หญิงสาวที่ดูสูงส่งและสง่างามเดินออกมา
เสน่ห์ของสาวงามยังคงอยู่ กระโปรงสีแดงเพลิงและปิ่นรูปเปลวเพลิงที่ปักอยู่บนศีรษะทำให้ดูเหมือนลูกไฟซึ่งสะดุดตาเป็พิเศษ
เดินมาเช่นนี้ไม่รู้จะเตะตาผู้ชายสักกี่คน
หลัวเลี่ยไม่มีความประทับใจต่อหญิงสาวคนนี้ แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นนางมาก่อน
เมื่อหลัวชื่อสิงซึ่งถูกโยนลงกับพื้นหันไปเห็นสาวงาม ก็ดูเหมือนว่าเขาจะพบผู้ช่วยชีวิตแล้ว เขากรีดร้องว่า “ท่านแม่! ท่านแม่! ช่วยข้าด้วย ข้ายังไม่อยากตาย”
เมื่อมาถึงจุดนี้ ผู้คนต่างก็ได้รับรู้ว่า แท้จริงแล้วสาวงามผู้นี้ก็คือมารดาของหลัวชื่อสิง
“แม่ยังอยู่ เ้าไม่ตายอย่างแน่นอน” หญิงงามช่วยพยุงหลัวชื่อสิงให้ลุกขึ้น นางค่อยๆ ปัดฝุ่นออกจากใบหน้าและร่างกายของเขา
“ท่านแม่ นั่นคือผู้าุโเจ็ดของหอเซียวเหยา” หลัวชื่อสิงบอก
หญิงงามพยักหน้า “เ้าอยู่ที่นี่ แม่จะจัดการเอง”
หลัวชื่อสิงยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกับเด็กที่เชื่อฟังคำสั่ง
หญิงงามไม่สนใจหลัวเลี่ย นางเดินตรงไปที่หลิวจื่ออั๋งและโค้งคำนับอย่างนอบน้อม “ข้ามาจากตระกูลเลี่ยแห่งเมืองซวนิ มีนามว่าเลี่ยหงหยุน ขอคารวะท่านผู้าุโเจ็ด”
“เลี่ยหงหยุน? สาวงามที่มีชื่อเสียงขจรไปไกลถึงพันลี้หรือ” หลิวจื่ออั๋งเคยได้ยินเื่นี้มาก่อน “ถ้าท่านมาหาข้าเพื่อขอร้องแทนบุตรชายของท่าน เช่นนั้นท่านก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ข้าเคยพูดไว้แล้วว่าจะทำตามคำขอของหลัวเลี่ย”
“ไม่ ข้าแค่้าขออนุญาตผู้าุโเจ็ดในการพูดคุยกับหลัวเลี่ย ถ้าหลัวเลี่ยเห็นด้วยและไม่ฆ่าบุตรชายของข้า ก็ขอท่านผู้าุโเจ็ดโปรดอย่าขัดขวางอีก” เลี่ยหงหยุนกล่าว
หลิวจื่ออั๋งพูดเบาๆ “ได้”
“ขอบคุณ ผู้าุโเจ็ด”
หลังจากที่เลี่ยหงหยุนกล่าวขอบคุณแล้ว นางก็หันกลับมาและเดินมาหาหลัวเลี่ย นางยิ้มและพูดว่า “หลัวเลี่ยเ้าโตขึ้นมาก ข้าเคยกอดเ้าเมื่อตอนที่เ้าเกิด และชื่อของเ้าก็เป็ข้าเองที่ตั้งให้ โดยมาจากนามสกุลของข้า ข้าแค่หวังว่าสิ่งนี้จะทำให้ความเป็พี่น้องของพวกเ้ากลายเป็พี่น้องที่แท้จริงได้ ไม่นึกว่าจะกลายเป็ดาบสองคม”
หลัวเลี่ยยืนสงบและไม่พูดสิ่งใด
เลี่ยหงหยุนพูดต่อ “ข้ารู้ว่าสิ่งที่ชื่อสิงทำล้วนไม่น่าให้อภัย ทุกอย่างเป็ความผิดของเขาทั้งหมด ข้าจะลงโทษเขาอย่างรุนแรงเอง แต่เ้าฆ่าเขาไม่ได้ เขาเป็เืเนื้อของพ่อเ้าจริงๆ นอกจากนี้พ่อของเ้ายังรู้สึกผิดที่ดูแลเขาไม่ได้ จึงฝากจดหมายขอให้เ้าไว้ชีวิตเขาอย่างน้อยสามครั้ง”
นางหยิบจดหมายออกมาแล้วส่งให้หลัวเลี่ย
หลัวเลี่ยไม่ได้เปิดจดหมาย แต่กลับยิ้มให้เลี่ยหงหยุน
ทุกคนคิดว่าหลัวเลี่ยรู้สึกประทับใจเลี่ยหงหยุน แต่พวกเขากลับเห็นหลัวเลี่ยที่ยังคงยิ้มอยู่ค่อยๆ ฉีกจดหมายออกเป็ชิ้นๆ แล้วโยนทิ้งไปกับสายลม
ฉากนี้เกินความคาดหมายของทุกคน
ในที่สุดใบหน้าที่นิ่งสงบและมั่นใจของเลี่ยหงหยุนก็แสดงท่าทางเศร้าหมองเช่นเดียวกับความกังวลที่ซ่อนอยู่
หลัวเลี่ยเปิดปากพูดอย่างช้าๆ
“ทุกคนรู้ว่าอ๋องหนานหลี่คนเก่าเสียชีวิตอย่างไร และทุกคนรู้ดีว่าเื่นั้นเกี่ยวข้องกับใคร แต่หลัวชื่อสิงกลับร่วมมือกับคนผู้นั้นเพื่อทำร้ายข้า และคิดอยากจะชิงตำแหน่งอ๋องหนานหลี่ไป หากเขาเป็ลูกชายของอ๋องหนานหลี่จริงๆ พวกท่านคิดว่ามันสมควรเป็เช่นนี้แล้วหรือ?”
