หากท่านแม่ยังอยู่ย่อมรักและเป็ห่วงนาง ไม่ยอมให้พวกเขามารังแกเช่นนี้แน่ มารดาผู้มีชะตาชีวิตเบาบางยิ่งกว่าแผ่นกระดาษของนางคงไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วตนเองก็ต้องตายด้วยน้ำมือของฟางอี๋เหนียง สตรีที่นุ่มนวลอ่อนโยนในยามที่อยู่ต่อหน้าท่าน แท้จริงแล้วร้ายยิ่งกว่าอสรพิษ จนกระทั่งมารดาตายไปแล้วก็ยังไม่รู้ความจริง หากไม่ใช่เพราะโม่เสวี่ยิ่เล่าทุกอย่างออกมาตอนที่ชีพนางใกล้ดับสูญ เกรงว่าแม้แต่ตนเองก็ยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วโศกนาฏกรรมทั้งหมดในชีวิตเกิดจากสตรีใจอำมหิตผู้นี้เป็ผู้บันดาลขึ้น
โชคดีที่์ให้โอกาสนางได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ให้ได้กระจ่างใจในกลอุบายของฟางอี๋เหนียง ชีวิตนี้นางตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ให้ใครใช้เล่ห์กลกับตนเองได้อีก แม้นต้องตาย นางก็จะแก้แค้นให้มารดาก่อนค่อยจากไป นางสาบานกับตนเองไว้ว่าการกลับมาครานี้เพื่อแก้แค้นเท่านั้น ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ที่ติดค้างพวกนางสองแม่ลูกไว้จะต้องได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม
นางขบริมฝีปากแน่น ดวงตาใสบริสุทธิ์ประหนึ่งมีไอน้ำแผ่คลุมบางๆ ทว่ามิได้กลั่นตัวออกมาเป็หยดน้ำ โม่เสวี่ยถงโขกศีรษะคำนับที่พื้นอย่างมั่นคงก่อนเงยหน้าขึ้นมา สองมือประนมหว่างอก หลับตาลงพึมพำ “ท่านแม่ คุ้มครองถงเอ๋อร์ด้วย ความแค้นของท่านถงเอ๋อร์จะช่วยสะสางให้เอง สองแม่ลูกผู้ชั่วร้ายคู่นั้นจะต้องมิได้พบจุดจบที่ดี”
นี่คือความปรารถนาของนางที่มีต่อมารดา และเป็เป้าหมายที่ตนเองกำหนดไว้ ชีวิตนี้นางไม่ปรารถนาความร่ำรวยมั่งคั่ง ขอเพียงแก้แค้นให้มารดาและตนเองได้ก็พอ นางจะไม่ออมมือ แม้นชีพต้องมลาย นางก็จะลากคนเ่าั้จมสู่ขุมนรกไปด้วยกัน
ภายในหอกลางเงียบสงบ นางนั่งคุกเข่าน้ำตาไหลอยู่ที่นั่น
ทันใดนั้นดูเหมือนว่าจะมีเสียงฝีเท้ามาจากประตูด้านหลัง เสียงที่เบียดแทรกเข้ามาทำลายความสงบเงียบของหอกลางแห่งนี้ดั่งค้อนที่ทุบลงกลางหัวใจ เสียงลงฝีเท้าแบบนี้ย่อมไม่ใช่ของสตรีอย่างโม่หลัน แต่หากไม่ใช่แล้วจะเป็ผู้ใดเล่า เสียงย่ำเท้าหนักดูคล้ายจะเป็บุรุษผู้หนึ่ง ไฉนโม่หลันจึงไม่ออกมาขัดขวาง ปล่อยให้ผู้ชายคนหนึ่งบุกเข้ามาในหอกลางได้
