บทที่ 193 ข้าชื่อฉู่อวิ๋น!
ภายใต้ท้องฟ้าสีคราม การต่อสู้หยุดลง และทุกคนในจัตุรัสก็เงียบงัน
ลมหนาวพัดใบไม้ที่ร่วงหล่นดัง “ฟิ้ว” ทำให้เกิดเสียงกรอบแกรบ บรรยากาศหนาวเหน็บ
เวลาคล้ายจะหยุดเดิน
ตอนนี้ ทุกคนตกตะลึง อ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองไปที่กลางเวทีเท่านั้น
มีร่างชายหนุ่มร่างหนึ่ง สูงใหญ่และองอาจ ยืนถือกระบี่พาดบ่า ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์เย่อหยิ่ง
เสื้อผ้าของเขาเปื้อนเื ทว่าดูสง่างาม และมุ่งมั่น ผมสีดำปลิวไสว คิ้วโค้งคม สีหน้านิ่งสงบ
ใช่แล้ว ตอนนี้ทุกคนต่างก็เห็นใบหน้าของชายหนุ่มคนนี้ได้แล้ว
แม้จะเห็นเพียงครึ่งเดียวก็ตาม
“แกร๊ก--”
ทันใดนั้น ชิ้นส่วนที่เหลือของหน้ากากผีร้ายก็เต็มไปด้วยรอยแตกราวกับงูสีดำที่เลื้อยไปรอบๆ ในชั่วพริบตา มันก็แตกออกเป็เสี่ยงๆ ก่อนร่วงลงสู่พื้น
ใบหน้าของฉู่อวิ๋นปรากฏสู่โลกภายนอกอีกครั้ง ความรู้สึกอับชื้นหายไป เขาจึงรู้สึกสบายขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง
“ที่แท้อวิ๋นชูก็หน้าตาเช่นนี้ รูปงามมิใช่น้อย”
“เขา...เขาหล่อเหลาทีเดียว ดวงตาสีดำขาวตัดกันชัดเจน คิ้วคมเข้ม มีเสน่ห์มาก”
ดวงตาของผู้หญิงบางคนพราวระยับพลางสังเกตฉู่อวิ๋นอย่างระมัดระวัง พวกนางต่างประทับใจในความกล้าหาญของเขาที่กล้าท้าทายผู้มีอำนาจ
“มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?! พลังของลายประทับสายฟ้าของฉู่เจิ้นหนานน่ากลัวมากนะ แต่เด็กหนุ่มคนนี้แค่หน้ากากพัง ร่างกายของเขาไม่ได้รับาเ็เลย?” บางคนอุทานอย่างไม่อยากเชื่อ
“ดูตอนนี้สิ ดูเหมือนว่าฉู่เจิ้นหนานจะรู้จักชายหนุ่มคนนี้นะ เกิดอะไรขึ้น?!” บางคนดูงุนงง มองดูสถานการณ์บนเวทีอย่างจดจ่อ
“ไม่ ไม่!”
“ไม่มีทาง...เป็ไปได้อย่างไร...”
“ฮือ...”
ในขณะเดียวกัน ดวงตาของมู่หรงซินก็สว่างจ้า ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดปาก เห็นได้ชัดว่านางใมาก กายบางสั่นเทา
จมูกของนางรู้สึกแสบร้อน น้ำตาไหล นางร้องไห้เสียงดังอย่างห้ามไม่อยู่ จนใครๆ ต่างหันมามอง
ทว่ามู่หรงซินกลับไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัว นางร้องไห้ตามที่ใจ้า ก่อนปาดน้ำตาที่อาบปรางแก้มและพูดกับตัวเอง
“เป็ไปได้อย่างไร?...”
“เป็เขาได้อย่างไร?! ฮือ...”
“อวิ๋นชู ชูอวิ๋น ฉู่…”
“เขลานัก ทำไมข้าถึงคิดไม่ได้ั้แ่แรก!”
ยามนี้ หญิงสาวปิดหน้าร้องไห้ ดวงตาของนางแดงก่ำ นางกะพริบตาอีกครั้งและลุกขึ้นยืนทันที ยืดเอวเรียวเล็ก อยากจะรีบไปที่เวที!
