หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้วหลินเยว่กับเฮ่อฉางเหอจึงเดินทางมายังคฤหาสน์อีกครั้งครั้งนี้ผู้เฒ่าหลิวไม่ได้รอให้ทุกคนมาถึงครบแล้วเขาถึงมาที่คฤหาสน์ แต่เขากลับมาถึงั้แ่เช้าแต่ทว่าสีหน้าของเขาดูมีแต่ความอ่อนเพลีย
“ตาแก่หลิว เื่นั้นจัดการไปถึงไหนแล้ว?”
เมื่อเฮ่อฉางเหอเดินเข้ามาหาผู้เฒ่าหลิวเขาจึงถามขึ้นเสียงเบา เวลานี้เขาไม่ควรพูดเสียงดังเพราะหากพูดแล้วคงส่งผลกระทบไม่ค่อยดีสักเท่าไร
“สิ่งที่ควรทำ พวกเราก็ทำครบทั้งหมดแล้ว วางใจได้มีแค่ผมคนเดียวที่รู้ผลลัพธ์ทั้งหมด หากคุณไม่เชื่อมั่นในตัวผม ผมก็คงจะทำอะไรไม่ได้หรอก”
ผู้เฒ่าหลิวพูดอย่างจนปัญญา
เฮ่อฉางเหอชกผู้เฒ่าหลิวหนักๆ พร้อมพูดขึ้น “ผมจะไม่เชื่อคุณได้อย่างไรล่ะ! แล้วหาตัวคนคนนั้นเจอหรือยัง?”
ผู้เฒ่าหลิวกลอกตามองไปรอบๆ หลังจากนั้นจึงพูดเสียงเบา“ยังเลย พวกเราลงมือช้าเกินไป หมายเลขนั้นลงทะเบียนด้วยชื่อปลอมหลักฐานที่ใช้ในการเปิดบัญชีก็เป็หลักฐานปลอม เงินในบัญชีถูกโอนไปหมดแล้ว คนคนนั้นวางแผนไว้รัดกุมมาก”
“ไม่มีคนน่าสงสัยหรือ?”
“ตอนนี้ทุกคนล้วนเป็ผู้ต้องสงสัยทั้งนั้นรวมทั้งตัวผมเอง ไอ้บ้าเอ๊ย!จิ่งเต๋อเจิ้นมีคนเลวๆ แบบนี้ได้ยังไง มันเป็ความอับอายของพวกเราจริงๆ!”
ผู้เฒ่าหลิวแอบด่าแรงๆ ออกมา
“ดูจากสภาพของคุณสองวันนี้คุณคงไม่ค่อยได้พักผ่อน”
“ได้พักผ่อนที่ไหนล่ะ ผมเหนื่อยจะแย่อยู่แล้วเพื่อป้องกันความเป็ไปได้ที่อาจเกิดขึ้นในทุกกรณี ผมจึงต้องเปลี่ยนเครื่องเคลือบทุกชิ้นใหม่ทั้งหมดแล้วยังต้องมีการปรับเปลี่ยนบางอย่าง แค่หาเครื่องเคลือบเหล่านี้ ผมก็ต้องใช้พลังไปมากแล้วล่ะ”
“คุณดูสิ มิตรภาพระหว่างเราดีขนาดนี้แล้วลูกศิษย์ของผมยังมีความดีความชอบในการรายงานการทุจริตในครั้งนี้ถ้าอย่างนั้นคุณก็น่าจะเปิดเผยข้อมูลสำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ออกมาบางส่วนให้ผมใช่หรือเปล่า?”
“ไปไกลๆ เลย!”