ชาติก่อนโม่เสวี่ยถงต้องมีจุดจบอย่างน่าอนาถเพราะถูกป้ายสีให้มีมลทิน ยามนี้จะไม่ตื่นตระหนกได้อย่างไร
เมื่อรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีจึงหยัดกายขึ้นโดยพลัน แล้วคลานเข่าไปด้านหน้า แม้จะซวนเซเล็กน้อย แต่ขยับไปไม่กี่ครั้งก็ปรับตัวได้ รีบเร้นกายเข้าไปซ่อนตัวอยู่หลังม่านซึ่งอยู่ด้านหลังพระพุทธรูป
ประตูหอกลางชั้นในที่แง้มไว้ถูกผลักเข้ามา โม่เสวี่ยถงพิจารณาผู้มาผ่านม่านโปร่ง ดูเหมือนจะเป็บ่าวชายผู้หนึ่งซึ่งกำลังยืนอยู่ที่ประตู มองไปรอบด้าน ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
“คนล่ะ?” เขาชะโงกศีรษะมองเข้ามาด้านใน ดูเหมือนว่ากำลังคุยกับใครสักคนที่อยู่ด้านนอก
“เ้าเข้าไปสิ ต้องอยู่ข้างในแน่นอน ั้แ่นางเข้าไปก็ยังไม่มีใครออกมา” เสียงกระซิบแม้จะเบา แต่เพราะภายในหอกลางเงียบสนิทจึงได้ยินชัดเจนว่าเป็เสียงสตรี แต่ไม่ใช่โม่หลัน
ต่อจากนั้นเหมือนว่าพวกเขาจะพูดอะไรกันบางอย่าง แต่โม่เสวี่ยถงได้ยินไม่ชัด เห็นเพียงบ่าวชายผู้นั้นผงกศีรษะ เมื่อเข้ามาแล้วสิ่งแรกที่เขาทำคือปิดประตูลง หลังจากนั้นก็คลายสายคาดเอวให้หลวม ดึงชายเสื้อให้หลุดลุ่ยคล้ายแต่งตัวไม่เรียบร้อย สุดท้ายก็แต้มชาดทาปากสีแดงลงบนใบหน้า ให้ดูเป็หลักฐานว่าเพิ่งไปนัวเนียใกล้ชิดกับสตรี
มือที่จับผ้าม่านสั่นระริก แววตากรุ่นโกรธเห็นเส้นเืสีแดงพาดผ่าน หัวใจจมดิ่งลงสุดก้นเหว แต่สมองกลับกระจ่างชัดยิ่งว่ามีคนคิดใส่ร้ายป้ายสีตนเอง
หากมีใครมาพบว่านางอยู่ภายในหอกลางกับชายผู้นี้ ตนเองก็มีแต่ต้องตายเท่านั้น
การอยู่กับซือหม่าหลิงอวิ๋นสองต่อสอง แม้จะทำให้ชื่อเสียงของนางถูกทำลาย แต่กลับยังสามารถแต่งเข้าจวนเจิ้นกั๋วโหวได้ แต่หากตนเองอยู่กับบ่าวไพร่ชั้นต่ำผู้นี้ คงมีแต่ต้องใช้ความตายเพื่อรักษาชื่อเสียงของสกุลโม่เท่านั้น
คนผู้นี้ช่างอำมหิตนัก มีความคิดถึงขั้นจะเอาชีวิตนาง
สมองของนางคิดอย่างรวดเร็ว คนร้ายที่เป็ไปได้ก็มีแค่สองสามคนนั้น แต่เหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้าคือสิ่งสำคัญที่สุด หาใช่การค้นหาว่าใครคือผู้บงการอยู่เื้ั แม้ว่านางจะหลบซ่อนตัวอย่างไร ก็เชื่อว่าผ่านไปอีกชั่วครู่จะต้องมีคนบุกเข้ามาจากด้านนอก เพียงแค่พบว่าในที่นี้มีตนเองกับบ่าวชายอยู่ด้วยกันสองคน ต่อให้นางไปะโแม่น้ำหวงเหอก็ไม่อาจชำระมลทินได้
