"ท่านมาช้าไป"
ครั้นนึกถึงเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ั์ตาจ้าวเยี่ยนพลันพาดผ่านแววตาดูถูกต่อเหนียนอีหลาน ทว่าเพียงพริบตากลับไม่ถูกผู้ใดสังเกตเห็น
มาช้าไป?
หนานกงฉี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลีอ๋องหมายถึงเื่อะไร?
จ้าวเยี่ยนเห็นความสงสัยบนใบหน้าหนานกงฉี่ ทว่ากลับไม่คิดอธิบายไขความสงสัยของเขา เพียงพยักหน้าอย่างสุภาพให้หนานกงฉี่และก้าวเดินออกจากลานเซียน ในหัวของเขายังคงฉายภาพเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ภาพที่เหนียนยวี่เดินตามฉู่ชิงออกไป บีบรัดในหัวใจเขามิอาจลืมลงได้
ยามที่ฝีเท้าก้าวเดินผ่านหอสูงหลังใหม่ที่กำลังก่อสร้าง จ้าวเยี่ยนพลันหยุดชะงักยืนอยู่ที่เดิม มองดูผู้คนพลุกพล่านไปมา สักพักจึงค่อยก้าวเดินจากไป
ด้านหลังลานเซียนหลาน
หนานกงฉี่ครุ่นคิดไตร่ตรองคำพูดเมื่อครู่นี้ของจ้าวเยี่ยน ในยามนี้รอบข้างเขามิมีผู้ใดเลย สีหน้าของหนานกงฉี่จึงฉายแววอึมครึมมืดมนเป็อย่างมาก
มาช้าไปหรือ?
เมื่อครู่นี้เกิดเื่อะไรขึ้นในจวนเหนียนกันแน่?
หนานกงฉี่สังเกตเห็นร่องรอยคราบเืบนพื้นอย่างรวดเร็ว อารมณ์และสีหน้าของเขาพลันเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม หนานกงฉี่หันหลังกลับ รีบเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังหอหล่านเยวี่ย
ณ หอหล่านเยวี่ย
ในห้อง หนานกงจื้อนอนฟุบอยู่บนตั่ง เมื่อครู่นี้ท่านหมอเพิ่งทำแผลให้เขาเสร็จ และยามนี้เขาผล็อยหลับไปเป็ที่เรียบร้อยแล้ว
ด้านนอกห้อง ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงนั่งอยู่บนตั่ง ในมือถือถ้วยชาใบหนึ่ง ใบหน้าไม่แสดงสีหน้าอารมณ์ใดๆ บรรยากาศที่หมุนเวียนอยู่ในอากาศทำให้รู้สึกหดหู่
หนานกงเยวี่ยยืนอยู่ด้านข้าง เืสีแดงสดเปื้อนบนหน้าผากที่มีผ้าพันแผล
นางในยามนี้ทั้งตัวคล้ายคนที่ถูกสูบเรี่ยวแรงออกไป ั์ตาล่องลอยว่างเปล่าไร้ซึ่งสติสตัง
ทว่าทันใดนั้น ดวงตานางอัดแน่นไปด้วยความหวาดกลัว นางจ้องมองฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและท้ายที่สุดจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านแม่จะทำอย่างไรดี? ท่านช่วยคิดหาหนทางหน่อยเถิด!”
อีหลานถูกฮองเฮาอวี่เหวินพาเข้าไปในวังหลวง และนางยังถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกไปไหนอีก ยามนี้ แม้นางจะเป็กังวลเื่ของอีหลานเสียเท่าใด ทว่าในใจกลับมีเรี่ยวแรงไม่เพียงพอ ได้แต่ฝากความหวังไว้กับท่านแม่ของตนเท่านั้น
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงยังคงระงับความโกรธเกรี้ยวไว้ในก้นบึ้งของจิตใจ นางเหลือบมองหนานกงเยวี่ยแล้ววางถ้วยน้ำชาในมือลงอย่างหนักหน่วง “คิดหาหนทางหรือ? เ้าคิดว่าแคว้นเป่ยฉีเป็ของตระกูลหนานกงหรืออย่างไร?”
ณ งานเลี้ยงฉีเฉี่ยว ในสวนที่ตำหนักฉวินฟางวันนั้น องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเคยตรัสเหน็บแนมตระกูลหนานกงไปครั้งหนึ่งแล้ว ฮ่องเต้อย่างไรเสียก็คือฮ่องเต้ ขุนนางอย่างไรเสียก็คือขุนนาง เื่ของเหนียนเฉิง เพื่อปกป้องเหนียนเฉิง ตระกูลหนานกงเองก็ได้กดดันราชวงศ์ไปไม่น้อย ซึ่งทำให้ผู้คนมากมายมิพอใจกันมากมาย ส่วนตอนนี้เื่ของเหนียนอีหลาน...
