“ใช่แล้ว กุนเชียงกับเนื้อตากแห้ง ท่านย่า อีกสักครู่พวกเราจะลงมือเอาเนื้อหั่นให้เรียบร้อยแล้วทำการหมัก ตากไว้สักสิบกว่าวันถึงจะทานได้” เจินจูยิ้มยิงฟัน “เนื้อตากแห้งกับกุนเชียงที่ทำเสร็จแล้วรสชาติโดดเด่นเป็อย่างยิ่ง พวกเราลองทำดูก่อน หากทำได้ดี ก็เป็อีกหนึ่งอย่างที่สามารถหาเงินได้”
หวังซื่อั์ตาสว่างวาบ มองที่ใบหน้าเล็กของเจินจูปรากฏความดีใจระคนแปลกใจ ความคิดของหลานสาวนางคนนี้มาเป็คลื่นระลอกแล้วระลอกเล่า อีกทั้งโดยรวมแล้วล้วนสามารถหาเงินได้ทั้งนั้น หวังซื่อรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นเป็ร้อยเท่าทันที “ได้ เรารีบไปลองกัน”
“ท่านย่า รอเดี๋ยว ทานบะหมี่เสร็จค่อยว่ากัน หิวจนจะตายแล้ว” เจินจูดึงหวังซื่อไว้ จงใจเบะปากน้ำเสียงกระซิบกระซาบ
“อื้ม ใช่ ใช่ ทานก่อน ฮ่า ฮ่า” หวังซื่อหยุดกายทันทีแล้วหัวเราะออกมา
บะหมี่ที่หลี่ซื่อต้มกล่าวไม่ค่อยถูกว่าอร่อยเพียงใด หากเปรียบเทียบกับก่อนหน้าโน้นก็นับว่าอร่อยมาก ฐานะทางบ้านดีขึ้นเล็กน้อย จึงตัดใจใส่น้ำมันและเกลือได้เยอะกว่าเดิม เป็ธรรมดาที่รสชาติจะดีขึ้นบ้าง
“ท่านย่า บ้านเรามีหินโม่เล็กๆ หรือไม่?” ทานบะหมี่เสร็จ เจินจูนั่งคิดขั้นตอนการกรอกกุนเชียงอย่างละเอียด ในขั้นตอนหนึ่งต้องใส่ส่วนผสมลงในเนื้อหมักไม่น้อย ทั้งหมดจึงต้องโม่ให้เป็ผงจึงจะเข้าเนื้อ
“หินโม่เล็กๆ ? บ้านเราไม่มี แต่บ้านจ้าวต้าซานมีหนึ่งอัน อีกสักครู่ให้ลุงเ้าไปยืม” หวังซื่อคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว
“อื้ม ยืมมาใช้ได้ย่อมดี ต้องเอาเครื่องเทศเล็กน้อยโม่เป็ผง เพื่อใช้หมักเนื้อ จะมีรสชาตินัก” เจินจูกล่าวอธิบาย
“ได้ ถ้าเช่นนั้นให้ผิงอันวิ่งไปยืมสักรอบ อีกสักครู่ก็ยืมมาได้แล้ว” ขณะกล่าว หวังซื่อก็วิ่งไปนอกประตูหาผิงอันและสั่งงาน
กรอกกุนเชียงอันดับแรกต้องเอาเนื้อทั้งหมดหั่นเป็ชิ้นเล็ก เจินจูเลือกเนื้อแดงและมันออกมาไม่กี่ชิ้นวางไว้ด้านข้าง เตรียมใช้ทำเนื้อตากแห้ง เนื้อที่เหลือทั้งหมดหั่นมาทำกุนเชียง งานที่หนักและลำบากนี้ย่อมเป็ของหวังซื่อผู้มีความสามารถด้านการใช้มีดได้อย่างยอดเยี่ยม โดยตัดหนังหมูออกมาก่อน หลังจากนั้นหั่นเป็ชิ้นเล็กพอดีก็ได้แล้ว
