ไป๋เซียงจู๋ดันมือของไป๋ชิงโหรวออกอย่างแเี “น้องรอง เกรงว่านี่ไม่ถูกต้องนัก ท่านพี่เขาเห็นแก่หน้าของพวกเราญาติสนิท ดังนั้นจึงไม่สืบสาวราวเื่ แม้เซียงจู๋เป็หญิง เกียรติยศและศักดิ์ศรีคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง จะใส่ความทำลายไม่ได้เป็อันขาด ทว่าท่านพี่เองก็เป็ถึงคุณชายแห่งจวนลู่ตระกูลใหญ่โต ชื่อเสียงของท่านพี่ก็สำคัญเช่นกัน หากเราอดทนผ่อนปรนให้คนไม่ดี มิเป็การปล่อยให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะว่าตระกูลเราไร้กฎระเบียบหรอกหรือ ต่อไปเหล่าบ่าวไพร่จะยิ่งกำเริบเสิบสาน เกิดแพร่ข่าวลือไปทั่วว่าเ้านายมีความสัมพันธ์กับใครจนสร้างปัญหาให้น้องขึ้นมา น้องรัก เ้าไม่กลัวหรือ”
ไป๋ชิงโหรวสะอึก นางพูดอะไรไม่ออก
ถ้ากลัว ก็ต้องสอบสวน! ถ้าไม่กลัว ก็ให้คนอื่นกังขา! พี่สาวของนางที่เคยใจกว้างเอาเปรียบง่ายผู้นี้เหมือนกลายเป็อีกคนหนึ่งในชั่วประเดี๋ยวประด๋าวได้อย่างไร! ความรู้สึกถูกมองทะลุถึงความคิดและความรู้สึกถูกจูงจมูกเดินทำให้นางไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าไป๋เซียงจู๋น่ากลัวเหลือเกิน ประหนึ่งงูพิษที่เร้นกายในเงามืด หากเผลอไผลเพียงนิดเดียวก็จะโดนนางกัดเข้าอย่างจัง
ความประหวั่นพรั่นพรึงก่อขึ้นในใจ ไป๋ชิงโหรวสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย นางยืนไม่ค่อยจะมั่นคงนัก
ฮูหยินเฒ่าไป๋นั่งในตำแหน่งเดิม ั์ตาวาว แผดเสียงดุหลี่ฟู่กุ้ยกับแม่เฒ่าตู้ที่หดตัวหลบอยู่อีกด้าน “ยังไม่รีบสารภาพอย่างตรงไปตรงมาหรือ! ถ้ามีอะไรปกปิดอีก ข้าจะเฆี่ยนพวกเ้าให้ขาหักเลยเชียว!”
แม่เฒ่าตู้และหลี่ฟู่กุ้ยเจอเสียงคำรามของนายหญิงก็ตื่นใจนขวัญกระเจิง แม้รู้ว่าคราวนี้คุณหนูใหญ่มุ่งจู่โจมพวกเขาอย่างรุนแรง ทว่าอันที่จริงก็ไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไร คุณหนูใหญ่ผู้ถูกกักไว้ทำงานยิบย่อยในเรือนท้ายจวนปกติโดนบ่าวรับใช้อย่างพวกเขารังแกบ่อยๆ ด้วยซ้ำ อีกอย่างตอนนี้มีฮูหยินรองสนับสนุนพวกเขาอยู่ ก็ไม่จำเป็ต้องเกรงกลัวสิ่งใด
แต่พอเห็นนายหญิงไป๋โกรธจัดอย่างตอนนี้ ทั้งสองจึงกระวนกระวายไม่น้อย หลี่ฟู้กุ้ยอึ้งไปแล้ว ส่วนแม่เฒ่าตู้นั้นมีประสบการณ์รับมือมากกว่า นางคุกเข่าลงร้องไห้โดยพลัน “นายหญิง พวกบ่าวโดนปรักปรำ บ่าวรับใช้ฮูหยินรองมายาวนาน ครอบครัวฟู่กุ้ยเองก็เป็เพื่อนเรียนของนายท่านสืบต่อกันรุ่นสู่รุ่นตั้งหลายปี เื่ในวันนั้นคุณหนูท่านเป็คนจัดการเอง บัดนี้คุณหนูจะใส่ความให้ร้ายคนอื่นเพื่อเอาตัวรอดไม่ได้นะเ้าคะ!”
