“แต่นางเป็สตรีของท่านจอมมาร” อู่เฉียงรู้สึกถึงความขมฝาดที่ต้องตระหนักถึงความจริงในเื่นี้ แม้นางไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ไม่ใช่คนในครอบครัว แต่นางเสมือนเป็สิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวให้เขารู้ว่าเขายังมีความเป็มนุษย์หลงเหลืออยู่
นั่นคือเงื่อนไขที่จอมมารเหิงหยางเซิงยอมให้นางอยู่ที่นี่ และให้เขารับนางเป็น้องสาวบุญธรรม
ซินหรานล้างไม้ล้างมือจนมั่นใจว่าสะอาด เช็ดมือจนแห้งสนิทแล้วยกถาดกาน้ำชาที่พ่อบ้านจูโหย่งเจาเตรียมไว้ให้แล้ว ชายชราวัยหกสิบที่ร่างกายกระฉับกระเฉง ดวงตาเรียวคู่นั้นมองเห็นร่างเล็กก้าวเร็วๆ มาทางเขาแล้วก็ส่ายหน้าไปมาระอาใจ พร่ำสอนเท่าไหร่นางก็ทำเหมือนจะไม่จดจำเอาเสียเลย
“มาแล้วเ้าค่ะ”
ซินหรานฉีกยิ้มกว้าง รู้ดีนางต้องโดนดุเป็แน่ แต่นางอาศัยตัวเองโดนตำหนิจนชินจึงได้แต่ยิ้มและรับฟังถ้อยคำเ่าั้ อย่างไรพ่อบ้านจูโหย่งเจาเป็คนปากร้ายแต่ใจดี ไม่ว่านางจะทำสิ่งใดผิดแค่ไหน อย่างมากก็แค่ถูกตำหนิไม่เคยลงโทษนางรุนแรงสักคราเดียว
“ไปได้แล้ว” หลังจากบ่นพอให้นางรู้ตัวความผิดที่ล่าช้าแล้วก็เดินนำมาที่ห้องอักษรของท่านเหิงหยางเซิง ก่อนมือเหี่ยวย่นจะผลักบานประตูเข้าไป พ่อบ้านจูเหลียวมองหญิงสาวเล็กน้อย เห็นนางทิ้งท่าทีซุกซนมาเป็สำรวมใบหน้าไร้รอยยิ้มแล้ว เขาจึงเอ่ยปากส่งเสียงไปก่อนผลักบานประตูเข้าไป
แม้ซินหรานจะอยู่ที่นี่ด้วยฐานะหญิงรับใช้ แต่นางรับใช้เพียงท่านเหิงหยางเซิงเพียงผู้เดียว แม้ท่านเหิงจะมีหญิงงามนางบำเรอหลายคน แต่หญิงเ่าั้ไม่มีสิทธิ์เอ่ยปากเรียกใช้นางได้ นางทำงานรับใช้อยู่ใกล้ๆ เหิงหยางเซิงจะเรียกว่าสาวใช้ข้างกายก็ไม่ผิดนัก แม้นางอยู่ที่นี่มาั้แ่แปดขวบ แต่นางเพิ่งได้รับใช้ใกล้ชิดเช่นนี้เมื่อสองปีที่แล้วนี่เอง
หญิงสาวประคองถาดกาน้ำชาไปที่โต๊ะน้ำชามุมห้องอักษร นางก้มหน้ามองเพียงสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของตน แต่กระนั้นก็รู้ว่าเหิงหยางเซิงนั่งก้มหน้ากับม้วนหนังสือ พ่อบ้านจูโหย่งเจาเข้าไปกระซิบพูดคุยไม่กี่คำแล้วย้ายสายตามาทางซินหราน น้ำชาของท่านเหิงต้องชงใหม่ใช้น้ำร้อนพอดี นางฝึกชงชาตามธรรมเนียมมาหลายปี ั้แ่สิบขวบก็ว่าได้ คนที่กินน้ำชามากที่สุดไม่พ้นองครักษ์อย่างอู่เฉียง อู่ยินและอู่ชิง คนเหล่านี้ล้วนลิ้นพองและเคยสำลักน้ำชาที่ไม่ได้ความของนางมาแล้ว รวมทั้งตัวนางที่ถูกพ่อบ้านจูโหย่งเจาดุด่าจนเผลอทำน้ำร้อนลวกมือ
เมื่อครั้งที่นางแค่แปดขวบ นางช่วยงานอยู่กับพ่อครัวเจี่ยนหยิบจับโน้นนี่เล็กน้อยๆ พอว่างพ่อบ้านจูโหย่งเจาสอนนางจับพู่กันเขียนชื่อตัวเอง สอนอ่านเขียน โดยไม่สนใจว่านางเป็หญิง เพราะนางจำได้ลางๆ ว่าตอนที่นางยังอยู่กับบิดามารดานั้น บิดาพร่ำสอนว่าเป็หญิงไม่ต้องเรียนหนังสือ เมื่อพ่อบ้านจูโหย่งเมตตาสอนให้นางอ่านเขียน นางจึงตั้งใจเรียนรู้ และก็อีกนั้นและ นางฝึกเขียนชื่อตัวเองได้ นางก็ฝึกเขียนชื่ออู่เฉียงเป็ชื่อที่สอง แม้ลายมือเรียกได้ว่าระดับเดียวกับไก่เขี่ย แต่นางวิ่งเอาไปอวดอู่เฉียง อู่ชิงกับอู่ยินเห็นเข้าบ่นน้อยใจที่นางไม่เขียนชื่อให้พวกเขาบ้าง นางจึงกลับมาฝึกฝนอีก แม้ไม่มีกระดาษกับหมึก นางก็ใช้กิ่งไม้ขีดบนพื้นดิน
