จวินหวงก้มหน้าใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่ ตอนนี้ดูเหมือนว่าหนานสวินจะรู้สถานะที่แท้จริงของนางแล้ว นางเงยหน้าขึ้นมองสาวใช้แล้วถามว่า "เวลานี้หนานสวินอยู่ที่ไหน?"
"หวางเหย่อยู่ในศาลา..."
ยังไม่ทันที่สาวใช้จะกล่าวจบ จวินหวงก็ออกไปไกลแล้ว ทิ้งเอาไว้เพียงเงาหลัง
จวินหวงเพิ่งจะฟื้น ซ้ำยังถูกพิษ เวลานี้ร่างกายยังอ่อนแรง ขณะที่เดินไปตามทาง ก็โซเซไปมา อาศัยเกาะกำแพงเดินออกมาด้านนอก แล้วก็พบกับหนานสวินที่กำลังเดินมาทางนี้พอดี
หนานสวินมองเห็นนางมาแต่ไกล ภายใต้แสงตะเกียง เรือนผมของจวินหวงยาวสยาย ดวงเนตรและเรียวคิ้วประณีตงดงาม อาภรณ์สตรีที่สวมใส่อยู่บนเรือนร่างดูเหมาะเจาะยิ่งทำให้คนเห็นประทับใจ มือของนางยึดเกาะอยู่ที่ต้นเสาสีแดงมองมาที่เขา แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก
หนานสวินขมวดคิ้วเล็กน้อย รีบเดินเข้าไปประคองจวินหวงที่เดินซวนเซไม่มั่นคง " ทำไมไม่นอนอยู่ในห้อง ออกมาทำอะไร?"
"มาหาท่าน" จวินหวงมองหนานสวิน นางเอ่ยปากพูดเบาๆ น้ำเสียบเนิบเบาราวกับขนห่านป่าที่ลอยลงมา ทำให้หนานสวินใจลอยไปอย่างห้ามไม่อยู่
แต่ไม่นานเขาก็ได้สติกลับมา แล้วกล่าวว่า "มาหาข้าไยต้องมาด้วยตนเอง ให้พวกคนรับใช้มาแทนก็ได้ เ้าเพิ่งฟื้น ไม่ควรจะออกมาแบบนี้" พูดจบหนานสวินก็ประคองจวินหวงกลับไปที่ห้อง
ระหว่างทางทั้งสองต่างไม่ได้สนทนากัน จวินหวงก้มหน้ามองพื้น ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่ แต่นี่เป็ครั้งแรกที่หนานสวินเห็นจวินหวงแต่งกายแบบสตรี ดวงตาคมเข้มจ้องมองจวินหวงอยู่ตลอดราวกับมองบุปผาก็ไม่ปาน
หลังจากกลับมาถึงห้อง จวินหวงก็นั่งบนตั่งกุ้ยเฟย สีหน้ายังคงดูซีดเซียวเล็กน้อย นั่งช้อนตามองหนานสวิน และค่อยๆ เริ่มถามขึ้น "หนานสวิน ท่านรู้สถานภาพของข้าั้แ่เมื่อไร?"
"ตอนที่พวกเราเจอกันครั้งแรก เ้าเรียกชื่อของข้า ต่อมาเ้าได้รับาเ็เพราะข้า ตอนนั้นข้าก็รู้แล้ว" หนานสวินบอกตามความจริงไม่ได้ปิดบังอะไร
จวินหวงได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า แต่ในใจก็อดโมโหในความประมาทเลินเล่อของตนเองไม่ได้ นึกอายที่ตนเองแกล้งทำตัวเป็บุรุษต่อหน้าหนานสวินมาตั้งนาน
ขณะนั้นสาวใช้ก็ยกยาที่ต้มเสร็จเรียบร้อยเดินเข้ามา หนานสวินรับถ้วยยาไว้แล้วให้สาวใช้ออกไป ตั้งใจจะป้อนยาจวินหวงด้วยตนเอง จวินหวงกลับเขินอายจึงปฏิเสธ ยกน้ำแกงยาขึ้นมาดื่มเองอย่างรวดเร็ว สีหน้าไม่มีเปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย
ตอนที่อยู่กับอาจารย์นางเคยทดลองพิษ ยาเ่าั้ขมจับขั้วหัวใจจริงๆ ยาเหล่านี้จะไปเทียบอะไรได้
เห็นจวินหวงดื่มน้ำแกงยาสีดำข้นคลั่กทั้งชามจนหมดโดยที่หัวคิ้วไม่กระดิก หนานสวินก็ขมวดคิ้ว เท่าที่ได้กลิ่นก็รู้สึกว่าต้องขมเฝื่อนอย่างไร้ที่เปรียบแน่ๆ เขาเริ่มอยากรู้ว่าระหว่างที่นางกำลังลี้ภัย ก่อนเข้ามาในเป่ยฉี ที่แท้แล้วนางผ่านประสบการณ์ที่ไม่มีใครรู้อะไรมาบ้าง จึงสามารถเปลี่ยนองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ให้กลายมาเป็เช่นวันนี้ไปได้
ขณะที่จวินหวงวางถ้วยยาในมือลง ก็เห็นหนานสวินจ้องมองตนเองตาไม่กะพริบ นางสูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่งก่อนจะถามขึ้น "ในเมื่อหวางเหย่รู้สถานภาพข้าแล้ว เหตุใดจึงต้องแกล้งโง่ทำให้ข้าคล้ายเป็ตัวตลกไปเสียทุกครั้ง? บอกข้ามาตรงๆ ก็ได้มิใช่หรือ?"