เซียงจู๋พูดอย่างเ็า “คนเ้าเล่ห์หลอกลวงพรรค์นี้ ต้องโบยสักสิบไม้ก่อน ถึงจะพูดความจริงได้! มา ทรมานนางเสีย!”
ไป๋ชิงโหรวหลุดจากภวังค์ กล้ำกลืนฝืนทนปั้นหน้ายิ้ม “ท่านพี่ ท่านกระทำเื่น่าละอายนี่แล้วคิดจะปิดปากคนในอย่างนั้นหรือ”
ฮูหยินเฒ่าขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้นางไม่โปรดไป๋เซียงจู๋นัก แต่สำหรับท่าทีค่อนแคะถากถางของไป๋ชิงโหรวหลานสาวคนนี้ ใจจริงแล้วนางก็ไม่ชอบเช่นกัน ถึงหลานสาวคนนี้จะจัดว่าสวยทรงเสน่ห์จับใจ ทว่ากลับมีนิสัยหยาบกระด้างดื้อรั้น เมื่อเจอเื่เข้าก็เอะอะโดยไม่จำเป็ ไร้ซึ่งกิริยามารยาทของหญิงสาวตระกูลดีโดยสิ้นเชิง ลักษณะเหมือนอวี๋ซื่อมารดานางมิมีผิด
พอคิดได้ดังนี้แล้ว ฮูหยินเฒ่าก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจที่อวี๋ซื่อไม่อบรมบุตรสาวให้ดี นางหันขวับไปค้อนอวี๋ซื่อ อวี๋ซื่อดึงเสื้อของไป๋ชิงโหรว บอกใบ้นางว่าอย่าพูดอะไรออกมา
ไป๋เซียงจู๋ชายตามองและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาเดิมพันดีหรือไม่ หากพี่ใส่ความพวกเขา พี่จะคุกเข่าคำนับและยกน้ำชาให้เ้าทันที! หากกลับกัน เ้าก็คุกเข่าให้ข้าเป็อย่างไร”
แววตาของไป๋ชิงโหรวเผยความประหลาดใจเล็กๆ
แม้ว่าปกติไป๋เซียงจู๋ทำงานสัพเพเหระให้ตระกูลไป๋ มีสถานะด้อยกว่าสาวใช้บางคนด้วยซ้ำ ถึงกระนั้นนางก็ดำรงตำแหน่งหลานสาวคนโตมาโดยตลอด ถ้าทำให้เซียงจู๋คุกเข่าต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ได้ ทีนี้ชื่อเสียงของตนไป๋ชิงโหรวในเมืองเหลียงก็จะเลื่องลือระบือไกลตามไปด้วย
หลังจากคิดคำนวณในใจ ไป๋ชิงโหรวกระหยิ่มยิ้มย่อง “ในเมื่อท่านพี่ยืนกรานเช่นนี้ น้องก็ต้องยอมแล้วล่ะเ้าค่ะ”
อวี๋ซื่อคิดเช่นเดียวกัน หลานสาวคนโตแล้วอย่างไร พอคุกเข่าคำนับครั้งนี้ ก็ไม่พ้นต้องอยู่ใต้เท้าบุตรสาวของนาง! นางไม่เชื่อว่าไป๋เซียงจู๋คนเดียวจะยืนยันความจริงได้ วันนั้นนางนำเศษผ้าจากชุดของไป๋เซียงจู๋ที่ห้อยอยู่บนก้อนหินนั่นกลับมาด้วยเชียวนะ!
เมื่อหลี่ฟู่กุ้ยและแม่เฒ่าตู้เห็นว่าฮูหยินกับคุณหนูรองต่างไม่ช่วยพวกเขาก็พลันรู้สึกขมขื่นเหลือแสน แต่พอคิดว่าหนนี้ถูกโบยเพื่อช่วยฮูหยินและคุณชาย หากอดทนไว้เดี๋ยวก็ผ่านพ้นไป ในวันข้างหน้าพวกตนจะได้ประโยชน์ไม่น้อยแน่นอน จึงกัดฟันแน่นพร้อมยอมรับชะตากรรม
ไป๋เซียงจู๋แค่นหัวเราะ สั่งบ่าวรับใช้ให้นำไม้มาลงโทษบัดเดี๋ยวนี้!
ไม้ที่หนึ่ง ไม้ที่สอง ไม้ที่สาม!