งานในครัวที่เด็กแปดขวบทำได้นั้นมีมากกว่าที่คิด แค่ล้างผักอย่างเดียว ทำให้มือเล็กๆ ของนางทั้งซีดและเหี่ยวย่นมาแล้ว ใน่ที่อากาศหนาวจัด หิมะโปรายปราย นางล้างผักให้พ่อครัวเจี่ยนจนมือชาไร้ความรู้สึก อู่เฉียงบังเอิญผ่านมาเห็นนางที่ปากสั่นอยู่ รีบคว้ามือน้อยๆ ของนางมาถูขับไล่ไอเย็นไป
“คนในครัวมีตั้งมากมาย ไยเ้าต้องมาทำอะไรเช่นนี้”
“ข้าไม่เป็ไรเ้าค่ะ” นางตอบทั้งที่ปากสั่น แล้วฝืนยิ้มให้ “พี่อู่เฉียงฝึกหนักกว่าข้าอีก เื่แค่นี้ข้าทนได้”
“เ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าฝึกหนัก” เสียงสูดลมหายใจลึกของอู่เฉียงนั้นทำให้นางหดคอเป็เต่าตัวน้อย
“พ่อครัวเจี่ยนบอกว่า การล้างผักไม่ต่างจากการฝึกยุทธ ต้องสังเกตและเลือกให้ดี ใช้ให้ถูกส่วน ผักต้องล้างในสะอาด ส่งผลต่อรสชาติของอาหาร”
“พอเถอะ เ้าตัวแค่นี้จะอะไรกันหนักหนา” อู่เฉียงบ่นแม้รู้ดีว่าเด็กที่ถูกส่งตัวมาอยู่ที่พรรคเพลิงอัคนีนั้นส่วนใหญ่เป็เด็กกำพร้า เด็กที่ถูกขายทิ้งไร้ญาติขาดมิตร ถูกเลี้ยงดูเพื่อเป็นักฆ่า ไม่มีใครสนใจ หรอกว่าเด็กอายุมากหรือน้อยเพียงใด ซินหรานอยู่แต่ในคฤหาสน์เพลิงอัคนีจึงไม่รู้ว่าค่ายฝึกโหดร้ายทารุณมากเพียงใด เขาเองเคยผ่านมาแล้ว เด็กยี่สิบคนจะเหลือรอดอยู่แค่สามหรือสี่คนเท่านั้น
เด็กหญิงตัวน้อยส่ายหน้าไปมาจนผมยาวที่ถักเปียสองข้างแกว่งไปมา “ถ้า...ถ้าข้าทำได้ดี...พ่อบ้านเจี่ยนจะอนุญาตให้ข้าทำของอร่อยๆให้พี่อู่เฉียงกิน”
“อะไรนะ!”
“พี่อู่เฉียงใจดีกับข้ามาก ข้าตอบแทนพี่อู่เฉียงได้เพียงแค่นี้” เด็กน้อยฉีกยิ้มกว้าง ความเย็นจากฝ่ามือหายไปหมดสิ้น
“เด็กโง่”
เมื่อหวนคิดถึงอดีตก็อดยกมุมปากยิ้มไม่ได้ หญิงสาวก้มหน้าอยู่ เมื่อนางชงชาเสร็จจึงเก็บรอยยิ้มกลับคืน พ่อบ้านจูโหย่งเจาบอกว่า ท่านจอมมารเหิงหยางเซิงชอบให้บ่าวรับใช้สงบเสงี่ยมและสำรวมกิริยาอยู่เสมอ เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านจอมมารแห่งพรรคเพลิงอัคนี นางจึงมีสีหน้าเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกไปด้วย
พ่อครัวเจี่ยนสอนทำอาหาร พ่อบ้านจูโหย่งเจาสอนเื่งานต่างๆ นางเรียนรู้และฝึกฝนอยู่เสมอ อาจเป็เพราะว่านางรู้สึกว่าตนเองเป็คนเดียวที่ไม่เป็วรยุทธ แม้แต่บ่าวรับใช้คนอื่นๆ ยังมีวรยุทธบ้าง แต่นางกลับไม่เป็อะไรเลย นางจึงพยายามทำตัวให้มีประโยชน์มากที่สุด ได้ใช้ชีวิตในสถานที่ที่น่ากลัวที่สุด นางกลับรู้สึกว่าที่นี่ปลอดภัยที่สุด
เพียงการกลอกตาของเหิงหยางเซิง พ่อบ้านจูโหย่งเจาก็เข้าใจความหมาย ร่างผอมบางค้อมกายแล้วถอยออกไปอย่างเงียบเฉียบ ซินหรานยกถ้วยน้ำชามาถึงมือของเหิงหยางเซิงที่ยื่นมือไปรับพอดี เมื่อพ่อบ้านไม่อยู่แล้วนางจึงเข้าไปยืนข้างๆ ค้อมตัวลงฝนหมึกด้วยท่าทีสำรวมยิ่ง เพราะนางเอาแต่ก้มหน้าจึงไม่รู้ว่าสายตาของเหิงหยางซิง จับจ้องที่ร่างบอบบาง แม้มีหญิงงามนางบำเรออยู่มากและจัดให้อยู่ในบริเวณของตนเองมิให้ออกเดินเพ่นพ่านด้านนอก หลายปีมานี้จากเด็กหญิงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวมาบัดนี้เติบโตจนดวงหน้าประดับรอยยิ้ม