หลังจากที่ยืนได้มั่นคงแล้วจิ่งจื่อก็อดที่จะค่อนขอดไม่ได้ว่า “คุณชายอ๋าวเรียนรู้ได้ไวดีนี่!”
อ๋าวหรานยิ้มกริ่มตอบว่า “ผลัดกันเรียนรู้ จะได้ก้าวหน้าไปด้วยกันอย่างไรเล่า”
คนทั้งสองประลองกันมาตั้งนาน ตอนนี้หลังจากยืนได้มั่นคงแล้วต่างคนต่างก็เริ่มหอบหายใจกันแล้ว ถึงแม้กระบวนท่าสุดท้ายอ๋าวหรานจะไล่ต้อนจนจิ่งจื่อไม่อาจไม่ถอยหลังไป แต่ถ้ายังสู้กันต่อไป อ๋าวหรานก็คงแพ้มากชนะน้อย
คนทั้งสองบนเวทีประลองนั้นอย่างไรก็ได้ แต่คนด้านล่างเวทีในใจกลับมีคลื่นลมพัดกรรโชก โดยเฉพาะพวกลูกหลานตระกูลจิ่งแต่ละคนพากันปากอ้าตาค้าง ตะลึงงันเป็อย่างยิ่ง คนตระกูลจิ่งที่กำลังเรียนอยู่ตอนนี้มีไม่น้อย การประลองระหว่างอ๋าวหรานและจิ่งจื่อ ทุกคนอาจจะไม่สนใจในตัวอ๋าวหราน แต่อัจฉริยะน้อยจิ่งจื่อ บุคคลผู้ทรงอิทธิพลในหมู่ลูกหลานตระกูลจิ่งรุ่นเล็กคนนี้นั้น ทุกคนค่อนข้างให้ความสนใจเลยทีเดียว
ไม่ต้องพูดถึงอ๋าวหราน ต่อให้เป็หมู่บ้านสกุลอ๋าวพวกเขาก็ไม่สนใจ ตระกูลเช่นหมู่บ้านสกุลอ๋าวสำหรับตระกูลจิ่งแล้วนั้นก็เป็แค่ตระกูลเล็กๆ วรยุทธ์ของตระกูลอ๋าวในบริเวณพื้นที่เล็กๆ รอบตระกูลแถวนั้นก็คงถือได้ว่าน่าเกรงขามอยู่ แต่สำหรับตระกูลจิ่งแล้วไม่นับเป็อะไรได้
ดังนั้นในสายตาของพวกเขาจิ่งจื่อคงจัดการอ๋าวหรานได้ในเวลาไม่นาน แต่ตอนนี้ทั้งสองคนสู้กันมาตั้งนาน สำหรับความธรรมดาของอ๋าวหรานก็ช่างเถอะ แต่จิ่งจื่อเองก็ยังถูกอ๋าวหรานทำให้าเ็เข้าให้เหมือนกัน ถึงแม้แผลทั้งหมดจะเป็แค่ปลายกระบี่เฉียดผ่านแค่นิดหน่อย แต่ก็พอที่จะทำให้คนใได้แล้ว
โดยเฉพาะพวกที่วรยุทธ์ไม่ดีนัก ถ้าหากเป็คนที่วรยุทธ์แกร่งกล้านั้นก็ยังสามารถรู้ได้ว่าการประลองครั้งนี้อ๋าวหรานแพ้แล้ว แต่พวกที่วรยุทธ์แย่หน่อยกลับจะคิดว่ากระบวนท่าสุดท้ายของอ๋าวหรานโจมตีจนทำให้จิ่งจื่อต้องถอยไปด้านหลัง หรือว่าวรยุทธ์ของอ๋าวหรานจะแกร่งกล้ามากจริงๆ
ทั้งสองเพิ่งลงมาจากเวที พวกจิ่งเซียงก็รีบเข้าไปรับ
จิ่งฝาน “ขโมยเรียนวิชาคนอื่นได้ไม่เลวเลย”
ถูกอัจฉริยะชม อ๋าวหรานเองก็มีความสุขเป็อย่างมาก ยิ้มพร้อมยื่นกระบี่ในมือออกไป “กระบี่ของเ้า ขอบใจนะ”
จิ่งฝานส่ายหน้า “กระบี่นี้ให้เ้าแล้ว”
อ๋าวหรานอึ้งไป ปฏิเสธว่า “ได้อย่างไรกัน?”
