกคน แต่กลับยืนพิงต้นไม้ด้านหนึ่งอย่างเปิดเผย มองโฉมงามอาบน้ำอย่างจาบจ้วง
โฉมงาม?
อย่างนางนับด้วยหรือ ก็ไม่
ใบหน้าดูดาษดื่นทั่วไป หากปล่อยทิ้งไว้กลางฝูงชนก็คงจะหาไม่เจอ แต่เมื่อดูทุกส่วนประกอบกันแล้ว ก็ยังนับว่าเจริญตาอยู่
รูปร่าง?
ก็ไม่มีอะไรเลย
ผอมบางยังไม่อาจเรียกได้ หนังหุ้มกระดูกจะใกล้เคียงมากกว่า ที่สำคัญคือยังเด็กเกินไป ยากที่จะนึกถึงสิ่งอื่นใด
หากกล่าวว่าหวังซื่อหน้าหนาไร้ยางอาย หลี่ไหวฺอวี้ก็ไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน
เขามองดูสตรีอาบน้ำโดยไม่หลบเลี่ยง หากเื่นี้แพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงอันผุดผ่องของหญิงสาวก็จะสูญสิ้น
แค่นี้ก็แล้วไป แต่เขายังวิจารณ์รูปร่างหน้าตาของผู้อื่นอย่างออกรสออกชาติ น่าโมโหจริงๆ
เดิมทีิเป่าจูเพียงแค่คิดจะพักสายตา แต่พอหลับตาลงก็เกิดง่วงขึ้นมาเล็กน้อย
อยากนอนแต่นอนไม่หลับ ไม่ใช่เพราะตัวแช่อยู่ในน้ำ แต่นางมักรู้สึกเสียวสันหลังเหมือนถูกคนจ้องอยู่
ทันใดนั้นหัวใจก็เต้นรัว หันหลังกลับทันควัน ไม่มีคน...
หลี่ไหวฺอวี้ไปก่อนที่ิเป่าจูจะหันกลับมาสักพักแล้ว
ถึงไม่เห็นใคร ิเป่าจูก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี ลูบคลำเสื้อผ้าดูเกือบจะแห้งแล้ว จึงลุกขึ้นจากน้ำตก แล้วสวมใส่อย่างระมัดระวัง สะพายกระบุงขึ้นหลังเดินลงจากเขา
เห็นน้องชายรออยู่หน้าประตูแต่ไกล หัวใจก็เกิดความรู้สึกอบอุ่น
“พี่หญิง ท่านจะพักบ้างไม่ได้เลยหรือ”
เห็นอาหารวางอยู่บนโต๊ะแต่กลับไม่เห็นพี่สาว ก็รู้ได้โดยไม่ต้องคิดว่านางไปหลังเขาแล้ว
ิเป่าจูได้ยินแล้วก็ยิ้ม ก้าวเดินไม่หยุด ลากิเป่าอวี้เข้าบ้าน
หากนางพัก จะดูแลเ้าตัวจ้อยร่อยอย่างเ้าได้อย่างไร
“พี่ไหวฺอวี้เล่า ไฉนไม่กลับมาพร้อมกัน”
ตอนตื่นขึ้นมาไม่เห็นพี่สาว แม้แต่พี่ไหวฺอวี้ก็ไม่อยู่ เลยคิดว่าอีกฝ่ายขึ้นเขาไปกับพี่สาว
ตอนนี้พี่สาวกลับมาคนเดียว แล้วพี่ไหวฺอวี้ไปที่ใดกันแน่?
“หลี่ไหวฺอวี้ไม่อยู่หรือ” พอเข้ามาในห้องิเป่าจูก็หยุดฝีเท้าครู่หนึ่ง แล้วหันมาถาม
ทว่าพอสิ้นคำกล่าวก็มีคนเดินเข้ามาในลาน ไม่ใช่หลี่ไหวฺอวี้แล้วจะเป็ใครไปได้
“เป่าอวี้ รีบไปตักน้ำมาให้พี่หน่อย หิวน้ำจะตายอยู่แล้ว”
ทันทีที่เข้ามา หลี่ไหวฺอวี้ก็ะโเสียงดังขอน้ำทันที ิเป่าอวี้หันหลังกลับไปหยิบน้ำเต้าตักน้ำในโอ่งแล้วเดินไปหา
“พี่ไหวฺอวี้ น้ำขอรับ”
“อึกๆ...” เสียงกลืนน้ำดังลั่น
หลี่ไหวฺอวี้คว้าน้ำเต้ามาดื่มอึกใหญ่โดยไม่สนใจจะกล่าวขอบคุณ หลังดื่มเสร็จก็ยัดมันกลับใส่มือของิเป่าอวี้ “ขออีก”
เห็นเขาเป็เช่นนี้ดูท่าจะกระหายมากจริงๆ
“ท่านไปไหนมา” ิเป่าจูเดินเข้ามาถาม
นึกถึงความรู้สึกตอนอาบน้ำ ตอนนั้นนางสงสัยอย่างยิ่งยวดว่ามีคนมองอยู่จริงๆ และคนผู้นั้นก็น่าจะเป็หลี่ไหวฺอวี้
“ข้าออกไปเดินเล่น พบสตรีกลุ่มหนึ่งกำลังซุบซิบนินทาเ้าอยู่ ตอนนั้นข้าโกรธมาก เข้าไปทะเลาะวิวาทกับพวกนางจนควันแทบจะลุกจากคอ”
เขาสู้สายตาคลางแคลงของิเป่าจูอย่างไม่ลนลานส่อพิรุธ พล่ามออกมาเป็ฉากๆ โดยไม่จำเป็ต้องร่างคำโกหก
แน่นอนว่าต้องยืนกรานไม่ยอมรับ หากิเป่าจูรู้ว่าตนเองแอบมองนางอาบน้ำ เขาจะอยู่อาศัยกินดื่มในบ้านหลังนี้ต่อไปได้อีกหรือ
จะว่าไปก็น่าแปลก ตอนลงเขาไม่รู้ว่าหลงทางได้อย่างไร
เดินวกไปวนมาอยู่นานกว่าจะออกมาจากป่าได้ มิเช่นนั้นคงไม่กลับมาช้ากว่าิเป่าจู
การทะเลาะวิวาทเป็เื่โกหก แต่ความกระหายเสแสร้งไม่ได้ เดินหลงอยู่กลางูเาท่ามกลางแดดจัด หากเดินนานกว่านี้อีกหน่อย คงต้องตายเพราะกระหายน้ำโดยมิต้องกังขาแม้แต่น้อย
ิเป่าจูเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ยังคงจดจ้องหลี่ไหวฺอวี้ไม่วางตา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้