มู่หรงจื่ออวิ๋นตื่นตระหนก นางหันหน้าไปมองเฟิ่งเฉี่ยนอย่างไม่ยินยอม ริมฝีปากสีผลอิงนั้นถูกขบจนเกิดเป็รอยฟัน ทว่าอย่างไรก็ไม่เอ่ยวาจาออกมา
เฟิ่งเฉี่ยนโบกไม้โบกมืออย่างคนใจกว้าง “ช่างเถิด เื่ขอขมาไม่ต้องหรอก! ส่วนเื่ที่ว่าจะคู่ควรหรือไม่นั้น มีเพียงเ้าตัวเท่านั้นที่รู้ บุคคลที่สามจะมีสิทธิ์อะไรมาวิจารณ์เล่า”
บุคคลที่สาม? มู่หรงจื่ออวิ๋นเกือบสิ้นสติ
เมื่อข้าและอาเช่อรู้จักกัน ยังไม่รู้ว่าเ้าอยู่ที่ใดเลย ถึงกับกล่าวว่าข้าเป็บุคคลที่สามหรือ เ้าต่างหากล่ะที่เป็บุคคลที่สาม ครอบครัวของเ้าทั้งครอบครัวล้วนเป็บุคคลที่สาม!
ทว่าเซียนพิษอยู่ที่นี่ด้วยนางไม่กล้าก่อเื่อีก จึงได้แต่กล้ำกลืนโทสะ
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นนางไม่ไม่ต่อปากต่อคำจึงรามือแต่พองาม ไม่ยั่วโทสะนางอีก นางหันไปกล่าวกับฮวาเมิ่งหยิ่ง “ศิษย์พี่ รอให้ท่านกลับมาจากเมืองหลวง จำไว้ว่าต้องไปหาข้าที่มู่หยางให้ได้นะ ข้าจะทำของอร่อยให้ท่านกิน!”
มุมปากของฮวาเมิ่งหยิ่งยกขึ้นเป็รอยยิ้ม “ได้ ตกลงตามนี้!”
เมื่อออกมาจากหุบเขา ตลอดการเดินทางลั่วหยิ่งและองครักษ์อีกหกคนล้วนเลื่อมใสในตัวเฟิ่งเฉี่ยน สายตาที่มองนางราวกับกำลังมองเทพเซียนก็ไม่ปาน
ลั่วหยิ่งถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “เหนียงเหนียง เกิดอะไรขึ้นในเรือนไผ่กันแน่ ไฉนท่านจึงกลายเป็ศิษย์น้องหญิงของเซียนพิษอย่างกะทันหันเช่นนี้”
เฟิ่งเฉี่ยนเงยหน้าขึ้นเห็นเซวียนหยวนเช่อที่เดินอยู่ด้านหน้าผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง ดูเหมือนเขาเองกำลังรอคำตอบจากนางเช่นกัน แต่นางไม่อยากให้เขารู้นี่นา นางกลอกั์ตาไปมาแล้วทำเป็พูดเฉไฉไปเื่อื่น “ยังมีอะไรได้ คนงามเช่นข้าใครเห็นใครก็รักและเอ็นดู เรียกเขาว่าศิษย์พี่ เขาได้กำไรแล้ว!”
ลั่วหยิ่งไอแค่กๆ จนหน้าแดงก่ำ “เหนียงเหนียง ผู้ใดหน้าหนาที่สุดในใต้หล้านี้ ท่านเป็ที่สอง ไม่มีใครกล้าเป็ที่หนึ่ง!”
เซวียนหยวนเช่อที่อยู่ด้านหน้าพลันหันกลับมามองนางนิ่งๆ น้ำเสียงแหบเสน่ห์นั้นพูดขึ้นว่า “ถูกต้อง! ฮองเฮาคนเดียวสามารถต้านทานทหารม้านับพันนับหมื่น เจิ้นเองก็ได้กำไรเช่นกัน!”
ลั่วหยิ่งและองครักษ์ทั้งหกกลั้นหัวเราะสุดฤทธิ์
เฟิ่งเฉี่ยนเกือบกระอักเื นางผายมืออย่างเหลืออด “หัวเราะเข้าไป! ข้ารู้ พวกเ้ากำลังอิจฉาข้า!”
