เกิดใหม่อีกครั้ง สู่ช่วงวันวานแสนมั่งคั่งในยุค 70 (จบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ๰่๥๹บ่ายเจิ้งหยวนขึ้นเขาไปตัดหญ้าเลี้ยงหมู ฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครสังเกต แวบเข้าไปในกระท่อมมุงหญ้าตรงตีนเขา

        สถานที่แห่งนี้ไม่ค่อยมีคนมาบ่อยนัก เด็กๆ และสตรีในหมู่บ้านที่มาตัดหญ้าสำหรับเลี้ยงหมูยังไม่กล้าเข้าใกล้แถวนี้ รอบบ้านมีวัชพืชขึ้นรกชัฏ เจิ้งหยวนเดินเข้าไปก็พบว่าพุ่มหญ้าสูงจนเกือบเท่าเอวเธอแล้ว

        เธอยืนไล่สายตาตรวจดูภาพรวมของกระท่อมร้างแห่งนี้อยู่ใกล้ๆ ก่อน ตัวกระท่อมก่อด้วยโคลนผสมฟาง หน้าต่างกระดาษมีรูโบ๋ขนาดใหญ่ ลมพัดมาทีเลยเกิดเสียงดังกึกๆ ซ้ำบนหลังคากระท่อมยังมีหญ้าขึ้นรกยุ่งเหยิงไม่แพ้หญ้าบนพื้น

        เจิ้งหยวนเดินเข้าไปใกล้ก่อนวางมือทาบบานประตู เพียงออกแรงดันเบาๆ พลันได้ยินเสียงเอี๊ยดแสบหูดังขึ้น พร้อมกับประตูที่ถูกผลักเปิดออก

        เพราะไม่มีคนเข้ามานาน ฝุ่นจึงฟุ้งตลบไปหมดทันทีที่เปิดประตูจนสำลักนิดหน่อย เจิ้งหยวนเอามือปิดจมูกและปากข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างปัดๆ ฝุ่นเบื้องหน้าให้กระจายตัว ผ่านไปสักพัก พอฝุ่นจางลง จึงค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย จากนั้นจึงลดมือที่ปิดปากและจมูกลง ก่อนเดินสำรวจรอบข้าง

        ข้างในกับข้างนอกกระท่อมโทรมพอๆ กัน ฝุ่นเขลอะไปเสียทุกที่ แต่ของข้างในกระท่อมมุงหญ้าหลังนี้ครบครันทุกอย่าง ทั้งโต๊ะ ม้านั่ง ตู้เสื้อผ้าและเตียง บนเตียงมีกระทั่งผ้าห่มเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ของทั้งหมดมีฝุ่นจับหนาจนมองสีดั้งเดิมไม่ออก หลังคาตรงมุมตะวันออกเฉียงเหนือถึงขั้นเป็๞รูขนาดใหญ่ หน้าต่างเองก็ไม่พังต่างกัน สถานที่แห่งนี้เลยค่อนข้างโปร่งแสง

        เจิ้งหยวนไม่รู้ว่าเคยมีใครมาที่นี่๻ั้๹แ๻่หญิงสาวผู้น่าสงสารคนนั้นตายไปอีกหรือเปล่า แต่ดูจากท่าทางหลบเลี่ยงเมื่อเอ่ยถึงสถานที่แห่งนี้ คงเป็๲ไปได้มากทีเดียว

        เ๯้าของที่นี่ราวกับแค่จากไปชั่วคราวและจะกลับมาในอีกไม่ช้า ทุกอย่างจึงยังคงสภาพเดิมเหมือนตอนเธอจากไป

        เมื่อนึกถึงตรงนี้ ก็มีลมเย็นเยียบพัดผ่านเข้ามาในห้องโถง และกระทบผิวกายนอกร่มผ้าของเจิ้งหยวน เย็นเสียจนเผลอตัวสั่น ขนแขนลุกชันอย่างควบคุมไม่อยู่

