จุนห่าวและหานรุ่ยบำเพ็ญเพียรอยู่ในบ้านถ้ำเป็เวลาหลายวัน พลังปราณของทั้งสองคนต่างเพิ่มพูนขึ้น หลายวันมานี้ทั้งสองคนไม่ได้ออกไปไหน จึงไม่รู้เื่รู้ราวภายนอก
จุนห่าวและหานรุ่ยจ้างรถม้าจี๋เฟิงคันหนึ่ง และออกเดินทางสู่เทือกเขาอู๋หยิน นี่คือเื่ที่พวกเขาวางแผนไว้
จุนห่าวนั่งอยู่ในรถม้า เปิดหน้าต่างรถและมองดูผู้คนข้างนอกที่สาวเท้าอย่างรีบเร่ง จุนห่าวพูดกับหานรุ่ยพร้อมความรู้สึกงงงวยว่า “เสี่ยวรุ่ย เราไม่ได้ออกมาถนนหลายวัน ผู้คนบนท้องถนนดูน้อยลง ทั้งยังดูรีบเร่ง”
หานรุ่ยก็เปิดหน้าต่างอีกข้าง พร้อมมองออกไป จากนั้นพูดกับจุนห่าวว่า “อาจจะมีเื่ใหญ่เกิดขึ้น!”
ครั้นออกจากเมืองแล้ว รถม้าก็มุ่งหน้าไปยังเทือกเขาอู๋หยิน จุนห่าวและหานรุ่ยออกจากในรถม้ามานั่งบนเกวียน
จุนห่าวมองผู้คนบนท้องถนน บางคนนั่งรถม้า บางคนขี่สัตว์อสูรนานาชนิด และบางครั้งบางคราวบนศรีษะก็มีคนที่นั่งบนสัตว์อสูรที่บินได้กำลังบินอยู่ จุนห่าวมองพลังวิเศษต่างๆ ขณะกำลังมุ่งหน้าไปเทือกเขาอู๋หยิน คิดในใจ นี่คือโลกที่แสนวิเศษจริงๆ
ครั้นหานรุ่ยเห็นผู้คนมากมายก็มุ่งหน้าไปยังเทือกเขาอู๋หยิน ขมวดคิ้วและพูดกับจุนห่าวว่า “คนที่ไปเทือกเขาอู๋หยินดูมากมายนัก”
คนรถได้ยินคำพูดของหานรุ่ย จึงกล่าวผสมโรงว่า “หลายวันมานี้ ทุกคนต่างไปกำหนดชีพจรที่เทือกเขาอู๋หยิน คนจะไม่เยอะได้ยังไง?”
“เหตุใดถึงไปกำหนดชีพจรที่เทือกเขาอู๋หยินอ่า อยากบอกนะว่าพบอัจฉริยภาพที่นั่น?” หานรุ่ยเอ่ยถามอย่างสงสัย หากอัจฉริยภาพปรากฏขึ้น ผู้คนถึงจะแห่มารวมตัวกัน
คนขี่รถม้ากล่าวว่า “ได้ยินมาว่า พบต้นต้นไม้ชิงลัวที่สุกงอมต้นหนึ่งในเทือกเขาอู๋หยิน และบนต้นไม้ชิงลัวนั้น มีผลไม้ชิงลัวอยู่เก้าผล ตอนนี้คนที่ได้ข่าวต่างกำลังรีบร้อนไปที่นั่น หลายวันมานี้ข้าขี่รถไปกลับที่นั่นอยู่หลายรอบ”
ได้ยินคำพูดของคนขับรถม้า หานรุ่ยและจุนห่าวไม่เผยอะไรบนใบหน้า แต่ในใจราวกับมีคลื่นลูกใหญ่ ผลไม้ชิงลัวเป็ของดี ในผลของมันมีสารพิเศษ ผู้ฝึกปราณที่ได้กินครั้งแรก จะเลื่อนขึ้นหนึ่งขั้นในทันที โดยไม่มีข้อจำกัดของระดับขั้นใดๆ ต้องรู้ก่อนว่า ยิ่งบำเพ็ญเพียรไปลึกเท่าไหร่ ก็ยิ่งเลื่อนขึ้นได้ยากเท่านั้น หากมีผลไม้ชิงลัว ทางลัดนี้ ใครบ้างจะไม่อยากได้ ผลไม้ชิงลัวเก้าผล หากคนที่มีลมปราณอยู่ที่ขั้นที่สิบเอ็ด กินเข้าไปเก้าคน ถ้าอย่างนั้น คงมีคนที่มีลมปราณขั้นสูดสุดระดับสิบสองเพิ่มขึ้นอีกเก้าคน การที่ผลไม้ชิงลัวปรากฏขึ้น ผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ทั้งหมดจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงของการปรับสภาพ ขณะเดียวกันก็เป็โอกาสสำหรับผู้มีอำนาจต่ำที่จะเพิ่มอำนาจขึ้น
