หลังจากถูกเฉินไฮว่ชิงทรมานอยู่นาน เยว่เยียนเยียนและเหยียนเฟยก็ไม่มีอารมณ์จะนอนต่อ กลับกันทั้งสองคนได้เปลี่ยนท่าทีไปจากปกติอย่างสิ้นเชิง พวกเขาฟุบลงที่โต๊ะอย่างน่าเอ็นดู โดยไม่เอะอะไม่โวยวาย ช่างเหมือนกับเด็กน้อยสองคนที่ไม่อยากให้ผู้ใหญ่ไปจากตนเองเลยจริงเชียว
“นี่ เ้าว่า...” เหยียนเฟยที่ฟุบอยู่อีกด้านของโต๊ะค่อยๆ ยกมือขึ้น แล้วจิ้มลงบนนิ้วมือของเยว่เยียนเยียน รอกระทั่งเยว่เยียนเยียนมองมาที่ตน จึงเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า “เ้าว่า่นี้ที่เหล่าเฉินไม่อยู่ พวกเราสองคนจะอดตายหรือไม่?”
ถึงอย่างไรเหยียนเฟยก็เป็หนึ่งคนผู้ที่ทำอาหารไม่เป็ในสองคน ดังนั้นจะกลัวขึ้นมาก็สมเหตุสมผลอยู่ อย่างไรเสียยามปกติตนเองก็ไม่ได้เคารพเกรงใจเยว่เยียนเยียนนัก ยามนี้เงินก็ถูกเยว่เยียนเยียนถือครองไว้ในมืออีก หากเยว่เยียนเยียนแข็งใจไม่ทำอาหารให้ตนกินจริงๆ ตนก็ไม่มีเงินจะออกไปกินดื่มอย่างอิสระได้…
เช่นนั้นไม่แน่ว่าตอนที่เฉินไฮว่ชิงกลับมา เขาอาจจะได้เจอแค่ศพร่างหนึ่งของเหยียนเฟยจริงๆ กระมัง?
นอกจากนี้ยังต้องระแวงว่าเยว่เยียนเยียนอาจจะคลุ้มคลั่งแล้ว... แล้ววางยาพิษฆ่าตนก็ได้! ดังนั้นเหยียนเฟยจึงกระวนกระวายใจอยากไปกำกับที่ครัวของเยว่เยียนเยียนขนาดนี้ เพราะหากทำเช่นนั้นตนก็คงจะปลอดภัยอยู่บ้างไม่ใช่หรือ?
“ไม่หรอกน่า... มีแม่ครัวใหญ่อย่างข้าอยู่ เ้าจะอดตายง่ายดายขนาดนั้นได้อย่างไรกัน?” เมื่อเทียบกับความไม่มั่นใจของเหยียนเฟยแล้ว วันเวลาในอนาคตเยว่เยียนเยียนผู้เรียกตัวเองว่าแม่ครัวใหญ่นั้น กลับเต็มไปด้วยความมาดมั่น
ไม่รู้ว่าความมั่นใจในตัวเองเช่นนี้มีอยู่จริง หรือว่าเยว่เยียนเยียนเพียงแค่มั่นใจอย่างไม่ลืมหูลืมตาเท่านั้น… เื่นี้ก็พูดยาก เพราะเมื่อมองดูสายตาที่ไม่ค่อยแน่ใจของเหยียนเฟย ก็พาให้นึกถึงอาหารถนัดของแม่ครัวใหญ่เยว่ผู้นี้ขึ้นอย่างอดไม่ได้ น้ำแกงใสผักกาดขาว