ผู้เฒ่าหลิวผลักเฮ่อฉางเหอออกไป
เฮ่อฉางเหอไม่ได้สนใจการกระทำของอีกฝ่ายแต่กลับหัวเราะเสียงดัง หลังจากนั้นจึงพาหลินเยว่เดินไปยังสถานที่สำหรับพักผ่อน
เพียงไม่นาน คนอื่นๆ ก็ทยอยเดินเข้ามา
เมื่อเข้ามาถึงประตูใหญ่บริเวณคฤหาสน์แล้วเฉินเฟยกับเว่ยจิ้นจงต่างมองหน้าสบตากัน สายตาของแต่ละคนเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
หลี่เฉียนโจวและหวังเยว่ต่างสบถออกมาเสียงดังหลังจากนั้นจึงเบนสายตาหันไปมองทางอื่น
ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต่างรอคอยการแข่งขันส่วนสุดท้ายนี้อย่างใจจดใจจ่อในขณะเดียวกันพวกเขาต่างก็รู้สึกตื่นเต้นนี่เป็การแข่งขันครั้งสุดท้ายเพื่อจะจัดอันดับแล้วอีกทั้งการแข่งขันในส่วนนี้ก็มีสัดส่วนคะแนนสูงที่สุดอีกด้วย
เวลา 8.00 น. ทุกคนต่างเดินทางมาถึงสนามแข่งขันด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
ผู้เฒ่าหลิวเดินไปยังเบื้องหน้าของทุกๆ คน พร้อมทั้งพูดประกาศขึ้น“วันนี้เป็การแข่งขันส่วนที่ 3 และก็เป็ส่วนสุดท้ายในการแข่งขันครั้งนี้เป็การทดสอบแบบบูรณาการทั้งด้านความอดทน ประสบการณ์ สายตาอันเฉียบคมและความรู้ต่างๆ ที่ผู้ทำการพิสูจน์เครื่องเคลือบจำเป็ต้องมีในห้องทางด้านหลังคฤหาสน์มีเครื่องเคลือบทั้งหมด 50 ชิ้น มีทั้งของแท้และของปลอมแต่ทว่าจำนวนของแท้และของปลอมมีทั้งหมดกี่ชิ้นนั้นจำเป็ต้องให้ทุกคนเป็ผู้พิสูจน์ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนมีเวลา 3 ชั่วโมงแต่ละคนสามารถนำปากกา 1 ด้ามและสมุด 1 เล่มเข้าไปเมื่อครบ 3 ชั่วโมงแล้วเ้าหน้าที่ของพวกเราจะเข้าไปเชิญคุณออกมา และก็เหมือนกับวันแรกก่อนที่พวกคุณจะออกมา พวกคุณแต่ละคนต้องเขียนชื่อเครื่องเคลือบของแท้ที่คุณจดไว้ในสมุดรวมทั้งรหัสของมันออกมาให้เรียบร้อยในแต่ละวันจะเข้าทดสอบ 2 คนและจะทดสอบครบทุกคนในเวลา 5 วันตอนบ่ายของวันที่ 5 ทุกคนจะรู้ผลการทดสอบ”
“สิ่งที่้าประกาศมีเพียงเท่านี้ ไม่ทราบว่ามีใครมีข้อสงสัยหรือเปล่า?”
ผู้เฒ่าหลิวกวาดตามองไปรอบๆเมื่อเห็นว่าไม่มีใครมีข้อสงสัยอีกแล้ว เขาจึงล้วงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเมื่อมองรายชื่อจากบนกระดาษแล้วเขาจึงพูดขึ้น“ลำดับการแข่งขันในครั้งนี้จะจัดเรียงตามผลการแข่งขันใน 2ส่วนแรกโดยเรียงลำดับจากคะแนนสูงสุดไปยังคะแนนต่ำสุดคนแรกที่เข้าทำการทดสอบในครั้งนี้คือจวงเมิ่งเตี๋ย ทำการทดสอบใน่เวลา 8.30– 11.30 น. คนที่ 2คืออู๋อีซาน ทำการทดสอบใน่เวลา 14.30– 17.30 น. และวันต่อๆไปก็จะทำการทดสอบใน่ 2 เวลานี้ไม่ทราบว่ามีใครมีข้อโต้แย้งในการจัดลำดับแบบนี้หรือไม่?”
หลินเยว่ได้ยินเช่นนี้ก็อึ้งไปในทันทีเพราะเขาถูกจัดไว้เป็ลำดับสุดท้าย นั่นก็หมายความว่าเมื่อเขาทดสอบเสร็จแล้วเขาก็จะรู้ผลการทดสอบทันที?
เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาจึงได้แต่ฝืนยิ้มพร้อมกับส่ายศีรษะ
ถึงเป็คนสุดท้ายก็ไม่เป็ไรเขาจะได้ถือโอกาสนี้ไปพิพิธภัณฑ์อีกครั้ง เพราะไม่ว่าอย่างไร่นี้ทางพิพิธภัณฑ์อยู่ในระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซมอยู่แต่ทว่าสำหรับผู้เข้าแข่งขันแล้วจะสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้ตลอดซึ่งเป็จังหวะดีที่ไม่มีคนไปรบกวนเขาพอดีเลย
อันที่จริงหลี่เฉียนโจวรู้สึกไม่พอใจกับการจัดเรียงแบบนี้ในเมื่อเขารู้อยู่แล้วว่าในเครื่องเคลือบทั้ง 50 ชิ้นนี้มีจำนวนกี่ชิ้นที่เป็ของแท้ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้เขาเข้าไปโชว์เดี่ยวก็หมดเื่แล้วแต่กลับจัดให้เขาอยู่ลำดับรองสุดท้าย ทำให้เขาไม่มีโอกาสอวดความสามารถเลยล่ะ!
แต่ทว่าเขาก็ไม่กล้าเอ่ยค้านออกมา เพราะนอกจากเขาก็ไม่มีคนอื่นที่มีความคิดเห็นแตกต่าง เขาก็จึงไม่กล้าเสนอออกมา
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครคัดค้านแล้วผู้เฒ่าหลิวจึงพยักหน้าพร้อมพูดขึ้น “จวงเมิ่งเตี๋ยไปเตรียมตัวได้ เวลา 8.30น. จะต้องเข้าไปยังห้องทางด้านหลังคฤหาสน์ตามเวลา”
จวงเมิ่งเตี๋ยพยักหน้ารับทราบหลังจากนั้นจึงถูกจวงตงเฟิงลากตัวไปทางด้านข้างเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์บางอย่างให้เธอฟัง
ส่วนเฮ่อฉางเหอกลับเรียกผู้เฒ่าหลิวไว้พร้อมกับถามด้วยความสงสัย“ผมจำได้ว่าทางด้านหลังของคฤหาสน์ไม่มีห้องไม่ใช่หรือ แล้วตอนนี้มีห้องมาจากไหนล่ะ?”
“เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่เป็ห้องที่ทำขึ้นมาเพื่อใช้ในการจัดการแข่งขันโดยเฉพาะเมื่อใช้เสร็จแล้วก็จะรื้อทิ้ง เพราะไม่ได้เสียแรงมากมายอะไร”
“พวกคุณนี่มีเงินเหลือเฟือเอาไว้ผลาญเล่นจริงๆ”
ไม่รู้ว่าเฮ่อฉางเหอกำลังชมอีกฝ่ายหรือว่ากำลังด่าอีกฝ่ายกันแน่
“เลิกพูดเพ้อเจ้อได้แล้ว พูดตรงๆ มาเถอะ ดึงผมมาตรงนี้เพื่อเื่อะไรกันแน่?ผมไม่มีทางเปิดเผยคำตอบหรอกนะ!”
“เปิดเผยคำตอบ? ในสายตาของคุณ ผมเหมือนคนที่ชอบโกงขนาดนั้นเลยหรือ?!” เฮ่อฉางเหอทำท่าโมโห
ผู้เฒ่าหลิวกวาดตามองเฮ่อฉางเหอหลังจากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ทว่าประโยคนี้ก็ทำให้เฮ่อฉางเหอแทบกระอักเื!
“เหมือนมาก!”
เฮ่อฉางเหอมองผู้เฒ่าหลิวด้วยสายตาอ่อนใจพร้อมพูดขึ้น“ผมอยากจะถามคุณว่าตอนนี้พวกเรากลับได้หรือยัง?คุณคงไม่ให้พวกเราอยู่ที่นี่จนถึงตอนสุดท้ายหรอกนะ?”
