เสิ่นเยว่ตื่นขึ้นมาก็สายมากแล้ว นางมองไปที่ตั่งของหลี่เซวียนไม่เห็นร่างสูงของเขานางก็ถอนหายใจโล่งอก ดูเหมือนว่าเขาจะออกไปทำงานแล้ว เสิ่นเยว่เรียกให้ชิงจู๋เข้ามาแต่งตัวให้นาง ความจริงนางอยากจะแต่งตัวให้ตนเองดูงดงามมากกว่านี้ แต่มันจะดูเหมือนนางจงใจมากเกินไปนางกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดคิดว่านางอยากจะยั่วยวนเขา
“เ้าไปเด็ดดอกหลีฮวามาให้ข้าหนึ่งก้าน”
เสิ่นเยว่สั่งชิงจู๋ หลังจากที่แต่งตัวให้นางเสร็จแล้ว ชิงจู๋เดินเข้ามาพร้อมกับก้านต้นหลีฮวาที่มีดอกออกบานสะพรั่ง เสิ่นเยว่วางกิ่งดอกหลีฮวาไว้ในตะกร้าแล้วใช้ผ้าบางคลุมเอาไว้ วันนี้นางก็ออกไปนอกจวนพร้ะกร้าและเถาอาหารเช่นเคย เสิ่นเยว่ให้คนขับรถม้าไปส่งนางที่หน้าโรงน้ำชาเยี่ยนชิงที่อยู่นอกเมืองจากนั้น ก็ให้คนขับรถม้าไปส่งชิงจู๋ที่ค่ายทหารเพื่อนำอาหารไปส่งให้หลี่เซวียน
นางทำเช่นนี้เพื่อไม่ให้มีพิรุธ สิ่งใหนที่เคยทำก็ต้องทำเป็เื่ปกติวันนี้นางก็ยังคงไปส่งอาหารให้หลี่เซวียนกับชิงจู๋เช่นเคยเพียงแค่เปลี่ยนคนส่งก็เท่านั้น คนในจวนต่างมองว่าทั้งสองคนต่างมีความรักที่หวานซึ้งให้แก่กันหลังจากที่แต่งงานได้เพียงไม่นาน
เสิ่นเยว่ลงจากรถม้า นางเงยหน้ามองดวงอาทิตย์เล็กน้อยยังพอมีเวลานิดหน่อย เสิ่นเยว่นำดอกหลีฮวาออกมาจากตะกร้าปักลงบนผมของตนแล้วถือกิ่งดอกหลีฮวาเดินเข้าไปที่ด้านหน้าโรงน้ำชาเยี่ยนชิง
โรงน้ำชาเยี่ยนชิงเป็โรงน้ำชาที่ถูกสร้างขึ้นที่นอกเมืองสำหรับผู้ที่เดินทางผ่านไปมา มีเอกลัษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนโรงน้ำชาในเมืองหลวงคือ ไม่มีโต๊ะสำหรับนั่งรวม มีเพียงห้องพิเศษเท่านั้นและราคาค่อนข้างแพงแต่กลับเป็ที่นิยมสำหรับนัดพบปะสังสรรค์หรือคุยเื่ที่ไม่้าให้ผู้อื่นล่วงรู้และเป็ที่ที่เหล่าของเหล่าขุนนางชอบนัดเจอกัน
หลี่เซวียนมาที่นี่ั้แ่หนึ่งชั่วยามก่อนแล้ว เขาอยากเห็นว่าสตรี่ที่อยู่ในใจเขานั้นเป็คนลักษณะเช่นไรจึงได้มารอที่นี่อยู่ก่อน หลี่เซวียนนั่งอยู่บนต้นไม้ต้นใหญ่หน้าทางเข้าโรงน้ำชาเยี่ยนชิงอย่างใจจดใจจ่อ เขาเอาแต่จินตนาการภาพของสาวงามชุดขาวที่เหมือนนางเซียนเดินตรงเข้ามาหาเขา เรียกชื่อของเขาแ่เบาและส่งยิ้มหวานที่ชวนให้เคลิบเคลิ้ม
แต่แล้วภาพจินตนาการทั้งหมดของหลี่เซวียนต้องพังทลายลงเพราะเขาเห็นรถม้าของจวนสกุลหลี่จอดที่ทางเข้าโรงน้ำชาเยี่ยนชิง และคนที่ลงมาเป็เสิ่นเยว่กับชิงจู๋สาวใช้ของนาง หลี่เซวียนรู้สึกตัวชาวาบไปทันทีอย่าบอกนะว่านางรู้เื่ที่เขานัดพบกับสตรีอื่นเอาไว้ที่นี่แล้วนางแอบตามา
“แย่แล้ว”
หลี่เซวียนพึมพำเบาๆ
ก่อนที่หลี่เซวียนจะทันได้ หาทางออกให้ตนเอง เขาก็เห็นชิงจู๋หยิบดอกไม้ออกจากตะกร้าที่มีผ้าปิดเอาไว้ ปักลงบนผมของเสิ่นเยว่ และนางยังหยิบกิ่งดอกหลีฮวามาถือเอาไว้ ชิงจู๋คุยกับนางสักพักจึงกลับขึ้นไปบนรถม้าอีกครั้ง แล้วคนขับก็พานางออกไปจากหน้าโรงน้ำชาเยี่ยนชิง