ต้องรู้ด้วยว่า เหยียนเฟยนั้นเพื่อที่จะหลุดพ้นจากน้ำแกงใสผักกาดขาวแล้ว เขาต้องฝ่าอันตราย เสี่ยงชีวิตอยู่กับเยว่เยียนเยียนในถ้ำูเาท่ามกลางห่าฝนทั้งคืน หาก่เวลานี้เฉินไฮว่ชิงไม่อยู่ ชีวิตในห้องครัวก็จะจุดประกายความฝันในงานครัวของเยว่เยียนเยียนขึ้นมาอีกครั้ง แล้วทั้งบ้านจะไม่จมลงสู่วังวนของน้ำแกงใสผักกาดขาวหรอกหรือ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เหยียนเฟยก็แทบอยากจะใช้ทั้งสองมือสองเท้ายืนกรานปฏิเสธ รายการอาหารอย่างน้ำแกงใสผักกาดขาวที่ไม่ได้เื่เอาเสียเลยเช่นนั้น เพียงกินนานๆ ครั้งก็พอแล้ว หากกินติดต่อกันสามวัน คนคนนั้นคงได้มีสีหน้าเหลืองซีดเหมือนกับผักกาดขาวที่ต้มน้ำเปล่ามาเป็แน่
“ช่างเถอะ ข้าไม่เชื่อใจในฝีมือทำอาหารของเ้าเท่าไร ข้าต้องไปกำกับในครัวด้วยตัวเองถึงจะสามารถวางใจได้ เที่ยงวันนี้เรากินซี่โครงเปรี้ยวหวานกันเถอะ เ้าว่าเ้าจะทำได้หรือไม่?”
เหยียนเฟยนั่งตัวตรง มองเยว่เยียนเยียนอย่างเคร่งขรึม พลันสั่งอาหารอย่างจริงจังขึ้นมาโดยไม่คาดคิด ผู้ที่ขนานนามตนว่าเป็แม่ครัวใหญ่เยว่ผู้เลิศเลอผู้นี้ ย่อมไม่ยอมแพ้อย่างง่ายดายแน่ ดังนั้นนางจึงตบหน้าอก แล้วเอ่ยกับเหยียนเฟยอย่างมาดมั่น “ก็แค่ซี่โครงเปรี้ยวหวานไม่ใช่หรือ? ง่ายมาก! อย่าว่าแต่ซี่โครงเปรี้ยวหวานเลย จะเนื้อสันติดกระดูกเปรี้ยวหวาน หรือซี่โครงใหญ่เปรี้ยวหวาน ขอแค่เ้าอยากกิน แม่ครัวใหญ่ผู้นี้ล้วนทำให้ได้สบายมาก ฮึ!”
แม้อยากจะกลอกตามาก แต่เหยียนเฟยก็ยังอดทนเอาไว้ ถึงอย่างไรเบื้องหน้าก็เอ่ยออกมาแล้ว หากไปยั่วโมโหเยว่เยียนเยียนผู้กุมอำนาจทางการเงินของบ้านในอนาคตผู้นี้เข้า เช่นนั้นก็เป็ไปได้มากว่าหากเหยียนเฟยไม่ได้หนาวตายหรือหิวตายอยู่ข้างถนน ก็คงจะ... ถูกวางยาพิษตายตอนกำลังกินซี่โครงเปรี้ยวหวานที่ไม่ค่อยอร่อยนั่นเป็แน่
“นี่ ข้าไปแล้วนะ!”
เฉินไฮว่ชิงยืนอยู่ที่ประตู ะโโบกมือให้กับทั้งสองคน ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะลุกขึ้นมาส่งพอเป็พิธี ก็เห็นเฉินไฮว่ชิงโบกมือส่ายไปมาอย่างแรงขึ้นมาเอง “ไม่ต้องส่งแล้ว ข้าจะไปให้พ้นเอง”
......