“ขาของคุณก็อยู่บนตัวของคุณอยู่แล้วคิดอยากจะเดินไปไหนก็เดินไปได้เลย ใครกล้าขวางคุณไว้ล่ะ”
“แล้วคุณไม่บอกให้เร็วหน่อย หากรู้อย่างนี้ผมก็ไม่มาแล้วล่ะเสียเวลาตั้งเยอะตั้งแยะ แล้วยังต้องฟังคุณพร่ำเพ้ออยู่ตั้งนาน จนหูของผมเริ่มรับไม่ได้แล้วล่ะ!”
เมื่อเฮ่อฉางเหอพูดจบเขาก็ดึงตัวหลินเยว่เดินออกไปจากคฤหาสน์
ผู้เฒ่าหลิวเห็นเช่นนี้จึงรีบร้องะโ“อย่าลืมเื่ที่เรานัดกันไว้หลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลงด้วยล่ะหากผ่านไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไร!”
“จำได้แล้ว จำได้แล้วล่ะ วันนั้นหากผมกับคุณไม่เมาก็ไม่มีวันกลับ!”
เฮ่อฉางเหอไม่ได้หันหน้ากลับมาเขาทำเพียงโบกไม้โบกมือให้ทางด้านหลังเท่านั้น
เมื่อเจี่ยเหวยเกิ่งเห็นว่าเฮ่อฉางเหอกลับไปแล้วเขาจึงดึงตัวจางฮุยิเดินจากไปเช่นกัน และการทยอยกลับออกไปของแต่ละคนทำให้สุดท้ายจึงเหลือเพียงจวงตงเฟิงเท่านั้น
เมื่อมองบริเวณรอบๆ ที่ไร้ผู้คนจวงตงเฟิงจึงได้แต่ยิ้มอย่างฝืนๆ แล้วพูดกับผู้เฒ่าหลิว “ตาแก่หลิวคุณต้องอยู่เป็เพื่อนผมนะ ตอนนี้ไม่เหลือใครอยู่คุยกับผมแล้ว”
“วางใจได้เลย ถึงคุณไม่เบื่อ ผมก็คงเบื่อไปก่อนแล้วล่ะเดี๋ยวผมไปหยิบกระดานหมากรุกก่อน พวกเราสองคนมาเล่นกันสักกระดาน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของจวงตงเฟิงจึงเกิดเป็ประกายทันทีเขายิ้มพร้อมพูดขึ้น “ความคิดนี้ยอดเยี่ยมไปเลย หากตาแก่เฮ่อรู้เข้า ว่าพวกเราเล่นหมากรุกกันที่นี่เขาจะต้องรีบแล่นกลับมาอย่างแน่นอน”
“ใครใช้ให้เขากลับไปเร็วอย่างนั้นล่ะ สมน้ำหน้า!”
......
เมื่อกลับเข้าโรงแรม หลินเยว่รู้สึกไม่มีอะไรจะทำดังนั้น เขาจึงรีบมุ่งหน้าไปพิพิธภัณฑ์ทันที เมื่อเขาใช้เวลา 1 วันเต็มๆ ในการจดจำหินพอร์ซเลนและดินเกาลินจนครบแล้วเวลานี้ เขาจึงไม่มีอะไรจะทำอย่างแท้จริง!
หลินเยว่จึงนอนเอนตัวอยู่บนเตียงด้วยสภาพราวกับสุนัขตายอย่างหมดสภาพวันนี้เขาใช้พลังสมาธิมากจนเกินไป แต่ทว่าก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง เพราะเหตุการณ์ในวันนี้ทำให้หลินเยว่รู้สึกอย่างชัดเจนว่าพลังสมาธิของเขาเพิ่มขึ้นอย่างแท้จริงแต่ก่อนเขาสามารถใช้ตาทิพย์ได้เพียงวันละครั้งเท่านั้นแต่ตอนนี้เขาสามารถใช้ได้วันละ 2 ครั้งแต่ทว่าระหว่างการใช้ทั้ง 2 ครั้งจะต้องมีการพักผ่อนก่อนต่อไป... ไม่แน่เขาอาจจะสามารถใช้พลังพิเศษได้ถึง 3 ครั้งภายในวันเดียว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้