“อุ้มน้องสาวของเ้าไปหอผู้คุมกฎกับข้า ข้าจะให้ความยุติธรรมกับเ้า และแน่นอนว่าเ้าก็จะต้องให้ความกระจ่างแก่ข้าเช่นกัน”
คำพูดประโยคเดียวของเย่เทียนหลงที่พูดออกมา ได้ทำลายภาพลักษณ์เดิมๆ ที่ทุกคนเคยมีต่อเขาไปหมดสิ้น แต่ไหนแต่ไรมาเย่เทียนหลงทั้งเคร่งครัด ทั้งหัวโบราณและมีทิฏฐิ ภาพลักษณ์เช่นนี้อย่าว่าแต่คนในตระกูลเย่รู้จักกันดีเลย แม้แต่ในเขตปกครองเทพาเขาก็มีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน
เมื่อก่อนเย่เตาที่มีพร์โดดเด่นผู้นั้น หากเป็ตระกูลอื่นคงต้องประคบประหงมอย่างดีราวกับสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน หลายครั้งที่เย่เตาฝ่าฝืนไม่ฟังคำสั่งของตระกูล สาเหตุก็ล้วนมาจากความหัวโบราณและความมีทิฏฐิของเย่เทียนหลงทั้งนั้น ครั้งสุดท้ายที่เย่เตาพาผู้หญิงที่ขายแต่ศิลปะการแสดงมาจากหอนางโลม เขานั่งคุกเข่าอ้อนวอนอยู่หน้าห้องเย่เทียนหลงถึงสามวัน เย่เทียนหลงกลับไม่ได้รับปากอย่างเป็ทางการ ทำเพียงไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ยอมรับ
แต่ตอนนี้ลูกชายของเขาเย่ชิงหานดุดันกว่าเขาเสียอีก ฆ่าลูกหลานของตระกูลไปไม่น้อยแถมยังด่าเย่เทียนหลงต่อหน้าว่า “ตาแก่เลอะเลือน” หากเป็เย่เทียนหลงคนเก่านิสัยเดิมๆ คาดว่าไม่ซัดฝ่ามือหนึ่งใส่เย่ชิงหานจนตาย อย่างน้อยก็ซัดกระเด็นลอยปลิวออกไปแน่นอน แต่ตอนนี้เย่เทียนหลงกลับไม่เพียงไม่บันดาลโทสะ แถมยังพูดกับเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่าจะให้ความยุติธรรมกับเขาอีก
“ความยุติธรรม?” เย่ชิงหานส่ายหัวไปมาสายตามองไปยังน้องสาวที่นอนหลับอย่างสงบอยู่บนพื้น ใบหน้าปรากฏให้เห็นแววของคนที่ใจสลายและไร้ชีวิตจิตใจ เขาพูดขึ้นอย่างราบเรียบ “นางตายไปแล้ว ข้าไม่้าความยุติธรรมจากท่าน หากท่านอยากให้ความยุติธรรมกับข้าจริงๆ ช่วยข้าฆ่าคนๆ หนึ่ง ทำเื่ๆ หนึ่ง ข้าก็จะให้ความกระจ่างแก่ท่านเช่นกัน”
“พูดมา”
เย่เทียนหลงมองดูสีหน้าที่ไร้ชีวิตจิตใจของเด็กหนุ่ม สีหน้าของเขาหนักอึ้งขึ้นมาทันทีจึงรีบพูดบอกออกไป
“ช่วยข้าฆ่านายน้อยใหญ่ของตระกูลเสว่เสว่อู๋เหิน และช่วยข้าย้ายหลุมศพของมารดาที่อยู่หลังเขาทางทิศตะวันออกไปฝังรวมไว้ข้างกันกับหลุมฝังศพของบิดาข้า” เย่ชิงหานแหงนหน้าขึ้นมาพูด
เย่เทียนหลงครุ่นคิดอยู่สักพักจึงพูดออกมาอย่างราบเรียบ “อย่างหลังข้าทำให้ได้ ส่วนอย่างแรกเ้าต้องบอกความเป็มาของเื่ราวทั้งหมดให้ข้าฟังก่อน”
ดวงตาเย่ชิงหานเศร้าสลดลงเล็กน้อย เย่เทียนหลงรับปากว่าจะจัดการเื่หลุมฝังศพของมารดาให้โดยไม่ลังเลใดๆ ทำให้เขารู้สึกปลาบปลื้มขึ้นมาบ้าง จากเดิมที่ไม่อยากจะพูดอะไรแล้วแต่ในที่สุดก็เปิดปากพูดออกมา “น้องสาวข้าเย่ชิงอวี่มีคุณสมบัติทางร่างกายหยกิญญา คิดว่าท่านคงมองออกแล้ว เสว่อู๋เหินมีเนตรหยินหยางมาแต่กำเนิดก็คงจะมองออกเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงร่วมมือกับไอ้โง่เง่าสองคนเย่หรงกับเย่ชิงขวงลักพาตัวน้องสาวข้า สุดท้ายน้องสาวข้าไม่ยินยอมจึงะโพุ่งชนกำแพงฆ่าตัวตาย
เื่ราวต่อจากนั้นคิดว่าท่านคงพอคาดเดาได้ ข้าฆ่าเย่ชิงเสที่ไปจับตัวน้องสาวข้าเพื่อสอบถามเค้นเอาความจริง จากนั้นจึงมาที่นี่ทำลายวรยุทธ์เย่ชิงขวงแล้วจับเขาเป็ตัวประกันเพื่อใช้ต่อรองเรียกพวกท่านออกมา แต่กลายเป็ว่าเหล่าผู้าุโไม่เห็นด้วย เย่เจี้ยนถือโอกาสลอบโจมตีข้า น้องสาวเพื่อที่จะช่วยข้าจึงได้ทำการเซ่นสังเวยิญญา จากนั้นข้าได้รับพลังฝีมือเทียบเท่าระดับขอบเขตาาจักรพรรดิใน่ระยะเวลาอันสั้น จึงได้ฆ่าเย่หรงแล้วพวกท่านก็ออกมา เื่ก็ง่ายๆ แค่นี้”
เย่เทียนหลงฟังอยู่เงียบๆ สีหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึก เพียงแต่รอยย่นสองเส้นบนหน้าผากยิ่งฟังยิ่งขยับร่นเข้าหากันมากขึ้นทุกที เมื่อฟังจบเขาไม่ได้สอบถามอย่างใดต่อ ทำเพียงเอียงหน้าหันไปถาม “เทียนชิง เื่ที่เขาเล่ามาเป็ความจริง?”
“เหลวไหล เื่เหลวไหลทิ้งสิ้น ชิงขวงกับเย่หรงจะร่วมมือกับคนนอกมาทำร้ายสมาชิกของตระกูลได้อย่างไร? ท่านพ่อ ข้าว่าต้องเป็เย่ชิงหานที่ไม่ลงรอยกันกับพวกเขาแล้วมาแก้ตัวเสียมากกว่า” เย่เทียนชิงยังไม่ทันที่จะพูดเย่เจี้ยนก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“หุบปาก หากเ้ายังพูดขึ้นอีกข้าจะปิดปากเ้าด้วยตัวข้าเอง”
สีหน้าของเย่เทียนหลงในที่สุดก็เริ่มมีโทสะขึ้นมา ดูท่าหลายปีมานี้ตนเองไม่ได้สนใจเื่ราวในตระกูล ตระกูลยิ่งนับวันยิ่งเละเทะขึ้นทุกที เย่เทียนหลงกวาดสายตาเ็ามองไปยังเย่เจี้ยนด้วยสีหน้าดำคล้ำ สุดท้ายมาหยุดอยู่ที่เย่เทียนชิง
“เรียนท่านหัวหน้าตระกูล หลังจากที่เย่ชิงหานทำลายวรยุทธ์เย่ขิงขวง ข้าถึงได้มาถึงที่นี่และเป็ดั่งที่เขาเล่ามา เหตุการณ์ก่อนหน้าข้าก็ไม่ทราบเื่ราวที่ชัดเจนเช่นกัน แต่เย่ชิงขวงถูกผู้าุโเย่เฉวียนพาตัวไปทำการรักษาแล้ว คิดว่าตอนนี้ไม่น่าจะมีอะไรน่าห่วงกังวล”
เย่เทียนชิงตอบออกมาตามความจริงแล้วหยุดคิดอยู่สักพัก สายตามองมายังเย่ชิงหานที่ยืนอยู่ด้านหน้าจากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “ท่านหัวหน้าตระกูล ข้ามีเื่ที่สำคัญเป็อย่างมากอยากจะรายงานให้ท่านทราบ เื่นี้เกี่ยวพันถึงความอยู่รอดและความรุ่งโรจน์ของตระกูลในอีกร้อยปีข้างหน้า”
“เย่เฉวียนไปนำตัวเย่ชิงขวงมา” เย่เทียนหลงโบกมือบอกต่อผู้าุโท่านหนึ่งที่คุกเข่าอยู่ต่อหน้าเย่ชิงหนิว เขารู้สึกว่าน้ำเสียงประโยคหลังของเย่เทียนชิงเคร่งขรึมจริงจังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงพูดขึ้นด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดใจ “เทียนชิง มีเื่อะไรพูดออกมาได้เลยไม่ต้องเป็กังวลในสิ่งใด”
เกี่ยวพันถึงความอยู่รอดและความรุ่งโรจน์ของตระกูลในอีกร้อยปีข้างหน้า? เย่ไป๋หู่และเย่ชิงหนิวต่างก็ถูกถ้อยคำของเย่เทียนชิงดึงดูดความสนใจ ปริศนาต่างๆ ใกล้จะคลี่คลายแล้วรึ? ทั้งสองจึงเงี่ยหูฟังด้วยความสนอกสนใจขึ้น
“ข้าขอให้ท่านหัวหน้าตระกูลยกเว้นโทษทั้งหมดให้เย่ชิงหาน”
คำพูดแรกของเย่เทียนชิงดึงดูดความสนใจของทุกคนขึ้น เย่ชิงหานวันนี้ฆ่าคนไปสามคน ทำลายวรยุทธ์ไปหนึ่งคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนึ่งในคนที่ตายเป็ถึงผู้าุโของตระกูลพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ ส่วนผู้ที่ถูกทำลายวรยุทธ์ก็เป็ถึงนายน้อยใหญ่ของตระกูล ว่าที่หัวหน้าตระกูลคนต่อไป และยังมีศิษย์สายในอีกคน แต่ตอนนี้เย่เทียนชิงกลับจะให้ยกเว้นโทษแก่เขา? ถึงแม้คนที่ตายและที่ถูกทำลายวรยุทธ์จะมีความผิด แต่พวกเขาก็ไม่ควรมีโทษถึงตาย
“เหตุผล!”
เย่เทียนหลงพูดออกมาอย่างราบเรียบ เขาเริ่มคาดเดาเื่ราวได้หลายอย่าง เขาก็อยากจะทำอะไรสักอย่างเช่นกัน แต่ตัวเขาเองต้องมีเหตุผล และตระกูลเย่ก็้าเหตุผลด้วยเช่นเดียวกัน
สายตาของเย่เทียนชิงเริ่มปรากฏแววของความยินดี เขามองไปยังเย่ชิงหานที่ยืนอยู่อย่างทระนงซึ่งไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินคำที่เขาพูด “เพราะว่าเย่ชิงหานมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอย่างมากตัวหนึ่ง อย่างต่ำสุดคือคุณภาพระดับแปดขั้นสูงสุด ไม่แน่ว่าอาจจะเป็อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็เป็ได้ หรืออาจจะ...สูงยิ่งกว่านั้น!”
“ว่าอย่างไรนะ?”
“ว่าอย่างไรนะ?”
“์!”
“...”
เสียงร้องด้วยความตื่นในับไม่ถ้วนดังขึ้นทั่วสวนเมามาย เย่เทียนหลง เย่ชิงหนิว เย่ไป๋หู่ล้วนร้องออกมาด้วยความลืมตัว สายตาที่ร้อนผ่าวของทุกคนต่างมองมาที่เย่ชิงหานราวกับทหารที่ออกศึกมานานแรมปีได้มาพบเข้ากับสาวงามนางหนึ่ง
“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามการคาดคะเนของข้า เย่ชิงหานยังได้รับวิชาต่อสู้ร่างอสูรที่สุดยอดอย่างหนึ่งซึ่งสามารถสังหารผู้ที่มีพลังฝีมือในระดับขอบเขตเดียวกันได้ในพริบตา ถึงแม้จะมีระดับขั้นที่สูงกว่าเขาก็ตาม เย่หรงก็ตายภายใต้ความสามารถพิเศษนี้” เย่เทียนชิงเอ่ยปากพูดต่อ โยนะเิลูกใหญ่ออกมาทำให้ทุกคนที่ได้ฟังล้วนจิติญญาสั่นคลอนไปตามๆ กัน
เงียบ เงียบยิ่งกว่าป่าช้า!
ทั่วทั้งสวนเมามายเงียบลงอย่างไม่เคยเป็มาก่อน ทุกคนต่างให้สมองครุ่นคิดความหมายที่แฝงอยู่ภายในประโยคคำพูดเ่าั้
อสูรศักดิ์สิทธิ์! หรืออาจจะสูงกว่านั้น วิชาต่อสู้ร่างอสูรสามารถสังหารผู้ที่อยู่ในระดับขอบเขตเดียวกันได้ในพริบตา ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ฟังราวกับฟ้าที่ผ่าลงตอนกลางวัน ทำให้จิตใจของพวกเขาหวาดผวาและสั่นเทิ้มขึ้น
“สิ่งที่เขาพูด...ล้วนเป็ความจริงใช่ไหม?” น้ำเสียงของเย่เทียนหลงยังคงสุขุมเช่นเดิม แต่มือทั้งสองข้างที่อยู่ภายในแขนเสื้อมีอาการสั่นเล็กน้อยซึ่งเป็การเปิดเผยความรู้สึกในใจของเขาออกมาจนหมดสิ้น
“ใช่หรือไม่ใช่เื่จริงล้วนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกท่าน นับั้แ่ที่น้องสาวของข้าทำการเซ่นสังเวยิญญา ข้าก็บอกกันตัวเองแล้วว่า มีชีวิตอยู่ข้าก็ไม่ใช่คนของตระกูลเย่ ตายก็ไม่ใช่ผีของตระกูลเย่ ตระกูลเย่...ไม่มีสิ่งใดให้ข้าอาลัยอาวรณ์อีกต่อไป!” เย่ชิงหานสายตามองต่ำลงไปยังเย่ชิงอวี่ที่นอนอยู่บนพื้น ในขณะที่เย่เทียนหลงทนรอคำตอบไม่ไหวและกำลังจะพูดสิ่งใดต่ออยู่นั้น เย่ชิงหานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เ็าอย่างไร้ชีวิตจิตใจ
“เอ่อออ...!” ทุกคนรวมทั้งเย่เทียนหลงล้วนคิดไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้ ต่างถูกคำพูดของเย่ชิงหานทำเอาสะอึกไปตามๆ กันจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี ทำได้แค่เพียงนิ่งเงียบกันไป ผ่านไปสักพักเย่เทียนหลงถอนหายใจออกมาคำหนึ่งแล้วพูดขึ้น “เ้าไม่ยอมรับตระกูลแห่งนี้ ไม่ยอมปู่คนนี้...ข้าก็ไม่โทษอะไรเ้า ข้าเพียงแค่อยากถามสักอย่างหนึ่งว่า สิ่งที่เย่เทียนชิงพูดมาล้วนเป็ความจริงใช่ไหม?”
ได้ยินน้ำเสียงสำนึกในความผิดบาปของเย่เทียนหลงที่ยอมรับออกมาโดยตรง สายตาที่มองต่ำของเย่ชิงหานในที่สุดก็มองขึ้นมา แล้วพูดขึ้นอย่างตรงๆ ง่ายๆ “ก็ประมาณนั้น”
ครืน!
ได้รับคำยืนยันจากเย่ชิงหาน จิตใจของทุกคนในตอนนี้ตื่นตระหนกสับสนวุ่นวายขึ้นมา นั่นมันอสูรศักดิ์สิทธิ์เลยนะ! ประวัติศาสตร์นับพันปีของตระกูลเย่ที่มีปรากฏออกมาเพียงแค่ครั้งเดียว ท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษเย่รั่วสุ่ย ผู้ที่เรียกอสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้และเป็ผู้ที่นำพาความรุ่งโรจน์มาสู่ตระกูลเย่นับร้อยๆ ปี แต่เ้าเด็กน้อยคนนี้ไม่เพียงมีสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีความสามารถพิเศษวิชาต่อสู้ร่างอสูรที่แหกกฎ์โผล่ขึ้นมาอีกด้วย
“ไอ้พวกไร้ค่า...พวกเ้ามันพวกไร้ประโยชน์ที่สุด!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น เย่ชิงหนิวที่ยืนอยู่ข้างๆ ดวงตาทั้งสองแต่เดิมที่ปูดโปนอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งเริ่มพองโตขึ้นมาอีก เขายื่นมือชี้นิ้วออกไปด่าทอเหล่าผู้าุโขึ้นด้วยความขัดเคือง “พวกเ้าผู้าุโแห่งหอสัตว์อสูรกินขี้โตขึ้นมากันหรืออย่างไรเื่สำคัญขนาดนี้ถึงไม่รายงาน? ตอนนี้สถานการณ์กลายเป็แบบนี้ไปแล้ว พวกเ้าพูดมาสิว่าจะจัดการอย่างไร?”