นี่ก็คือสัจธรรมของโลกแห่งความเป็จริงอย่างไรล่ะ! เหยียนเฟยหย่อนก้นนั่งลง แล้วคิดเช่นนั้นในใจ
หลังจากมองส่งแผ่นหลังที่ห่างไกลออกไปของเฉินไฮว่ชิงแล้ว เยว่เยียนเยียนก็พลันฮึดสู้ขึ้นมา นางตบลงบนโต๊ะอย่างแรง จากนั้นจึงลุกยืนขึ้น “เอาล่ะ! ในเมื่ออาจารย์มอบบ้านนี้ให้กับข้า ข้าก็ต้องดูแลดอกไม้พืชพรรณข้างนอกให้ดีๆ แล้วยังมีเหยียนเฟยน่ารำคาญนี่ด้วย!”
เหตุใดต้องพูดชื่อตนรวมไปกับดอกไม้พืชพรรณ? เหยียนเฟยขมวดคิ้ว แล้วยืนขึ้นตามอีกฝ่าย “เ้าไตร่ตรองคำเรียกของข้าใหม่สักหน่อยดีกว่า... ไม่เช่นนั้น เ้าคงได้เจอดีแน่”
“เ้าว่าอะไรนะ?!”
เยว่เยียนเยียนพลันเปลี่ยนท่าทีเงอะงะที่มีต่อเหยียนเฟยไปจากที่ผ่านมา นางหยิบถุงเงินที่ใส่ไว้ในแขนเสื้อออกมาด้วยความดื้อรั้น แล้วส่ายไปมาตรงหน้าเหยียนเฟยอย่างลำพองใจยิ่ง “ข้าเห็นว่า เ้านั่นแหละที่ต้องปรับปรุงท่าทีเวลาคุยกับข้าเสียหน่อยนะ เพื่อนนักเรียนเหยียนเฟย...!”
“ก็ได้ๆ ข้ายอมแพ้...” เหยียนเฟยยอมแพ้แต่โดยดี พลันสองมือประสานคารวะต่อหน้าเยว่เยียนเยียนโดยทันที “เช่นนั้นขอถามว่ายามนี้ข้าต้องทำอะไรหรือขอรับ?”
“นั่นก็ไม่เท่าไรหรอก...” ดวงตาทั้งสองของเยว่เยียนเยียนกลิ้งกลอกไปมารอบหนึ่ง จากนั้นจึงครุ่นคิด แล้วเอ่ยกับเหยียนเฟยอย่างอวดเบ่ง “ตอนนี้ข้าจะไปทำอาหารแล้ว ส่วนเ้า... ไปจัดการดูแลต้นอ่อนดอกไม้พืชพรรณธัญญาหารอะไรพวกนั้นของอาจารย์ก็แล้วกัน... ห้ามถอนของอาจารย์ออกมาหมดเด็ดขาดล่ะ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ยกโทษให้เ้าแน่! ฟังเข้าใจแล้วหรือไม่?”
ดูแลต้นอ่อนดอกไม้? ในหัวสมองของเหยียนเฟยแทบจะผุดภาพขึ้นมาแล้วเชียว ไม่ได้ๆ เื่หยุมหยิมเช่นนั้นคงไม่ค่อยเหมาะกับตนเท่าไร “ข้าไม่ไป... ไม่สิ ข้าดูแลต้นอ่อนดอกไม้ไม่ค่อยเป็ อีกทั้งพวกเราก็ตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือ หากเ้าจะทำอาหารข้าต้องคอยควบคุม… อะแฮ่ม คอยเป็ลูกมืออยู่ข้างๆ เ้า คอยช่วยเหลือเ้าอย่างไรเล่า...”
ความจริงหากอิงตามความคิดของเยว่เยียนเยียนเอง ก็คงไม่ยอมให้เหยียนเฟยเข้าครัวกับตนเป็แน่ เพราะมันหมายถึงอะไรกันล่ะ? นั่นก็เพราะว่าเหยียนเฟยไม่เชื่อถือตน ทว่าการพูดเช่นนั้นของเหยียนเฟยกลับได้ผลกับเยว่เยียนเยียนอย่างมาก เป็ลูกมือคอยช่วยงานให้ เช่นนั้นก็พอจะรับได้อยู่
อย่างไรเสียข้างกายแม่ครัวใหญ่ทุกคนล้วนก็ต้องมีคนงานเป็ลูกมือสิถึงจะถูก เมื่อคิดเช่นนั้น เยว่เยียนเยียนก็พยักหน้าให้กับเหยียนเฟย ทั้งยังแสร้งทำท่าทางเหมือนฝืนใจอย่างยิ่งขึ้นมา “อย่างนั้นก็ได้ ข้าอนุญาตให้เ้าไปด้วย เช่นนั้นเ้าก็ล่วงหน้าไปรอ ข้าจะไปเก็บของให้เรียบร้อยเสียก่อน...”
