่บ่ายเจิ้งหยวนขึ้นเขาไปตัดหญ้าเลี้ยงหมู ฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครสังเกต แวบเข้าไปในกระท่อมมุงหญ้าตรงตีนเขา
สถานที่แห่งนี้ไม่ค่อยมีคนมาบ่อยนัก เด็กๆ และสตรีในหมู่บ้านที่มาตัดหญ้าสำหรับเลี้ยงหมูยังไม่กล้าเข้าใกล้แถวนี้ รอบบ้านมีวัชพืชขึ้นรกชัฏ เจิ้งหยวนเดินเข้าไปก็พบว่าพุ่มหญ้าสูงจนเกือบเท่าเอวเธอแล้ว
เธอยืนไล่สายตาตรวจดูภาพรวมของกระท่อมร้างแห่งนี้อยู่ใกล้ๆ ก่อน ตัวกระท่อมก่อด้วยโคลนผสมฟาง หน้าต่างกระดาษมีรูโบ๋ขนาดใหญ่ ลมพัดมาทีเลยเกิดเสียงดังกึกๆ ซ้ำบนหลังคากระท่อมยังมีหญ้าขึ้นรกยุ่งเหยิงไม่แพ้หญ้าบนพื้น
เจิ้งหยวนเดินเข้าไปใกล้ก่อนวางมือทาบบานประตู เพียงออกแรงดันเบาๆ พลันได้ยินเสียงเอี๊ยดแสบหูดังขึ้น พร้อมกับประตูที่ถูกผลักเปิดออก
เพราะไม่มีคนเข้ามานาน ฝุ่นจึงฟุ้งตลบไปหมดทันทีที่เปิดประตูจนสำลักนิดหน่อย เจิ้งหยวนเอามือปิดจมูกและปากข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างปัดๆ ฝุ่นเบื้องหน้าให้กระจายตัว ผ่านไปสักพัก พอฝุ่นจางลง จึงค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย จากนั้นจึงลดมือที่ปิดปากและจมูกลง ก่อนเดินสำรวจรอบข้าง
ข้างในกับข้างนอกกระท่อมโทรมพอๆ กัน ฝุ่นเขลอะไปเสียทุกที่ แต่ของข้างในกระท่อมมุงหญ้าหลังนี้ครบครันทุกอย่าง ทั้งโต๊ะ ม้านั่ง ตู้เสื้อผ้าและเตียง บนเตียงมีกระทั่งผ้าห่มเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ของทั้งหมดมีฝุ่นจับหนาจนมองสีดั้งเดิมไม่ออก หลังคาตรงมุมตะวันออกเฉียงเหนือถึงขั้นเป็รูขนาดใหญ่ หน้าต่างเองก็ไม่พังต่างกัน สถานที่แห่งนี้เลยค่อนข้างโปร่งแสง
เจิ้งหยวนไม่รู้ว่าเคยมีใครมาที่นี่ั้แ่หญิงสาวผู้น่าสงสารคนนั้นตายไปอีกหรือเปล่า แต่ดูจากท่าทางหลบเลี่ยงเมื่อเอ่ยถึงสถานที่แห่งนี้ คงเป็ไปได้มากทีเดียว
เ้าของที่นี่ราวกับแค่จากไปชั่วคราวและจะกลับมาในอีกไม่ช้า ทุกอย่างจึงยังคงสภาพเดิมเหมือนตอนเธอจากไป
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ก็มีลมเย็นเยียบพัดผ่านเข้ามาในห้องโถง และกระทบผิวกายนอกร่มผ้าของเจิ้งหยวน เย็นเสียจนเผลอตัวสั่น ขนแขนลุกชันอย่างควบคุมไม่อยู่
เจิ้งหยวนไม่อยากคิดมากอีก เธอยังจำเหตุผลที่ตนมาที่นี่ได้
ภายในบ้านโปร่งโล่ง ไม่มีฉากกั้น แม้อยู่ตรงประตูก็สามารถเก็บภาพทั่วห้องได้ เจิ้งหยวนจินตนาการฉากที่เจิ้งเทียนหู่ผลักประตูเข้ามาตอนกลางคืน เขาต้องมองไปที่เตียงนอนก่อนแน่ ซึ่งเตียงอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับบานหน้าต่าง ตรงข้ามเตียงเป็พื้นกว้าง