จิ่งฝานไม่เปิดโอกาสให้ลังเลสงสัย “รับไว้เถอะ กระบี่นี้ดูแล้วให้ความรู้สึกโปร่งสบาย แต่ชื่อกลับดุดันยิ่ง มันมีนามว่าจ่านเช้อ[1] นี่เป็หนึ่งในผลงานที่ปรมาจารย์ตีกระบี่ ‘กงซุนมู่’ ภาคภูมิใจเป็อย่างยิ่ง ข้ากับเขาเป็เพื่อนต่างวัยกัน เขามอบกระบี่ลักษณะดีให้ข้าหลายเล่ม เล่มนี้เป็กระบี่ยาว ไม่เหมาะจะให้ลูกหลานตระกูลจิ่งเราใช้ จะอย่างไรก็วางไว้เฉยๆ ก็น่าเสียดาย พอดีมอบให้เ้าจะได้ไม่ผิดต่อความเหนื่อยยากของท่านกงซุน”
นี่ถือเป็ครั้งแรกที่อ๋าวหรานได้ยินจิ่งฝานพูดติดต่อกันรวดเดียวยาวขนาดนี้ เมื่อก่อนถึงแม้เขาจะพูดอย่างอ่อนโยนมีมารยาท แต่จะเป็รูปแบบที่สามารถพูดได้น้อยที่สุดเท่าไรก็ยิ่งดี จึงรู้สึกซาบซึ้งเป็อย่างยิ่งจนอ๋าวหรานเองยังรู้สึกว่าถ้ายังปฏิเสธต่อไปก็คงจะดูงี่เง่าเกินไปแล้ว
“ถ้าเช่นนั้นก็ ขอบคุณเ้าแล้ว”
จิ่งฝานยิ้มตามออกมาทีหนึ่ง หลังจากนั้นก็หมุนตัวกลับไปพูดกับคนที่เหลือ “วันนี้ทุกคนประมือกับคุณชายอ๋าว อ๋าวหรานคนละรอบ หากยังไม่ถึงรอบของตัวเองจงทำเหมือนเวลาปกติ จับคู่ฝึกซ้อมกันเอาเอง”
“รับทราบ!” คนที่เหลือสิบกว่าคนตอบรับ ถึงแม้อ๋าวหรานจะแสดงความร้ายกาจของตนเองออกมาแล้ว ภายนอกดูเหมือนจะสามารถประมือกับจิ่งจื่อได้อย่างสูสี แต่คนตระกูลจิ่งพวกนี้กลับไม่ใช่ตะเกียงที่ไร้น้ำมัน [2] เดิมทีก็อยากจะแลกเปลี่ยนฝีมือกับอ๋าวหรานอยู่แล้ว พอจิ่งฝานพูด แต่ละคนก็ถูไม้ถูมือ อยากลองดูกันยกใหญ่
อ๋าวหรานกลับตะลึงค้างหันศีรษะไปมองจิ่งฝาน จิ่งฝานยกริมฝีปากเป็รอยยิ้ม ในตามีแววแปลกประหลาด
“ท่านพี่ อ๋าวหรานาเ็แล้ว เกรงว่าคงไม่สามารถวนประลองกับคนทั้งหมดได้” จิ่งเซียงได้ยินการตัดสินใจของจิ่งฝานอดกังวลใจไม่ได้
จิ่งฝานแค่หันศีรษะมายิ้มแล้วถามอ๋าวหราน ในตามีแววให้กำลังใจ “ได้หรือไม่?”
อ๋าวหรานลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า ในใจเดาว่าจิ่งฝานคงจะอยากให้ตนเองประลองให้มากสักหน่อย เพื่อจะได้แสดงพลังที่แอบซ่อนไว้ในตัวออกมา ถึงแม้ประมือกับจิ่งจื่อจะได้รับาเ็มาเล็กน้อย แต่าแแค่นี้เขายังคงรับไหว อีกทั้ง เขาไม่อาจปฏิเสธสายตาพิฆาตของจิ่งฝานได้จริงๆ
ตระกูลจิ่งคนอื่นๆ ที่พอจะรู้จักคุ้นเคยกับอ๋าวหรานอยู่บ้างก็มีแค่จิ่งรุ่ย มองเห็นคนส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้าไป นางจึงเริ่มก้าวออกมาก่อน พูดว่า “คุณชายอ๋าว คงไม่รังเกียจข้านะ?”
อ๋าวหรานตอบพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เลย”
ความสามารถของจิ่งรุ่ยเองก็ไม่เลว ถึงแม้จะใช้พลังเต็มที่ อ๋าวหรานก็ยังเสียแรงเสียเวลาไปไม่น้อย เทียบกับจิ่งเซียง แม้นางน้อยคนนี้ลงมือโเี้กว่า อ๋าวหรานอดทอดถอนใจไม่ได้ว่าไม่อาจมองคนแต่ภายนอก แต่กระบวนท่าของจิ่งรุ่ยนั้นเทียบกับความเร็วและความรัดกุมไร้ช่องโหว่ของจิ่งเซียงไม่ได้ อ๋าวหรานสามารถหาช่องโหว่เจอได้อยู่เรื่อยๆ และเป็เพราะกระบวนท่าของจิ่งรุ่ยค่อนข้างช้าจึงทำให้อ๋าวหราน เห็นกระบวนท่าบางท่าของตระกูลจิ่งได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เื่นี้ทำให้อ๋าวหรานตื่นเต้นเป็อย่างยิ่ง ตอนนี้เขาเป็เหมือนกับฟองน้ำ คิดแต่จะดูดซับสิ่งต่างๆ เข้าไปให้มากขึ้น
การประลองรอบนี้ใช้เวลานานกว่ารอบของจิ่งเซียง หลังจากชนะแล้วอ๋าวหรานอดหายใจยาวๆ เข้าไปครั้งหนึ่งไม่ได้
ต่อไปคงเป็ศึกหนักจริงๆ คนตระกูลจิ่งพวกนี้อย่างกับใช้ชีวิตเป็เดิมพัน แต่ละคนคึกคักเหลือหลาย ยิ่งรอบหลังๆ อ๋าวหรานก็ยิ่งต้านไม่ไหวแล้ว ไม่ระวังเพียงเล็กน้อยก็ได้แผล วันนี้เขาสวมเสื้อคลุมสีเขียวไผ่ ตอนนี้กลายเป็สีคล้ำไปเป็แถบๆ
----------------------------------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] จ่านเช้อ (斩掣)แปลว่าการตัด หรือ สับอย่างรวดเร็ว
[2] ไม่ใช่ตะเกียงที่ไร้น้ำมัน (不是省油的灯)หมายถึงพวกที่ชอบสร้างความยุ่งยาก ความลำบากให้คนอื่น