หลี่เซวียนนั่งตัวแข็งทื่อบนต้นไม้ เขาพึมพำกับตนเองท่าทางเลื่อนลอย
“ทำไมถึงเป็นาง”
คราแรกเขาคิดว่าเสิ่นเยว่แอบตามมาจับผิดเื่ที่เขาแอบนัดพบสตรีอื่น แต่เมื่อเขาเห็นนางปักดอกหลีฮวาบนผมเขาก็รู้ได้ทันทีว่าสหายที่ส่งจดหมายคุยตอบโต้กับเขาในหลายเดือนมานี้คือ ฮูหยินที่เขาแต่งเข้ามาปลอมๆ และดูเหมือนว่านางจะยังไม่รู้ว่าเขาคือเพื่อนทางจดหมายของนาง ถึงได้มายืนตากแดดรอเขาที่หน้าทางเข้าโรงน้ำชาเช่นนี้
หลี่เซวียนหัวเราะกับตนเองราวกับคนบ้า สตรีที่เขาคนึงหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันกลับนอนอยู่ห้องเดียวกับเขาแต่เขากลับไม่เคยรู้เลย เอาแต่เพ้อหานางราวคนเสียสติ
นี่คงเป็เหตุผลที่นางขอทำสัญญากับเขาหนึ่งปี เพราะนาง้าหย่าขาดกับเขาเพื่อไปอยู่กับสหายลึกลับของนางสินะ
"ข้าไม่มีทางปล่อยให้เ้าไปอยู่กับเ้าคนที่ไม่รู้ชั่วดีกล้าตีท้ายครัวผู้อื่นหรอก"
นางแอบคุยกับบุรุษอื่นทั้งที่แต่งงานเข้าตระกูลหลี่ของเขา ถึงแม้จะเป็การแต่งงานปลอมๆ แต่นางก็ได้ชื่อว่าเป็ฮูหยินน้อยของจวนแม่ทัพ เหตุใดถึงได้ทำตัวเหลวไหลเช่นนี้
หลี่เซวียนโมโหจนลืมไปแล้วว่าบุรุษที่เสิ่นเยว่คุยด้วยทางจดหมายคือตนเอง
“คอยดูนะว่าข้าจะลงโทษภรรยาที่ทำตัวเหลวไหลเช่นไร”
เสิ่นเยว่ที่ยืนถือดอกหลีฮวาอยู่ตรงทางเข้าโรงน้ำชาเยี่ยนชิงไม่รู้เลยว่าตนเองได้กลายเป็เป้าหมายการลงโทษของสามีปลอมๆ ที่แสนขี้หึงเข้าแล้ว
ผ่านไปนานแต่เสิ่นเยว่ก็ยังไม่เห็นคนที่นางนัดเอาไว้ จนกระทั่งชิงจู๋กลับมาสหายคนนั้นของนางก็ยังไร้วี่แวว
“ฮูหยินน้อยเ้าคะ ชิงจู๋คิดว่าเขาอาจจะไม่มาแล้วล่ะนี่ก็ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว ท่านยืนตากแดดอยู่เช่นนี้จะทำให้ไม่สบายเอาได้นะเ้าคะ”
เสินเยว่หันมามองชิงจู๋ด้วยสายตาเศร้าสร้อย
“ทำไมเขาถึงไม่มาเล่า ทั้งๆ ที่เขาเป็คน้าพบข้าเองหรือว่าเขาแอบมองอยู่ที่อื่นเห็นข้าแล้วเขาไม่ชอบข้า ชิงจู๋หรือเพราะข้าอัปลัษณ์เกินไปจึงทำให้เขาไม่กล้ามาทักทาย”
หลี่เซวียนที่นั่งอยู่บนต้นไม้ถึงกับสะดุ้ง นางจะเดาเก่งเกินไปแล้ว
“มิใช่เช่นนั้นแน่นอนเ้าค่ะชิงจู๋คิดว่าเขาอาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ชิงจู๋ว่าเรากลับไปก่อนรอจดหมายอธิบายจากเขาไม่ดีกว่าหรือ”
เสิ่นเยว่พยักหน้ารับ นางยืนตากแดดรอมาเกือบหนึ่งชั่วยามทำให้รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย ที่นางทำเช่นนี้เพราะนางกลัวว่าตอนที่เขามาที่นี่จะมองไม่เห็นนาง
ทำไมท่านถึงไม่มาตามนัด เสิ่นเยว่คิดถึงเขาน้ำตาของนางก็ไหลออกมาเพราะความอัดอั้นที่ไม่สามารถระบายออกมาได้ หลี่เซวียนที่อยู่บนต้นไม้ได้ยินและได้เห็นทุกอิริยาบทของนาง เขารู้สึกปวดหนึบที่หัวใจโดยไม่ทราบสาเหตุอีกแล้ว
คืนนั้นเสิ่นเยว่ก็ป่วยจริงๆ นางตัวรุมๆ ใน่เย็นหลังจากทานยาต้มไปแล้วนางก็เข้านอนโดยไม่สนใจว่าหลี่เซวียนจะกลับมาที่เรือนหรือไม่
