บทที่ 21 หนึ่งคนต่อหนึ่งกลุ่ม
“เ้าศิษย์รับใช้คนนี้ก็คือลูกน้องของหัวหน้าศิษย์รับใช้คนนั้น ตอนนี้มันกัดคนเป็แล้ว เรามาดูกันว่าพวกมันจะกัดคนยังไง แต่ไม่ว่าจะกัดยังไง เมื่อพวกมันไปถึงยอดเขาชิงหยุนของพวกเราก็จะต้องถูกไล่ตะเพิดออกมาอยู่ดี” ศิษย์สายนอกบนยอดเขาชิงหยุนพูดคุยกัน หลังจากที่ซั่งชูอวี๋ขัดเกลาวิชากระบี่จนบรรลุขั้นเจี้ยนอี้ได้ ก็ทำให้พวกเขามั่นใจขึ้น ผนวกกับความมั่นใจในฐานะศิษย์สายนอกแห่งยอดเขาหลักชิงหยุนเป็ทุนเดิมก็ยิ่งทำให้พวกเขาลำพองใจยิ่งขึ้นไปอีก
สีหน้าไป๋อวี้ขรึมลง เขาไม่กลัวการต่อสู้ แต่ตอนนี้ลูกศิษย์แห่งเขาหลักชิงหยุนกำลังสบประมาทพวกเขาอยู่ ทำเอาเขารู้สึกรับไม่ได้นัก นอกจากนี้พวกศิษย์สายนอกบนยอดเขาชิงจู๋ก็เอาแต่สบประมาทเขาเช่นกัน
หลังจากไป๋อวี้เพิ่งเอาชนะศิษย์สายนอกแห่งยอดเขาชิงจู๋ได้และกำลังจะท้าสู้กับพวกลูกศิษย์จากยอดเขาหลักชิงหยุน อยู่ๆ พื้นลานหอศิษย์รับใช้ก็เกิดสั่นะเืขึ้น จากนั้นหัวของอสรพิษัหิมะขนาดใหญ่ก็กระเด็นลอยมา ก่อนกลิ้งมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าลานหอศิษย์รับใช้ ทำเอาบรรดาศิษย์สายนอกแห่งยอดเขาชิงจู๋และชิงหยุนใสะดุ้งโหยง ก่อนทยอยพากันหลีกทางออก เพราะสัตว์อสูรระดับสี่อย่างอสรพิษัหิมะไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่คนอย่างพวกเขาจะเอาชนะได้
ตุบ
ฉินชูทุ่มร่างขนาดใหญ่ของอสรพิษัหิมะที่พาดอยู่บนไหล่ลงบนพื้นก่อนกวักมือเรียกเอ้อพั่ง
“ลูกพี่กลับมาแล้ว” ใบหน้าของเอ้อพั่งเต็มไปด้วยความใ เขาที่ยืนอยู่ด้านหลังไป๋อวีใอสรพิษัหิมะจนถอยหลังหนีไปไกล เพราะเขามองไม่เห็นร่างของฉินชูที่อยู่ด้านล่างร่างขนาดใหญ่ของอสรพิษัหิมะ ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่มองไม่เห็นฉินชู คนอื่นๆ ก็มองไม่เห็นเช่นกัน
“ลากเ้านี่เข้าไป ถลกหนังออกแล้วก็หั่นเนื้อมาทำแกงตุ๋นอสรพิษ อ๋อ! อย่าลืมแบ่งไปให้ทางโรงครัวด้วย จะได้ถือโอกาสเปลี่ยนอาหารให้พวกลูกศิษย์ที่นี่ พวกเราเป็แค่ศิษย์รับใช้บนยอดเขาชิงจู๋ อย่างน้อยก็ควรทำประโยชน์ให้ที่นี่หน่อย แล้วตอนแล่ชำแหละก็ระวังอย่าให้ิัและกระดูกของมันเสียหายด้วย” ฉินชูกำชับเอ้อพั่ง
เอ้อพั่งแรงไม่พอที่จะลากมันเข้าไป จึงเรียกศิษย์รับใช้คนอื่นๆ มาช่วย
ฉินชูบิดไหล่ที่ปวดร้าวจากการแบกร่างอสรพิษัหิมะมาเป็เวลานาน จากนั้นก็หันไปมองไป๋อวี้ “ลำบากแล้วน้องรัก ที่เหลือให้ข้าจัดการเอง!”