"ในเมื่อเ้าไม่ยอมบอก เ้าก็ย่อมมีเหตุผลของตนเองเป็แน่ แล้วไยข้าต้องไปขัดขวางเจตนารมณ์ของเ้าด้วยเล่า เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าเพื่อการแก้แค้นแล้ว เ้าจะโง่เขลาเพียงนี้ คิดไม่ถึงจริงๆ" คำพูดของหนานสวินท้ายที่สุดแล้วก็อดพูดถึงสิ่งที่ใจคิดออกมาไม่ได้ สีหน้ายิ่งเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเื่นี้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเขามากมายเหลือเกิน
จวินหวงได้ยินแล้วก็ไร้วาจาไปชั่วขณะ อ้าปากแล้วอ้าปากอีกแต่ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ต่างให้ตนเองอย่างไร ในที่สุดก็ได้แต่หลุบสายตาลงมองพื้น หัวเราะเบาๆ ออกมาเสียงหนึ่ง "ท่านไม่ใช่ปลา ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าปลามีความสุข?[1] และท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าปลาไม่มีความทุกข์? หวางเหย่ไม่ใช่ผู้น้อย แล้วจะเข้าใจในความทุกข์ใจของผู้น้อยได้อย่างไร?"
กล่าวจบนางก็เงยหน้าขึ้นมองหนานสวิน ขอบตาเริ่มแดง น้ำเสียงก็แหบพร่าเล็กน้อย "หรือว่าหวางเหย่นึกว่าข้าอยากจะเป็เช่นนี้? ไยข้าจะไม่อยากมีชีวิตที่มั่นคงปลอดภัยเล่า? แต่ข้าสูญเสียทั้งบ้านเมืองและครอบครัว เื่พวกนี้จะให้ข้าลืมลงได้หรือ? หวางเหย่ไม่เคยผ่านเื่ราวพวกนี้เช่นผู้น้อย แม้ว่าจะเคยสังหารคน แต่หวางเหย่ก็เป็เทพาที่ผู้คนเลื่อมใสศรัทธา จะมาเข้าใจถึงความหวาดกลัวของผู้น้อยในวันนั้นได้อย่างไร?"
คำถามของจวินหวงแต่ละคำแต่ละประโยคล้วนทิ่มแทงใจเขา หนานสวินไม่รู้ว่าควรจะใช้คำพูดใดมากลบเกลื่อนความประหลาดใจในแววตาของตน จึงได้แต่แสดงความตื่นตะลึงของตนเองทั้งหมดออกมาต่อหน้าจวินหวง ไม่มีเก็บไว้แม้เพียงเสี้ยวหนึ่ง
"หากข้ามีทางเลือก? ข้าจะเป็เช่นนี้หรือ?" จวินหวงมองหนานสวินและกล่าวอย่างเฉยชาราวกับว่าไม่มีความรู้สึกใดๆ แต่ทุกคำล้วนเคาะลงไปที่หัวใจของหนานสวิน
"เื่บางเื่ก็ควรจะปล่อยวาง" หลังจากอัดอั้นมานาน หนานสวินก็ได้กล่าวคำพูดที่ไม่เจ็บไม่คันออกมาอย่างรู้สึกปลงสังเวช ยั่วให้จวินหวงหัวเราะเบาๆ ออกมาระลอกหนึ่ง
พิษที่อยู่ในร่างกายแพร่กระจายออกไปเล็กน้อย ดูเหมือนนางจะรู้สึกได้ถึงการไหลเวียนโลหิตอย่างช้าๆ ในร่างกายของตนเอง นางค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ แล้วถามขึ้น "หนานสวิน ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าเจอกับเื่อะไรมาบ้าง?"