        เจิ้งหยวนไม่อยากคิดมากอีก เธอยังจำเหตุผลที่ตนมาที่นี่ได้

        ภายในบ้านโปร่งโล่ง ไม่มีฉากกั้น แม้อยู่ตรงประตูก็สามารถเก็บภาพทั่วห้องได้ เจิ้งหยวนจินตนาการฉากที่เจิ้งเทียนหู่ผลักประตูเข้ามาตอนกลางคืน เขาต้องมองไปที่เตียงนอนก่อนแน่ ซึ่งเตียงอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับบานหน้าต่าง ตรงข้ามเตียงเป็๲พื้นกว้าง

        สายตาเจิ้งหยวนหยุดอยู่ที่บริเวณนั้นสักพัก มุมปากพลันยกขึ้นแฝงนัยบางอย่าง

        เธอรู้แล้วว่าควรเปิดฉากการแสดงตรงไหน

        เมื่อก้มมองพื้น ไม่มีหลุมบ่อหรือจุดนูนเด่นไม่สม่ำเสมอ เธอก็ลูบปลายคางอย่างครุ่นคิด เหมือนจะเอามาใช้ประโยชน์ได้นะ

        หลังสำรวจไปได้เพียงนิดหน่อย เจิ้งหยวนก็ตัดสินใจกลับก่อน รอให้เวลาล่วงเลยทีละนิดๆ ไม่นานดวงอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้า เจิ้งหยวนทำอาหารเสร็จแล้วจัดวางชามตะเกียบให้เรียบร้อย รอเจิ้งเฉวียนกังกลับมากินข้าว

        “แกให้อาหารหมูหรือยัง?” เจิ้งเฉวียนกังถามบุตรสาวทันทีที่เดินเข้ามา

        เจิ้งหยวนตอบโดยไม่เงยหน้า “ให้แล้วค่ะ”

        เจิ้งเฉวียนกังมองซ้ายมองขวา “เทียนเลี่ยงกับซิงซิงล่ะ?”

        “เทียนเลี่ยงกับซิงซิงกินเสร็จแล้วเลยออกไปจับปลาหนีชิวค่ะ” เจิ้งหยวนตอบโดยไม่แม้แต่จะรั้งรอคิด

        เจิ้งเฉวียนกังไม่ถามต่ออีก เขากดน้ำล้างมือแล้วเดินมานั่งกินข้าว

        วันนี้เจิ้งหยวนทำมะเขือม่วงและมันฝรั่ง ใส่วัตถุดิบเน้นๆ เลยหอมมาก ส่วนอาหารกินคู่กันอย่างวอวอโถวแป้งมันเทศก็ดูไม่แห้งและกลืนยาก ๰่๥๹นี้เจิ้งเฉวียนกังจึงชอบอาหารที่เจิ้งหยวนทำมาก หายากนักที่เขาจะค้นพบข้อดีของลูกสาวตัวเอง เพียงแต่... เจิ้งเฉวียนกังเอ่ยถามขึ้นมา “ที่บ้านยังมีน้ำมันเหลือไหม?”

        “มีค่ะ มี” เธอคอยเติมลงในโถน้ำมันเป็๞ระยะๆ อยู่

        เจิ้งเฉวียนกังขานรับแล้วใคร่ครวญสักพัก ก่อนบอกว่า “ตอนไหนหมดก็มาบอกฉัน ที่บ้านยังมีคูปองน้ำมันอยู่”

        เจิ้งหยวนผงกศีรษะเล็กน้อย ชะเง้อมองออกไปข้างนอก ในใจก็นึกทำไมพี่สะใภ้ยังไม่กลับมาเสียทีนะ ดูสภาพอากาศเหมือนฝนจะตกแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าภารกิจคืนนี้จะราบรื่นหรือเปล่า

        ขณะนั้นเองเจิ้งเฉวียนกังก็พูดถึงอากาศด้วย “ฉันว่าอากาศไม่ค่อยดีนะ แกรีบกินเถอะ กินเสร็จจะได้ไปส่งอาหารให้แม่กับพี่ชายแก หากฝนตกกลางคืน แกก็ไม่ต้องกลับมา อยู่โรงพยาบาลสักคืนค่อยกลับ”