เมื่อเห็นสิ่งนี้ มู่หรงเจี๋ยก็ผวา รีบดึงมู่หรงซินลงมาทันทีและดุ “ลูกสาวคนดีของข้า! เ้าจะทำอะไร? นั่งลงดีๆ เถอะ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น!”
มู่หรงเจี๋ยย่อมจำตัวตนของฉู่อวิ๋นได้ เขาเองก็ใและไม่อยากเชื่อเช่นกัน
แต่ในฐานะเ้าเมือง เขาเป็ผู้ใหญ่ มองสถานการณ์ออก ดังนั้นเขาจะไม่ยอมปล่อยให้มู่หรงซินไปยุ่งวุ่นวาย
“เขาคือ...เขาคือ!” มู่หรงซินยื่นมือชี้ไปที่ชายหนุ่มบนเวที นางกังวลอย่างยิ่ง ร้องไห้อย่างหนัก
“ข้ารู้ แต่แล้วอย่างไร? ยามนี้สถานการณ์สงบแล้ว เขาจะสร้างปัญหาอะไรได้อีก? ผ่านวันนี้ไป เขายังคงเป็คนตายเหมือนเดิม”
คำพูดของมู่หรงเจี๋ยทำให้มู่หรงซินน้ำตาไหลและโศกเศร้ามากยิ่งขึ้น นางได้แต่จ้องมองบนเวทีอย่างว่างเปล่า และโทษตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้
แน่นอนว่า การปรากฏตัวอีกครั้งของฉู่อวิ๋น ทำให้ดวงตาของฉู่ซินเหยาเบิกกว้าง หัวใจของนางสั่นสะท้าน
เพราะนี่เป็ครั้งแรกที่นางได้พบกับฉู่อวิ๋นจริงๆ อีกครั้ง นับั้แ่มาถึงเมืองชุยเสวี่ย ทำให้นางมีอารมณ์หลากหลาย ตื่นเต้นยิ่งกว่า
“อวิ๋นเอ๋อร์?... ในที่สุด ข้าก็ได้เจอเ้า” นางพูดคำนี้ในใจ น้ำตาเริ่มไหลไม่หยุดอีกครั้ง ทำผ้าโปร่งปิดหน้าเปียกลู่
“วิ้ง—”
ทันใดนั้น ขณะที่ฉู่ซินเหยารู้สึกตื่นเต้นที่สุด เส้นด้ายพลังปราณเ่าั้ก็สั่นสะท้านอย่างไม่มีวี่แวว ทำให้สาวใช้ขมวดคิ้ว และกระตุ้นพลังปราณของตนเสริมความแข็งแกร่งให้กับเส้นด้ายอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน บนเวที คนสองคนต่างเผชิญหน้ากัน คนหนึ่งมีกระบี่พาดไหล่ ส่วนอีกคนมีสีหน้าเคร่งขรึม
“เ้า เ้า!”
ท่าทางของฉู่เจิ้นหนานมืดมน ดวงตาของเขาสั่นเทา ชี้ไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นาน
การกระทำนี้ยังทำให้สองพ่อลูกตระกูลเสวี่ยที่อยู่ใกล้ศาลเ้าสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้นำตระกูลฉู่ เขาคล้ายเห็นผี พูดไม่ออกสักคำ
ยิ่งกว่านั้น เขาฆ่า “อวิ๋นชู” คนนั้นไปแล้วมิใช่หรือ? ทำไมชายหนุ่มคนนั้นถึงยังมีชีวิตอยู่อีก? นอกจากอาการาเ็เก่าก่อนก็ไม่มีาแใหม่เพิ่มมา
ในความเป็จริง ทุกคนในกลุ่มผู้ชมต่างเต็มไปด้วยความสงสัยและมองหน้ากันอย่างงุนงง มองกันไปมาด้วยความประหลาดใจ
“เ้าถามว่าข้าเป็ใคร?”
ทันใดนั้น เสียงของชายหนุ่มก็ดังก้องไปทั่วจัตุรัส กระทบโสตของทุกคน
นี่คือเสียงจริงของเขา
“ฮ่าๆ! เ้าถามว่าข้าเป็ใคร?” ชายหนุ่มโบกกระบี่โบราณ ทำให้เกิดรังสีไฟขึ้นมา เปลวไฟเองก็สว่างวาบ เช่นเดียวกับอารมณ์ของเขาในขณะนี้ ที่ขึ้นๆ ลงๆ เขาโกรธมาก!
