“ไม่ดูเงาหัวเสียเลย” เสียงเ็าของเสวียนเทียนดังขึ้น
จากน้ำเสียงของเสวียนเทียนทุกคนฟังออกว่าเสวียนเทียนดูถูกจางเจ๋อเทาราวกับว่าในสายตาของเสวียนเทียนไม่มีจางเจ๋อเทาที่เป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งอยู่สักนิดฉับพลันคนไม่น้อยก็สูดหายใจเฮือก มีเสียงอุทานใเล็ดลอดออกมา
พลังวัตรของเสวียนเทียนเพียงชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าทุกคนมองทีเดียวก็รู้ชัด ห่างจากชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งถึงสองขั้นทั้งระหว่างกลางยังกั้นด้วยชั้นวิถียุทธ์กับชั้นเบิกนภา พูดตามหลักแล้วเสวียนเทียนต้องแหงนมองจางเจ๋อเทาที่อยู่ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งถึงจะถูก
แต่เห็นได้ชัดว่าเสวียนเทียนไม่มองจางเจ๋อเทาอยู่ในสายตาทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนล้วนรู้สึกประหลาดใจและตกตะลึง
“เ้าพูดอะไรนะ?”
ไม่ผิดจากที่เสวียนเทียนคิด หนึ่งประโยคของเขาก็ยั่วให้จางเจ๋อเทาโกรธจัดได้ขึ้นเสียงว่า “เ้านับเป็สิ่งใดได้ก็แค่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าตัวเล็กๆ ข้าเป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาเ้ากล้าดูถูกข้าหรือ? รออีกเดี๋ยว ข้าจะให้เข้าได้รู้ว่าใครกันแน่ที่ไม่ดูเงาหัว!”
“พูดมากจริง พูดให้มันน้อยหน่อย!”
เสวียนเทียนตวาดออกมาเสียงเย็น เสียง ‘ชิ้ง’ ดังขึ้น กระบี่หิมะเหมันต์ชักออกจากฝักปราณกระบี่สีขาวบาดตาสายหนึ่งซัดออกมาหลังกระบี่ออกมาจากฝักท่ามกลางเสียงอุทานตกตะลึงของผู้ชม พริบตาปราณกระบี่ก็พุ่งทะยานมาหลายสิบก้าว ฟันมาถึงตรงหน้าจางเจ๋อเทาเวทีประลองเป็ทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลางห้าสิบเมตร หรือประมาณร้อยกว่าก้าว
จางเจ๋อเทายืนอยู่ทางทิศตะวันตกของเวทีประลองระยะห่างระหว่างทั้งสองคนน้อยกว่าห้าสิบก้าว เสวียนเทียนไม่ได้ใช่กระบวนท่าอันใดเพียงแค่พลังของการชักกระบี่ ปราณกระบี่สายหนึ่งก็ฟาดฟันออกมาถึงห้าสิบกว่าก้าวฟันตรงมาทางจางเจ๋อเทา ความเร็วในการโจมตีรวดเร็วนักเหนือความคาดคิดของผู้ชมและผู้ฝึกยุทธ์ทุกคน
ในดวงตาของผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบจำนวนหนึ่งมีเพียงความตะลึงงันถ้าพวกเขาเผชิญหน้ากับกระบี่นี้ของเสวียนเทียน แล้วพวกเขาอยู่ห่างจากเสวียนเทียนในระยะห้าสิบเก้าคงถูกฟันเป็แน่ปราณกระบี่คงตัดผ่านร่างเนื้อของพวกเขา ทำให้พวกเขาาเ็สาหัส
ไม่เพียงผู้ฝึกยุทธ์ด้านล่างเวทีที่ตะลึง แววตาของผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาจำนวนหนึ่งบนอัฒจันทร์ทั้งสี่ทิศก็ปรากฏแววประหลาดใจเช่นกันปราณกระบี่ที่ฟันออกมาพร้อมกับที่เสวียนเทียนชักกระบี่นี้ ทั้งองศา ความเร็วและพลังไม่มีสิ่งใดไม่สมบูรณ์แบบเลย
