ปฏิบัติการ ‘กวาดล้างอิทธิพลมืด’ ในเมืองเซี่ยหยางปิดตัวลงไปั้แ่สัปดาห์ที่แล้ว
แต่สำหรับประชาชนทั่วไปแล้ว ราวกับไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ทุกอย่างยังคงเป็เหมือนเดิม ถ้าจะว่าเปลี่ยนก็คงมีเพียงอากาศที่ร้อนมากกว่าเดิมเท่านั้น
แต่สำหรับคนบางส่วนในเมืองเซี่ยหยาง หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงราวฟ้ากับเหวเลยก็ว่าได้
เริ่มั้แ่มือวางอันดับหนึ่งในเมืองเซี่ยหยางได้เลื่อนตำแหน่ง และได้ย้ายเข้าส่วนกลาง ‘มือวางอันดับสาม’ หวูเหวินเซี่ยงได้เลื่อนเป็นายกเทศมนตรีได้สำเร็จ แม้ว่าหวูเหวินเซี่ยงจะเป็เพียงมือวางอันดับสอง แต่เพราะมือวางอันดับหนึ่งคนใหม่ที่เพิ่งเลื่อนขึ้นมานั้นเกี่ยวข้องกับอิทธิพลมืด ถูกส่วนกลางเรียกตัวไป ‘ดื่มน้ำชา’ แล้ว จึงทำให้หวูเหวินเซี่ยงกลายเป็ผู้มีอำนาจบริหารสูงสุดในเมืองนี้ไปโดยปริยาย ในขณะเดียวกัน ก็มีคนบางส่วนที่สังเกตเห็น คนที่มีความสนิทสนมกับหวูเหวินเซี่ยงไม่มีใครได้รับผลกระทบ และไม่มีความเสียหายใดๆ จากปฏิบัติการครั้งนี้ บางคนถึงขั้นได้เลื่อนตำแหน่ง
นอกจากนี้ บิวตี้คลับที่เคยมีชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองเซี่ยหยาง และดังไกลไปถึงจังหวัดฮิระกะวะได้ปิดตัวลงแล้ว สำหรับคนในวงการอิทธิพลมืด มันเป็สัญลักษณ์ว่าสายของอันเต๋อเซิ่งแพ้อย่างราบคาบแล้ว ในขณะที่สายของฮานซานฉางและกระทิงกำลังเติบโต และขยายขอบเขตอำนาจอย่างรวดเร็ว
ทว่าผู้ที่เป็คนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ ฉินหลางที่กำลังแอบนอนฝันหวานอยู่หลังห้องเรียน
ขนาดเสียงกริ่งเลิกเรียน ยังไม่อาจจะทำให้เขาตื่นได้เลย
ที่เป็อย่างนี้ก็เพราะว่า ฉินหลางโดนเถารั่วเซียงเรียกไปติวบนชั้นสามของอาคารห้องสมุด ติดต่อกันมา 3 วันแล้ว
ห้องติวที่อยู่ชั้นสามของอาคารห้องสมุด ถูกคนจำนวนมากในชีจงเรียกว่า ‘ป่าช้าที่ไฟไม่มีวันดับ’ เพราะที่นี่เป็ห้องติวที่ทางโรงเรียนเตรียมไว้เพื่อนักเรียนม.6 โดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจว่าไฟที่นี่จะไม่มีวันดับ ทางโรงเรียนเตรียมเครื่องปั่นไฟสำรองไว้เพื่อห้องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งผู้นำของชีจงเคยให้สัมภาษณ์อย่างภาคภูมิใจว่า เพราะมีห้องติว 24 ชั่วโมงนี้ทำให้นักเรียนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เพิ่มขึ้น เฉลี่ย 3 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว! ทว่าอยู่ภายใต้ป่าช้าที่ไฟจะไม่มีวันดับนี้ มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่ง่วงหลับ หรือบางรายถึงขั้นเป็ลมหมดสติ ไปในขณะติว เพราะความเหนื่อยล้า
แต่สำหรับฉินหลางแล้ว ที่นี่ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เพราะอย่างน้อยข้างกายยังมีเถารั่วเซียงอยู่เป็เพื่อนเขา ด้วยความที่ฉินหลางต้องติวถึงหลังเที่ยงคืน ทันทีที่ไก่เริ่มขัน เขาก็ต้องไปฝึกยุทธ์อีก เป็แบบนี้ต่อเนื่องหลายวัน ทำให้่เช้าเขาไม่อยู่ในสภาวะปกติเลย โดยส่วนมากเขาจะหลับรวดเดียวจนถึงบ่ายเลย
ปึงๆๆ! ปึงๆ!
