ก่อนหน้านี้หลิวเหวียสงสำรวจการต่อสู้ของิอวี่อยู่ตลอด ั้แ่ิอวี่เริ่มรับมือกับศึกสีเืฟาดฟันของเซินถูเจ๋อ เขาก็มองออกแล้วว่าทักษะพลังกายของิอวี่นั้นพลิ้วไหวมาก ถึงแม้ทักษะกระบี่ของิอวี่นั้นจะไม่ได้โดดเด่นมาก แต่กลับสามารถใช้ความอ่อนสยบความแข็ง คลี่คลายการโจมตีที่แข็งแกร่งของเซินถูเจ๋อไปได้ และสุดท้ายยังซัดจนดาบของเซินถูเจ๋อกระเด็นไปไกลอีก
พอมองถึงตรงนี้หลิวเหวียสงก็พอใจมากแล้ว อายุยังไม่ถึงสิบแปดก็มีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง สามารถทำได้ขนาดนี้ิอวี่มีสิทธิเป็ศิษย์ชั้นยอดแน่นอน
เดิมหลิวเหวียสงคิดว่า ทักษะกระบี่อาจจะเป็อะไรที่ิอวี่เชี่ยวชาญที่สุด แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหมัดคชสารัน้อยของิอวี่จะแข็งแกร่งถึงขนาดต้านหมัดหมานหวงฉงที่น่ากลัวของเซินถูเจ๋อได้
จากนั้นิอวี่ยังลุกขึ้นมาและปล่อยทักษะการโจมตีที่แข็งแกร่งออกมาได้อีก อานุภาพนั้นทำให้ดาบเทวะทลายกระเจิงไปหมด!
จนกระทั่งตอนนี้ หลิวเหวียสงไม่ใช่แค่พอใจ แต่เขาตื่นตะลึงด้วย!
ผู้กล้าที่มีพลังแฝงแบบนี้ เขาไม่อยากได้ก็แปลกเกินไปแล้ว
“เหวียสง ความหมายของเ้าคือ คิดจะแย่งกับข้าหรือ?” เฮ่อเหยียนหันไปมองหลิวเหวียสง พร้อมกับขมวดคิ้วแล้วพูด
หลิวเหวียสงกลับโบกมือ “เหล่าเฮ่อเ้าพูดแบบนี้ไม่ได้นะ ไม่ใช่เราที่แย่งกัน แต่ต้องดูว่าิอวี่จะเลือกทางไหนมากกว่า”
ถึงแม้หลิวเหวียสงจะไม่ได้พูดตรงๆ แต่หลังจากที่ได้ยินที่เขาพูดทุกคนก็เข้าใจ ความหมายของหลิวเหวียสง นั่นก็คือมอบสิทธิในการเลือกไปให้ิอวี่!
เดิมผู้าุโใหญ่เลือกศิษย์จะทำอย่างพิถีพิถันมาก แต่ตอนนี้มันกลับกันไปหมด สิทธิการเลือกมันมาอยู่ในมือของิอวี่แทน เขาต้องไปเลือกผู้าุโใหญ่แทน!