การชักกระบี่ของมือกระบี่มีชั้นเชิงอยู่มากมือกระบี่ที่ร้ายกาจอย่างแท้จริง กระบี่เก็บอยู่ในฝักเสมอ เก็บงำประกายคมไว้ข้างในไม่เปิดเผยออกมา แต่เมื่อออกมาแล้ว หนึ่งกระบี่ต้องได้เืหนึ่งการโจมตีปลิดชีวิต เมื่อชักกระบี่เด็ดศีรษะศัตรูได้ในพริบตา
เสวียนเทียนชักกระบี่ออกมาครั้งนี้ หากเป็ความบังเอิญก็แล้วไปแต่ถ้าตั้งใจทำ ถึงจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาก็รู้สึกหวาดเกรงขึ้นมาในใจ
ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาบนอัฒจันทร์มีไม่น้อยที่เป็มือกระบี่แต่ว่า ต่อให้เป็พวกเขาก็ไม่อาจชักกระบี่ออกมาโจมตีได้สมบูรณ์แบบเช่นนั้น
จางเจ๋อเทาตกตะลึง ปราณกระบี่นี้รวดเร็วนักแทบจะพริบตาก็ฟันมาถึงตรงหน้าเขาแล้ว ปราณกระบี่คมกริบแหวกอากาศมา กระแสลมที่ถูกพัดมาโดนร่างของจางเจ๋อเทาทำให้ใจเขาเย็นสะท้านขึ้นมาวูบหนึ่ง
หากเป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าเหมือนกันกับเสวียนเทียนปราณกระบี่ที่พุ่งออกมาจากการชักกระบี่ครั้งนี้ของเสวียนเทียนในสามสิบก้าวก็เพียงพอหนึ่งกระบี่ได้เื หนึ่งกระบี่ปลิดชีพได้แล้วในระยะห้าสิบก้าวก็เช่นกัน หนึ่งกระบี่ได้เื ไม่ตายก็เจ็บสาหัสต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบเผชิญกับการโจมตีกระบี่นี้ก็ต้องได้รับาเ็จนต้องถอยหนี!
แต่! จางเจ๋อเทาไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าและก็ไม่ใช้ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบ แต่เป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาคนหนึ่งในเสี้ยววินาทีที่ปราณกระบี่จะถึงตัว จางเจ๋อเทาก็วาดกระบี่ยาวในมือจากล่างขึ้นบนหนึ่งกระบี่ยกขึ้นมา รัศมีกระบี่สีเขียวสายหนึ่ง พริบตาก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของจางเจ๋อเทาแล้วพุ่งออกไปข้างหน้า
รัศมีกระบี่เมื่อปะทะกับปราณกระบี่ก็ราวกับมีดผ่าเต้าหู้ปราณกระบี่ของเสวียนเทียนถูกผ่ากลางเป็สองส่วนทั้งอย่างนั้น
แม้ว่าเขาจะเร็ว แต่พลังของปราณกระบี่ยังอ่อนแออยู่ข้าใช้รัศมีกระบี่ก็ตัดการโจมตีของเขาได้ง่ายราวพลิกฝ่ามือไม่แปลกที่จางหลงจะแพ้ให้แก่เขา ปราณกระบี่ของเขาร้ายกาจเช่นนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบยากจะต้านทานได้แต่ข้าเป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภา ขอเพียงข้าระวังเสียหน่อย ต้องเอาชนะเขาได้แน่นอน!
จางเจ๋อเทาคิดในใจจบ ความเย็นะเืในใจก็หายไปความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขาแค่นเสียงหัวเราะ “หวงเทียน การโจมตีของเ้ามีพลังเพียงเท่านี้หรือ?ข้าจะให้เ้าได้รู้ อะไรคือพลังของยอดฝีมือชั้นเบิกนภา!”
“ซ้อนเมฆาสิบสามกระบี่!”