มุมปากของเซวียนเหยวนเช่อยกขึ้นเล็กน้อย เขาตวาดสายตามองนางนิ่งลึกครู่หนึ่งแล้วจึงถอนสายตากลับไปเดินทางต่อ
ขึ้นรถม้าแล้วทุกคนเร่งเดินทางกลับ
ภายในรถม้า เฟิ่งเฉี่ยนล้วงตั๋วเงินในอกเสื้อออกมาตรวจนับดู รวมกับเงินที่มู่หรงจิ่งเทียนซื้อหมูเทพอีกหนึ่งหมื่นตำลึง ตอนนี้นางมีตั๋วเงินทั้งหมดหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นตำลึง
สองวันก่อนยังกลัดกลุ้มเพราะไม่มีเงิน คิดไม่ถึงว่านางจะกลายเป็เศรษฐีนีภายในชั่วพริบตา เฟิ่งเฉี่ยนมีความสุขจนหุบปากไม่ลง
นางไม่รู้ว่าเซวียนหยวนเช่อจับจ้องนางเป็เวลานานแล้ว เห็นท่าทีลุ่มหลงในทรัพย์ของนางแล้ว เขาขมวดคิ้วน้อยๆ ขณะที่เฟิ่งเฉี่ยนกำลังคิดจะตรวจนับเงินอีกครั้ง ฝ่ามือที่เปี่ยมไปด้วยพลังลมปราณของเขาก็ซัดเข้ามาไม่ทันได้ตั้งตัว แย่งชิงตั๋วเงินในมือของนางไป
เฟิ่งเฉี่ยนตะลึงงัน เมื่อได้สตินางโผข้ามไปเพื่อแย่งตั๋วเงินทันที “ให้ข้า!”
เซวียนหยวนเช่อยัดตั๋วเงินเข้าไปในอกเสื้อของตนหน้าตาเฉย มือของเฟิ่งเฉี่ยนจึงวางลงบนหน้าอกของเขาอย่างประดักประเดิด นางพูดอย่างหัวเสีย “นี่มันตั๋วเงินของข้า คืนให้ข้า!”
เซวียนหยวนเช่อมองนางนิ่งๆ ั์ตาดำขลับมีแววหยอกล้อพาดผ่าน “ผู้ใดเป็คนพูด สามีภรรยาเป็คนๆ เดียวกัน จะแบ่งให้มันชัดเจนอะไรนักหนา ของเ้าก็คือของข้า...”
เฟิ่งเฉี่ยนตกตะลึง เขาถึงกับนำคำพูดที่นางเคยพูดมาโยนใส่หน้านาง!
ไร้ยางอายเกินไปแล้ว!
นางถลึงตามองเขาด้วยโทสะ “อีกครึ่งประโยคหลังเล่า”
คิ้วคมนั้นเลิกขึ้นเล็กน้อย “ไม่มีแล้ว”
เฟิ่งเฉี่ยนเดือดแล้ว นางชี้นิ้วอันสั่นระริกไปที่เขา “ท่านเป็ถึงฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยเยียน ถึงกับแย่งเงินจากสตรีคนหนึ่ง ท่านละอายแก่ใจบ้างหรือไม่”
เซวียนหยวนเช่อไม่พูด เขามองนางนิ่งๆ ั์ตาดำขลับนั้นเปล่งประกายวิบวับ เย้ายวนที่สุด
ทันใดนั้น รถม้าตกลงไปในร่องถนน ตัวรถจึงโคลงเคลงไปมา เฟิ่งเฉี่ยนไม่ทันได้ระวังตัว ศีรษะของนางทิ่มไปข้างหน้า เดิมทีนางก็อยู่ใกล้เซวียนหยวนเช่ออยู่แล้ว ทันทีที่เกิดการเปลี่ยนแปลง นางจึงพุ่งเข้าใส่หน้าอกของเขาทันที นางรีบถอยออกมาเพื่อรักษาระยะห่างกับเขา ใครจะรู้ว่ารถม้าตกลงไปในร่องถนนอีกครั้ง ร่างทั้งร่างจึงโคลงเคลงกว่าก่อนหน้านี้อีก ร่างของนางเอนเอียงไปมา ก้นของนางนั่งแปะลงบนขาของเซวียนหยวนเช่อ
เฟิ่งเฉี่ยนเงยหน้าขึ้นอย่างใ นางประสานสายตากับดวงตานิ่งลึกมองไม่เห็นก้นของเขา ั์ตาสีดำขลับราวกับเป็กระแสน้ำวนที่ดูดิญญาของคนเข้าไปได้อย่างไรอย่างนั้น
คนทั้งสองใกล้ชิดกันมาก มากพอที่จะได้กลิ่นหอมประจำตัวของอีกฝ่ายจางๆ
หัวใจของเฟิ่งเฉี่ยนเต้นระรัวอย่างควบคุมไม่ได้
ดวงตาทั้งสี่ประสานกัน บรรยากาศแปลกไปทันที
ในที่สุดเซวียนหยวนเช่อก็เป็ฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อนว่า “เอามือของเ้าออกไปได้แล้วหรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนก้มหน้าลงมอง เห็นมือซ้ายของนางยังคงซุกอยู่ในหน้าอกของเขาอย่างไม่สงบเสงี่ยม เพิ่งจะสอดมือเข้าไปได้ไม่ถึงครึ่งทางก็ถูกเขาจับมือเข้าไว้อย่างแ่าเสียก่อน
เดิมทีคิดจะฉวยโอกาสแย่งตั๋วเงินคืน คิดไม่ถึงว่าเขาจะระมัดระวังตัวถึงเพียงนี้ ยังคงถูกเขาจับได้อยู่ดี
นางดึงมือออกอย่างไม่เต็มใจนักแล้วแบมือออกมาเบื้องหน้าเขา นางพูดอย่างไม่ยอมลดราวาศอก “คืนตั๋วเงินให้ข้า!”