ทุกคนเห็นิอวี่ขมวดคิ้วหนักมาก ท่าทางคิดหนัก ต่างก็รู้สึกเ็ปใจ มันเป็เื่ที่ทำร้ายจิตใจของผู้เข้าคัดเลือกมาก พอลองคิดว่าเหล่าผู้าุโใหญ่จะถูกใจตนเองไหมพวกเขายังไม่รู้เลย แต่ิอวี่กลับกำลังเครียดเพราะต้องมาเลือกผู้าุโใหญ่
พวกเขาเองก็เหมือนกำลังเครียดเื่นี้เหมือนกัน ... แต่น่าเสียดาย พวกเขาแค่กำลังฝันกลางวันแค่นั้นเอง
ิอวี่เครียดจริง เพราะเขาไม่รู้จักผู้าุโใหญ่ทั้งสองคนนั้นเลย ดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าควรเลือกอย่างไร
ผู้าุโใหญ่ที่นั่งอยู่้าเหมือนมองออกว่าิอวี่นั้นคิดอะไรอยู่ หลิวเหวียสงเลยยิ้มแล้วพูดว่า “เ้าอาจจะยังไม่รู้จักข้า ศิษย์ชั้นยอดที่อยู่กับข้ามีทั้งหมดสิบสามคน แต่ละคนล้วนโดดเด่นทั้งนั้น พวกเขาล้วนแต่ได้อันดับที่ดีในงานประลองยุทธ์ของสายเลี่ยนเหยียนทั้งนั้น ข้าบอกเ้าตามตรงเลย ศิษย์ชั้นยอดที่แข็งแกร่งที่สุดของข้าติดตามข้ามาสามปี จากขอบเขตอมฤตขั้นที่สองะโไปเป็ขั้นที่สี่ เ้าลองคิดดู ติดตามข้า เ้าจะพัฒนาแบบก้าวะโแบบน่าทึ่งแค่ไหนกัน”
ถึงแม้หลิวเหวียสงจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ว่าให้ิอวี่เลือกเขา แต่เขาก็ไม่ได้พูดเกินจริงเื่ความสำเร็จ เขาแสดงความปรารถนาที่จะรับิอวี่เป็ศิษย์อย่างชัดเจน
ิอวี่พยักหน้า เห็นได้ชัดว่า เขาเองก็เริ่มรู้สึกว่าอยู่กับหลิวเหวียสงนั้นก็เป็ทางเลือกที่ไม่เลวเหมือนกัน ภายในหนึ่งปี อาศัยความแข็งแกร่งและพร์กับเคล็ดวิชาหยินหยางขั้นสูง ก็รู้สึกว่าระดับที่แตะต้องไม่ได้นั้นเหมือนจะไม่ไกลเกินเอื้อม
พอคิดได้แบบนี้ สีหน้าของิอวี่ก็เริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมา
ท่าทางของเขาทำให้หลิวเหวียสงนั้นรู้สึกสบายใจ เขารู้สึกว่าิอวี่น่าจะมีการตัดสินใจแล้ว แต่ท่าทางของเฮ่อเหยียนนั้นกลับเริ่มร้อนใจ เขายิ้มเล็กน้อยแล้วมองไปที่ิอวี่
“ที่เหวียสงพูดเมื่อครู่มันก็ไม่ผิด เหวียสงเป็อาจารย์ที่ดีมากคนหนึ่ง แต่ว่าเ้าต้องรู้ข้อหนึ่งก่อนนะ เขามีศิษย์ทั้งหมดสิบสามคน แต่ข้ามีศิษย์แค่เจ็ดคน ของบางอย่างไม่เน้นเยอะแต่เน้นคุณภาพ ติดตามข้า ข้าสามารถชี้แนะเ้าได้ละเอียดมากกว่า เ้าก็จะพัฒนาได้เร็วยิ่งขึ้น”
พูดจบเฮ่อเหยียนก็ลูบเครา ดวงตานั้นมองไปที่ิอวี่อย่างเป็ประกาย เขากับหลิวเหวียสงนั้นต่างกัน เขาจึงเสนอความคิดเห็นของตนออกไปเลย
หลิวเหวียสงขมวดคิ้วหนักมาก “เหล่าเฮ่อ ข้ารู้สึกว่าเราพูดถึงเื่จำนวนมันไม่มีประโยชน์เลยนะ ข้ายอมรับ ศิษย์ที่เ้าชี้แนะล้วนแต่ไม่เลวเลย แต่ละคนมีความสามารถในการป้องกันและควบคุมที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งเื่นี้ข้าก็สู้เ้าไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ”