จางเจ๋อเทาะโขึ้นมาเสียงดัง กระบี่สีเขียวในมือฟันออกมาหนึ่งกระบี่ปราณแท้ชั้นเบิกนภาไหลรวมที่ตัวกระบี่ รัศมีกระบี่สายหนึ่งพลันพุ่งทะยานออกมา
รัศมีกระบี่นี้ซ้อนสลับเป็ชั้นๆราวกับลมตลบเมฆเคลื่อน แฝงแรงโจมตีต่อเนื่องตามหลังหลายสาย ฟันเข้าไปหาเสวียนเทียนมองเห็นเป็รัศมีกระบี่วิ่งตรงเข้าไปหาเสวียนเทียน แต่แท้จริงแล้ว การโจมตีระลอกหลังที่ซ้อนสลับชั้นเ่าั้สามารถเปลี่ยนทิศทางของรัศมีกระบี่ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าเสวียนเทียนจะหลบอย่างไรก็ต้องถูกกระบี่นี้ฟันโดน
ซ้อนเมฆาสิบสามกระบี่เป็เพลงกระบี่ชั้นนิลขั้นต่ำเป็ท่าไม้ตายของสำนักเทียมเมฆา
สำนักกระบี่์เป็สำนักกระบี่แห่งหนึ่งลูกศิษย์ในสำนักล้วนแต่ฝึกวิถีกระบี่ เป็มือกระบี่
สำนักเทียมเมฆาเป็สำนักธรรมดา ลูกศิษย์ในสำนักฝึกฝนวิชานานาชนิดมีทั้งนักดาบ มือกระบี่ แล้วยังมีผู้ฝึกอาวุธประหลาดอีกหลายอย่างโดยเฉพาะ
จางเจ๋อเทาเป็ลูกศิษย์ของสำนักเทียมเมฆาที่ฝึกวิชากระบี่ท่าไม้ตายของสำนักเทียมเมฆา ‘ซ้อนเมฆาสิบสามกระบี่’ ที่ใช้ออกมา ไม่ด้อยกว่ามือกระบี่ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งของสำนักกระบี่์แม้แต่นิด
ถลาลมเก้ากระบี่...วายุสะบั้น
เมื่อเผชิญหน้ากับจางเจ๋อเทาที่ใช้ ‘ซ้อนเมฆาสิบสามกระบี่’ ออกมา ร่างของเสวียนเทียนไม่ขยับ แต่กระบี่หิมะเหมันต์ในมือกลับะเิแสงออกมาในพริบตาฉับพลันกระบี่ในมือก็ตวัดฟัน ใช้หนึ่งในกระบวนท่าสังหารของถลาลมเก้ากระบี่ออกมาท่าวายุสะบั้น
กระบี่นี้รวดเร็วเหนือสิ่งอื่นใดแม้กระทั่งสายลมยังโดนสะบั้นแหวกออก ใช้ออกมาทีหลังกลับถึงก่อน ‘ซ้อนเมฆาสิบสามกระบี่’ ของจางเจ๋อเทายังไม่ทันโจมตีถึงร่างของเสวียนเทียน ‘ถลาลามเก้ากระบี่ วายุสะบั้น’ ของเสวียนเทียนก็ฟันมาถึงตรงหน้าก็จางเจ๋อเทาแล้ว
ในเมื่อการโจมตีระลอกหลังของ ‘ซ้อนเมฆาสิบสามกระบี่’ พลิกผันแปรเปลี่ยนไม่มีที่สิ้นสุดถ้าอย่างนั้นเสวียนเทียนก็จะใช้เร็วทลายพลิกแพลง โจมตีทีหลังถึงก่อน ‘ซ้อนเมฆาสิบสามกระบี่’ ของจางเจ๋อเทาจะผันแปรได้เท่าใดมีกระบวนท่ากี่มากน้อย เสวียนเทียนล้วนมองแล้วทำเป็ไม่เห็นหนึ่งกระบี่ฟันเข้าไปที่ร่างของจางเจ๋อเทา บีบให้จางเจ๋อเทาต้องป้องกันตัวเอง ‘ซ้อนเมฆาสิบสามกระบี่’ ยังไม่ทันโจมตีก็ต้องสลายไปเองไม่ว่าจะแปรผันได้เพียงใด มีท่าตามหลังกี่มากน้อย ล้วนใช้ออกมาไม่ได้กลับกลายเป็สูญสิ้น
กระบี่นี้ของเสวียนเทียนไม่เพียงแต่เร็ว! ทั้งยังดุดัน! ฟันออกมาทีหลังกลับถึงก่อน อีกทั้งยัง...
“อะไรกัน? รัศมีกระบี่?นี่มันรัศมีกระบี่?”