เซวียนหยวนเช่อเลิกคิ้ว “หากเจิ้นไม่รับปากเล่า”
“เช่นนั้นข้าก็จะ...” เห็นเขาถลึงตาใส่ตรงๆ ด้วยสายตาข่มขู่ ท่าทีของเฟิ่งเฉี่ยนจึงอ่อนลงทันที “เช่นนั้นข้าก็ทำอะไรท่านไม่ได้น่ะสิ”
ช่างไม่เอาไหนเลย!
เฟิ่งเฉี่ยนลอบดูถูกตนเอง
ทันใดนั้นข้างหูพลันได้ยินเสียงเย้ายวนอย่างร้ายกาจของเซวียนหยวนเช่อดังขึ้น “เ้าคิดจะนั่งไปจนถึงเมื่อใด”
เฟิ่งเฉี่ยนตะลึงงัน นางก้มหน้าลงมองไปจึงพบว่าตนเองนั่งอยู่บนขาของเขา หน้าของนางแดงก่ำราวกับกุ้งที่เพิ่งต้มสุกตัวหนึ่ง ขายหน้าอย่างที่สุด!
กำลังคิดจะลุกขึ้น แต่นางพลันเปลี่ยนความคิดแล้วแบมือออกอีกครั้ง “้าให้ข้าลุกขึ้นก็ได้ คืนเงินข้าก่อน! ท่านไม่คืน ข้าไม่ลุกขึ้น!”
นางดึงดันเช่นนี้แหละ อย่างไรก็ขายหน้ามาถึงตอนนี้แล้ว จะขายหน้าอีกหน่อยเป็ไรไป
“เ้าแน่ใจ หืม?” ั์ตาดำขลับของเขาหรี่ลงอย่างอันตราย สายตาของเขาที่มองมาทำให้แก้มของนางร้อนซู่ ใบหน้าคมสันนั้นพลันยื่นเข้ามาใกล้ ความกดดันประหนึ่งูเาไท่ซานที่กดข่มลงมา ร่างของเขาแผ่กระจายอำนาจที่ศัตรูไม่อาจต้านทานได้ ทำให้คนแทบจะหายใจไม่ออก
เฟิ่งเฉี่ยนหายใจสะดุด แต่มิใช่ด้วยถูกบุคลิกกดข่มของเขาทำให้เป็เช่นนั้น แต่เป็เพราะสายตาของเขาเย้ายวนเกินไป ั์ตานิ่งลึกนั้นราวกับดอกฝิ่นที่บานสะพรั่ง มอมเมาผู้คนจนไม่อาจถอนตัวได้
นางผลักเขาออกทันใด แล้วะโออกจากขาของเขา
แก้มทั้งสองข้างร้อนจัด หัวใจเต้นตึกๆๆ
เซวียนหยวนเช่อเป็ปีศาจโดยแท้!
เขาเหมือนเครื่องทำความร้อนเคลื่อนที่ได้ สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าได้ตลอดเวลา ทันทีที่ไม่ระวังตัวก็จะถูกเขาช็อตด้วยกระแสไฟฟ้า ทุกครั้งที่นางถูกไฟช็อตล้วนไรหนทางเยียวยา!
เห็นท่าทางทั้งโกรธแค้นและทอดถอนใจอย่างหมดอาลัยตายอยากของนางแล้ว ริมฝีปากงดงามราวกับรูปปั้นแกะสลักของเซวียนหยวนเช่อยกขึ้นเล็กน้อย สายตามองปราดไปที่แก้มทั้งสองข้างที่แดงปลั่งของนาง แดงเสียจนเป็สีชมพูจัด สายตาของเขาเข้มข้นขึ้น เขาพลันรู้สึกถูกดึงดูดด้วยแรงมหาศาล ทำให้เขาอยากเข้าไปจุมพิตแก้มของนางอย่างหาสาเหตุไม่ได้
เมื่อเขาได้สติกลับมา รับรู้ได้ถึงความคิดของตนเอง เขาถึงกับสะบัดศีรษะแรงๆ ใบหน้าคมสันนั้นขมวดคิ้วมุ่น