จุนห่าวและหานรุ่ยไม่ทราบว่า เป็เพราะการค้นพบผลไม้ชิงลัวในเทือกเขาอู๋หยิน องค์ชายสามสุ่ยเย่ว์หรูหวาจึงยกเลิกคำสั่งตามล่าพวกเขา ซึ่งทำให้พวกเขาออกจากเมืองได้อย่างราบรื่น
จุนห่าวมองไปทางคนรถและเอ่ยว่า “ผลไม้ชิงลัวเป็ของดี สหายไม่อยากแย่งชิงมันหรือ?” จุนห่าวเห็นคนขับรถม้ามีพลังปราณอยู่ที่ลมปราณขึ้นที่หกแล้ว คิดในใจ เมืองใหญ่ช่างไม่ธรรมดาเลย แม้แต่พลังปราณของคนรถยังสูงขนาดนี้
คนรถยิ้มๆ กล่าวกับจุนห่าวขณะมองไปเบื้องหน้าว่า “ข้าจะไม่อยากเสี่ยงโชคอีกต่อไป จากคนที่ผ่าอันตรายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด โอกาสที่จะได้ผลไม้ชิงลัวช่างน้อยนิดนัก หากกระทำการไม่ดีคงสิ้นชีพวายได้ กิจการข้าตอนนี้ก็ไม่เลว และทำเงินได้มาก แค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว”
ฟังคำพูดของคนรถ จุนห่าวพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “สหาย ช่างคิดได้จริงๆ” คิดในใจ คนอย่างคนรถจะมีชีวิตอยู่จนถึงที่สุดได้ ทว่าก็มิใช่จะมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่
ฟังคำพูดของจุนห่าว คนรถหัวเราะเสียงดัง และเอ่ยขึ้นว่า “พอเพียงมีความสุขไปวันๆ ไม่ดีหรือ?” พูดจบเขาก็หยุดชะงักและพูดกับจุนห่าวอย่างปลงๆ ว่า “ขอแค่ใช้ชีวิตได้นานกว่าคนธรรมดาสักสองสามทศวรรษ ข้าก็พอใจแล้ว”
จุนห่าวได้ฟังก็หัวเราะเฮ่อๆ ไม่พูดอะไรอีก
เนื่องจากบนรถม้ามีคนรถที่ควบม้านั่งด้วยตลอดทาง จุนห่าวและหานรุ่ยจึงไม่ได้พูดอะไรมากนัก เมื่อมาถึงเทือกเขาอู๋หยิน จุนห่าวและหานรุ่ยลงจากรถม้า จ่ายเงินให้แก่คนรถและจากไปอย่างมีความสุข
จุนห่าวและหานรุ่ยผูกจุนตงและจุนหนานไว้ตรงอ้อมอกของตัวเอง จุนห่าวและหานรุ่ยทำเช่นนี้หลายครั้งแล้ว ดังนั้นจุนตงและจุนหนานจึงคุ้นชิน เมื่อใดก็ตามที่ถูกท่านพ่อและท่านแม่ผูกพวกเขาไว้ตรงอ้อมอก พวกเขาจะประพฤติตัวเรียบร้อยมาก
เทือกเขาอู๋หยินมีแนวเขาที่ต่อเนื่องกันเป็ทิว มันทอดยาวหลายพันไมล์ ภายในมีสัตว์อสูรนับไม่ถ้วน ซึ่งอันตรายยิ่งนัก แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีทรัพยากรการบำเพ็ญเพียรมากมาย ดังนั้นจึงมีทหารรับจ้างและผู้มีประสบการณ์เข้าออกเทือกเขาอู๋หยินนี้ตลอดทั้งปี
ภายในเทือกเขาอู๋หยินมีสิบเ้าแห่งาา ซึ่งล้วนมีลมปราณอยู่ที่ขั้นที่สิบสองระดับปลายในชั้นที่หนึ่ง เช่นเดียวกับมนุษย์ที่ลมปราณอยู่ที่ขั้นที่สองระดับปลาย โดยไม่ทราบว่ามีชีวิตมาแล้วกี่ปี หากมิใช่เพราะแผ่นดินชางหลานมีข้อจำกัด ไม่แน่ว่า คงบุกทะลวงและกลายเป็สัตว์ชั้นที่สองแต่แรกแล้ว