ไป๋อวี้พยักหน้าพลางเดินถอยหลังกลับมา ฉินชูกลับมาแล้ว เขาจึงสบายใจขึ้นมา ่ที่ผ่านมาเขาค่อนข้างรู้สึกกดดันมาก ตอนนี้หอศิษย์รับใช้แห่งยอดเขาชิงจู๋ถือว่าเป็สถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในสายตาเขา เขาไม่อาจแบกรับหน้าที่ดูแลที่นี่ต่อไปได้
ฉินชูกวาดมองั้แ่ศิษย์สายนอกแห่งยอดเขาชิงจู๋และไล่มองศิษย์สายนอกแห่งยอดเขาชิงหยุน “เข้ามา! วันนี้จะให้โอกาสพวกเ้าบุกโจมตีเข้ามาพร้อมกัน เข้ามาเลย ให้ข้าได้รู้จักกับพวกเ้ามากกว่านี้หน่อยเป็ไง”
ช่างบ้าคลั่งดีเดือดเสียจริง หนึ่งคนต่อหนึ่งกลุ่ม นี่คือความน่าเกรงขามของฉินชู
“ข้าคือศิษย์สายนอกแห่งยอดเขาชิงจู๋นามว่าหลินเจิง ข้าไม่มีเหมือนพวกสวะอย่างหลี่ปัว ความขัดแย้งระหว่างลูกศิษย์ทางการและศิษย์รับใช้บนยอดเขาชิงจู๋ควรจบลงแต่เพียงเท่านี้ แพ้ชนะพวกเราย่อมยอมรับได้ แต่จะปล่อยให้ศิษย์จากยอดเขาหลักมาทำตัววางมาดอวดเบ่งที่นี่ต่อไปไม่ได้ เ้าจัดการพวกเขาไปก่อนและพวกเราศิษย์สายนอกแห่งยอดเขาชิงจู๋จะไม่ก้าวก่ายเ้าแน่นอน” ศิษย์สายนอกแห่งยอดเขาชิงจู๋เดินออกมาประสานมือพูดกับฉินชู
“ที่พูดมาก็มีเหตุผล ปัญหาภายในยอดเขาชิงจู๋ของพวกเราควรเก็บไว้หารือเป็การส่วนตัว เอาล่ะ งั้นตอนนี้มีศิษย์สายนอกจากยอดเขาหลักคนไหน้าท้าสู้กับข้าบ้าง ถ้าไม่กล้าก็ไสหัวกลับไปซะ” หลังจากฉินชูพยักหน้าให้หลินเจิง ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยไฟนักสู้ก็กวาดมองไปที่ศิษย์สายนอกจากยอดเขาชิงหยุน
แล้วตอนนี้ใครจะกล้าสู้กับฉินชูกัน สัตว์อสูรระดับสี่อย่างอสรพิษัหิมะถูกฉินชูจัดการเช่นนี้ ขืนใครกล้าลงมือสุ่มสี่สุ่มห้า มีหวังถูกเล่นงานจนสภาพดูไม่ได้แน่นอน
ศิษย์สายนอกจากยอดเขาชิงหยุนพากันถอยหลัง พวกเขาเป็ถึงลูกศิษย์จากยอดเขาหลัก แม้จะมั่นใจในตัวเองมากแค่ไหน แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าฉินชูก็ไร้ความหมาย เพราะฉินชูเป็คนที่พูดคุยด้วยกำปั้นกับกระบี่เท่านั้น
ทั้งศิษย์สายนอกและศิษย์สายในจากยอดเขาทั้งสองต่างพากันทยอยกลับ ฉินชูโหดขนาดนี้ ขืนอยู่สู้ต่อก็ไม่ต่างอะไรจากถูกทรมานเล่นๆ
เมื่อกลับเข้ามาภายในลานหอศิษย์รับใช้ ฉินชูก็เห็นเอ้อพั่งกับคนอื่นๆ พากันแล่ชำแหละอสรพิษัหิมะกันอยู่อย่างขะมักเขม้น