“หลัวชื่อสิงทำร้ายข้าไม่ได้หรอก ข้าเองก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเขาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ เขายังคงร่วมมือกับคนอื่นเพื่อฆ่าข้า เขาพยายามฆ่าข้าครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วผู้ที่เรียกตนเองว่าแม่อย่างท่าน ในเวลานั้นท่านทำอะไรอยู่ เมื่อถึงตอนนี้ที่เขาล้มเหลว ท่านกลับมาพูดหว่านล้อมมากมาย ทั้งยังยกจดหมายมาอ้าง ข้าไม่อยากจะเชื่อจริงๆ”
“ท่านคือเลี่ยหงหยุนใช่ไหม? ท่านคิดว่าข้าเป็เด็กสามขวบหรือ?”
“ข้าจะบอกท่านอย่างชัดเจนว่า ข้า้าให้หลัวชื่อสิงตาย!”
“เขากล้าทำร้ายข้าถึงสองครั้ง ข้าจะฆ่าเขา!”
คำพูดในตอนท้ายหลัวเลี่ยเกือบจะคำรามออกมา
คำพูดที่ว่าหลัวชื่อสิงต้องถูกฆ่า ใครๆ ก็เห็นด้วย
ดวงตาของเลี่ยหงหยุนฉายแววเคร่งขรึมลง นางพูดอย่างเ็า “หลัวเลี่ย เ้าอาจจะไม่รู้ภูมิหลังของข้า ข้ามาจากตระกูลเลี่ยของแคว้นซวนิ ซึ่งถือว่าเป็แคว้นที่เหนือกว่าแคว้นเป่ยสุ่ย และตระกูลเลี่ยยังเป็ตระกูลปรมาจารย์อันดับหนึ่งของแคว้นซวนิ หากเ้าฆ่าบุตรชายของข้า แม้จะเป็ความจริงที่ตอนนี้ผู้าุโเจ็ดคุ้มครองเ้าอยู่ ทำให้ข้าทำอะไรไม่ได้ แต่หลังจากที่ผู้าุโเจ็ดจากไป และไม่ข้องเกี่ยวกับเ้าแล้วเล่า จะเกิดอะไรขึ้นกับเ้าบ้าง”
นี่คือการข่มขู่!
เป็การข่มขู่ที่กล่าวให้รู้โดยนัย
หลัวเลี่ยพูดด้วยรอยยิ้มที่คล้ายไม่ยิ้ม “ท่านขู่ข้า”
“เ้าจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่เ้า แต่ข้าเชื่อว่าเ้าจะเลือกอย่างชาญฉลาด” ในที่สุดเลี่ยหงหยุนก็แสดงความเย่อหยิ่งของนางในฐานะที่มาจากตระกูลใหญ่ออกมา
“ข้าเลือกอย่างชาญฉลาดอยู่แล้ว” หลัวเลี่ยพูดอย่างเ็า “หลัวชื่อสิง ต้องตาย ต้องตายเดี๋ยวนี้!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ท่าทางของเลี่ยหงหยุนก็เปลี่ยนไป ราวกับมีความเย็นคืบคลานเข้ามา
หัวของหลัวชื่อสิงตกลงไปที่พื้น
เกิดความโกลาหลขึ้น
เลี่ยหงหยุนตกตะลึงไปสักพัก หลังจากนั้นไม่นานนางก็ได้สติขึ้นมา และคำรามเหมือนคนบ้า “หลัวเลี่ย ข้า้าชีวิตของเ้า ข้า้าให้เ้า...”