เื่นี้คือเื่ที่หนานสวินอยากจะถามอยู่แล้ว ในเมื่อตอนนี้จวินหวงถามขึ้นมาเอง เขาก็ไม่ได้อิดเอื้อนแต่อย่างใด ฉวยโอกาสถามคำถามไปตามทิศทางที่นางเสนอขึ้น "จวินหวง บอกข้ามา เพราะเหตุใดเ้าถึงเคยถูกพิษ? และก่อนมาเป่ยฉี เ้าเคยผ่านอะไรมาบ้าง?"
จวินหวงเพียงแค่หัวเราะ คำถามของหนานสวินกระตุ้นเตือนถึงความเ็ปจากคืนวันเ่าั้ที่เป็เหมือนกับขุมพลังอันสามารถผลักูเาพลิกทะเล ที่กดดันนางจนแทบหยุดหายใจ
"วันนั้นหลังจากเมืองของข้าถูกตีแตกแล้ว ข้าก็ถูกคนไล่ต้อนมาจนถึงหน้าผา ถูกยิงด้วยธนูพิษจนได้รับาเ็ เดิมทีนึกว่าตัวเองคงต้องตายแน่ๆ แต่ที่ใต้หน้าผามีต้นไม้ใหญ่สูงตระหง่านต้นหนึ่ง ข้าถึงโชคดีรอดชีวิตมาได้ ที่ใต้หน้าผามีบุคคลผู้หนึ่ง คนผู้นั้นร้ายกาจ เก่งกาจด้านพิษและสามารถถอนพิษได้ เขาคิดว่าร่างกายของข้าพิเศษกว่าคนทั่วไป ก็เลยใช้ข้าทดลองยา ทางหนึ่งก็ช่วยถอนพิษให้ข้า อีกทางก็ใช้ร่างกายข้าทดลองพิษ"
"ข้านัดหมายกับเขาไว้... เขาให้อิสระข้า ทั้งยังถ่ายทอดวิชาแพทย์ให้ข้า พิษในร่างกายข้ารุนแรงมาก นานมากแล้วก็ยังไม่สามารถขจัดที่เหลือออกไปได้หมด ครั้งนี้... พิษสองอย่างมาชนกันย่อมหมดทางเยียวยา เื่ราวทุกอย่างข้าล้วนกระจ่างใจ"
จวินหวงพูดจบก็ค่อยๆ ลืมตามองหนานสวิน ในดวงตาเฉยเมยไร้ความรู้สึกราวกับว่าเื่ที่เพิ่งเล่าไปนั้นเป็เื่ราวของผู้อื่น
เห็นจวินหวงเป็เช่นนี้ ในลำคอของหนานสวินก็รู้สึกขมฝาด จวินหวงเล่าราวกับเป็เื่สบายๆ ไม่หนักหนาอะไร แต่เขาฟังแล้วถึงกับหวาดผวา แม้เขาจะไม่เคยเห็นว่าคนที่ถูกลองยาจะมีสภาพเป็อย่างไร แต่เท่าที่ฟังนางเล่าความเ็ปของคนที่ถูกลองยาได้รับคือ ความเ็ปทรมานที่กร่อนกินถึงกระดูกและหัวใจ
เขาอ้าปากคล้ายจะพูดอะไร แล้วยื่นมือมาลูบไล้เส้นผมของจวินหวง ั์ตาเต็มไปด้วยความสงสาร ในที่สุดก็ถอนใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วนำความที่ท่านหมอกล่าวบอกเล่าให้นางฟัง "ท่านหมอมาดูอาการเ้าแล้ว เ้าอาจจะเหลือเวลาไม่มาก... ไยไม่ปล่อยวางความแค้น แล้วใช้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้อย่างมีความสุขเล่า?"
"ข้ารับทุกข์ทรมานมาขนาดนั้น ตอนนี้ท่านจะให้ข้าปล่อยวาง จะเป็ไปได้หรือ? ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ข้ายังแค้นจนสามารถดื่มโลหิตถอนเส้นเอ็นของพวกเขาได้ด้วยซ้ำ" ดวงตาของจวินหวงฉายแววอำมหิต ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวออกมา
"เช่นนั้น เ้าคิดจะทำอะไรต่อไป?" หนานสวินรู้ดีว่าตนเองไม่สามารถเกลี้ยกล่อมจวินหวงได้
จวินหวงมองหนานสวิน พยายามขืนตัวหยัดกายให้ตั้งตรง แววตามีความแน่วแน่ "หนานสวิน ถ้าข้า้าให้ท่านช่วยข้า ท่านจะยินยอมหรือไม่?"