ยืนมองดูสักพัก ฉินชูก็กลับมาที่ผาหินตัด เขาต้องกลับมาอาบน้ำ ทั่วร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเื เพราะเขานำอวัยวะหลักๆ ของอสรพิษัหิมะกลับมาด้วย เช่น ผลึกพลัง เครื่องในและเื
ครั้นฉินชูอาบน้ำเสร็จ ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สะอาด จากนั้นเอ้อพั่งก็เอาิั เอ็นและกระดูกอสรพิษัหิมะมาให้ฉินชูที่กระท่อม
“ข้านำเนื้ออสรพิษเก็บใส่หลุมน้ำแข็งแล้วจำนวนหนึ่ง แล้วก็แบ่งไปให้โรงครัวแล้วครึ่งหนึ่ง” เอ้อพั่งรายงานฉินชู
ฉินชูพยักหน้า “เ้าไปทำธุระต่อเถอะ เอาไว้มีอะไร ข้าค่อยเรียกเ้า”
เอ้อพั่งจากไป ฉินชูก็นำิั เส้นเอ็นและกระดูกของอสรพิษัหิมะแขวนไว้ทั่วกระท่อม เมื่อมีกลิ่นอายของอสรพิษัหิมะอยู่แบบนี้ พวกสัตว์มีพิษทั้งหลายก็ไม่กล้าเข้าใกล้กระท่อมเขาแล้ว
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินชูก็เริ่มขัดเกลาวิชากระบี่พื้นฐานอีกครั้ง เมื่อเขากำหนดสมาธิรวมศูนย์ จิตของเขาก็โคจรเข้าสู่ห้วงภวังค์แห่งจิติญญากระบี่อีกครั้งและสามารถดึงเอาพลังแก่นแท้ของวิถีกระบี่ออกมาใช้ได้อย่างใจนึก
ฉินชูมักฝึกฝนทั้งวันั้แ่เช้ายันค่ำ จนกระทั่งเอ้อพั่งกับไป๋อวี้นำกับข้าวมาให้ถึงจะหยุดพัก
“ลูกพี่ วันนี้ทางโรงครัวให้เหล้าข้ามาหนึ่งไห พวกเขาบอกว่าต้องเอามาให้ลูกพี่ให้ได้” เอ้อพั่งพูดขึ้น
“งั้นพวกเรามาดื่มกันเถอะ!” ฉินชูชวนเอ้อพั่งกับไป๋อวี้ดื่มกิน ความสัมพันธ์ระหว่างฉินชูกับไป๋อวี้คงไม่ต้องพูดถึง เพราะเขาร่วมฝ่าฟันอะไรหลายอย่างมากับฉินชู ส่วนเอ้อพั่ง ตอนแรกๆ เอ้อพั่งก็เป็พวกใช้กำลังเป็ใหญ่ ชอบดูถูกและรังแกผู้อื่นและชอบทำให้ฉินชูหงุดหงิดอยู่ตลอด แต่พักหลังๆ มานี้เขาเริ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังเริ่มฝึกตนแล้วด้วย จนกระทั่งวันนี้ การเปลี่ยนแปลงของเอ้อพั่งทำให้ฉินชูยอมรับจากใจ
แกงตุ๋นอสรพิษและเนื้ออสรพิษผัดที่ทางโรงครัวทำมาช่างอร่อยเป็ที่สุด ทั้งสามกินดื่มพูดคุยกันอย่างสำราญใจ นับว่าเป็่เวลาดีๆ ที่เกิดขึ้นสำหรับพวกเขา
ตอนที่ฉินชูใช้ชีวิตอยู่ในหุบเขาลึกก็มักจะกินดื่มกับผู้เฒ่ามาตลอด หลังจากมาอยู่ที่สำนักชิงหยุนก็ไม่มีโอกาสได้ดื่มอีก เพราะไม่มีเหล้า อีกทั้งชีวิตของเขาในแต่ละวันก็วุ่นวายจนลืมเื่ดื่มสังสรรค์ไปสนิท