อยู่ดีๆ ก็มีคนเคาะโต๊ะเรียนของฉินหลางแรงๆ ติดต่อกันหลายที เห็นได้ชัดว่า้าปลุกให้เขาตื่น
ตอนแรกฉินหลางเข้าใจว่าอาจารย์้าปลุกเขา ดังนั้นแม้เขาจะไม่เต็มใจ ก็ยังคงลืมตาที่ง่วงเหงาหาวนอนอยู่ดี
ในขณะที่ม่านตาค่อยๆ เปิดออก ทำให้เห็นใบหน้าที่งดงามค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเช่นกัน ทำให้อาการหลับๆ ตื่นๆ เมื่อครู่นี้ กลายเป็กระปรี้กระเปร่าขึ้นทันตาเห็น
สาวสวยนี่นา!
สาวสวยที่แท้จริงนี่นา!
สาวสวยที่ยิ่งมองก็ยิ่งสวย!
ในใจของฉินหลางเผลอชมขึ้นสามระดับ ร่างกายที่เหนื่อยล้าอ่อนแรงกลับมากระปรี้กระเปร่าเหมือนเดิมทันที เขามองสาวสวยที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่ชื่นชมปนทะลึ่งนิดๆ
สูงประมาณ 172 เิเ รูปร่างอรชร ต่อให้เธอสวมชุดวอร์มของโรงเรียน กับรองเท้าผ้าใบธรรมดาๆ แต่ก็ไม่สามารถปกปิดรูปร่างสะโอดสะอง อรชรอ้อนแอ้นของเธอได้ เป็ผู้หญิงที่แต่งหน้า เธอมีหน้าม้าบางๆ เปียเกลียวแล้วรวบง่ายๆ กับแว่นหนาเตอะ โดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงที่แต่งตัวแบบนี้มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็หนอนหนังสือเฉิ่มๆ แต่ว่าคนตรงหน้าฉินหลาง กลับเป็สาวสวย เป็สาวสวยที่ยิ่งมองก็ยิ่งสวย ยิ่งดูก็ยิ่งสง่างาม
‘คนตรงหน้าต้องเป็คนสวยที่ตั้งใจปกปิดความสวยแน่นอน!’ ฉินหลางได้ทำการคาดเดาอย่างแม่นยำในใจเรียบร้อยแล้ว
น่าเสียดายที่เธอไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิดเดียว ไม่มองหน้าเขาตรงๆ ด้วยซ้ำ ถามตามหน้าที่ “นายคงจะเป็ฉินหลางสินะ? นายย้ายมาที่โรงเรียนชีจงไม่ถึงครึ่งเดือนด้วยซ้ำ แต่กลับขาดเรียนแล้ว 32 คาบ ถ้าลบคาบที่นายลาไป ก็ยังคงขาดอีก 24 คาบอยู่ดี ตามระเบียบแล้ว หลังเลิกเรียนวันนี้นายต้องไปพบอาจารย์ประจำชั้น ถ้านายยังเป็แบบนี้อยู่ นายก็คงเรียนอยู่ที่ชีจงต่อไม่ได้…”
“เดี๋ยวก่อน—”
เมื่อสาวสวยคนนี้พูดตามหน้าที่เสร็จ และกำลังจะหันหลังกลับ จู่ๆ ฉินหลางก็ลุกพรวดพร้อมกับเรียกเธอเอาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งใ ทั้งค่อยแน่ใจว่า “เธอ… เธอคือเ้าเด็กขี้มูกโป่งใช่ไหม!”
คนรอบข้างฉินหลางรวมไปถึงจ้าวเหว่ย รู้สึกคล้ายจะเป็ลม ตอนแรกพวกเขาเห็นฉินหลางตื่นเต้นมากขนาดนี้ ยังคิดว่าฉินหลางตกหลุมรักและ้าจะสารภาพรักซะอีก คิดไม่ถึงเลยว่า ฉินหลางจะเรียกหัวหน้าห้องสาวว่า ‘เด็กขี้มูกโป่ง’ นี่มันเท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ เลย ใครไม่รู้บ้างว่าหัวหน้าห้องม.6 ห้อง 11 ขึ้นชื่อเื่ความเ็ามากขนาดไหน
แล้วก็เป็อย่างที่ทุกคนคิดไว้ สาวสวยคนดังกล่าวหันขวับกลับมาทันที แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ ในแววตาเธอไม่มี ‘ความโกรธ’ อยู่เลย นอกจากนี้ใบหน้าที่เ็ามาโดยตลอดยังดูดีใจไม่น้อยด้วย “นาย… อย่าบอกนะว่านายคือ*เสี่ยวจินกัง?”
ฉินหลางพยักหน้าด้วยความเก้อเขิน บนใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง “คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็เธอจริงๆ! เธอยังจำ ‘โรงเรียนอนุบาลดอกทานตะวัน’ ได้ไหม?”