เยว่เยียนเยียนไม่ทันพูดให้ละเอียดก็หมุนตัววิ่งไป ในเมื่อนางคิดจะไปซ่อนถุงเงิน แล้วจะให้เหยียนเฟยรู้ได้อย่างไรกัน? หากถุงเงินถูกเหยียนเฟยขโมยไป เยว่เยียนเยียนก็คงจะไม่ได้อยู่อย่างสุขสบายเช่นตอนนี้แล้วไม่ใช่หรือ?
เหยียนเฟยเบะปากอย่างดูแคลน แต่กลับเดินไปห้องครัวอย่างเชื่อฟัง มีอะไรให้กินก็ยังดีกว่าอดตาย อดตายก็ยังดีกว่าถูกวางยาพิษตาย ใครจะไปเป็เด็กน้อยนั่งงอมืองอเท้ารอความตายกัน?
“คุณหนูใหญ่ เก็บของต้องใช้เวลาครึ่งชั่วยามเลยหรือไร ข้าหั่นซี่โครงเสร็จหมดแล้ว”
เหยียนเฟยที่ในที่สุดก็ได้พบเยว่เยียนเยียนอยากจะร้องเพลง ‘ในที่สุดก็ได้พบนาง’ [1] ให้ตัวเองสักหนึ่งบทเพลงเลยจริงๆ ระหว่าง่เวลาอันยาวนานนั้น เขาก็ถือโอกาสช่วยเยว่เยียนเยียนหั่นซี่โครงเอาไว้ให้ล่วงหน้าแล้ว สุดท้ายเยว่เยียนเยียนที่ทำสีหน้าว่านั่นมันเป็สิ่งที่เ้าควรจะทำอยู่แล้ว เอียงหัวเอ่ยขึ้นอย่างดูถูกดูแคลน “นี่ เ้าเป็คนงาน เดิมทีนี่ก็เป็สิ่งที่เ้าควรทำอยู่แล้วนี่นา ชิ~”
พูดจบ เยว่เยียนเยียนก็ก้มหน้าลงชำเลืองมองซี่โครงหงิกงอยึกยือบนเขียงอย่างเอาจริงเอาจัง แล้วกระแอมไอเล็กน้อย “ข้าว่า วันนี้ไม่ต้องกินซี่โครงแล้วล่ะ เ้าดูที่เ้าหั่นพวกนี้สิ ทนดูไม่ได้เลยจริงๆ !”
เหยียนเฟยสีหน้าสับสนงุนงง แทบอยากจะบีบคอเยว่เยียนเยียนให้ตายเสียเดี๋ยวนี้เลย ทนดูไม่ได้อะไรกัน? เห็นได้ชัดว่าเยว่เยียนเยียนทำซี่โครงเปรี้ยวหวานไม่เป็เองไม่ใช่หรอกหรือ?!
เหยียนเฟยที่โกรธจัดตัดสินใจแน่วแน่ พลันเอ่ยขึ้น “ข้าจะบอกกับเ้า วันนี้ต่อให้ห้องครัวจะลุกเป็ไฟ ข้าก็ต้องได้กินซี่โครงเปรี้ยวหวานของข้าให้ได้!”
เชิงอรรถ
[1] เพลง ในที่สุดก็ได้พบเธอ (终于等到你) โดย Jane Zhang (张靓颖)