ส่วนเจินจูรับหน้าที่ล้างไส้เล็กให้สะอาด ลอกไขมันส่วนเกินและเยื่อเมือกออก หลังจากนั้นใช้ขี้เถ้าชำระล้างสองสามรอบ ทันทีที่ขูดผนังเนื้อสีแดงและพวกไขมันกับเยื่อเมือกออกแล้ว ส่วนที่เหลือก็สามารถนำเนื้อมากรอกใส่เข้าไปได้ เจินจูทำเสร็จหนึ่งขั้นตอนด้วยความชำนาญ ส่วนใหญ่นี้ต้องยกคุณงามความดีให้มารดาคนเก่า ทุกครั้งที่ฉลองปีใหม่ขั้นตอนของการเตรียมทำกุนเชียง นางจะถูกจับไปเตรียมไส้เล็กให้พร้อม
เมื่อทำไส้เล็กสำหรับกรอกหนึ่งเส้นเสร็จ เจินจูจึงพบความไม่แน่ใจ ไส้สำหรับกรอกหนึ่งเส้นไม่น่าจะเพียงพอกับเนื้อที่หนักยี่สิบชั่ง จำได้ว่าเมื่อก่อนนางต้องเตรียมไส้ถึงสามเส้นจึงจะใช้พอ
เจินจูชะงักงัน ไม่นึกเลยว่าตนเองจะลืมอะไรโง่ๆ ขนาดนี้
“เป็อันใด?” แม้ในมือหวังซื่อจะหั่นเนื้อไม่หยุด แต่ก็มองการกระทำในมือของเจินจูอยู่เป็ระยะๆ ตอนนี้เห็นว่านางหยุดชะงักลง จึงรีบถาม
เจินจูย่นคิ้ว กล่าวอย่างไม่มีทางเลี่ยง “ท่านย่า ไส้เล็กนี่ไม่พอ คาดว่ายังต้องซื้ออีกสองเส้นถึงจะพอ”
“โอ้ นั่นไม่เป็ไร อีกเดี๋ยวให้ลุงเ้าไปซื้อที่หมู่บ้านต้าวัน เครื่องในนี่ไม่มีคนชอบทาน น่าจะมีเหลือ” หวังซื่อยิ้มแล้วกล่าวให้นางคลายกังวล เจินจูยังเด็ก กะปริมาณไม่ได้ถือเป็เื่ปกตินัก
“อื้ม คงทำได้เพียงเช่นนั้น” เจินจูแบะปาก ให้กับความประมาทสะเพร่าของตนเองอย่างขัดเคือง
สักพักเสียงฝีเท้าถี่ๆ จากระยะไกลก็ใกล้เข้ามา “ท่านย่า พี่สาม พวกท่านทำอะไรอร่อยๆ อีกแล้วหรือ?”
เสียงดังของผิงซุ่นกังวานขึ้น และคนก็ตามเข้ามา
“ผิงซุ่น เ้ามาได้อย่างไร? พ่อเ้าเล่า?” หวังซื่อมองผิงซุ่นที่วิ่งเข้ามาหนึ่งที มีดบนมือยังคงขยับไม่หยุด
“พวกเขาล้วนอยู่ข้างหลัง ท่านพ่อใช้ลูกวัวที่ซื้อมาใหม่ลากหินโม่อยู่ ท่านพี่กับผิงอันนั่งอยู่บนเกวียน ข้าวิ่งมาก่อนน่ะ” ผิงซุ่นตื่นเต้นจนะโโลดเต้นไปมา ที่บ้านมีวัวเพิ่มขึ้น เหล่าเด็กชายดีใจกันยกใหญ่เลยจริงๆ
ขณะกล่าว เสียงร้อง ‘มอ มอ’ ของลูกวัวก็ดังสะท้อนเข้ามาจากด้านนอก
เจินจูเช็ดคราบน้ำบนมือให้แห้ง แล้วหยัดกายลุกออกไป พอออกจากประตูก็เห็นหูฉางหลินกำลังจูงวัวเข้ามาในลาน ผิงอันกับชุ่ยจูนั่งอยู่บนเกวียน ยิ้มแย้มทั่วใบหน้า
“เจินจู มา นี่เป็หินโม่ที่พวกเ้า้า วางไว้ที่ใดดี?” หูฉางหลินผูกวัวเสร็จ ชี้ไปที่หินโม่แล้วถาม
“อืม... วางไว้ห้องหลักแล้วกัน อีกเดี๋ยวก็ต้องใช้แล้ว ที่นั่นอากาศอุ่นหน่อย” เจินจูชี้ไปที่ห้องหลักแล้วกล่าว