ชายผู้นั้นรูปร่างไม่สูงใหญ่ แต่ดูเป็คนหยาบมีกำลังมาก มิใช่คนที่นางจะสู้ไหว เนื่องจากคนผู้นั้นยังไม่พบตัวนาง จึงดึงผ้าม่านออกทีละชั้นเพื่อค้นหา เดินลึกเข้ามา ลึกเข้ามา หมายจะหาตัวนางให้พบ
ไม่ควรใช้วิธีเผชิญหน้า กำลังกายของนางมีจำกัดจึงไม่อาจตีเขาให้ล้มลงแล้วหนีออกไปได้
นางดึงปิ่นออกจากมวยผม ใช้ปลายด้านแหลมแทงเข้าไปในฝ่ามือของตนเอง ความเ็ปทิ่มแทงสายนั้นทำให้หัวใจที่ขึงเครียดเหมือนมีที่พึ่ง
“คุณหนูโม่ คุณหนูโม่อยู่ที่ไหนขอรับ” ชายที่ดูเหมือนเป็บ่าวไพร่ชั้นต่ำดึงผ้าม่านลงที่ละผืนพลางหัวเราะเสียงเบา ใบหน้าเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย มั่นใจอย่างยิ่งว่านางต้องอยู่ในนี้
เมื่อเห็นว่าด้านข้างก็ไม่มี ชายผู้นั้นก็ย่างเข้ามาทางโม่เสวี่ยถง หัวใจนางบีบรัด กลั้นลมหายใจ ยามนี้นางไม่อาจให้คนผู้นี้พบตนเองได้เด็ดขาด หาไม่แล้ว แม้ว่าตนเองจะสู้สุดชีวิตจนได้รับาเ็ ก็หนีไม่พ้นคนที่ตามมาชมละครสนุกภายหลัง
“คุณหนูโม่เชิญข้ามาแล้ว ไฉนจึงยังหลบอยู่เล่า อยากเล่นสนุกกับข้าหรือ ที่แท้คุณหนูโม่ก็ชอบแบบนี้...”
บ่าวชายผู้นั้นร้องเรียกเป็ระยะ รื้อโน่นค้นนี่ควานหาตัวนาง เขาเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ด้วยระยะห่างเท่านี้ หากนางวิ่งออกไปก็ไม่รู้ว่าจะสามารถไปถึงประตูได้หรือไม่ หากนางวิ่งกระแทกคนผู้นั้นแล้วไปให้ถึงประตู ใช้ปิ่นแทงกระตุ้นตนเองอีกครั้งนางอาจจะยังมีทางรอด
หนี้โลหิตยังไม่ได้สะสาง นางไม่ยอมตายเปล่าอยู่ที่นี่แบบนี้เป็อันขาด!
แม้ว่าตรองจนกระจ่างแล้ว แต่มือและเท้าของนางกลับยังสั่นระริก ขบฟันกัดริมฝีปากแน่นจนรู้สึกได้ว่าของเหลวระอุร้อนไหลออกมาตามซอกฟัน ดวงตาจ้องบุรุษที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเอาเป็เอาตาย นางมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
“คุณหนูโม่...” มือของคนผู้นั้นจับอยู่บนผืนม่านตรงหน้านาง เพียงกระตุกออก ตัวนางก็จะปรากฏต่อหน้าเขา
นางไม่อาจลังเลใจได้อีก ปิ่นแหลมคมกำแน่นอยู่ในมือ จ้วงปักลงไปบนมือที่ยื่นเข้ามา
เมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่หลังมือชายผู้นั้นก็ร้องลั่น หดมือกลับด้วยสัญชาตญาณทิ้งระยะห่างออกไปหนึ่ง่แขน โม่เสวี่ยถงกัดฟันวิ่งพุ่งออกไปทันที คนผู้นั้นไหวตัวไม่ทัน ถูกนางชนจนเสียหลักเซไปด้านหลังสองสามก้าว
โม่เสวี่ยถงมิได้เก็บปิ่นนั้นกลับมา นางวิ่งไปที่ประตูเพื่อหลบหนี ทางออกช่องนั้นปรกติแล้วก็ดูไม่มีอะไร แต่ยามนี้นางกลับรู้สึกว่าไกลเหลือเกิน แต่นี่คือโอกาสรอดทางเดียวของนาง แต่ไม่คิดว่าแขนเสื้อกลับถูกคนคว้าไว้แน่น
“คุณหนูโม่นัดข้าออกมาพบ แต่เพราะกลัวผู้อื่นรู้ว่าพวกเราแอบพลอดรักกัน จึงได้ลงมือเหี้ยมโหดเช่นนี้กระมัง” ชายที่อยู่ด้านหลังเอ่ยวาจาอย่างลำพองใจ
มือนางถูกชายผู้นั้นดึงรั้งไว้ จึงซวนเซเพราะถูกลากกลับไปจนล้มลงที่พื้น นางใช้ปลายปิ่นแหลมแทงบนแขนของตนเองอีกครั้ง ครานี้ไม่รู้สึกเจ็บ จึงเงยหน้าขึ้นมองบุรุษที่อยู่ตรงหน้าอย่างสิ้นหวัง ริมฝีปากมีเืไหลออกมาเป็ทาง ยามนี้หูของนางได้ยินเสียงชัดเจน นอกจากเสียงลมพัดต้นไม้ไหว ยังได้ยินเสียงคนลอยมา เสียงย่ำเท้าดูสับสน อย่างน้อยก็มีถึงห้าหกคน
ไม่มีเวลาอีกแล้ว
“เ้าเป็ใคร เหตุใดจึงคิดร้ายกับข้า หากเป็เช่นนี้พวกเราก็มาตายพร้อมกันเถอะ” นางคว้าปิ่นที่ตกอยู่ขึ้นมา หันปลายด้านแหลมเข้าที่คอของตนเอง ดวงตาคู่งามจ้องเขม็ง กัดฟันแน่นจะจ้วงแทงเข้าไป แม้นต้องตายชาตินี้นางขอตายอย่างผู้บริสุทธิ์
คิดร้ายต่อบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกของขุนนางจนถึงแก่ความตาย แม้จะมีข้ออ้างอย่างไรก็ไม่อาจพูดได้เต็มปาก
ใบหน้ายิ้มย่องพลันเปลี่ยนเป็ขาวซีดดูหวาดกลัว ใครจะคิดว่าดรุณีน้อยที่ดูนุ่มนวลอ่อนหวานจะมีหัวใจเด็ดเดี่ยวถึงเพียงนี้ สังหารบุตรสาวของขุนนางจนถึงแก่ชีวิตโทษก็คือตายสถานเดียว บัดนี้เขาเริ่มนึกเสียใจอย่างที่สุด ก้าวถอยไปด้านหลังจนเสียหลักล้มลง
“ปล่อยมือ” น้ำเสียงดุดันตวาดเข้ามา
ปิ่นทองในมือของโม่เสวี่ยถงถูกสิ่งของบางอย่างปัดร่วงลงพื้น ที่คอมีรอยถากเป็าแเืไหลเป็ทาง อาภรณ์สีขาวพลันย้อมด้วยโลหิต
กระบี่ยาวจ้วงแทงเข้ามาปักกลางอกโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันร้องออกมาแม้แต่คำเดียว เงาดำสายหนึ่งพลิ้วกายวาบผ่าน เอื้อมมือมาคว้าร่างของคนร้ายที่ล้มอยู่บนพื้น ก่อนหายตัวไปอีกด้านของหอกลาง โลหิตจากกายของชายผู้นั้นไม่มีหยดลงพื้นแม้แต่น้อย