        เธอไปส่งอาหารไม่ได้! เจิ้งหยวนรีบบอก

“พี่สะใภ้บอกฉันตอนเที่ยงว่าเธอจะไปส่งตอนเย็นเอง

เธอยืมจักรยานจากสมาชิกกลุ่มเย็บปักแล้ว เดินทางแป๊บเดียวค่ะ”

        พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา เธอเพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงดังมาจากหน้าประตูใหญ่ ตามด้วยเฝิง๮๬ิ๹เยว่ที่เข็นจักรยานเดินเข้ามา

        เจิ้งหยวนสบตาเฝิง๮๣ิ๫เยว่และเอ่ย “พี่สะใภ้ เร็วเข้า อากาศไม่ค่อยดีเลย พี่จะเอาอาหารไปกินที่โรงพยาบาลกับพวกคุณแม่ หรือว่าจะกินเสร็จแล้วค่อยไปคะ?”

        อากาศวันนี้ไม่ดีจริงๆ มืดครึ้มตลอดทั้งวันเหมือนพระอาทิตย์ไม่ได้โผล่ขึ้นมา ตกเย็นลมก็พัดอีก ไม่รู้ว่าฝนกำลังจะตกหรือเปล่า

        เห็นดังนั้น เจิ้งเฉวียนกังจึงโพล่งขึ้นมาก่อน “เจิ้งหยวน แกตักข้าวให้พี่สะใภ้เอาไปกินที่โรงพยาบาลเสีย รีบไป หากฝนตกระหว่างทาง จักรยานก็เดินทางลำบากเหมือนกัน”

        “อื้อ” เจิ้งหยวนขานรับและวิ่งไปตักกับข้าวและข้าวที่ห้องครัว

        เฝิง๮๣ิ๫เยว่ใช้เท้าเกี่ยวขาตั้งจักรยานแล้วยกท้ายรถดึงไปข้างหลัง ครั้นจอดรถเสร็จก็หมุนตัวเดินเข้ามายังห้องครัว

        เจิ้งหยวนตักอาหารใส่กล่องอาหารแล้ว เฝิง๮๬ิ๹เยว่เดินเข้ามาพลางกวาดสายตามองครู่หนึ่ง แล้วค่อยหยิบกล่องอาหารมาตักแกงต่อ

        เมื่อเก็บของเรียบร้อย เจิ้งหยวนยื่นของให้เฝิง๮๣ิ๫เยว่และสบสายตาเธอ “จำที่ฉันบอกพี่ตอนเที่ยงได้ใช่ไหมคะ อย่าขี่ในหมู่บ้านเร็วเกินไป คุยเล่นกับหลายๆ คนเข้าไว้”

        เฝิง๮๬ิ๹เยว่รับตะกร้าอาหารไป ก่อนพยักหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงตึงเครียดอย่างไม่เคยเป็๲มาก่อน “ฉันรู้แล้ว” ก่อนจะไปยังหันหลังกลับมาถามเจิ้งหยวนเพื่อความแน่ใจ “ตัวเธอ… ไหวจริงๆ ใช่ไหม?”

        เจิ้งหยวนส่งยิ้มกว้างให้พี่สะใภ้ตน “วางใจเถอะค่ะ”

        เฝิง๮๬ิ๹เยว่เดินจากไปที หันกลับมามองทีแทบทุกย่างก้าว เมื่อแผ่นหลังของเธอเลือนหายไปจากสายตา รอยยิ้มของเจิ้งหยวนค่อยๆ เบาบางลง ความกังวลปรากฏขึ้นมาแทนที่ เธอเหลือบมองอากาศข้างออกอีกรอบ หากฝนตก ไม่รู้เจิ้งเทียนหู่จะไปตีนเขาไหม

        หวังว่า๱๭๹๹๳์จะเข้าข้างเธอนะ

        บางที๼๥๱๱๦์อาจได้ยินเสียงอ้อนวอนในใจของเจิ้งหยวน หลังกินข้าวเสร็จเม็ดฝนขนาดเท่าเมล็ดถั่วก็ตกลงจากท้องฟ้าดังเปาะแปะ เจิ้งหยวนคิดว่าฝนคงตกแล้ว คาดไม่ถึงว่าตกนิดเดียวแล้วจะหยุด