“อื้ม ได้ วางให้เ้าในห้องหลัก” หูฉางหลินดึงหินโม่เล็กๆ ออกมาอย่างแข็งแรง ก้าวเร็วๆ เข้าไปภายในห้องหลัก
“ท่านพี่ ท่านดู ท่านลุงซื้อวัวมา ต่อไปพวกเราจะได้ใช้วัวไถนาแล้ว” ผิงอันั์ตาระยิบระยับ มือลูบที่หลังวัวเบาๆ ไม่หยุด
“เจินจู ท่านพ่อบอกว่าวัวนี่เป็เ้าที่บอกให้ซื้อหรือ?” ชุ่ยจูเบิกตาโตจ้องที่เจินจู รู้สึกเหลือเชื่อหน่อยๆ
“เอ่อ… เป็ท่านย่าให้ซื้อ ข้าเพียงเสนอเท่านั้นเอง” เจินจูรีบปัดปัญหาไปไว้ที่หวังซื่อ อย่างไรเสียสกุลหูก็เชื่อหวังซื่อมาโดยตลอด
“ชุ่ยจู เ้ามานี่หน่อย” หวังซื่อะโหนึ่งเสียงจากไกลๆ
“อื้ม ไปแล้ว” ชุ่ยจูรีบขานรับ แล้วลงจากเกวียนวิ่งไปทันที
“ท่านพี่ ลูกวัวตัวนี้เชื่อฟังนัก ท่านดู มันไม่ขยับไปทั่วเลย” ความสนใจทั้งหมดของเ้าหนูน้อยผิงอันยังคงหมกมุ่นอยู่ที่เพื่อนตัวน้อยที่มาใหม่
“อื้ม อื้ม... ผิงอัน เ้าลูบวัวพอแล้วไปล้างมือก่อน ตัวของวัวสกปรกมาก อีกเดี๋ยวอย่าลืมไปดูกระท่อมกระต่าย อากาศเย็นนัก เพิ่มหญ้าเข้าไปเยอะหน่อย แล้วก็อย่าให้ถ่านไฟมอดเล่า” มองเ้าหนุ่มน้อยที่ท่าทางแทบอยากจะขี่ขึ้นไปบนหลังวัว เจินจูจึงรีบดึงความสนใจของเขากลับมา
ไม่นึกเลยว่า ผิงอันจะเงยหน้ามองไปยังทิศทางกระท่อมกระต่ายอย่างกระทันหัน แล้วะโลงจากเกวียนวัว “ข้าจะไปดูเดี๋ยวนี้”
มองเด็กชายวิ่งะโโลดเต้นออกไปไกล เจินจูยิ้มแล้วส่ายหน้า เด็กน้อยแข็งแรงมีพละกำลัง ดีจริง นางลืมสิ้นไปแล้วว่าตอนนี้ตนเองก็เป็เพียงเด็กสาวตัวน้อยอายุสิบขวบ
วัตถุดิบที่ห่อไว้อย่างดีถูกค้นออกมาจากตู้ เจินจูเลือกหยิบขึ้นมา ในอดีตวัตถุดิบส่วนใหญ่ที่ใช้ทำกุนเชียงจะซื้อแบบสำเร็จรูป แต่ตอนนี้ต้องใส่อัตราส่วนทีละอย่างๆ นางยังไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะแบ่งใส่อย่างไร เฮ้อ ทำให้คนปวดหัวเสียจริง
“เจินจู ข้าจะให้ลุงเ้าไปซื้อไส้เล็ก ยังมีอะไรที่ต้องซื้ออีกหรือไม่?” หวังซื่อแบ่งหน้าที่หั่นเนื้อให้ชุ่ยจูทำ แล้วเอาตนเองออกมาช่วยเตรียมโม่วัตถุดิบ
“อืม... ซื้อเหล้าหนึ่งชั่ง ดีกรีสูง เอ่อ... คือเหล้าแรงหน่อยน่ะ” เจินจูกล่าวเร็วลิ้นรัว “บ้านเรายังมีน้ำตาลอยู่อีกหรือไม่? ถ้าไม่มีก็ซื้อกลับมาหนึ่งชั่ง ตอนนี้แค่พวกนี้ก่อน”
“ได้ จะได้ให้ลุงเ้าไปซื้อ หินโม่นี่เ้ารอครู่หนึ่งเดี๋ยวย่ามาจัดการ” หวังซื่อเดินไปด้วยหันกลับมากำชับนางด้วย