ที่ประตูมีเสียงคนลอยมา รังสีสังหารเข้มข้นทอวาบบนใบหน้าของเฟิงเจวี๋ยหร่าน ทำให้เขาดูคล้ายอสูรกระหายโลหิต คนในอ้อมแขนแววตาเหม่อลอย ผมเผ้ายุ่งเหยิง โลหิตไหลจากลำคอ ทั่วทั้งร่างสั่นสะท้านใบหน้าขาวซีด บ่งบอกให้รู้ว่าเมื่อครู่นางหวาดหวั่นพรั่นพรึงเพียงใด
ใบหน้าทรงเสน่ห์ร้ายกาจนิ่งขรึมเย็นเยียบ เขาอุ้มโม่เสวี่ยถงแล้วพลิ้วกายขึ้นไปอยู่บนขื่อกลางห้อง กอดรัดร่างบอบบางไว้แน่น ค่อยๆ ประคองให้นางซบลงบนไหล่กว้าง นิ้วมือเรียวไล้ไปบนเส้นผมของนางอย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบประโลมให้คนในอ้อมแขนคลายความหวาดผวา
ประตูหอกลางถูกผลักอย่างแรง อวี้ซือหรงพาสาวใช้สองสามคนบุกเข้ามา อีกด้านหนึ่ง โม่หลันถูกบ่าวหญิงสูงวัยสองคนผลักเข้ามาด้วย
อวี้ซือหรงเดินนำอยู่ด้านหน้า จึงเป็คนแรกที่เข้ามาถึง ใบหน้ายิ้มร้ายเต็มไปด้วยความลำพองใจ ครานี้นังคนชั้นต่ำโม่เสวี่ยถงต้องหนีไปไหนไม่รอดแน่นอน แม้นตัวตายก็ไม่อาจรักษาชื่อเสียงที่ขาวสะอาดไว้ได้
เสียงประตูที่เปิดเข้ามาดั่งสนั่น แต่ภายในกลับเงียบเชียบจนน่าใ
ไม่มีใครเลยสักคน!
อวี้ซือหรงมองภายในหอกลางที่กว้างใหญ่อย่างตื่นตะลึง เมื่อกวาดตาสำรวจโดยรอบ นอกเหนือจากม่านที่พลิ้วไหวก็ไม่มีใครสักคน ไม่เพียงแต่จะไม่เห็นโม่เสวี่ยถง แม้แต่บ่าวชายที่เข้ามาผู้นั้นก็ไม่เห็นตัวเช่นกัน
นางหันกลับไปสบตาสาวใช้ประจำตัว สาวใช้ผู้นั้นเข้าใจความหมาย จึงผงกศีรษะแล้วกระซิบข้างหูนางประโยคหนึ่ง ก่อนจะออกไปสำรวจโดยรอบ นางเห็นกับตาว่าโม่เสวี่ยถงเข้ามาในหอกลาง จึงให้คนมาตามตัวโม่หลันออกไป จากนั้นก็ส่งทาสชายเข้ามา ส่วนตนเองก็เฝ้าอยู่ด้านนอกตลอดเวลา แต่ไม่เห็นว่ามีผู้ใดออกมาสักคน
นอกจากได้ยินเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกที่ไม่ดังจนเกินไปสองสามครั้ง นางเกาะอยู่ที่ประตูด้านนอกก็ไม่พบว่ามีสิ่งใดผิดปรกติ
เมื่อเห็นบ่าวหญิงสูงวัยสองสามคนที่เข้าไปตรวจค้นหลังม่านเดินออกมาตัวเปล่า ไม่พบสิ่งใดเลย โม่หลันก็แอบถอนใจอย่างโล่งอกก่อนลั่นวาจาเสียงแข็ง “คุณหนูของเราไม่อยู่ที่นี่จริงๆ คุณหนูอวี้พาข้ามาที่นี่มีเจตนาใดกันแน่ ไม่ว่าคุณหนูของเราจะเป็เช่นไรก็หาใช่เื่ที่คุณหนูอวี้จะมาแตะต้องตามอำเภอใจได้”