“เป็ไปได้อย่างไรรัศมีกระบี่เกิดมาจากปราณแท้ที่ควบแน่นหวงเทียนเพิ่งพลังวัตรชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าจะใช้รัศมีกระบี่ออกมาได้อย่างไร?”
“ตาข้าฝาดไปหรือเปล่า? รัศมีกระบี่ที่บาดตาเช่นนี้ เจิดจ้าสุกใสต่อให้เป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งก็ยากจะใช้ออกมาได้!”
“พลังภายในของหวงเทียนล้ำลึกขนาดนี้เชียว?เทียบได้กับยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง”
“พลังวัตรชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าขั้นสิบก็ยังไม่ถึงแต่กลับใช้รัศมีกระบี่ออกมา นี่...ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
“นั่นเพราะเ้ารู้เห็นมาน้อยถึงข้าไม่เคยเห็นมาก่อนแต่ข้าเคยได้ยินมาเมื่อหลายสิบกว่าปีก่อนว่าที่สำนักกระบี่์มียอดอัจฉริยะแห่งยุคคนหนึ่งตอนที่อยู่ชั้นวิถียุทธ์ก็ใช้รัศมีกระบี่ออกมาได้”
“จริงหรือ? ถ้าอย่างนั้นหวงเทียนแห่งตระกูลหวงก็เป็ยอดอัจฉริยะแห่งยุคเหมือนกันหรือ?”
“พลังวัตรชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าก็สามารถใช้รัศมีกระบี่ออกมาได้แล้ว นี่ไม่ใช่อัจฉริยะหรือ? นี่มันยอดอัจฉริยะแห่งยุค!”
.......
.......
กระบี่นี้ของเสวียนเทียน ใช้กระบวนท่า ‘วายุสะบั้น’ ของ ‘ถลาลมเก้ากระบี่’ ฟันออกมา ไม่ใช่แค่ปราณกระบี่แต่เป็รัศมีกระบี่รัศมีกระบี่ที่ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาใช้ปราณแท้อัดแน่นเข้าถึงจะเกิดมาได้ผู้ชมด้านล่างเวทีเห็นเสวียนเทียนใช้รัศมีระบี่ฟันออกมาก็อุทานตกตะลึงกันดังระงมถกเถียงกันเสียงขรม
ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาบนอัฒจันทร์สี่ทิศของเวทีประลอง ดวงตาล้วนฉายแววประหลาดใจ มองเสวียนเทียนด้วยดวงตาตกตะลึงอย่างที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนิวเจิ้นซาน เฉิงหยวนอู่ จางกู่เฟิง สายตาลุกโชติ่ราวกับไฟเผยจิตสังหารระลอกแล้วระลอกเล่าออกมา อยากจะแผดเผาเสวียนเทียนให้เป็จุณ
ผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลหวงทางทิศเหนือของเวทีประลองในดวงตาถึงแม้จะประหลาดใจ แต่ก็ไม่มีใครไม่ยินดี ดวงตาหวงฉีซานตื่นเต้นยินดีพึมพำว่า “ดี! ดี! ดี! เทียนเอ๋อร์ความสามารถของเ้าแข็งกล้าถึงเพียงนี้ การประลองครั้งนี้พวกเราตระกูลหวงมีโอกาสคว้าชัยชนะแล้ว”
ทุกคนไม่มีใครไม่ตกตะลึงแต่ไม่มีใครตระหนกและตื่นตะลึงไปมากกว่าในใจของจางเจ๋อเทาตอนนี้!
รัศมีกระบี่! เสวียนเทียนฟันรัศมีกระบี่ออกมา! ทั้งรัศมีกระบี่นี้ยังรวดเร็ว เร็วจนถึงขีดสุดฟันออกมาทีหลังกลับมาถึงก่อน ความเร็วชนะ ‘ซ้อนเมฆาสิบสามกระบี่’ ไปไกล พริบตาก็ฟันมาถึงตรงหน้าของจางเจ๋อเทาแล้ว
จางเจ๋อเทาจำต้องสลายพลังของกระบวนท่า ‘ซ้อนเมฆาสิบสามกระบี่’ ฉับพลันกระบี่ที่ทอประกายสีเขียวก็ถูกรั้งกลับมา ลนลานฟันออกมาหนึ่งกระบี่รัศมีกระบี่สายหนึ่งฟันเข้าหารัศมีกระบี่ของเสวียนเทียน
เปรี้ยง!