“ฉู่เจิ้นหนาน เ้าสุนัขแก่ความจำเสื่อม!”
“ครั้งนั้น เ้าหาว่าข้าปลุกิญญายุทธ์เศษเดน จะเป็หายนะของบ้านเมือง หาว่าข้าเป็ตัวซวยที่ทำให้ตระกูลย่อยต้องจบสิ้น ทำให้ข้าต้องถูกชาวเมืองก่นด่าสาปแช่ง ได้รับความอยุติธรรมอยู่กว่าสามเดือน!”
“ครั้งนั้น เ้ายอมให้ฉู่เจิ้นเหยียนแพร่ข่าวลือ สร้างปัญหารอบทิศ ทั้งยังไม่คิดลงโทษเขาตามวินัย จนฉู่ซานเหอ พ่อของข้าต้องถูกล้อม ถูกผู้แข็งแกร่งสังหาร เสียชีวิตในถิ่นทุรกันดาร ไม่เหลือแม้กระดูกให้เก็บกลับ!”
“ครั้งนั้น เ้าโกหกข้าว่าตราบใดที่ข้าติดสามอันดับแรกในการประลองไป๋หยาง สมาชิกผู้บริสุทธิ์ที่เสียชีวิตไปของตระกูลข้า จะถูกนำไปฝังที่สุสานปราณั! แต่สุดท้าย เ้าก็กลับคำพูดและถือสิทธิ์ลักพาตัวพี่ซินเหยาไป ทั้งยังบังคับให้นางแต่งงาน!”
“เ้าไม่รู้จักข้า?!”
“เ้าไม่รู้จักข้า—!!!”
“เล่นบ้าอะไร?!!!”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและะโจนเสียงแหบแห้ง ระบายความปวดร้าวและความขมขื่นที่ซ่อนอยู่ในหัวใจ กำหมัดจนกลายเป็สีม่วง กระดูกแทบแตก
ดวงตาเขาแดงก่ำ น้ำตาหลั่งริน นี่คือน้ำตาแห่งความโกรธ พลังปราณของเขาไม่เสถียร
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ และได้เห็นสถานการณ์ในตอนนี้ ผู้ชมทั้งหมดก็ประหลาดใจ รู้สึกจุกอยู่ในลำคอ
ทุกคนไม่ได้สติอยู่นาน ได้แต่มองชายหนุ่มบนเวทีอย่างว่างเปล่า ไม่รู้จะทำอย่างไร
ในขณะเดียวกัน บางคนก็ตระหนักถึงความจริงบางอย่าง จึงปิดปากและอุทานด้วยดวงตาที่สั่นเทา
“เ้า... เ้า!” ในขณะนี้ ใบหน้าของฉู่เจิ้นหนานมืดมน คิ้วของเขาขมวดมุ่น ดูน่าเกลียดมากและเต็มไปด้วยแรงอาฆาต
“เ้าสุนัขเฒ่า! ในเมื่อเ้าอยากรู้ชื่อข้านัก ข้าก็จะบอกให้ฟัง!”
“เวิ้ง—”
กระบี่ชื่อยวนชี้ขึ้นสู่ท้องฟ้า เปลวไฟปะทุลั่น ลายสลักเปล่งประกายแวววาว เสียดสีอากาศจนหนวกหู ราวกับว่ามันกรีดร้องขึ้นไปบนท้องฟ้า ดุร้ายและกระหายเื!
ยามนี้ ท่าทีของชายหนุ่มช่างน่าเกรงขาม รณทระนงของเขาเพิ่มสูงขึ้น พลังค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เขาขยับมุมปากเล็กน้อย
“ชื่อของข้า...”
“ฉู่อวิ๋น!”
“ข้าชื่อฉู่อวิ๋น!”
“ตึง!”
ทันทีที่สี่คำนี้หลุดออกมา มันสั่นะเืไปทุกทิศทุกทาง ราวกับเสียงคำรามของัา ด้วยพลังฉีกเมฆทะลุหมอก ราวกับจะฉีกท้องฟ้าออกเป็ชิ้นๆ!
“ฉู่... ฉู่อวิ๋น? เขาคือฉู่อวิ๋น?!”