“จะไม่มีคนได้อย่างไร...” ยามนี้อวี้ซือหรงร้อนใจเสมือนหนึ่งอยู่บนกองไฟ แววตาดำมืด แต่ไหนแต่ไรนางก็ไม่เคยเห็นสาวใช้อยู่ในสายตา จึงไม่แยแสโม่หลันแม้แต่น้อย ได้แต่มองไปรอบด้านแล้วพึมพำกับตนเอง ไม่เชื่อว่าเป็ดที่ถูกต้มสุกอยู่ในหม้อจะบินหนีไปได้
โม่หลันผลักบ่าวสูงอายุสองคนที่จับตัวนางอยู่ออกไป แล้วพุ่งเข้าหาอวี้ซือหรง ตะคอกใส่เสียงดัง วาจาของนางแม้แต่คนที่เข้ามาจากด้านนอกได้ยินแล้วก็ยังตกตะลึง
“คุณหนูของเราทำสิ่งใดให้คุณหนูอวี้แค้นเคืองหนักหนา จึงคิดผลักไสให้ถึงที่ตายด้วยการใส่ร้ายว่าลอบพบปะติดต่อกับบุรุษ คุณหนูอวี้ หากท่านไม่มีคำชี้แจงให้คุณหนูของเรา วันนี้แม้ต้องแลกด้วยชีวิต บ่าวก็จะไม่ยอมให้คุณหนูอวี้ทำลายชื่อเสียงของคุณหนูของเราเด็ดขาด”
“หากคุณหนูของพวกเ้าไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้วอยู่ไหนล่ะ” อวี้ซือหรงย้อนถามกลับ ยามนี้สีหน้าของนางไม่ดีนัก เมื่อเหลียวไปมองด้านหลังก็เห็นฮูหยินผู้เฒ่าฉินและคนอื่นๆ เดินตามเข้ามา ใบหน้าพลันถอดสี หันกลับไปถลึงตาใส่สาวใช้ของตนเอง
“คุณหนูของพวกเราอยู่ที่ไหน ไปที่ใด จำเป็ต้องรายงานให้คุณหนูอวี้ทราบด้วยหรือ บ่าวไม่ทราบว่าพวกท่านสนิทสนมกันถึงขั้นนั้นั้แ่เมื่อไร เท่าที่บ่าวจำได้พบกันแต่ละครั้งก็เห็นคุณหนูอวี้คิดสรรหาแต่วิธีมาข่มเหงคุณหนูของเรา ทุกครั้งที่อยู่กับคุณหนูอวี้ คุณหนูของเราไม่าเ็ก็ถูกคนเข้าใจผิดทุกคราไป ไม่คิดว่ายังไม่สาแก่ใจคุณหนูอวี้อีก หรือว่าท่าน้าบีบคั้นให้คุณหนูของเราตายไปจริงๆ จึงจะพอใจ”
โม่เสวี่ยถงไม่อยู่ โม่หลันไม่เพียงแต่ไม่กังวลว่าเื่นี้จะกลายเป็เื่ใหญ่ ยามนี้แม้อวี้ซือหรงขอร้องนางว่าอย่าให้เป็เื่ก็ไม่มีทางแล้ว ดังนั้นจึงจ้องอวี้ซือหรงแล้วเค้นถามด้วยวาจาเฉียบคมอย่างไม่เกรงใจ อวี้ซือหรงมักรังแกคุณหนูของตนเองเป็ประจำ นางรู้สึกขวางหูขวางตามานานแล้ว เมื่อก่อนก็รวมหัวกับคุณหนูใหญ่แสดงบทงิ้วหน้าแดง รังแกคุณหนูที่สวมบทงิ้วหน้าขาว พอคุณหนูของตนมาอยู่สกุลฉิน อวี้ซือหรงก็มักจะมาว่ากล่าวกระทบกระเทียบเสียดสีอยู่บ่อยครั้ง ทั้งปากร้ายใจแคบเป็ที่สุด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ โม่หลันมองออกถึงสามส่วน เห็นชัดว่าอวี้ซือหรงคิดให้ร้ายคุณหนูถึงตาย นางโกรธจนหน้ามืดจึงด่าทอออกมาชุดใหญ่โดยไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป