โดยปกติน้อยคนนักที่จะสนใจห้องเครื่องในวังหลวง ปกติจะได้ยินแค่เพียงมีคนตรวจดูบันทึกการจัดซื้อสิ่งของในแต่ละวัน ครั้งนี้เป็ครั้งแรกที่เห็นการตรวจสอบบันทึกสำรับอาหารของแต่ละตำหนัก
ผู้ดูแลสำรับอาหารตัวสั่นเทายื่นบันทึกในมือให้นางกำนัลของเต๋อเฟย ก่อนจะปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าผาก
ในขณะเดียวกันฮวารั่วซีก็ปรากฏตัวในตำหนักเยถิง เห็นได้ชัดว่านางมาเพื่อมาทักทายตามธรรมเนียม ทว่าความคิดของนางนั้นยากจะคาดเดาได้
หลังจากเต๋อเฟยเริ่มตรวจสอบอาหารเมื่อวานอย่างละเอียด จากนั้นจึงเงยหน้าพร้อมกล่าวว่า “เมื่อวานนี้ห้องเครื่องไม่ได้ส่งอาหารจานนี้มาจริงๆ” นางคล้ายจะรู้สึกโล่งอกพลางปิดเอกสารที่อยู่ในมือ ก่อนจะยกมือขึ้นนวดขมับด้วยความเหนื่อยล้า
ั้แ่ลี่เจาอี๋เข้าวังหลวงมาก็ไม่ได้รับความโปรดปราน ทว่าก็ไม่นับว่าถูกละเลยเช่นกัน อย่างน้อยก็ควรมีศัตรูอยู่บ้าง
หากคิดจะหาตัวการออกมาคงจะยากลำบากสักหน่อย
“พี่หญิง โดยปกติไม่ค่อยเห็นอาหารจานนี้ในวังหลวงเท่าใดนักเพคะ” เหยียนอู๋อวี้กล่าวเตือนสตินางด้วยเสียงแ่เบา
แม้ปกติเต๋อเฟยไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเื่ราวจุกจิกภายในวังหลวง ทว่านางก็เป็คนฉลาดและเข้าใจในทันทีว่าเหยียนอู๋อวี้หมายถึงเื่ใด
หากตรวจสอบว่าอาหารจานนี้มาจากที่ใด ก็จะรู้ว่าผู้ใดอยู่เื้ัอย่างแน่นอน
เื่นี้จะว่าเป็เื่ยากก็ไม่ยากถึงเพียงนั้น จะว่าเป็เื่ง่ายก็ไม่ง่ายสักเท่าใด
ในวังหลวงมีเื่เล็กๆ น้อยๆ มากมาย มีการจดบันทึกประจำวันมากมาย เมื่อวานนี้มีตำหนักสองตำหนักยกสำรับอาหารจานนี้ ตำหนักหนึ่งคือตำหนักของไทเฮา และอีกตำหนักหนึ่งคือเจิ้งเจี๋ยอวี๋
เต๋อเฟยย่อมตัดความเป็ไปได้ของตำหนักไทเฮา เพราะเสือร้ายไม่กินลูกของมัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีทายาท ไม่ว่าอย่างไรก็ตามไทเฮาไม่มีทางทำร้ายทายาทของนางอย่างแน่นอน เช่นนั้นก็เหลือเพียงเจิ้งเจี๋ยอวี๋เท่านั้น นางจึงสั่งให้คนไปตามเจิ้งเจี๋ยอวี๋ให้เข้าพบทันที
ขณะที่เจิ้งเจี๋ยอวี๋ทราบข่าว นางก็มาถึงอย่างรวดเร็ว โดยไม่กล้าล่าช้าให้เสียเวลา
หลังจากมาถึงนางก็ยืนอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าไม่ยินดียินร้ายอันใด มีเพียงนิ้วมือที่สั่นอยู่อย่างรุนแรง
“เมื่อวานตำหนักของเ้ามีอาหารจานนี้ใช่หรือไม่?” เต๋อเฟยไม่พูดอ้อมค้อม นางเอ่ยเข้าประเด็นทันที
เมื่อเห็นรายการอาหารที่จดบันทึก สีหน้าของเจิ้งเจี๋ยอวี๋พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดวงตาของนางสั่นไหวราวกับรู้สึกผิด
เหยียนอู๋อวี้ขมวดคิ้วและคิดในใจ หรือว่าจะเป็เจิ้งเจี๋ยอวี๋ที่อยู่เบื้องหน้านางจริงๆ?
อย่างไรก็ตาม นางรู้เื่ราวบางอย่างเกี่ยวกับเจิ้งเจี๋ยอวี๋ และจากอุปนิสัยของนางคงจะไม่คิดทำร้ายผู้ใด ทว่ายามนี้สีหน้าและท่าทางของนางดูผิดปกติและน่าสงสัยมากจริงๆ
“เื่นี้ไม่เกี่ยวกับหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่เคยทำเื่ไม่ดีต่อลี่เจาอี๋” ขณะที่เต๋อเฟยยังไม่ทันกล่าวสิ่งใด เจิ้งเจี๋ยอวี๋พลันเอ่ยเสียงดังและคลานลงกับพื้น ลดท่าทางของตัวเองให้ดูต่ำต้อยลงอย่างยิ่ง
“แล้วเ้ากลัวอันใด?” เต๋อเฟยเอ่ยถามเสียงเ็า
“หม่อมฉัน......หม่อมฉันเพียงแค่กลัวเพคะ” น้ำเสียงของเจิ้งเจี๋ยอวี๋แ่เบาและอ่อนแอนัก แม้กระทั่งคำพูดที่เอ่ยออกมาก็เริ่มพูดติดๆ ขัดๆ
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เห็นได้ชัดว่า เจิ้งเจี๋ยอวี๋มีความลับบางอย่างอยู่ในใจอย่างแน่นอน!
“เื่ที่ไม่ได้ทำ แล้วเ้าหวาดกลัวอันใด?” ฮวารั่วซีเลิกคิ้วเล็กน้อย นางยกมุมปากโดยมิได้ตั้งใจ “เ้ามีผู้ใดในวังหลวงที่สามารถรับรองได้ว่าเมื่อวานอาหารจานนี้มิได้ถูกส่งออกไปหรือไม่?”
“ไม่มีเพคะ เมื่อวานหม่อมฉันสั่งอาหารจานนี้มาเป็พิเศษ!” เจิ้งเจี๋ยอวี๋รู้สึกราวกับอยู่ในห้องน้ำแข็งใต้ดิน โดยมีลางสังหรณ์ว่านางยิ่งอธิบายยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ
แม้ว่าปกติแล้วเต๋อเฟยที่อยู่ด้านข้างจะเป็ผู้ที่เคร่งครัดทางศาสนาและมีจิตใจผ่องใสเหมือนกระจก ทว่าในยามนี้นั้นแตกต่าง
ในสถานการณ์ของความขัดแย้งที่เป็่หัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญนี้ กลับไปกินผักโขม? ดูเหมือนนางจะจำได้ว่าเจิ้งเจี๋ยอวี๋ร่างกายเป็ธาตุเย็นและไม่สามารถทานอาหารเ่าั้ได้!
เมื่อครุ่นคิดถึงความผิดปกตินี้ นางจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า “ข้าจำได้ว่าร่างกายของเ้าเป็ธาตุเย็นไม่สามารถทานอาหารเหล่านี้ได้ หากยังไม่บอกความจริง ข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”
“ร่างกายของหม่อมฉันเป็ธาตุเย็นจริงๆ เพคะ ทว่าหม่อมฉันเพียงอยากกินตามใจปากเท่านั้นเพคะ!”
“บังเอิญเพียงนี้เชียวหรือ เ้าว่าข้าควรจะเชื่อหรือไม่?” เต๋อเฟยหันไปมองพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ลากออกไปโบย โบยจนกว่านางจะพูดความจริง!”
การลงโทษแบบนี้ทำให้เจิ้งเจี๋ยอวี๋หน้าถอดสีด้วยความหวาดกลัวทันที
เสียงไม้โบยดัง ‘เพียะ’ ดังมาจากด้านนอก ตามด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเ็ปของเจิ้งเจี๋ยอวี๋ซึ่งการลงโทษยังคงดำเนินต่อไป ไม่คาดคิดว่าหลังจากโบยเพียงไม่กี่ครั้งเสียงร้องกลับหยุดลง ก่อนผู้ที่อยู่นอกประตูจะรีบเข้ามารายงานด้วยท่าทางตกประหม่าว่า “เต๋อเฟย คล้ายเจิ้งเจี๋ยอวี๋มีเืออกระหว่างตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ!”
ภายในห้องคล้ายจะใกับแทบทุกคน ทว่ามีเพียงฮวารั่วซีที่สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับว่านางสังเกตเห็นอยู่ก่อนแล้ว!
หลังจากได้ยินเื่ดังกล่าว เต๋อเฟยจึงรีบส่งคนไปตามหมอหลวงมาตรวจอาการทันที
โดยปกติแล้ว หากนางสนมตั้งครรภ์จะต้องประกาศให้เป็ที่รู้กันโดยทั่ว เช่นนั้นจะไม่มีข่าวแม้แต่น้อยได้อย่างไร? ใน่นี้เกรงว่าจะมีบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ เมื่อคิดถึงเื่เหล่านี้ เหยียนอู๋อวี้ตั้งตารอคอยความจริงที่จะปรากฏ
หมอหลวงเร่งรุดมาถึงอย่างรวดเร็วและได้ตรวจชีพจรของเจิ้งเจี๋ยอวี๋ทันที หลังจากนั้นจึงคุกเข่าและกล่าวว่า “เจิ้งเจี๋ยอวี๋ตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วเช่นกัน กระหม่อมเกรงว่าอาจจะรักษาเด็กในครรภ์ไว้ไม่ได้......”
เต๋อเฟยเกิดความสงสัยในใจ จากนั้นจึงนำบันทึกการเข้าปรนนิบัติฮ่องเต้ของเจิ้งเจี๋ยอวี๋มาตรวจสอบทันที ขณะที่เปิดดูสีหน้าของนางพลันเปลี่ยนไป บันทึกครั้งสุดท้ายของเจิ้งเจี๋ยอวี๋คือสี่เดือนที่แล้ว ทว่านางตั้งครรภ์ได้สามเดือนซึ่งระยะเวลาห่างกันหนึ่งเดือน!
เช่นนั้นความหมายย่อมชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
เต๋อเฟยสั่งให้คนใช้น้ำเย็นสาดใส่เจิ้งเจี๋ยอวี๋เพื่อให้นางฟื้นคืนสติ ก่อนจะหยิบแฟ้มขึ้นมาและเอ่ยถามนางด้วยเสียงแ่เบาว่า “เด็กในครรภ์ของเ้าเป็บุตรของผู้ใด?”
เมื่อเจิ้งเจี๋ยอวี๋รู้ว่าความจริงถูกเปิดเผย ใบหน้าของนางพลันถอดสีทันที ทว่านางยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงลังเลว่า “เป็ฝ่าาเพคะ!”
“ฮ่องเต้เรียกเ้าเข้าปรนนิบัติเมื่อสี่เดือนก่อน ทว่ายามนี้เ้าตั้งครรภ์ได้สามเดือนเท่านั้น เ้าบอกข้าว่าเป็บุตรของฮ่องเต้เช่นนั้นหรือ?” เต๋อเฟยรู้ว่าเื่นี้ไม่ใช่เื่ธรรมดา นางสนมในตำหนักหลังมีความสัมพันธ์ชู้สาวนั้นไม่ใช่เื่เล็ก!
“เป็บุตรของฮ่องเต้ เป็บุตรของฮ่องเต้จริงๆ เพคะ เมื่อสามเดือนก่อนหม่อมฉันปรนนิบัติฮ่องเต้จริงๆ เพคะ!” เจิ้งเจี๋ยอวี๋ยังคงยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็ง
“เช่นนั้นเ้าพูดมาสิว่าเมื่อสามเดือนที่แล้วเป็วันไหน!”
“วัน......วันที่เก้า......”
“วันที่เก้า! ในเอกสารวันที่เก้าไม่ได้บันทึกว่าเป็เ้า!”
“บางทีผู้ดูแลอาจลืมจดก็ได้เพคะ เต๋อเฟยหม่อมฉันเป็ผู้บริสุทธิ์!”
“ปัง!” เต๋อเฟยทุบโต๊ะด้วยความโกรธอย่างเห็นได้ชัด “ในวันที่เก้าเมื่อสามเดือนก่อน ฝ่าาทรงเสด็จไปหาซินเจาอี๋ ในเอกสารได้บันทึกไว้อย่างชัดเจน หรือว่าฝ่าามีวิชาแยกร่าง! ยังไม่รีบรับสารภาพความจริงออกมาอีก!”
สีหน้าของเจิ้งเจี๋ยอวี๋เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก่อนนางจะรีบคุกเข่าลงกับพื้นตัวสั่นเทา นางเหลือบมองไปทางฮวารั่วซีโดยไม่รู้ตัว
ฮวารั่วซีจ้องมองนางด้วยสายตาเ็าพร้อมเอ่ยว่า “เจิ้งเจี๋ยอวี๋ เ้าควรรู้ว่าหากนางสนมในตำหนักหลังมีความสัมพันธ์ชู้สาวแล้ว ต่อไปจะเกิดอันใดขึ้นกับเ้า!”
เจิ้งเจี๋ยอวี๋ตัวสั่นเทา นางหลับตาพลางเอ่ยตอบไปว่า “หม่อมฉันไม่ใช่ผู้ที่ทำร้ายลี่เจาอี๋อย่างแน่นอนเพคะ เพราะเมื่อวานนี้หม่อมฉันจะใช้อาหารจานนี้กำจัดเด็กในครรภ์ของหม่อมฉันเช่นกันเพคะ”
ที่แท้ก่อนที่นางจะมาที่นี่ เจิ้งเจี๋ยอวี๋ไม่รู้เื่เกี่ยวกับการแท้งของลี่เจาอี๋เลย และคิดไปเองว่าเื่ของนางถูกเปิดเผย จึงตื่นตระหนกและมีท่าทีหวาดกลัว
ยามนี้ เื่แท้งบุตรของลี่เจาอี๋พอจะได้ข้อสรุปบ้างแล้ว ทว่าเื่ของเจิ้งเจี๋ยอวี๋นั้นกลับยุ่งยากยิ่งกว่า
สีหน้าของเต๋อเฟยไม่สู้ดีนัก เมื่อเหยียนอู๋อวี้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าจึงเริ่มหาข้อแก้ตัวที่จะออกจากเหตุการณ์นี้ เนื่องจากนางไม่อยู่ในฐานะที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความลับเช่นนี้ได้จริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้