“มิกล้า มิกล้า” เฮ่อเหยียนยกมือคำนับให้แล้วก็ยิ้ม เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหลิวเหวียสงจะใช้วิธีนี้ในเวลาสำคัญเช่นนี้
หลิวเหวียสงหันไปมองิอวี่อีกครั้งแล้วพูดว่า “แต่ว่าจากการต่อสู้ของิอวี่เมื่อครู่ ข้าว่าเ้าเป็ผู้กล้าที่เหมาะกับการโจมตีมากกว่า ดังนั้นถึงแม้ประสบการณ์ของเหล่าเฮ่อจะดี แต่มันไม่เหมาะกับเ้า และบังเอิญว่าข้าก็เป็ผู้กล้าประเภทการโจมตีด้วย ถ้าเ้าติดตามข้า ข้าจะให้เ้าเรียนรู้ได้มากขึ้น”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ... ”
ผู้ชมหลังจากได้ยินคำพูดของหลิวเหวียสงแล้ว ทุกคนก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ดูผิวเผินเหมือนว่าหลิวเหวียสงกำลังชมเฮ่อเหยียนอยู่ แต่ในความเป็จริงแล้วมันคือการชมก่อนแล้วค่อยดัดหลังอีกที สุดท้ายก็ยังอยากให้ิอวี่เลือกเขาอยู่ดี ปกติแล้วผู้าุโใหญ่แต่ละคนเข้มงวดน่าเกรงขาม แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้น่ารักกันขนาดนี้ได้?
“เ้า ... ”
เฮ่อเหยียนคิดไม่ถึงว่าเพราะการที่เขารีบร้อนอยากจะรับิอวี่เป็ศิษย์ กลับถูกหลิวเหวียสงวางหลุมพรางเอาไว้ เขาเลยรีบตอบโต้กลับไปว่า “เหอะๆ ศิษย์ของข้ามีการป้องกันกับการควบคุมที่แข็งแกร่งมากจริงๆ นั่นแหละ แต่ว่า หลายครั้งก็อาศัยการรับเปลี่ยนเป็รุก มันถึงจะมั่นคง ประสบการณ์ของข้ามีมากกว่าเหวียสง เื่ของประสบการณ์ก็แน่นกว่า เ้าติดตามข้าไม่เสียเปรียบแน่นอน”
“แล้วยังมีอีกอย่างนะ เมื่อครู่ ข้าเป็คนหยุดการประลองนี้ ข้าคือคนแรกที่เห็นความสามารถในตัวเ้า และถือเป็ผู้าุโที่จริงใจที่สุด หากเ้ามาเป็ศิษย์ข้า ข้าจะใส่ใจกับเ้าให้มาก”
เมื่อได้ยินดังนั้นก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา
เฮ่อเหยียนเห็นว่ากำลังจะถูกหลิวเหวียสงชิงเอาหน้าไป เขาเลยปล่อยไพ่ไม้ตายออกมา ผู้าุโใหญ่ทั้งสองคนใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ิอวี่มาเป็ศิษย์เลยนะ ...
ิอวี่ยืนยิ้มอย่างลำบากใจอยู่บนลานประลอง ผู้าุโใหญ่สองคนชิงตัวเขาอย่างไม่มีใครยอมใครแบบนี้ เหมือนมันจะไม่ค่อยดีเท่าไรเลย ...
แต่ระหว่างที่ิอวี่กำลังลังเล ก็มีผู้าุโใหญ่อีกหลายคนที่เริ่มเอ่ยปากเหมือนกัน มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่คิดว่าวิธีการฝึกของพวกเขามันไม่เหมือนกับของิอวี่ เลยไม่ได้เลือกเขา
เฮ่อเหยียนหันไปมองหน้าแล้วยิ้ม ดูท่าไม่ได้มีแค่เขาสองคนเท่านั้นที่อยากจะได้ิอวี่ พวกเขายังต้องแย่งชิงกับผู้าุโใหญ่คนอื่นด้วย
“พวกเ้าพูดจบกันหรือยัง?”