โป๊ยกั๊ก เปลือกส้ม ผักชีล้อม ฮวาเจียว พริก… เจินจูขมวดคิ้ว คำนวณปริมาณของที่ต้องใส่เพิ่มๆ ลดๆ ตั้งใจว่าจะผัดแห้งแล้วค่อยโม่เป็ผง คิดว่าถึงอย่างไรก็ใส่เครื่องเทศที่เรียกว่าสิบสามหอม [1] เข้าไปมากสุดอยู่ดี แม้จะใส่ไม่กี่อย่างเช่นนี้ น่าจะได้เหมือนกัน นางคิดในแง่ดี
รอจนหวังซื่อหลับมา เจินจูก็ให้นางผัดเครื่องเทศจนน้ำแห้ง แล้วค่อยโม่เป็ผง เท่านี้วัตถุดิบก็นับว่าจัดการเรียบร้อย หลังจากนั้นเอาผงเครื่องเทศใส่ถ้วยเติมน้ำขิง เหล้าที่ใช้ทำอาหารและเกลือลงไปผสมให้เข้ากันแล้วโรยในกองเนื้อ คนให้ทั่ว หลังจากนั้นหมักไว้หนึ่งคืน วันที่สองค่อยกรอกใส่ไส้ที่เตรียมไว้แล้ว
เนื้อยี่สิบชั่ง เจินจูแบ่งเป็สองส่วน ครึ่งหนึ่งเผ็ดหน่อย ครึ่งหนึ่งหวานหน่อย เมื่อก่อนกุนเชียงของบ้านนางจะใส่น้ำตาลไม่ใส่พริก แต่ในตลาดที่ขายดีนักส่วนใหญ่เป็กุนเชียงรสเสฉวนและรสกว่างโจวที่มีความเผ็ด เนื่องจากเป็ที่นิยมจากคนทั่วไปในการบริโภค เช่นนั้นนางเลยถือโอกาสทำทั้งสองอย่าง
เนื้อสามชั้นที่ยังเหลืออยู่หกชิ้นกับหัวหมูหนึ่งชิ้น เจินจูหมักด้วยความระมัดระวัง เนื้อตากแห้งกับหัวหมูตากแห้งก็เป็ของตากแห้งที่นิยมเตรียมไว้ตลอด่หน้าหนาว เนื้อเค็มหอมๆ ช่างอร่อยมาก เมื่อเทียบกับกุนเชียงแล้ว ยิ่งทำง่ายกว่านัก
เนื้อทั้งหมดล้วนทำการหมักเรียบร้อย สีท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ชุ่ยจูก็กลับไปที่บ้านเก่านานแล้วเพื่อเตรียมอาหารเย็น วันนี้สกุลหูซื้อเกวียนวัว ในบ้านเลยมีเื่ที่น่ายินดีเฉลิมฉลอง เป็ธรรมดาที่ต้องทานข้าวฉลองด้วยกันสักครั้งหนึ่ง
ผิงซุ่นนำอาหารหนึ่งจานจากบ้านเก่าเข้ามา หลี่ซื่อไม่ต้องหุงหาอาหารเย็นอื่นอีก และนางยังคงอยู่เฝ้าบ้าน ถือโอกาสดูแลคนป่วยไปด้วย
คนหนึ่งขบวนจูงลูกวัวกลับไปที่บ้านเก่า แม้สีสันยามราตรีจะค่อยๆ เข้มขึ้น แต่ยังคงมีชาวไร่ชาวนาติดตามล้อมชมไม่น้อย
“ฉางหลิน บ้านเ้าร่ำรวยขึ้นแล้ว? ไม่นึกเลยว่าจะซื้อวัวได้?”
“อาสะใภ้หู วัวนี่ต้องใช้เงินห้าหกเหลียงกระมัง? ปีนี้บ้านท่านหาเงินได้มากแล้วหรือ”
“ฉางหลิน วัวนี่เป็ของบ้านเ้าหรือของบ้านฉางกุ้ยกัน?”
“อาสะใภ้หู บ้านท่านหาเงินมาได้อย่างไรกัน? ล้วนเป็คนหมู่บ้านเดียวกัน ก็ช่วยเหลือพวกเราสักหน่อยสิ?”