ยามนี้ จัตุรัสตกอยู่ในภาวะตะลึง ทุกคนใ พูดอะไรไม่ออก คิ้วขมวดแน่น
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง สีหน้าไม่เชื่อปรากฏขึ้น ต่างก็อ้าปากค้าง!
“ได้ยินว่าฉู่อวิ๋นเป็ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลย่อยฉู่แห่งไป๋หยาง เมื่อเร็วๆ นี้ เขาพบกับกระแสสัตว์ปีศาจ ถูกฝังอยู่ในท้องของาาสัตว์ปีศาจแล้ว เขายังมีชีวิตอยู่หรือ?”
“เมื่อไม่นานมานี้ กระแสสัตว์ปีศาจได้ปะทุขึ้นในป่าสีเื เกือบทุกคนที่เข้าไปต้องตายอย่างอนาถ เด็กหนุ่มคนนี้ไม่มีทางรอด!”
ทุกคนประหลาดใจ ตกตะลึง และไม่อยากจะเชื่อ มันน่าเชื่อที่ไหน ชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่มีระดับการฝึกฝนเพียงขอบเขตควบแน่นพลังปราณ กลับรอดชีวิตจากกระแสสัตว์ปีศาจ กลับมาจากความตายได้จริงหรือ?
และดูเหมือนว่าเขาได้กลืนิญญาศักดิ์สิทธิ์เข้าไปแล้ว จึงมีพละกำลังสูงขึ้น ศักยภาพของเขามีมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญ
เมื่อมองดูฉู่อวิ๋นที่มีชีวิตชีวาบนเวที ทุกคนก็ใ และเริ่มกระซิบพูดคุยกัน สำหรับพวกเขา นี่ช่างเหลือเชื่อจริงๆ!
“ได้ยินมาว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพี่สาวของตน เขาจะปลอมตัวมาที่นี่เพื่อขโมยเ้าสาวได้อย่างไร? เขาพยายามจะทำอะไร?”
“ให้ตายเถอะ… เ้าฉู่อวิ๋นคนนี้เป็นักโทษที่เชื้อสายหลักตระกูลฉู่้าตัว”
บางคนกลับมามีสติ ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก็คิดออก ตอนนี้ฉู่อวิ๋นกลับมาแล้ว มีนัยยะแฝงไว้มากมาย!
“ฟังสิ่งที่ชายคนนี้พูด คุณหนูฉู่ถูกบังคับให้แต่งงาน เกิดอะไรขึ้น?” บางคนจับคำพูดของฉู่อวิ๋นและแอบคาดเดาเื่ราววงใน
ในไม่ช้า จัตุรัสขนาดใหญ่ก็เต็มไปด้วยเสียงอื้ออึงและความตื่นเต้น เรียกได้ว่าเป็่เวลาที่น่าใที่สุดของวัน
ในเวลานี้ บนเวที ฉู่เจิ้นหนานหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย และในที่สุดก็สงบลง
“ฮึ่ม! ข้าจำเ้าได้แน่นอน ข้าจะจำไม่ได้ได้อย่างไร? คนสารเลวอย่างเ้า”
ฉู่เจิ้นหนานพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและเยาะเย้ย “แต่ทว่า ชะตาชีวิตเ้าแข็งดีจริงๆ! กระแสสัตว์ปีศาจน่ากลัวขนาดนั้น ราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิตก็แสนจะทรงพลัง แต่นั่นกลับสังหารเ้าไม่ได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่อวิ๋นก็ไร้ความกลัว สบตา และพูดด้วยน้ำเสียงเ็า “์มีตา ข้าจึงมีโอกาสกลับมาจากนรกเพื่อมาเอาชีวิตสุนัขเ้าไป!”