หลังจากกินแกงตุ๋นอสรพิษ ฉินชูก็นั่งสมาธิเข้าฌาน เขาััได้ถึงสารสรรพคุณอันอุดมสมบูรณ์จากเนื้ออสรพิษที่กินเข้าไป
ในเวลาเดียวกันที่ฉินชู ไป๋อวี้และเอ้อพั่งกำลังกินดื่มกัน บนยอดเขาชิงจู๋ก็คึกคักกันไม่น้อย เหล่าลูกศิษย์สายนอกทั้งหลายต่างพากันกินแกงตุ๋นอสรพิษกันอย่างเอร็ดอร่อย
ทั้งลูกศิษย์สายใน ผู้ดูแลและผู้คุมกฎต่างพากันแปลกใจและไปถามทางโรงครัวว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับข้าวเย็นวันนี้ เพราะว่าแกงตุ๋นอสรพิษวันนี้ช่างอุดมไปด้วยสารสรรพคุณเข้มข้น
แม้แต่ปรมาจารย์สูงสุดผู้ดูแลยอดเขาชิงจู๋ก็ยังใ เื่นี้ถือว่าเป็เื่ใหญ่
เมื่อรู้ว่าเนื้อสรพิษนี้ได้มาจากศิษย์รับใช้ที่ชื่อว่าฉินชู เหล่าผู้าุโระดับสูงก็พากันนิ่งเงียบ พวกเขาไม่แปลกใจและมองเื่นี้เป็เื่ปกติไปแล้ว
ต่อมาเหล่าศิษย์สายนอกกลุ่มเล็กๆ สองสามกลุ่มได้รวมตัวกัน โดยมีหลินเจิงเป็หัวหน้า
“ข้าจำเป็ต้องพูดเื่นี้ ตอนนี้พวกเราไม่สามารถเอาชนะหอศิษย์รับใช้...ไม่สิ จะพูดให้ถูกคือพวกเราไม่สามารถเอาชนะฉินชูได้ และข้าก็รู้ว่าพวกเ้าก็ยอมรับเื่นี้ด้วยเช่นกัน ส่วนเ้า หลี่ปัว หากเ้าไม่ยอมรับก็จงดื้อด้านไปคนเดียว แต่เื่หนึ่งที่เ้าต้องเข้าใจก็คือ เ้าก็คือเ้า เ้าเป็ศิษย์สายนอกแห่งยอดเขาชิงจู๋ที่ไม่อาจมีผู้ใดทดแทนตัวเ้าได้” หลินเจิงพูดกับหลี่ปัว เพราะความขัดแย้งระหว่างหอศิษย์รับใช้กับศิษย์สายนอกบนยอดเขาชิงจู๋เกิดมาจากตัวต้นเื่อย่างหลี่ปัว มันเป็ความขัดแย้งที่ศิษย์สายนอกส่วนใหญ่รับไม่ค่อยได้
ตอนนี้สีหน้าของหลี่ปัวจึงแทบดูไม่ได้ แต่เขาก็ไม่พูดอะไร เพราะเขาไม่กล้าแตะต้องหลินเจิงผู้ที่ได้รับความเคารพที่สุดในหมู่ศิษย์สายนอกบนยอดเขาแห่งนี้
“ตอนนี้ฉินชูได้ประกาศท้าสู้กับพวกยอดเขาหลักไปแล้ว หากพวกเราไม่คิดจะสนับสนุนเขาก็จงอยู่เงียบๆ ดีกว่า อย่าได้เข้าไปขัดแข้งขัดขาเขาเลย พรุ่งนี้พวกเราจะไปขอโทษและสงบศึกเป็การชั่วคราว ปล่อยให้เขาทุ่มเท สมาธิและพละกำลังทั้งหมดไปจดจ่ออยู่กับการต่อสู้กับลูกศิษย์บนยอดเขาหลักที่ใกล้จะเกิดขึ้นในเร็ววันดีกว่า เพราะการต่อสู้นี้จะส่งผลต่อหน้าตายอดเขาชิงจู๋ของพวกเราอย่างแน่นอน” ศิษย์สายนอกอีกคนหนึ่งที่เป็หัวหน้ากลุ่มเล็กๆ พูดเสริมขึ้นอีกแรง