สายตาเจิ้งหยวนหยุดอยู่ที่บริเวณนั้นสักพัก มุมปากพลันยกขึ้นแฝงนัยบางอย่าง
เธอรู้แล้วว่าควรเปิดฉากการแสดงตรงไหน
เมื่อก้มมองพื้น ไม่มีหลุมบ่อหรือจุดนูนเด่นไม่สม่ำเสมอ เธอก็ลูบปลายคางอย่างครุ่นคิด เหมือนจะเอามาใช้ประโยชน์ได้นะ
หลังสำรวจไปได้เพียงนิดหน่อย เจิ้งหยวนก็ตัดสินใจกลับก่อน รอให้เวลาล่วงเลยทีละนิดๆ ไม่นานดวงอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้า เจิ้งหยวนทำอาหารเสร็จแล้วจัดวางชามตะเกียบให้เรียบร้อย รอเจิ้งเฉวียนกังกลับมากินข้าว
“แกให้อาหารหมูหรือยัง?” เจิ้งเฉวียนกังถามบุตรสาวทันทีที่เดินเข้ามา
เจิ้งหยวนตอบโดยไม่เงยหน้า “ให้แล้วค่ะ”
เจิ้งเฉวียนกังมองซ้ายมองขวา “เทียนเลี่ยงกับซิงซิงล่ะ?”
“เทียนเลี่ยงกับซิงซิงกินเสร็จแล้วเลยออกไปจับปลาหนีชิวค่ะ” เจิ้งหยวนตอบโดยไม่แม้แต่จะรั้งรอคิด
เจิ้งเฉวียนกังไม่ถามต่ออีก เขากดน้ำล้างมือแล้วเดินมานั่งกินข้าว
วันนี้เจิ้งหยวนทำมะเขือม่วงและมันฝรั่ง ใส่วัตถุดิบเน้นๆ เลยหอมมาก ส่วนอาหารกินคู่กันอย่างวอวอโถวแป้งมันเทศก็ดูไม่แห้งและกลืนยาก ่นี้เจิ้งเฉวียนกังจึงชอบอาหารที่เจิ้งหยวนทำมาก หายากนักที่เขาจะค้นพบข้อดีของลูกสาวตัวเอง เพียงแต่... เจิ้งเฉวียนกังเอ่ยถามขึ้นมา “ที่บ้านยังมีน้ำมันเหลือไหม?”
“มีค่ะ มี” เธอคอยเติมลงในโถน้ำมันเป็ระยะๆ อยู่
เจิ้งเฉวียนกังขานรับแล้วใคร่ครวญสักพัก ก่อนบอกว่า “ตอนไหนหมดก็มาบอกฉัน ที่บ้านยังมีคูปองน้ำมันอยู่”
เจิ้งหยวนผงกศีรษะเล็กน้อย ชะเง้อมองออกไปข้างนอก ในใจก็นึกทำไมพี่สะใภ้ยังไม่กลับมาเสียทีนะ ดูสภาพอากาศเหมือนฝนจะตกแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าภารกิจคืนนี้จะราบรื่นหรือเปล่า
ขณะนั้นเองเจิ้งเฉวียนกังก็พูดถึงอากาศด้วย “ฉันว่าอากาศไม่ค่อยดีนะ แกรีบกินเถอะ กินเสร็จจะได้ไปส่งอาหารให้แม่กับพี่ชายแก หากฝนตกกลางคืน แกก็ไม่ต้องกลับมา อยู่โรงพยาบาลสักคืนค่อยกลับ”
เธอไปส่งอาหารไม่ได้! เจิ้งหยวนรีบบอก
“พี่สะใภ้บอกฉันตอนเที่ยงว่าเธอจะไปส่งตอนเย็นเอง
เธอยืมจักรยานจากสมาชิกกลุ่มเย็บปักแล้ว เดินทางแป๊บเดียวค่ะ”
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา เธอเพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงดังมาจากหน้าประตูใหญ่ ตามด้วยเฝิงิเยว่ที่เข็นจักรยานเดินเข้ามา
เจิ้งหยวนสบตาเฝิงิเยว่และเอ่ย “พี่สะใภ้ เร็วเข้า อากาศไม่ค่อยดีเลย พี่จะเอาอาหารไปกินที่โรงพยาบาลกับพวกคุณแม่ หรือว่าจะกินเสร็จแล้วค่อยไปคะ?”