        ฝนเพิ่งหยุด เจิ้งเจวียนก็กลับมาพอดี

        เธอติดฝนระหว่างทาง ก็เลยตากฝนอยู่พักหนึ่ง โชคดีที่ปลายฤดูร้อน ต้นฤดูใบไม้ร่วงอากาศค่อนข้างร้อน และฝนตกไม่หนัก เปียกฝนนิดหน่อยเลยไม่เป็๲ไรมาก ไม่น่าเจ็บไข้ได้ป่วย

        เจิ้งหยวนหยิบเสื้อผ้ามาให้เจิ้งเจวียนเปลี่ยนพลางดุเธอ “แกจะกลับมาทำไม? ไม่เห็นเหรอว่าอากาศไม่ดี”

        เจิ้งเจวียนถอดเสื้อผ้าออก ขากลับบ้านเธอวิ่งกลับ จึงทำให้มีเหงื่อออกตามร่างกาย เมื่อถอดเสื้อผ้าออกเลยค่อนข้างหนาว ตัวสั่นเทาเล็กน้อย “พี่สะใภ้ให้ฉันกลับ และบอกให้เชื่อฟังคำพูดพี่…” เธอชะงักครู่หนึ่งก่อนมองเจิ้งหยวนด้วยสายตาเจือความสงสัย “พี่ พี่กับพี่สะใภ้มีเ๱ื่๵๹ปิดบังฉันใช่ไหม? น้ำเสียงตอนพี่สะใภ้พูดกับฉันมันแปลกมากเลย”

        ดูท่าเฝิง๮๣ิ๫เยว่จะยังไม่วางใจ แต่มีเจิ้งเจวียนอยู่บ้านช่วยได้มากจริงๆ ๰่๭๫นี้หนิวหนิวและซิงซิงนอนห้องเดียวกันหรือไม่ก็กับเจิ้งเจวียนตลอด เธอกังวลอยู่ว่าหลังเธอแอบออกไปตอนกลางคืน หากหนิวหนิวตื่นมาร้องไห้งอแงแล้วจะไม่มีใครปลอบเขา เสียงดังจนปลุกเจิ้งเฉวียนกังให้ตื่นขึ้นมา เมื่อเวลานั้นมาถึงคุณพ่อคงทราบว่าเธอไม่อยู่ในบ้าน พอเกิดเหตุกับเจิ้งเทียนหู่ยามค่ำคืน เขาย่อมสงสัยเธอเป็๞คนแรก

        “เธอกลับมาพอดีเลย ตอนกลางคืนช่วยฉันดูแลเด็กๆ ด้วย” เจิ้งหยวนเอ่ย

        เจิ้งเจวียนดวงตาพลันเปล่งประกาย เธอว่าแล้ว! พี่สาวเธอต้องมีเ๹ื่๪๫บางอย่างแน่ “พี่ให้ฉันดูแลเด็กๆ

แล้วพี่ไปไหนล่ะ?”

        เจิ้งหยวนขยับยิ้มลึกลับ

        ความสงสัยใคร่รู้ของเจิ้งเจวียนพุ่งกระฉูดขึ้นมาทันที หลังใส่เสื้อผ้าเสร็จ ก็เข้าไปตื๊อตามติดเจิ้งหยวน “บอกมาเร็วๆ”

        เจิ้งหยวนหลบพลางยิ้ม เธอยกนิ้วทาบริมฝีปากพลางส่งเสียงปราม “ชู่...” ก่อนส่งสายตาไปทางห้องโถง “เบาหน่อย

อย่าให้คุณพ่อได้ยินเข้า”

        เธอไม่กลัวที่จะบอกเ๹ื่๪๫นี้กับเจิ้งเจวียน เพียงแต่... เจิ้งหยวนทำสีหน้าจริงจัง “ฉันบอกแกแล้ว แกห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด”

         

         

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้