“ขังฮองเฮาไว้ในสวนร้อยสัตว์? อีหลาน เด็กคนนี้ ผู้ใดมอบความกล้าเช่นนี้ให้นางกันแน่!” ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงขึ้นเสียงสูง พร้อมกับยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ กระแทกไม้เท้าลงบนพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า
ทันทีที่หนานกงฉี่ผ่านเข้าประตู นางได้ยินเสียงอันเกรี้ยวกราดของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง คิ้วของเขาพลันยิ่งขมวดแน่นขึ้นกว่าเดิม
ฮองเฮาหรือ?
“ท่านแม่ ท่านใจเย็นลงก่อนเถิด อีหลานกลวแค่ว่านางขังเหนียนยวี่ไว้ในสวนร้อยสัตว์ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าฮองเฮาเองก็...อีหนานนาง นางสับสนจริงๆ ” ในใจของหนานกงเยวี่ยเองก็รู้สึกโมโหไม่น้อย นางนึกไม่ถึงเลยว่าแม้แต่กับนาง อีหลานยังปิดบังความจริง
ทว่ายามนี้โกรธเกรี้ยวแล้วจะมีประโยชน์อะไรได้?
อีหลานถูกเฆี่ยนตีจนมีสภาพเช่นนั้น ทั้งยังถูกฮองเฮารับสั่งให้นำตัวเข้าไปในวังกับนาง ยังมิรู้เลยว่านางจะลงเอยเช่นไร อย่างไรเสียก็คงมิอาจเลี่ยงการถูกลงโทษได้ ทว่าอีหลานบอบบางเช่นนี้ ทั้งยังเพิ่งถูกเฆี่ยนไปสิบที ร่างกายของนางคงมิอาจทนรับไหวแล้ว หากฮองเฮามีจิตใจโหดร้าย...
“ท่านแม่ พวกเราไม่สนใจอีหลานไม่ได้นะเ้าคะ ครานั้นหมอดูได้ทำนายทายทักไปแล้วว่าชีวิตนี้ของอีหลานจะสูงส่งจนมิอาจเอ่ยเอื้อน นางมีดวงชะตาหงส์ เส้นทางอนาคตของนางมิอาจถูกทำลายลงไปเช่นนี้” ครั้นหนานกงเยวี่ยนึกถึงรูปลักษณ์ที่ดูน่าสังเวชของเหนียนอีหลาน หนานกงเยวี่ยพลันตื่นตระหนกมากขึ้น ทันใดนั้นนางคุกเข่าลงต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง มือกำกระโปรงนางแน่น “ท่านแม่ เป่ยฉียังมิใช่แผ่นดินของตระกูลหนานกง ทว่าสักวันหนึ่ง อีหลานต้องสำเร็จตามโชคชะตาเป็แน่ นางต้องได้นั่งบนตำแหน่งผู้กุมเื้ัแคว้น และแผ่นดินเป่ยฉีแห่งนี้จะตกเป็ของตระกูลหนานกงครึ่งหนึ่ง ผู้ใดก็มิอาจเข้ามาทำให้สั่นคลอน ท่านแม่ ท่านเองก็รักอีหลานมิใช่หรือ? ต่อให้ยามนี้นางสับสนจนทำพลาดไป ท่านก็มิอาจทนมองดูนางเ็ปมิใช่หรือ ตระกูลหนานกงย่อมมีหนทางแก้ไขใช่หรือไม่?”
หนานกงเยวี่ยพยายามเกลี้ยกล่อมฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงอย่างหนัก ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหนานกงสูดหายใจเฮือกหนึ่ง หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงก่อนหน้านี้พลันสงบลงมาเล็กน้อย
หนานกงฉี่เข้าไปในห้อง เขาเข้าใจเื่ที่พวกนางสนทนากันเมื่อครู่นี้ได้พอประมาณแล้ว
อย่างไรเสีย ตัวเขาเองก็ยังนึกไม่ถึงเลยว่า เหนียนอีหลานจะหาญกล้าถึงขั้นขังฮองเฮาอวี่เหวินไว้ในสวนร้อยสัตว์
แต่ชัดเจนแล้วว่าเหนียนยวี่ยังไม่ตาย!
ในเมื่อนางยังไม่ตาย เช่นนั้นเื่พวกนี้ที่เหนียนอีหลานทำ เกรงว่าคงเป็เพราะถูกเหนียนยวี่รู้เข้าเป็แน่
ทว่าเื่ราวที่เกิดขึ้นในจวนเหนียนวันนี้ จะข้องเกี่ยวกับเหนียนยวี่อีกหรือไม่?