เสียงปะทะรุนแรงดังขึ้นจากกลางอากาศครั้งนี้รัศมีกระบี่ที่เสวียนเทียนฟันออกมาด้วยปราณกระบี่ที่อัดแน่นเป็ร้อยเท่ารัศมีกระบี่ของจางเจ๋อเทาไม่อาจฟันให้ขาดได้
กลับกัน เพราะความรีบร้อนไม่ได้ส่งพลังทั้งหมดฟันออกมาเมื่อรัศมีกระบี่ทั้งสองปะทะกันในเสี้ยววินาทีนั้นร่างของจางเจ๋อเทาก็สะท้านไปทั้งร่าง
ตึงๆๆๆๆ!
เสียงดังขึ้นมาห้าครั้ง จางเจ๋อเทาถอยไปถึงห้าก้าว ถึงต้าน ‘ท่าวายุสะบั้น’ ของเสวียนเทียนไว้ได้
ถลาลมเก้ากระบี่...ท่าคลื่นวายุ
เสวียนเทียนฉวยจังหวะโจมตีตามเป็อีกหนึ่งกระบวนท่าสังหารของ ‘ถลาลมเก้ากระบี่’ กระบวนท่า ‘คลื่นวายุ’ รัศมีกระบี่ราวกับคลื่นลมโหมพัดมาระลอกแล้วระลอกเล่าพัดเข้าใส่จางเจ๋อเทา
‘คลื่นวายุ’ ท่านี้ ดูไปแล้วคล้ายกันมากกับ ‘ซ้อนเมฆาสิบสามกระบี่’ ของจางเจ๋อเทา มีการโจมตีตามหลังซ่อนแฝงอยู่หนึ่งการโจมตีตามติดด้วยอีกหนึ่งการโจมตี
แต่ความแตกต่างก็คือ ‘ท่าคลื่นวายุ’ การโจมตีระลอกหลังมีเพียงสามระลอก ไม่เหมือนกับ ‘ซ้อนเมฆาสิบสามกระบี่’ ที่การโจมตีระลอกหลังสลับซับซ้อนไม่มีหมดสิ้น แต่ว่าเมื่อเทียบกับ ‘ซ้อนเมฆาสิบสามกระบี่’ แล้วเร็วกว่ากันมา
จางเจ๋อเทาเพิ่งต้าน ‘ท่าสะบั้นวายุ’ ไว้ได้ รัศมีกระบี่ของท่า ‘คลื่นวายุ’ หนึ่งระลอกสามการโจมตีก็มาจ่อตรงหน้าจางเจ๋อเทาแล้ว
โจมตีรวดเร็วราวกับลมคลั่งฝนกระหน่ำทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ด้านล่างเวทีกประลองอดไม่ได้ต้องสูดหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความตะลึง
เคร้ง เคร้ง เคร้ง!
จางเจ๋อเทาลนลานต้านสามกระบี่รัศมีกระบี่ปะทะกับตัวกระบี่ เสียงโลหะปะทะกันดังกังวานออกมา
ท่า ‘คลื่นวายุ’ ที่เสวียนเทียนใช้ออกมานี้อัดพลังฟันออกมา แต่จางเจ๋อเทาต้านไว้ด้วยอารามรีบร้อน จะต้านไว้ได้อย่างไรเมื่อเสียงที่สามดังขึ้น รัศมีสีเขียวในมือของจางเจ๋อเทาก็วูบหายไปกระบี่ยาวในมือสะท้านหลุดปลิวไปด้านข้าง
รัศมีกระบี่ระลอกสุดท้าย แทงลึกเข้ามาพริบตาก็ฟันเข้ามาในร่างเนื้อของจางเจ๋อเทา
ฉึบ! เสื้อผ้าขาดกระจุย! เืเนื้อปลิวว่อน!
หน้าอกของจางเจ๋อเทาพลันปรากฏรอยแผลกระบี่ที่ลึกจนเห็นกระดูกเืสดสาดกระจายออกมาจากาแ ทั้งร่างถูกพลังมหาศาลโจมตีจนปลิวขึ้นมาปลิวไปไกลถึงยี่สิบกว่าเมตร ตกเวทีประลองไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้