อากาศวันนี้ไม่ดีจริงๆ มืดครึ้มตลอดทั้งวันเหมือนพระอาทิตย์ไม่ได้โผล่ขึ้นมา ตกเย็นลมก็พัดอีก ไม่รู้ว่าฝนกำลังจะตกหรือเปล่า
เห็นดังนั้น เจิ้งเฉวียนกังจึงโพล่งขึ้นมาก่อน “เจิ้งหยวน แกตักข้าวให้พี่สะใภ้เอาไปกินที่โรงพยาบาลเสีย รีบไป หากฝนตกระหว่างทาง จักรยานก็เดินทางลำบากเหมือนกัน”
“อื้อ” เจิ้งหยวนขานรับและวิ่งไปตักกับข้าวและข้าวที่ห้องครัว
เฝิงิเยว่ใช้เท้าเกี่ยวขาตั้งจักรยานแล้วยกท้ายรถดึงไปข้างหลัง ครั้นจอดรถเสร็จก็หมุนตัวเดินเข้ามายังห้องครัว
เจิ้งหยวนตักอาหารใส่กล่องอาหารแล้ว เฝิงิเยว่เดินเข้ามาพลางกวาดสายตามองครู่หนึ่ง แล้วค่อยหยิบกล่องอาหารมาตักแกงต่อ
เมื่อเก็บของเรียบร้อย เจิ้งหยวนยื่นของให้เฝิงิเยว่และสบสายตาเธอ “จำที่ฉันบอกพี่ตอนเที่ยงได้ใช่ไหมคะ อย่าขี่ในหมู่บ้านเร็วเกินไป คุยเล่นกับหลายๆ คนเข้าไว้”
เฝิงิเยว่รับตะกร้าอาหารไป ก่อนพยักหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงตึงเครียดอย่างไม่เคยเป็มาก่อน “ฉันรู้แล้ว” ก่อนจะไปยังหันหลังกลับมาถามเจิ้งหยวนเพื่อความแน่ใจ “ตัวเธอ… ไหวจริงๆ ใช่ไหม?”