คำขอร้องของจวินหวงอยู่ในความคาดหมายของหนานสวินอยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจมากนัก เพียงแต่ยื่นมือไปประคองร่างที่โงนเงนของจวินหวงไว้ แล้วถามขึ้น "เ้า้าให้ข้าช่วยเหลือเ้าอย่างไร? เ้ามีแผนอะไรบ้าง?"
"ตอนนี้ข้าอยากจะให้ท่านช่วยตามหาน้องชายของข้าโดยเร็ว จากนั้นก็สังหารเ้าคนถ่อยขายชาติจวินอวี้ผู้นั้น ข้าตัวคนเดียวไร้อำนาจไม่มีทางที่จะทำได้ อีกทั้งตอนนี้ในราชสำนักเป่ยฉีของพวกท่านก็ไม่สงบ เดิมทีข้าคิดจะให้ฉีอวิ๋นช่วยข้า แต่เขาในเวลานี้ยังช่วยเหลือตนเองไม่ได้เลย ตอนนี้ข้าจึงเหลือทางแค่มาขอความช่วยเหลือจากท่านเท่านั้น" จวินหวงกล่าว
หนานสวินได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว "เ้าอยากให้ข้าช่วยเ้าอย่างไร?"
"ตงอู๋คอยจ้องแคว้นอื่นตาเป็มัน อีกไม่นานจะต้องยกทัพมาเป่ยฉีเป็แน่ ถึงเวลามีโอกาสลงมือก็สังหารจวินอวี้ก็พอแล้ว แต่ตอนนี้ข้าไม่รู้ว่าฮ่องเต้แคว้นอู๋อยู่ที่ไหน ถึงแม้ว่าฉีอวิ๋นจะช่วยข้าตามหาอย่างลับๆ มาโดยตลอด แต่ก็นานแล้วยังไม่มีข่าวคราวเลยสักนิด" พูดถึงตอนท้ายสุด ั์ตาของจวินหวงก็หม่นลง
หนานสวินหลุบตาลงครุ่นคิดครู่หนึ่ง รู้สึกได้ว่าทุกคำกล่าวของจวินหวงล้วนมีเหตุผล นับั้แ่ทัพใหญ่ของตงอู๋บุกเข้าซีเชว่เป็ต้นมา ก็ไม่เข้าร่วมพิธีการใดๆ ของสามแคว้นเลย แสดงให้เห็นว่าตงอู๋กำลังลับเขี้ยวเล็บ สะสมกำลังไพร่พล ไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่งอาจจะมีการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจวินหวง สตรีผู้หนึ่งจะมากไปด้วยความกล้าหาญและวิสัยทัศน์ อันเป็สิ่งที่บุรุษมากมายยังไม่มี ดังนั้นเขาจึงยิ่งต้องขยี้ตามองนางใหม่อีกครั้ง เขารู้สึกได้ว่าในตัวของจวินหวงมีจิติญญาที่เด็ดเดี่ยวไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อความอยุติธรรมประทับอยู่
จู่ๆ จวินหวงก็รู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมาเล็กน้อย ไอเบาๆ ออกมา หนานสวินได้สติก็คว้าเอาผ้าห่มด้านข้างมาคลุมร่างกายของจวินหวงไว้ ตบหลังนางเบาๆ ช่วยให้นางสงบอารมณ์ได้ "เ้าวางใจเถอะ เื่น้องชายของเ้า จะข้าให้คนไปตามหา ตอนนี้สิ่งที่เร่งด่วนก็คือเ้าต้องรีบรักษาตัวให้หายโดยเร็ว เยี่ยงนี้ถึงจะสามารถแก้แค้นให้กับิญญาของชาวซีเชว่ผู้ล่วงลับไปแล้วได้"
"ข้ารับปากเ้าแล้ว จะต้องช่วยเ้าแก้แค้นอย่างสุดกำลังความสามารถแน่นอน แต่เ้าก็ต้องรับปากข้า ทำการทุกอย่างอย่าวู่วามใจร้อน ทุกเื่ต้องบอกข้า อย่าแบกไว้เองคนเดียว จำไว้เ้ายังมีข้าอยู่"
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน จวินหวงดูเหม่อลอยไปเล็กน้อย ส่วนที่อ่อนนุ่มในหัวใจคล้ายถูกัั วันเวลาที่ผ่านมานี้นางแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่ตนเองผู้เดียว บอกว่าไม่เหนื่อยก็คงโกหก ตอนนี้มีคนคนหนึ่งบอกนางว่า นางไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกแล้ว นางจึงรู้สึกตื้นตันใจยิ่งนัก