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นายจริงๆ” สาวสวยพูดพร้อมกับพยักหน้ารัวๆ
“อีกอย่าง ฉันจำชื่อของเธอไม่ได้แล้ว” ฉินหลางพูดด้วยความเคอะเขิน “ฉันชื่อฉินหลาง”
“ไม่เป็ไร ฉันก็จำชื่อนายไม่ได้แล้วเหมือนกัน ฉันชื่อ รั่วปิน”
“รั่วปิน…รู้สึกเหมือนชื่อนี้คุ้นจัง” ฉินหลางพูดด้วยรอยยิ้ม
“เพราะว่าฉันเป็หัวหน้าห้องไง”
“…”
เด็กขี้มูกโป่ง? เสี่ยวจินกัง?
ทุกคนต่างใ อย่าบอกนะว่าเวลาเจอผู้หญิงสวยๆ ให้เรียกเธอว่า ‘เด็กขี้มูกโป่ง’ เป็วิธีการจีบสาวที่มาแรงและดูดีที่สุดตอนนี้งั้นเหรอ? อีกอย่าง เ้าหมอนี่ก็แกล้งเบลอเก่งจริงๆ เลย ถึงแม้จะเป็นักเรียนใหม่ แต่ก็มาเรียนที่นี่ตั้งครึ่งเดือนแล้ว เ้าหมอนี่จะไม่รู้จักหัวหน้าห้องได้ยังไง!
ความจริงแล้ว เพื่อนๆ นักเรียนต่างก็เข้าใจฉินหลางผิด แม้ว่าเขาจะย้ายมาครึ่งเดือนแล้วก็ตาม แต่มี่หนึ่งที่เขาต้องขาดเรียนบ่อยๆ แล้วไหนจะหลับในเวลาเรียนอีก อีกอย่างโต๊ะของฉินหลางอยู่แถวหลังสุด ในขณะที่เด็กฉลาดอย่างรั่วปินนั่งอยู่แถวหน้าสุด แล้วเวลาอยู่ในห้องก็ไม่เคยคุยกันด้วย
ถ้าวันนี้รั่วปินไม่ได้เป็ฝ่ายเดินมาหาฉินหลาง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไรพวกเขาถึงจะได้พบกัน
ตอนนี้ ฉินหลางเข้าใจคำว่า ‘สาวสวยอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ แต่เสียดายที่ฉันไม่รู้จัก’ สาวสวยขนาดนี้ อยู่ใกล้กันจนแทบจะเดินชนไหล่ ฉินหลางยังเกือบจะคลาดกับเธอเลย ถ้าฉินหลางยังใช้ชีวิตแบบเดิมอยู่ สงสัยยันจบไปม.ปลายไปแล้วอาจยังไม่มีโอกาสรู้จักรั่วปินก็ได้
แต่ตอนนี้ต่างกับตอนแรกโดยสิ้นเชิงแล้ว
“จ้าวเหว่ย คาบหน้าเราแลกที่นั่งกันนะ?” รั่วปินพูดขึ้นกับจ้าวเหว่ย คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็คนขอเปลี่ยนที่นั่งกับเ้าเหว่ยเอง
แถวของรั่วปินอยู่แถวที่สาม เรียกได้ว่าเป็ ‘ที่นั่งที่ดีที่สุด’ ที่ที่เด็กเรียนดีเท่านั้นจะได้สิทธิ์เลือกก่อน ถึงนี่จะไม่ใช่ระเบียบ แต่ก็เป็ธรรมเนียมปฏิบัติอีกข้อหนึ่งของชีจงเลยนะ แต่ประเด็นคือจ้าวเหว่ยเขาไม่ได้ตั้งใจเรียนอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างเขาก็ไม่อยากจะนั่งฟังอาจารย์สอนอยู่ข้างหน้าด้วย เขาไม่อยากเปลี่ยนที่นั่งกับรั่วปินเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะที่ตรงนั้นอยู่ในสายตาของอาจารย์ แต่เมื่อเห็นใบหน้า ‘ถมึงทึง’ ของฉินหลาง จ้าวเหว่ยจึงจำต้องตกลง หยิบหนังสือเรียนแล้วเดินไปนั่งข้างหน้า
“นี่ ฉินหลาง เด็กที่เพิ่งย้ายมาใหม่นี่แม่มเป็ตัวซวยจริงๆ เลย!” ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงที่ไม่เป็มิตรดังขึ้นข้างๆ ฉินหลาง
*เสี่ยวจินกัง : เป็ตัวละครยอดมนุษย์ ซูเปอร์ฮีโร่ ที่สมมติขึ้นมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้