“ฮ่าๆ ! เอาชีวิตสุนัขข้า? เ้าเก่งกาจเพียงใดกัน? แค่ชายหนุ่มหัวรั้นคนหนึ่ง กลับกล้ามาพูดเื่ไร้สาระที่นี่ ช่างน่าหัวร่อเสียจริง!” ฉู่เจิ้นหนานเงยหน้าขึ้นมองฟ้าแล้วหัวเราะพร้อมสะบัดแขนเสื้อ
ในความเป็จริง หากจิ้งจอกเฒ่าไม่พัฒนาระดับการฝึกฝน เขาคงไม่กล้าถึงเพียงนี้ เพราะรณทระนงของฉู่อวิ๋นแข็งแกร่งมาก ด้วยระดับพลังยุทธ์ในตอนนี้ของเขา แค่เขาปล่อยมันออกมา ในขั้นมหาสมุทรก็ไม่มีใครสู้กับเขาได้อีก
แต่ไม่นานมานี้ ฉู่เจิ้นหนานได้รับโอสถวิเศษระดับสี่ ปฐวีธาตุเฉียนคุน จากนั้นเขาก็บุกทะลวงเข้าสู่ขั้นพื้นพิภพได้ในคราวเดียว ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มสูงขึ้น เหนือกว่าขั้นมหาสมุทรขึ้นมาอีก
และยาชนิดนี้ เป็เสวี่ยจิงหงที่มอบให้เขา นี่คือสาเหตุที่ฉู่เจิ้นหนานเต็มใจสมรู้ร่วมคิดกับจวนตระกูลเสวี่ย
จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้หยุดอยู่ในขั้นมหาสมุทรมานานเกินไป ได้รับโอกาสล้ำค่าในความก้าวหน้าเช่นนี้ เขาย่อมจะเอนเอียงไปทางตระกูลเสวี่ยอยู่แล้ว
“เ้าหนู เ้าจะเอาอะไรมาฆ่าข้าหรือ? เอารณทระนงไร้สาระ เอาการฝึกฝนที่ย่ำแย่ของเ้าหรือ? จะแตะตัวข้ายังยากเลย!” ฉู่เจิ้นหนานขดริมฝีปากอย่างได้ใจยิ่ง
“ข้าจะฆ่าเ้าอย่างไร?” ฉู่อวิ๋นก็หัวเราะเยาะเช่นกัน แต่เปลี่ยนหัวข้อและพูดว่า “เ้าสุนัขเฒ่า เ้าไม่รู้หรือว่าตอนนี้ลายประทับสายฟ้าของเ้าโจมตีข้าไม่ได้แล้ว?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่เจิ้นหนานก็หยุดยิ้มทันที เผยสีหน้าเ็า
ทันใดนั้น เมื่อเขาชูฝ่ามือขึ้นมาก็รู้สึกเหมือนมือของเขาจะถูกมัดเอาไว้ ไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขาเลย เขาจึงรับรู้ได้ว่าลายประทับสายฟ้าทั้งหมดนั้นไร้ผล
ด้วยเหตุนี้ จิ้งจอกเฒ่าจึงใมาก ก่อนที่ฝุ่นควันจะหายไป เขาถามหาตัวตนของฉู่อวิ๋น เพราะคิดว่าเป็ชายหนุ่มที่สร้างเื่ขึ้นมาอีก
ทว่าเขาก็เดาถูก ฉู่อวิ๋นสร้างเื่ขึ้นมาจริงๆ
“ข้าเพิ่งรู้ว่าหากเพิ่มการฝึกฝนิญญา มันจะเพิ่มความสามารถในการใช้อาวุธิญญาด้วย” ใบหน้าของฉู่อวิ๋นเคร่งขรึม ชี้กระบี่ไปข้างหน้า แสงสีรุ้งของกระบี่เปล่งประกายเจิดจ้าอย่างยิ่ง
“นี่... นี่…” ฉู่เจิ้นหนานใทันที ลำคอตีบตัน หยาดเหงื่อไหลไม่หยุด
“กระบี่เล่มนี้เป็อาวุธที่สามารถฆ่าเ้าได้ เ้าสุนัขเฒ่า!” ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นก็ะโ!
“ควับ!”
มองเห็นกระบี่ชื่อยวนปล่อยแสงสีรุ้งทะลุอากาศออกมาร้อยหมี่ ครอบคลุมครึ่งหนึ่งของเวที พุ่งเข้าโจมตีฉู่เจิ้นหนานโดยตรง ทำให้ร่างกายของเขาแข็งค้างทันที ขยับไม่ได้!
นี่คือข้อจำกัดทางสายเืของกระบี่ชื่อยวน เมื่อเพิ่มพลังจิตระดับยี่สิบของฉู่อวิ๋นเข้าไป มันจึงสามารถควบคุมผู้คนที่มีสายเืเดียวกันได้จากระยะไกล!