าาสุนัขจื่อเหลย คือหนึ่งในสิบอันดับของเ้าแห่งาาเทือกเขาอู๋หยิน ไม่รู้ว่ามีชีวิตมากี่ปีแล้ว กำลังรบนั้นตอนนี้จุนห่าวและหานรุ่ยคงเทียบไม่ติด ดังนั้นการต่อสู้ตรงๆ โอกาสที่จะชนะคงไม่มาก
จุนห่าวมองดูแผนที่ในมือของเขา สุนัขจื่อเหลยอาศัยอยู่ในอาณาเขตขั้นในของเทือกเขาอู๋หยิน ทั้งยังอาศัยอยู่เป็กลุ่ม พวกเขาต้องข้ามอาณาเขตด้านนอกของเทือกเขาอู๋หยินได้ให้ โชคดีที่มันไม่ผ่านอาณาเขตของาาตนอื่น
หลังจากจุนห่าวดูแผนที่จบ จึงเงยหน้าขึ้นและพูดกับหานรุ่ยว่า “ตอนนี้ทุกคนกำลังรอให้ผลไม้ชิงลัวสุกงอม ข้าคิดว่าาาสุนัขจื่อเหลยก็คิดจะแย่งชิงด้วย เราใช้โอกาสนี้ไปจับสุนัขจื่อเหลยสักตัวในกลุ่มของมันก็พอแล้ว แน่นอนว่า ยิ่งมีเืบริสุทธิ์ยิ่งดี”
ฟังคำของจุนห่าว หานรุ่ยครุ่นคิดและกล่าวว่า “ก็ไม่แน่ว่าาาสุนัขจื่อเหลยจะไปแย่งชิงผลไม้ชิงลัว อันที่จริงพลังปราณของมันก็ถึงระดับปลายแล้ว มันไม่ออกจากแผ่นดินชางหลานก็หมดหนทางบุกทะลวง ดังนั้นผลไม้ชิงลัว จึงไม่ดึงดูดมันมากนัก และมันไม่จำเป็ต้องไปเสี่ยงแย่งชิงกับสิ่งที่ไประโยชน์มิได้นี้”
“ที่เ้าพูดมาก็ถูก ความเสี่ยงในการแย่งชิงผลไม้ชิงลัวย่อมมี ก็ไม่แน่ว่าาาสุนัขจื่อเหลยจะไปเสี่ยงอันตรายจริงๆ” จุนห่าวฟังคำพูดของหานรุ่ย ชะงักอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “เ้าว่ามีความเป็ไปได้ไหมว่า ลูกหลานของาาสุนัขจื่อเหลยอาจ้า เพื่อลูกหลานของมัน มันอาจไปแย่งชิงล่ะ? อันที่จริง สัตว์อสูรจะก้าวหน้าอย่างช้าๆ แต่ด้วยผลไม้ชิงลัวจะประหยัดเวลาได้หลายร้อยปี”
ได้ฟังคำพูดของจุนห่าว หานรุ่ยคิดทบทวนและพูดขึ้น “ก็อาจเป็ไปได้ แต่เราอย่าหวังว่าจะโชคดีไปซะหมด เราต้องเตรียมใจอยู่ตลอดว่าอาจพบาาสุนัขจื่อเหลยได้ทุกเมื่อ”
“เ้าพูดถูก เราจะไม่ต่อสู้กับความไม่แน่นอน ข้าได้ปรุงยาิญญาลุ่มหลงและยาิญญามีพิษไว้ไม่น้อย แค่ไม่รู้ว่ามันใช้กับาาสุนัขจื่อเหลยได้หรือไม่ ว่ากันว่าสัตว์อสูรขั้นสิบสองระดับปลายในชั้นแรกจะมีความต้านทานต่อยาสูงมาก หากสังหาราาสุนัขจื่อเหลยได้ และใช้เืของมันเปลี่ยนถ่ายสายเืของสายฟ้าได้ยิ่งดี” จุนห่าวเอ่ยขึ้นพลางลูบหัวจุนหนาน มองดูจุนหนานที่ประพฤติตัวดีอยู่ในอ้อมอกของเขา จุนห่าวคิดในใจ ปกติจุนหนานมักจะส่งเสียงดัง ทว่าใน่เวลาสำคัญ กลับไม่เคยสร้างปัญหาเลย
จุนหนานรู้สึกว่ามือของจุนห่าวลูบศีรษะของเขา เงยหน้าขึ้นด้วยความไม่พอใจและพูดกับจุนห่าวว่า “ท่านพ่อไม่ทราบหรือว่าหัวของลูกผู้ชายมิอาจลูบได้”