หลังจากด่าเหล่าผู้าุโเสร็จก็ไม่รอให้พวกเขาอธิบาย เย่ชิงหนิวสะบัดมือออกไปครั้งหนึ่งอารมณ์โกรธบนใบหน้าพลันหายไป จากนั้นหันหน้ามาพร้อมกับยิ้มเ้าเล่ห์ใบหน้า “เด็กน้อยเ้าชื่อเย่ชิงหานใช่ไหม? เสว่อู๋เหินที่เ้าว่าเดี๋ยวข้าจะช่วยเ้าฆ่าเอง ต่อไปเ้าติดตามข้า ข้ารับรอบว่าในเขตปกครองเทพาจะไม่มีใครกล้าแตะต้องเ้า...ตกลงไหม? อีกอย่างเ้าก็อย่าพูดอะไรครึ่งๆ กลางๆ แบบ ประมาณนั้น อะไรทำนองนี้ ตาแก่อย่างข้าไม่ค่อยชอบฟัง ข้าอยากได้ยินคำตอบที่ชัดเจนกว่านี้”
มองดูเย่ชิงหนิวหน้าตาเ้าเล่ห์ที่อยู่เบื้องหน้าและเย่ชิงอู่ที่อยู่ห่างไกลออกไปที่มองมาด้วยความห่วงกังวล เย่ชิงหานลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อสูรศักดิ์สิทธิ์...อสูรกลืนิญญา วิชาต่อสู้ร่างอสูร...เนตรสยบิญญา สามารถสังหารผู้มีพลังฝีมือในระดับเดียวกันได้ในพริบตา ขอบคุณในความหวังดีของท่านผู้าุโและเย่ชิงอู่ แต่ข้าคิดว่าคงไม่จำเป็แล้วละ...”
เฮ้อ!
เย่เทียนหลงมองไปทางเย่ชิงหนิวด้วยความห่วงกังวล เย่ไป๋หู่ที่อยู่ข้างๆ มุมปากกระตุกขึ้นครั้งหนึ่ง เย่เทียนชิง เย่เทียนสิงและเย่เชียงต่างรีบลุกขึ้นมาอย่างร้อนรน พวกเขาต่างรับรู้ได้ถึงเจตนาที่อยากจะตายที่แฝงมาในคำพูดของเด็กหนุ่มคนนี้ สายตาของทุกคนต่างรู้สึกหวาดกลัวและเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขา
ทุกคนล้วนเงียบงัน มีเพียงเย่ชิงอู่ที่อยู่ข้างเย่ชิงหนิวเท่านั้นที่ร้องขึ้นอย่างร้นรน “เย่ชิงหาน อย่าทำเื่โง่ๆ อยู่อย่างมีความหวังดีกว่าตายแล้วจบสิ้นทุกอย่าง เ้ายังหนุ่มยังแน่น ยังมีอนาคตอีกยาวไกล ยังมี...”
“ไม่!” เย่ชิงหานหยุดคำพูดของเย่ชิงอู่ลงกลางคัน มองดูใบหน้าที่งดงามบริสุทธิ์ของนางแล้วพูดขึ้นอย่างราบเรียบ “ไม่มี ข้าไม่มีอะไรเหลือแล้ว ข้าไม่เหลืออะไรแล้ว...บิดาก็ตายแล้ว มารดาก็ตายแล้ว ตอนนี้น้องสาวมาตายไปอีก ข้าจะอยู่ไปทำไม? ข้าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่อใคร? หรือว่าบางที...ข้าไม่ควรมีตัวตนบนโลกใบนี้ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของข้าอีกต่อไปแล้ว...”
เย่ชิงหานยิ่งพูดยิ่งเปล่าเปลี่ยววังเวง ยิ่งใจสลาย ร่างกายไร้เรี่ยวแรงคุกเข่าลงต่อหน้าเย่ชิงอวี่เหม่อมองไปยังใบหน้าที่ซีดเผือดของนาง เส้นผมที่ขาวโพลนไปทั้งศีรษะกับหยดเืที่อยู่บนชุดสีขาว เขายื่นมือออกไปประคองลูบไล้ใบหน้าของนาง หวนคิดถึงประโยคที่นางกล่าวขึ้นก่อนทำการเซ่นสังเวยิญญา จากนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แ่เบา “ชิงอวี่...ชาติหน้าข้าจะแต่งกับเ้า ข้าจะแต่งกับเ้าอย่างแน่นอน...”
“อย่างที่ข้าได้พูดไป ข้าก็จะให้คำตอบกับท่านเช่นกัน”
เย่ชิงหานมองไปทางเย่เทียนหลงครั้งหนึ่ง จากนั้นค่อยๆ ดึงกริชสีดำที่ปักไว้บริเวณขาอ่อนขึ้นมา ตอนนี้ภายในใจของทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย แต่ก็ไม่มีผู้ใดห้ามปรามและไม่มีทางที่จะห้ามปราม
คนๆ หนึ่งหากใจของเขาได้ตายไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเขาได้...