ในเวลานี้เองก็มีเสียงนุ่มๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นมา คนที่ได้ยินจะรู้สึกจั๊กจี้อย่างไรบอกไม่ถูก
ทุกคนหันไปมองก็พบว่า คนที่พูดนั้นมีรูปร่างสูง ขาเรียวยาว สวมชุดสีดำ และเผยให้เห็นขาอันขาวเนียนที่เป็ขาของผู้หญิง!
ใบหน้ารูปไข่ ดวงตาเป็ประกาย จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง อย่าว่าแต่ยิ้มแค่ทีเดียวเลย ต่อให้นางจะขมวดคิ้วเล็กน้อย หรือร้องไห้ฟูมฟายก็ยังดูงดงามอย่างมาก
ผู้หญิงคนนี้ชื่อว่าซูเยวี่ย นางคือหนึ่งในเจ็ดผู้าุโใหญ่ ถึงแม้จะเป็ผู้หญิง แต่ความสามารถของนางนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก พลังฝีมือประเมินไม่ได้เลย เคยมี่หนึ่งที่มีคนมาตามจีบนางหลายต่อหลายคน แต่พอรู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของนางแล้วพวกเขาก็ล้วนแต่ถอยหนีกลับไป
นอกจากผู้าุโใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดสามคนแล้ว ก็มีซูเยวี่ยนี่แหละที่มีชื่อเสียงมากที่สุด
ซูเยวี่ยไม่เพียงหน้าตางดงาม ความสามารถสูง แม้แต่ศิษย์ที่นางอบรมก็ล้วนแต่แข็งแกร่งเช่นกัน ก็อย่างหัวหน้าผู้ดูแลที่ยืนอยู่ด้านหลังของนางในเวลานี้ ลู่เฟิง เขาก็เคยเป็ศิษย์ของซูเยวี่ยมาก่อนเช่นกัน!
“ซูเยวี่ย อย่าบอกนะว่าเ้าก็ ... ”
เดิมเฮ่อเหยียนคิดว่าเขาชิงกับผู้าุโคนอื่นไม่กี่คน ความหวังของเขาก็น้อยมากแล้ว แต่พอเห็นซูเยวี่ยเอ่ยปาก เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าความหวังของเขานั้นเริ่มริบหรี่
ซูเยวี่ยยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าแค่อยากให้พวกท่านพูดกันให้หมดก่อน เห็นพวกท่านพยายามกันขนาดนี้ ข้าไปขัดมันก็ดูไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไร”
ผู้าุโใหญ่ที่มีอายุหน่อยมองหน้าแล้วยิ้ม แล้วก็ทำท่า “เชิญ” ให้กับซูเยวี่ย เพื่อให้นางพูดต่อไป
ซูเยวี่ยพยักหน้า จากนั้นก็มองไปที่ิอวี่แล้วพูดว่า “ิอวี่ ข้าเห็นการต่อสู้ของเ้าเมื่อครู่แล้ว รู้สึกว่าเ้ามีความโดดเด่นมาก หวังว่าเ้าจะได้มาเป็ศิษย์ของข้านะ ลู่เฟิงที่อยู่ด้านหลังข้า ที่เป็ผู้ดูแลในการตรวจสอบคัดเด็กใหม่พวกเ้าเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว เขาก็เคยเป็ศิษย์ของข้าเช่นกัน”
“เชื่อว่าเ้าเองก็น่าจะััถึงความสามารถของเขามาแล้ว หากเ้าติดตามข้า ข้าจะใช้เวลาให้มากที่สุดในการชี้แนะเ้า ข้ารู้สึกว่าวิธีการต่อสู้ของเ้านั้นแตกต่างกับของคนอื่นมาก ดังนั้นข้าตัดสินใจที่จะชี้แนะเ้าตัวต่อตัว ข้าเข้มงวดมากนะ หากเ้าเกียจคร้าน เ้าก็ไม่ต้องมาเป็ศิษย์ข้า”
ศิษย์ผู้ชายนับหมื่นที่นั่งชมการประลองได้ยินดังนั้นก็ล้วนแต่ร้อง “ว้าว” ขึ้นมา เพราะสำหรับหญิงสาวที่งดงามอย่างซูเยวี่ยแล้ว พลังฝีมือมันเป็เื่รองไปเลย
คำว่า “ข้าจะชี้แนะเ้าตัวต่อตัว” มันคือประเด็นที่สำคัญมากกว่า!