“…”
ชาวไร่ชาวนาเข้ามาใกล้สอบถามคึกคักไม่หยุดตลอดทาง หวังซื่อเพียงตอบกลับไปอย่างสุภาพ รอจนกระทั่งถึงหน้าประตูบ้าน หวังซื่อยืนอยู่ปากประตู กล่าวด้วยเสียงอันดังมั่นคง “ขอบคุณความสนใจของทุกคนมาก วันนี้สองพี่น้องสกุลหูร่วมกันซื้อลูกวัว เพราะเหล่าหูบ้านเราขาไม่คล่องแคล่วนัก วัวนี่เลี้ยงจนเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิจึงจะช่วยทำงานได้ สีท้องฟ้ามืดค่ำแล้ว ทุกคนดูกันครึกครื้นพอแล้วก็กลับกันเถิด”
หวังซื่อกล่าวเช่นนี้ ชาวนาที่ล้อมชมอยู่ก็ไม่เข้าใกล้ และรอบด้านก็กระจายออกไปเล็กน้อย หูฉางหลินจูงลูกวัวเข้าหลังบ้าน หวังซื่อจึงถือโอกาสปิดลานประตูลง ตัดจากสายตาของทุกคนที่สอดส่องเข้ามา
เมื่อไม่มีอะไรให้ดู คนนอกหนึ่งกลุ่มต่างก็แยกย้ายกันไป
ถูกชาวบ้านรุมล้อมถามนั่นถามนี่เช่นนี้ ความรู้สึกปีติยินดีที่สกุลหูซื้อวัวก็เจือจางลง
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่อนข้างอึดอัดนัก แต่เหลียงซื่อกลับยิ่งดีใจด้วยซ้ำไป ขณะนี้นางตั้งครรภ์บุตรคนที่สี่ของสกุลหู สภาพการณ์ในบ้านก็เปลี่ยนไปดีขึ้นอย่างชัดเจน ควรจะเป็เื่ดีๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนชาวบ้านที่รบกวนข้างนอกประตูเ่าั้ นางไม่ได้เอามาใส่ใจ นั่นล้วนเป็คนนอกที่เห็นคนอื่นมีความเป็อยู่ดีขึ้นไม่ได้ และล้วนเป็ความอิจฉาที่บ้านของตนหาเงินได้มากขึ้น เหอะ!
เหลียงซื่อคีบเนื้อหนึ่งชิ้นใส่ปากอย่างเบิกบานใจ ่นี้อาหารประเภทเนื้อที่ปรากฏบนโต๊ะอาหารบ้านเหล่าหู ปริมาณยังมากกว่าปีที่ผ่านมามากนัก นางกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเสริมสร้างบำรุงร่างกาย ปากจึงรู้สึกอยากทานเสียจนเปิดเผยออกมาตามตรง
แม้ว่าแม่สามีของนางจะบอกว่าลูกวัวเป็สองบ้านร่วมกันซื้อ แต่ก็เลี้ยงเอาไว้ที่บ้านเก่า เป็ธรรมดาที่เหลียงซื่อจะรู้สึกว่าสิ่งของในบ้านหลังใหญ่ล้วนเป็ของพวกเขาทั้งหมด
เจินจูทานข้าวเย็นอย่างเงียบสงบ และสังเกตสีหน้าท่าทางแต่ละคนอยู่เป็ครั้งคราว เด็กสองคนทานข้าวด้วยความสบายใจและรวดเร็วนัก ชายชราสกุลหูดูแล้วก็ค่อนข้างมีความสุขมากอยู่ เหลียงซื่อั้แ่อยู่บนโต๊ะก็ยิ้มแย้มไม่หยุด มีเพียงหวังซื่อกับหูฉางหลินที่สีหน้าไม่แสดงออกเล็กน้อย หูฉางกุ้ยนั้นคงเส้นคงวาก้มหน้าทานข้าวเงียบกริบ
อาหารเย็นผ่านไป คนชราสกุลหูสองคนเรียกสองพี่น้องสกุลหูกับเจินจูเข้ามาในห้อง ให้ชุ่ยจูเฝ้าหน้าประตู หลังจากปิดประตูเรียบร้อย หวังซื่อก็ควักลูกกุญแจหนึ่งพวงออกมาจากในอก เปิดตู้เตียง ล้วงถุงเงินหนึ่งใบออกมาจากข้างใน
หวังซื่อแก้มัดเปิดปากถุง เงินเปลือยห้าอันใหญ่เล็กหล่นลงมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ชายชราสกุลหูที่นั่งอยู่หัวเตียงขยับเสียงครืดขึ้นมานั่งตัวตรง มือชี้ไปที่เงินอย่างสั่นเทาแล้วกล่าวด้วยความตื่นเต้น “นี่ นี่ขายสูตรได้มา?”
หูฉางกุ้ยที่อยู่ด้านข้างสองตาเบิกโพลง มองไปยังเงินเปลือยเหล่านี้ ท่าทางไม่อยากจะเชื่อ
เชิงอรรถ
[1] สิบสามหอม เป็วัตถุดิบเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอม ซึ่งอาจจะมีมากกว่าสิบสามอย่าง เช่น โป๊ยกั๊ก กานพลู ผักชีล้อม ชะเอมจีน ขิงแห้ง แปะจี้ กระวาน ตังกุย อบเชย ลูกจันทน์เทศ พริกไทย เทียนขาว (เมล็ดยี่หร่า) และอื่นๆ