เื่ในวันนี้ทำให้นางรู้สึกเสียใจมาก เสียงละเมอดังออกมานอกม่านมุ้ง หลี่เซวียนที่คิดจะเก็บตัวหลบหน้าเสิ่นเยว่สักระยะพื่อหาทางรับมือกับเื่นี้ แอบย่องเข้ามาในห้องเขาได้ยินเสียงนางเหมือนกำลังสะอื้นจึงเปิดม่านมุ้งเข้าไปดู
หลี่เซวียนเห็นนางกำลังหลับตาพูดใบหน้าของนางเต็มไปด้วยน้ำตาท่าทางนางกำลังฝันอยู่ถึงได้ละเมอพูดออกมา หลี่เซวียนเขย่าตัวนางเพื่อปลุกจึงได้รู้ว่าตัวของนางร้อนจนแทบลวกมือ เขาให้บ่าวที่เฝ้าหน้าเรือนรีบไปตามท่านหมอมาดูอาการนาง
หลังจากได้รับการฝังเข็มเสิ่นเยว่ก็มีอาการสงบลงนางเลิกเพ้อเพราะพิษไข้ท่านหมอยังสั่งให้เช็ดตัวนางเพื่อบรรเทาความร้อนของร่างกาย จะทำให้ไข้ลดลงเร็วกว่าเดิม หลี่ เซวียนสั่งให้ชิงจู๋ไปนำน้ำอุ่นเข้ามา เขาจะเป็คนเช็ดตัวให้นางด้วยตนเอง จากนั้นเขาก็สั่งให้บ่าวไพร่ที่ตื่นมากลางดึกกลับไปพักผ่อน
หลี่เซวียนมองใบหน้าเล็กที่แดงก่ำเพราะพิษไข้ของนางเขาใช้มือที่เย็นกว่าลูบไปตามหน้าผากและลำคอของนางเพื่อบรรเทาความร้อน
เสิ่นเยว่รู้สึกสบายขึ้นเมื่อได้รับการััจากมือที่เย็นกว่าของเขา นางใช้ใบหน้าเล็กถูไถไปที่มือของหลี่เซวียน
“เหตุใดถึงโง่เพียงนี้เ้าลงทุนยืนรอคนที่ไม่เคยพบหน้าสักครั้งจนต้องล้มเจ็บเช่นนี้ ข้าจะทำอย่างไรกับเ้าดี”
ครั้งแรกหลี่เซวียนยังคิดวางแผนหาทางลงโทษนาง แต่พอเห็นนางป่วยใจของเขาก็อ่อนยวบทันที กลายเป็ว่าต้องใส่ใจนางมากกว่าเดิมที่เคยทำอยู่เพื่อให้นางตัดใจจากเ้าคนโง่ที่เป็สาเหตุให้นางต้องล้มป่วยในครั้งนี้
หลี่เซวียนเช็ดตัวให้นางอย่างอ่อนโยนจนกระทั่งเกือบรุ่งสางไข้ของเสิ่นเยว่จึงเริ่มลดลง เขาคอยเฝ้าดูนางหลับอยู่นานเมื่อเห็นว่านางเริ่มนอนหลับอย่างสบาย ความกังวลใจในใจของเขาค่อยๆ ลดลง
ตอนนี้เขารู้สึกขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เขาได้พบกับนางและเขาก็สัญญากับตัวเองว่าจะดูแลนางให้ดีกว่านี้
หลี่เซวียนค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ที่วางอยู่ข้างๆ มือของเขาค้ำศีรษะไว้เพื่อพักสายตา ดวงตาของเขาปิดสนิทแสดงถึงความเหนื่อยอ่อนจากการดูแลนางตลอดทั้งคืน
แสงสว่างจากตะเกียงยังคงอยู่ เสิ่นเยว่ค่อยๆ รู้สึกตัวนางมองเห็น หลี่เซวียนที่กำลังนั่งเฝ้านางอยู่ข้างเตียง ใบหน้าที่อ่อนเพลียของเขาบ่งบอกว่าเขานั่งเฝ้านางทั้งคืนรอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนริมฝีปากของนาง
นั่นสินะ คนที่นางควรใส่ใจคือเขาต่างหากเพราะความเสียใจของนางในวันนี้จึงทำให้ร่างกายของนางอ่อนแอตามไปด้วย คนที่เดือดร้อนต้องมาดูแลนางก็คือเขา คนที่อยู่ใกล้นางที่สุด
เสิ่นเยว่ตัดสินใจแล้วว่านางจะทำหน้าที่ภรรยาของเขาให้ดีนับจากนี้ไปจนกว่าจะครบสัญญาหนึ่งปี ส่วนเื่ของสหายคนนั้นที่เขียนจดหมายถึงนาง ก็ปล่อยให้เป็เื่ของโชคชะตาเถอะ