เจิ้งหยวนส่งยิ้มกว้างให้พี่สะใภ้ตน “วางใจเถอะค่ะ”
เฝิงิเยว่เดินจากไปที หันกลับมามองทีแทบทุกย่างก้าว เมื่อแผ่นหลังของเธอเลือนหายไปจากสายตา รอยยิ้มของเจิ้งหยวนค่อยๆ เบาบางลง ความกังวลปรากฏขึ้นมาแทนที่ เธอเหลือบมองอากาศข้างออกอีกรอบ หากฝนตก ไม่รู้เจิ้งเทียนหู่จะไปตีนเขาไหม
หวังว่า์จะเข้าข้างเธอนะ
บางที์อาจได้ยินเสียงอ้อนวอนในใจของเจิ้งหยวน หลังกินข้าวเสร็จเม็ดฝนขนาดเท่าเมล็ดถั่วก็ตกลงจากท้องฟ้าดังเปาะแปะ เจิ้งหยวนคิดว่าฝนคงตกแล้ว คาดไม่ถึงว่าตกนิดเดียวแล้วจะหยุด
ฝนเพิ่งหยุด เจิ้งเจวียนก็กลับมาพอดี
เธอติดฝนระหว่างทาง ก็เลยตากฝนอยู่พักหนึ่ง โชคดีที่ปลายฤดูร้อน ต้นฤดูใบไม้ร่วงอากาศค่อนข้างร้อน และฝนตกไม่หนัก เปียกฝนนิดหน่อยเลยไม่เป็ไรมาก ไม่น่าเจ็บไข้ได้ป่วย
เจิ้งหยวนหยิบเสื้อผ้ามาให้เจิ้งเจวียนเปลี่ยนพลางดุเธอ “แกจะกลับมาทำไม? ไม่เห็นเหรอว่าอากาศไม่ดี”
เจิ้งเจวียนถอดเสื้อผ้าออก ขากลับบ้านเธอวิ่งกลับ จึงทำให้มีเหงื่อออกตามร่างกาย เมื่อถอดเสื้อผ้าออกเลยค่อนข้างหนาว ตัวสั่นเทาเล็กน้อย “พี่สะใภ้ให้ฉันกลับ และบอกให้เชื่อฟังคำพูดพี่…” เธอชะงักครู่หนึ่งก่อนมองเจิ้งหยวนด้วยสายตาเจือความสงสัย “พี่ พี่กับพี่สะใภ้มีเื่ปิดบังฉันใช่ไหม? น้ำเสียงตอนพี่สะใภ้พูดกับฉันมันแปลกมากเลย”
ดูท่าเฝิงิเยว่จะยังไม่วางใจ แต่มีเจิ้งเจวียนอยู่บ้านช่วยได้มากจริงๆ ่นี้หนิวหนิวและซิงซิงนอนห้องเดียวกันหรือไม่ก็กับเจิ้งเจวียนตลอด เธอกังวลอยู่ว่าหลังเธอแอบออกไปตอนกลางคืน หากหนิวหนิวตื่นมาร้องไห้งอแงแล้วจะไม่มีใครปลอบเขา เสียงดังจนปลุกเจิ้งเฉวียนกังให้ตื่นขึ้นมา เมื่อเวลานั้นมาถึงคุณพ่อคงทราบว่าเธอไม่อยู่ในบ้าน พอเกิดเหตุกับเจิ้งเทียนหู่ยามค่ำคืน เขาย่อมสงสัยเธอเป็คนแรก
“เธอกลับมาพอดีเลย ตอนกลางคืนช่วยฉันดูแลเด็กๆ ด้วย” เจิ้งหยวนเอ่ย
เจิ้งเจวียนดวงตาพลันเปล่งประกาย เธอว่าแล้ว! พี่สาวเธอต้องมีเื่บางอย่างแน่ “พี่ให้ฉันดูแลเด็กๆ
แล้วพี่ไปไหนล่ะ?”
เจิ้งหยวนขยับยิ้มลึกลับ
ความสงสัยใคร่รู้ของเจิ้งเจวียนพุ่งกระฉูดขึ้นมาทันที หลังใส่เสื้อผ้าเสร็จ ก็เข้าไปตื๊อตามติดเจิ้งหยวน “บอกมาเร็วๆ”
เจิ้งหยวนหลบพลางยิ้ม เธอยกนิ้วทาบริมฝีปากพลางส่งเสียงปราม “ชู่...” ก่อนส่งสายตาไปทางห้องโถง “เบาหน่อย
อย่าให้คุณพ่อได้ยินเข้า”
เธอไม่กลัวที่จะบอกเื่นี้กับเจิ้งเจวียน เพียงแต่... เจิ้งหยวนทำสีหน้าจริงจัง “ฉันบอกแกแล้ว แกห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้