ภาพเรือนร่างนั้นผุดขึ้นในหัวของหนานกงฉี่ ความองอาจห้าวหาญบนหลังม้า ทำให้เขาคิดว่าเื่ราวในวันนี้คงมิพ้นเหนียนยวี่มีส่วนเกี่ยวข้องแน่
“เยวี่ยเอ๋อร์ เ้าฉลาดเฉียบแหลม ควบคุมอารมณ์จิตใจได้ดีมาโดยตลอด เื่ในวันนี้ มีหลายสิ่งที่เ้าทำไม่ถูกต้อง แม้แต่อีหลานก็ยังไม่รู้ถึงความสำคัญและทำตามเ้าเช่นนี้ ความเยือกเย็นสงบนิ่งและสติปัญญาที่เ้ามี ยามนี้หายไปไหนเสียแล้ว? ฮองเฮาทรงตรัสถูกต้อง เ้าควรจะพิจารณาตัวเองให้ดีเสีย” ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงติเพื่อเตือนสตินาง ทว่าน้ำเสียงมิได้รุนแรงเช่นก่อนหน้านี้แล้ว
หนานกงเยวี่ยเอ่ยไม่ผิดนัก ฐานะของตระกูลหนานกงในเป่ยฉีจะต้องขยับให้สูงขึ้นไปอีก หนทางที่สะดวกรวดเร็วที่สุดคือการแต่งงาน ในบรรดาทายาทของตระกูลหนานกงในยามนี้ มีหญิงสาวสองคนคือหนานกงเยวี่ยและเหนียนอีหลาน นิสัยของหนานกงเยวี่ยนั้นตรงไปตรงมา มักใช้อำนาจบาตรใหญ่ ก่อเื่โดยไม่แยกแยะความสำคัญ ไม่เหมาะที่จะแต่งเข้าวังหลวง ซึ่งแตกต่างจากเหนียนอีหลานอย่างมาก
แม้เื่ในครั้งนี้นางจะเลอะเลือนจนทำพลาดไป ทว่านิสัยของเหนียนอีหลานกลับเป็คนที่ยับยั้งควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าหนานกงเยวี่ยอย่างมาก รวมกับคำทำนายของหมอดูที่เคยทำนายให้ในยามนั้น จึงทำให้พวกเขาคาดหวังในตัวของเหนียนอีหลาน
ดังนั้น พวกเขาจึงคอยจัดการภาพลักษณ์ให้เหนียนอีหลานมาโดยตลอด เื่ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับอีหลาน พวกนางล้วนรอบคอบระมัดระวัง ทว่านึกไม่ถึงเลยว่าเื่ราวเช่นนี้จะมาเกิดขึ้นกับนางในวันนี้!
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงถอนหายใจ พร้อมกับค่อยๆ ปิดตาลง
หนานกงเยวี่ยเหลือบมองฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง อดไม่ได้ที่จะแก้ตัวให้เหนียนอีหลาน "อีหลานเองก็คงรู้สึกทุกข์ใจไม่ต่างกัน ท่านเองก็รู้ว่าอีหลานพร่ำคิดอยู่ตลอดเวลาว่าอยากแต่งให้กับท่านอ๋องมู่ ทว่าเหนียนยวี่ นางผู้หญิงชั้นต่ำนั่นกลับล่อลวงท่านอ๋องมู่อย่างไร้ยางอาย จนทำให้ท่านอ๋องมู่หลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น พวกนางอยู่ร่วมกันในลานเซียนหลาน ทุกๆ วันอีหลานต้องมาเห็นท่านอ๋องมู่ทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับเหนียนยวี่ ในใจนางจะทนรับไหวได้อย่างไร?”
“ณ ตำหนักฉวินฟางวันนั้น ที่จริงอีหลาน้าทำให้นางผู้หญิงชั้นต่ำนั่นอับอายขายหน้า ทว่านึกไม่ถึง มิรู้เลยว่านางบรรเลงฉินเป็ได้อย่างไร สุดท้ายเหนียนอีหลานบรรเลงฉินจนมือาเ็ กลับกันนางผู้หญิงชั้นต่ำนั่นกลับได้รับจี้หยกเกล็ดัอย่างโดดเด่นออกนอกหน้า อีหลานจะกล้ำกลืนลงได้อย่างไร? นางโมโหตื่นตระหนกจนเลอะเลือนเช่นนี้...”
ครั้นนึกถึงเหนียนยวี่ ดวงตาของหนานกงเยวี่ยพลันฉายแววดุร้าย "เื่ในวันนี้ต้องเกี่ยวข้องกับนางสารเลวนั่นแน่ มิเช่นนั้นฮองเฮาจะรู้ได้อย่างไรว่าอีหลานเป็คนปิดประตูนั่น? แล้วก็เื่ฟางเหออีก..."
รูปลักษณ์อันน่าสยดสยองของฟางเหอผุดขึ้นในหัวของหนานกงเยวี่ย ในใจนางอึดอัดคับแน่น อีหลานคงจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ใช่หรือไม่?
เมื่อคิดถึงเื่นี้ หนานกงเยวี่ยจ้องมองฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงทันทีตามสัญชาตญาณ ทว่าคิ้วของนางกลับยิ่งขมวดมุ่น
"เหนียนยวี่ผู้นั้นเองก็มิใช่คนดีมีเมตตา"
เงียบงันไปครู่หนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงพลันเอ่ยปากขึ้นมาอย่างจริงจังอีกครั้งว่า “เ้านี่นะ นางอยู่ในสายตาของเ้ามาตลอดสิบห้าปี เ้าคอยข่มเหงนางมาตลอด ทว่ากลับมิรู้ขอบเขตของนางหรืออย่างไร?”