ฟังคำพูดของจุนหนาน จุนห่าวออกแรงบนศรีษะของจุนหนาน พร้อมพูดอย่างอย่างดุๆ ว่า “เ้าเด็กบ้า ผมยังไม่ขึ้นเลย ตอนนี้เ้าเป็ได้มากสุดแค่เด็กผู้ชาย อีกอย่าง เ้าเป็ซวงเอ๋อร์”
“ซวงเอ๋อร์แล้วทำไม ท่านพ่อบอกเองมิใช่หรือว่าซวงเอ๋อร์ก็เป็ผู้ชาย? อย่าบอกนะว่าท่านพ่อลืมสิ่งตัวเองพูดแล้ว?” จุนตงที่อยู่ในอ้อมอกของหานรุ่ยเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด
“ข้าผิดเอง” จุนห่าวพูดพลางสะกิดจุนตง
หานรุ่ยฟังการสนทนาระหว่างสามพ่อลูกอย่างยิ้มๆ ทว่าก็ไม่ลืมเื่สำคัญ สำหรับเื่ที่จุนห่าวปรุงยาลุ่มหลงและยาพิษ เขารู้อยู่แล้ว เขายังให้แนวทางมากมายแก่จุนห่าว เขายังคงมีความมั่นใจต่อสิ่งเหล่านี้ เขาพูดกับจุนห่าวว่า “ถึงเวลานั้นก็ลองดูสักหน่อย ต่อให้จะไม่มีผลต่อาาสุนัขจื่อเหลย แต่คงมีผลกับคนของมัน”
“คงจะดีไม่น้อยหากมีะเิ มันทรงพลังมาก” จุนห่าวกล่าวพร้อมหวนคิดถึง
หานรุ่ยไม่รู้ว่าะเิคืออะไร ทว่าเคยได้ยินจุนห่าวพูดถึงพลังของมัน
ชายทั้งสองเจรจาเส้นทางเสร็จแล้ว เร่งความเร็วไปยังทิศทางของาาสุนัขจื่อเหลย ตลอดทางที่ราบรื่น และสัตว์อสูรที่พบก็มิได้อยู่ในระดับสูงนัก จุนห่าวคิดในใจ สัตว์อสูรที่มีระดับสูงกว่านี้อาจไปแย่งชิงผลไม้ชิงลัวก็เป็ได้
ทั้งสองคนรีบเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว และเด็กๆ ที่อยู่ในอ้อมอกเบื้องหน้าก็ไม่ส่งผลใดๆ ต่อความเร็วของพวกเขาสักนิด
ทั้งสองคนเคลื่อนไหวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่เต็มไปด้วยความโกรธ จุนห่าวและหานรุ่ยหยุดพลางสบตากัน จุนห่าวกล่าวว่า "ด้านนั้นคืออาณาบริเวณของเสือดาวจุยเฟิง าาแห่งเสือดาวจุยเฟิงอยู่ขั้นที่สิบสองระดับปลาย มันเป็หนึ่งในสิบของเ้าแห่งาาในเทือกเขาอู๋หยิน”
“ข้าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าพลังปราณต้องสูงกว่าเราแน่” หานรุ่ยพูดเื่ที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง
“เราไปดูเสียหน่อยไหม ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจเอาชนะได้ และเราอาจได้อะไรมาบ้าง สัตว์อสูรที่อยู่ในขั้นสิบสองในชั้นแรก ทั้งเนื้อทั้งตัวก็คือสมบัติ และทำเงินได้มาก” จุนห่าวพูดพลางมองไปยังทิศทางของการต่อสู้ เวลานี้เขายากจนยิ่งนัก พูดจบเขาก็ชะงักครู่หนึ่ง พลางหันไปทางหานรุ่ย พร้อมพูดกับหานรุ่ยว่า “อันที่จริง การปล้นสัตว์อสูร ก็เป็วิธีหาเงินได้เร็ว มันต้องซ่อนสมบัติไม่น้อยมานานหลายปี”