สามารถใช้เวลาอยู่กับซูเยวี่ยสองต่อสอง อ่า ... แค่คิดก็คึกคักขึ้นมาเลย ฝึกวันละสิบสองชั่วยามก็ไม่รู้สึกว่านานเกินไป!
สายตาของิอวี่เริ่มคิด เขาไม่ได้มีความคิดเหมือนกับศิษย์คนอื่น เขาแค่รู้สึกว่าลู่เฟิงเป็ตัวแปรที่สำคัญมาก เขาคือผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่ห้า ชี้แนะศิษย์ออกมาได้แบบนี้ แสดงว่าซูเยวี่ยนั้นมีความสามารถจริงๆ
ซูเยวี่ยบอกว่านางจะใช้เวลากับเขาให้มาก ท่าทางของนางดูจริงจัง ไม่เหมือนกำลังล้อเล่น
ควรเลือกอย่างไรดีนะ? ตอนนี้ิอวี่รู้สึกลำบากใจมาก
และถึงแม้ท่าทางของซูเยวี่ยจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ยังคงมีรอยยิ้ม แต่ที่ฝ่ามือของนางนั้นกลับมีเหงื่อไหลออกมา
ล้อเล่นหรือเปล่า คนอื่นอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับพร์ของิอวี่ แต่ซูเยวี่ยจะไม่รู้ได้อย่างไร? ลู่เฟิงเล่าเื่ที่ิอวี่ใช้เวลาแค่ครึ่งนาทีในการเอาชนะดวงจิตแห่งเพลิงให้นางฟังแล้ว ซูเยวี่ยจะไม่ตะลึงได้อย่างไรกัน?
เริ่มแรกนั้นซูเยวี่ยก็ยังไม่เชื่อ แต่หลังจากที่ได้เห็นิอวี่ต่อสู้ในวันนี้แล้ว นางถึงได้เชื่ออย่างสนิทใจ ลู่เฟิงพูดไม่ผิดเลย
ดังนั้น ขอแค่รับิอวี่เป็ศิษย์ได้ ต่อไปซูเยวี่ยก็สามารถอาศัยความสามารถของิอวี่ชิงตำแหน่งฐานะและเกียรติยศมาได้ นางไม่ได้อยากจะเหนือกว่าผู้าุโทั้งหกคนเท่านั้น ...
ถึงแม้ซูเยวี่ยอยากจะได้ตัวิอวี่มาแต่นางก็ฉลาดพอ นางรู้ว่าจะเผยเื่พร์ของิอวี่ออกมาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นผู้าุโใหญ่จะต้องแย่งกันดุเดือดกว่านี้แน่ ดังนั้น นางจึงต้องเอาศิษย์ที่นางภูมิใจยกออกมาพูด แล้วต้องบอกว่าจะฝึกิอวี่แบบตัวต่อตัวเพื่อไม่ให้เห็นช่องโหว่
ซูเยวี่ยมั่นใจในรูปร่างและความสามารถของตัวเองมาก นางเชื่อว่าคำพูดของนางจะทำให้ิอวี่นั้นหวั่นไหวได้ ก็เลยรอิอวี่เลือกอย่างเงียบๆ
แต่พอได้ยินซูเยวี่ยพูดแบบนั้นแล้ว ผู้หญิงอีกคนที่อยู่บนแท่นสูงบางคนก็กำหมัดแน่น ในที่สุดนางก็ทนไม่ไหวแล้ว ...