หนานสวินก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง ถึงกล่าวคำพูดที่น่าซาบซึ้งเช่นนี้ออกไปได้ ชีวิตของเขาซ้ำซากจำเจอยู่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เขาคิดว่าสตรีเป็พวกจัดการรับมือยาก เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีสตรีคนหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย และอยากจะอ่อนโยนลงมาเพื่อนาง แต่งตัวให้นาง
ความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวของจวินหวงทำให้เขายอมจำนนด้วยความเลื่อมใส และยิ่งชื่นชมในตัวนางขึ้นอีกหลายส่วน การยึดมั่นในคุณธรรมน้ำใจ แยกแยะถูกผิดดีชั่วอย่างชัดเจนของนางยิ่งทำให้เขาชอบนางมากขึ้น ทั่วทั้งเป่ยฉีที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ เกรงว่าจะไม่มีใครเลยสักคนที่สามารถเข้ามาอยู่ในใจเขา ทำให้เขาคิดอยากจะปกป้องคุ้มครองเหมือนเช่นจวินหวงอีกแล้ว
"เ้ายึดมั่นในคุณธรรมน้ำใจเช่นนี้ เทพยดาย่อมจะไม่ทำให้คนที่มีน้ำใจสัตย์ซื่อเช่นเ้าผิดหวัง สักวันหนึ่ง์จะต้องช่วยเ้าแก้แค้นให้กับญาติมิตรชาวซีเชว่ที่ล่วงลับไปอย่างแน่นอน" หนานสวินกล่าว
จวินหวงฟังความแล้วก็หัวเราะเบาๆ ดวงตาของนางโค้งเป็เสี้ยวดูน่ามอง "ไม่เคยคิดมาก่อนว่าหวางเหย่จะเชื่อเื่เทพยดาด้วย"
คำพูดกระเซ้าของจวินหวงทำให้หนานสวินเคอะเขินจนหน้าแดง เขาไอเบาๆ ครั้งหนึ่งแล้วหันมองไปทางอื่น จึงไม่ได้เห็นใบหน้าที่อาบรอยยิ้มของจวินหวง
เวลาผ่านไปกว่าพวกเขาจะรู้สึกตัวอีกครั้งก็เป็เวลาดึกมากแล้ว จวินหวงลุกพรวดขึ้นมานั่งอย่างกะทันหันราวกับเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝัน จึงชนเข้ากับไหล่ของหนานสวิน เขาอดสบถออกมาด้วยความใไม่ได้ เนื่องจากจวินหวงขยับตัวเร็วเกินไป จนเกิดอาการวิงเวียนศีรษะซวนเซเล็กน้อย จึงยื่นมือไปยึดตั่งกุ้ยเฟยไว้ หนานสวินรีบเข้ามาประคองจวินหวง และถามด้วยความเป็ห่วง "เป็อย่างไรบ้าง ดีขึ้นหรือยัง?"
หลังจากลมหายใจของจวินหวงสงบนิ่งเป็ปกติ นางหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ส่ายหน้ายิ้ม แล้วตอบว่า "ไม่ร้ายแรงอะไร เพียงแต่ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ข้าควรต้องรีบกลับจวนเฉินอ๋อง เวลานี้เป็่เวลาที่พิเศษ จะให้ฉีเฉินระแวงไม่ได้"
หนานสวินฟังคำแล้วก็พยักหน้า ประคองจวินหวงลุกขึ้นยืน "้าให้ข้าส่งเ้ากลับไปหรือไม่?"
"ไม่ต้องหรอก รบกวนหวางเหย่ออกไปก่อน ข้าจะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ " จวินหวงกล่าวอย่างเขินอาย
..................................................................................................................
[1] ท่านไม่ใช่ปลา ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าปลามีความสุข? เป็บทสนทนาของ ‘จวงจื่อ’ กับสหายชื่อ ‘ฮุ่ยซือ’ มีความหมายว่า อย่าใช้ความคิดของตนเองไปตัดสินผู้อื่น