ได้ฟังคำของจุนห่าวแล้ว หานรุ่ยพูดด้วยดวงตาสว่างสดใสว่า “ไม่เลวจริงๆ มีเวลาเราต้องลองดูเสียหน่อย ต่อให้จะไม่ร่ำรวยในทันที แต่การได้ฝึกปรือฝีมือกับสัตว์อสูรก็ไม่เลวเลย” คำพูดของจุนห่าว หานรุ่ยไม่เพียงแต่ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ยังเห็นดีเห็นงามด้วย
มองดวงตาอันสดใสเสมือนดวงดาวของหานรุ่ย จุนห่าวคิด เสี่ยวรุ่ยเป็คนคลั่งไคล้การต่อสู้จริงๆ แต่เขาก็ชอบเสี่ยวรุ่ยที่เป็เช่นนี้
เมื่อทั้งสองคนพูดคุยเื่การต่อสู้ การต่อสู้ตรงนั้นยิ่งดุเดือดมากขึ้น สัตว์ร้ายคำรามอย่างต่อเนื่อง และยังได้ยินเสียงการปะทะของดาบ จุนห่าวพูดกับหานรุ่ยด้วยดวงตาสุกสว่างว่า “รออีกประเดี๋ยว ตอนนี้การต่อสู้ตรงนั้นกำลังดุเดือด เราเข้าไปตอนนี้คงไม่ดีแน่ มีแนวโน้มสูงว่าจะกลายเป็ห่าะุปืน”
หานรุ่ยสะกดอารมณ์ของเขา ถอนสายตาและพูดกับจุนห่าวว่า “เสือดาวจุยเฟิงคือตระกูลธาตุลม เร็วรวดยิ่งนัก หากทำพันธะสัญญาได้สักตัว ต่อไปคงช่วยอะไรได้มาก ข้าคิดว่าตรงนั้นต้องมีคนพยายามจับลูกของเสือดาวจุยเฟิง และยั่วยุพ่อแม่ของมัน”
หานรุ่ยพูดจบ เสียงการต่อสู้ตรงนั้นก็สิ้นสุดลงเช่นกัน จุนห่าวและหานรุ่ยสบตากัน ทั้งสองเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในทิศทางของการต่อสู้
เมื่อทั้งสองคนมาถึง มีความยุ่งเหยิงบนพื้นพร้อมกับร่องรอยของการต่อสู้ทั่วทุกที่ มีศพนอนอยู่กองบนพื้น ทั้งศพของเสือดาวจุยเฟิงและของมนุษย์ เืสีแดงสดเปรอะเปื้อนดินผืนนี้ เห็นได้ว่าการต่อสู้นั้นช่างน่าสลดใจเพียงใด
จุนห่าวและหานรุ่ยเดินไปตรงหน้าของาาเสือดาวไล่ลม ในเวลานี้าาเสือดาวไล่ลมได้รับาเ็ เืสีแดงสดเปรอะเปื้อนขนของมัน พร้อมกับเฮือกสุดท้ายที่มี
าาเสือดาวไล่ลมเห็นเด็กอยู่ในอ้อมอกจุนห่าวและหานรุ่ย รู้ว่าจุนห่าวและหานรุ่ยมิใช่ศัตรูที่รบกับพวกมัน จึงใช้ด้วยสายตาอ้อนวอนมองจุนห่าวและหานรุ่ย จากนั้นเสือดาวตัวเล็กๆ ก็โผล่ขึ้นมาจากใต้ท้องของเขา เสือดาวตัวน้อยนั้นถูกโชกไปด้วยเื จนมองไม่เห็นสีเดิม าาเสือดาวไล่ลมผลักเสือดาวน้อยไปทางจุนห่าวและหานรุ่ย คำอธิษฐานในดวงตานั้นยิ่งลึกซึ้ง เหตุผลที่าาเสือดาวไล่ลม้ามอบลูกให้แก่จุนห่าวและหานรุ่ย ก็เพราะว่ามันเห็นจุนตงและจุนหนานอยู่ในอ้อมอกของพวกเขา
มันไม่ได้ใช้สติปัญญามากนักในการคิด มองว่าพวกเขาต่างก็เป็พ่อแม่ มนุษย์สองคนนี้คงมีเมตตาต่อลูกของมัน ลูกคนนี้เกิดมาใน่ครึ่งชีวิตหลังของมัน และเป็เพราะความอ่อนแอหลังคลอด มันถึงพ่ายแพ้ตุ่์กลุ่มนั้น โดยมนุษย์กลุ่มนั้น้าพรากลูกของมันไป มันจะเห็นด้วยได้อย่างไร ตอนนี้มันจะไม่ไหวแล้ว มันหวังว่าลูกของมันจะมีชีวิตอยู่ และหวังว่าลูกของมันจะมีบ้านอยู่ที่ดี