เลี่ยหงหยุนดูราวกับว่าเป็คนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน หลัวเลี่ยกล่าวกับหลิวจื่ออั๋งอย่างใจเย็น “ผู้าุโหลิว ตราัเงินเซียวเหยาของข้าถูกทำลายไปแล้ว เช่นนั้นก็ควรจะได้รับการชดเชยจากหอเซียวเหยาของพวกท่านใช่หรือไม่ แต่การชดเชยด้วยการให้ตราัเงินอีกชิ้นจะนับว่ามีค่าหรือ มันจะแสดงให้เห็นว่าพวกท่านไม่รับผิดชอบหรือไม่”
“แน่นอนว่าหอเซียวเหยาของข้าไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น” หลิวจื่ออั๋งหยิบตราัทองเซียวเหยาออกมาแล้วโยนมันไปให้หลัวเลี่ย
หลัวเลี่ยยื่นมือออกไปเพื่อคว้ามัน “ขอบคุณผู้าุโหลิวที่มอบตราัทองเซียวเหยาให้ข้า”
จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองที่เลี่ยหงหยุน เขาชูตราัทองเซียวเหยาขึ้น และพูดว่า “ผู้าุโหลิว ข้าจำได้ว่าตราัทองเซียวเหยาสามารถขอให้หอเซียวเหยาทำอะไรก็ได้สามอย่าง และสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดคือการขอให้ช่วยชีวิตเป็เวลาสามปีใช่หรือไม่? แต่ข้าคิดว่าการปกป้องชีวิตนี้ไม่ดีเลย ดังนั้นคำขอแรกของข้า คือเอาจุดตันเถียนของทุกคนในตระกูลเลี่ยแห่งเมืองซวนิออกมา เปลี่ยนพวกเขาให้เป็คนธรรมดาที่ฝึกวรยุทธ์ไม่ได้อีกต่อไปเสีย”
เลี่ยหงหยุนที่ดูดุร้ายเหมือนจะถูกตรึงร่างกายให้แข็งอยู่กับที่
หลัวเลี่ยกล่าวต่อ “เลี่ยหงหยุน ท่านไม่ต้องมองข้าอย่างซาบซึ้งเช่นนั้น เดิมทีข้าก็เป็คนที่มีเมตตา ไม่ได้ดุร้ายเหมือนท่านที่ชอบขู่ฆ่าคนอื่นไปทั่ว ข้าไม่ฆ่าคน แต่ข้าแค่ปล่อยให้ตระกูลเลี่ยของท่านกลายเป็คนธรรมดา และได้เพลิดเพลินไปกับความสุขของคนธรรมดา”
มุมปากของคนรอบข้างกระตุก
นี่ยังเรียกว่าไม่ฆ่าคนอีกหรือ? เขาเพิ่งบอกว่าจะฆ่าหลัวชื่อสิงนะ
นี่ยังเรียกว่าเมตตาอยู่หรือ? ตราบใดที่ไม่มีจุดตันเถียน ก็ไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้ กลายเป็คนธรรมดา นี่ไม่นับว่าเป็การล้างตระกูลผู้มีวรยุทธ์หรือ
เดิมทีทุกคนคิดเสมอว่าหลัวเลี่ยนั้นไม่มีพิษมีภัย เพราะเห็นว่าเขาใจดีกับทุกคนเสมอ แม้ว่าเขาจะโต้กลับ แต่ก็เฉพาะในกรณีที่ถูกคนอื่นรังแกก่อนเสมอ พวกเขาไม่รู้เลยว่าหลัวเลี่ยจะเป็ดั่งหมาป่าที่ห่มหนังแกะ
“ตรานี้เป็ของจริง” หลัวเลี่ยยังคงถือตราัทองเซียวเหยาโบกไปมาต่อหน้าเลี่ยหงหยุน
ร่างกายของเลี่ยหงหยุนสั่นสะท้าน นางกำลังระงับความโกรธที่ปะทุขึ้นในร่างกายของนาง
หลัวเลี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้ว่าท่านอยากฆ่าข้า ท่านอยากใช้ความตายของตัวเองเพื่อล้างแค้นให้ลูกชายของท่าน นอกจากนี้หากฆ่าข้าแล้ว ยังสามารถช่วยระงับคำขอที่ให้หอเซียวเหยาทำลายตระกูลเลี่ยของท่านด้วยใช่หรือไม่ แต่ข้าอยากจะเตือนท่านสักหน่อย ว่าผู้าุโหลิวมาเพื่อผดุงความยุติธรรมให้ข้าเป็การส่วนตัว หากข้าถูกท่านฆ่าโดยที่ยังมีเขาอยู่ด้วย ในอนาคตเขาจะยังมีหน้ามาเผชิญหน้ากับคนอื่นได้อีกหรือ นอกจากนี้พลังของท่านก็เป็แค่สายลมในสายตาของผู้าุโหลิว ท่านอย่าได้พยายามอีกเลย”
เมื่อเลี่ยหงหยุนได้ยิน นางก็ตัวสั่นยิ่งขึ้น นางคิดเช่นนั้นจริงๆ
หลัวเลี่ยกล่าวว่า “ใช่ไหมเล่า ข้าบอกแล้วว่าข้ามีจิตเมตตาไม่เคยรังแกใคร”
จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่เลี่ยหงหยุน และพูดว่า “อย่าจ้องมาที่ข้าอีก ท่านเชื่อหรือไม่ ข้าสามารถใช้ตราัทองเซียวเหยาเพื่อร้องขอข้อที่สอง ขอให้ท่านเปลื้องเสื้อผ้า แล้วแขวนท่านไว้บนคุกกลืนอสูรเพื่อให้ผู้คนได้ชื่นชม”
เลี่ยหงหยุนกลัวมากจนแทบนั่งไม่ติดพื้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้