จิ่งฝานหันศีรษะ พูดกับคนทั้งสามอย่างเป็มิตรว่า “ไปกันเถิด”
คนทั้งหมดกลับมาที่ร้านโอสถตระกูลจิ่งอีกครั้ง จิ่งจื่อกับจิ่งเซียงไปที่ห้องตรวจโรคที่อยู่ชั้นหนึ่ง
อ๋าวหรานเดินขึ้นไป้ากับจิ่งฝาน เริ่มอธิบายก่อนว่า “ที่ข้าถามนามของแม่นางท่านนั้น ก็เพราะรู้สึกว่านางน่าจะเป็ลูกสาวบุญธรรมของทางเหวินหนิง”
จิ่งฝานได้ยินแล้วหันมาจ้องมองเขา “เ้ารู้จักนาง?”
อ๋าวหราน “ไม่เคยเจอ แต่รู้ลักษณะเฉพาะบางอย่างของนาง”
จิ่งฝานหยุดชะงักไปนิดหนึ่งแล้วพูดต่อ “เ้าช่างรู้อะไรมากมายเสียจริงนะ”
อ๋าวหรานทำได้แค่ยิ้มฝืน เขาเกือบจะต้องคายความลับทั้งหมดออกมาอยู่แล้ว ดีที่จิ่งฝานไม่ได้ถามให้ละเอียด ไม่เช่นนั้นคงต้องบอกออกมาแล้วว่าโลกนี้เป็เพียงแค่นิยายเื่หนึ่ง
จิ่งฝานถามอีกว่า “ตอนนี้เ้าแน่ใจหรือยัง?”
อ๋าวหรานพยักหน้าตอบ “ไม่ผิดแน่ เป็ลูกสาวบุญธรรมของทางเหวินหนิง”
จิ่งฝาน “นางมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ทำอันใด?”
อ๋าวหรานส่ายหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้ตอบว่า “ข้าก็ไม่แน่ใจ”
ที่หลางฉามาปรากฎตัวที่นี่นั้นทำให้เขาไม่รู้จะคิดไปในแนวทางไหนดี ถ้าจะบอกว่าทำเพื่อใกล้ชิดอ๋าวหราน ให้เขาบอกเื่ที่ซ่อนของ ‘จี๋เต้า’ แต่มันก็ไม่จำเป็ขนาดนั้น ตอนนั้นคนที่ติดต่ออ๋าวหรานคือเซียวหยางผิง เซียวหยางผิงรู้จักพูด ทำตัวเป็คนดีได้แเีมาก ทั้งปลอบทั้งหลอกจนทำให้อ๋าวหรานสารภาพออกมาจนหมด พอเขาสารภาพหมดแล้วก็ยังหลอกใช้ต่อ แม้แต่ตระกูลจิ่งที่เป็ผู้บริสุทธิ์ก็ยังถูกลากไปรับเคราะห์ด้วย
หรือว่าเป็เพราะเขาพูดโกหก เสแสร้งทำเป็ไม่รู้เื่ราวอะไร หลอกให้เซียวหยางผิงเอาไปบอกทางเหวินหนิง ทางเหวินหนิงไม่เชื่อ จึงส่งหลางฉามาดู?
อ๋าวหรานยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเหตุผลนี้น่าจะมีความเป็ไปได้
จิ่งฝาน “เ้าคิดอันใดอยู่? ข้าเรียกเ้าตั้งสองรอบ”
อ๋าวหรานตอบอย่างกังวลใจ “ข้ารู้สึกว่าทางเหวินหนิงอาจจะดูออกว่าข้าโกหก ส่งหลางฉามาตรวจสอบ”
จิ่งฝานส่งเสียง ฮึ ออกมาหนึ่งเสียง “เช่นนั้นเ้าจะกลัวอันใด พูดโกหกต่อไปเป็ใช้ได้แล้วนี่”
อ๋าวหรานถอนหายใจ “คำโกหกนั้นเหมือนจะฟังไม่ขึ้นแล้วน่ะสิ”
จิ่งฝาน “เ้าจะสนใจทำไมว่าฟังขึ้นหรือฟังไม่ขึ้น เ้าทำตัวแสร้งบ้าขายความโง่ต่อไป ให้นางเชื่อเ้า อย่างไรเสียใบหน้านี้ของเ้าก็เหมาะแก่การหลอกลวงอยู่”
อ๋าวหรานสีหน้าย่ำแย่ “ประเด็นมันอยู่ตรงนี้หรือ? ที่นางชอบคือหน้าของเ้าต่างหากเล่า เข้าใจหรือไม่?”
จิ่งฝานถูกกระแหนะกระแหน่กลับ ทว่าก็ไม่สนใจคำพูดของเขา ชายหนุ่มกล่าวต่อไปว่า “คนที่รู้เื่เหมืองเงิน ตอนนี้ถูกฆ่าไปเกือบหมดแล้ว ที่รู้เื่อยู่ก็มีแค่ตระกูลเฉิน พวกนั้นไร้สติปัญญาเกินไป ทำได้แค่ยกยอปอปั้นตนเอง ไม่มีอะไรต้องกังวล”
จิ่งฝานมองอ๋าวหรานที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาเจิดจ้าราวเปลวเพลิง “อีกอย่าง เ้าจะกลัวอันใด ตอนนี้มิใช่ว่ามีตระกูลจิ่งของข้าคุ้มครองเ้าอยู่หรอกหรือ?”
อ๋าวหรานถอนหายใจตอบว่า “พี่ชาย เ้านี่ไม่เกรงกลัวอะไรเลยจริงๆ ถ้ามีข้าคนเดียว ข้าก็คงจะเป็แบบเ้า ไม่เกรงกลัวสิ่งใด แต่ตอนนี้ก็เพราะมีพวกเ้าอยู่ ข้าถึงกังวล”
จิ่งฝาน “เ้าคิดว่าพวกเราเป็ภาระ?”
อ๋าวหราน “...”
อ๋าวหราน “ข้าคิดว่าข้าต่างหากที่เป็ภาระ”
อ๋าวหรานพูดอีกว่า “ผิดแล้ว ต้องบอกว่าข้าเป็ะเิเวลาถึงจะถูก”
จิ่งฝานหรี่ตา “ะเิเวลา? คืออันใด?”
อ๋าวหราน “คือของที่สามารถะเิได้ นำพาความยุ่งยากและภัยพิบัติมาได้ ปกติวางไว้เฉยๆ ก็ไม่เป็อันใด เพียงแต่เมื่อถึงเวลาก็จะ... ปัง----ะเิออก”
จิ่งฝานอึ้ง
“นายน้อย ผู้น้อยขอเข้าไปได้หรือไม่ขอรับ?” หลงจู๊ที่อยูด้านนอกขัดบทสนทนาของทั้งคู่
จิ่งฝาน “เข้ามา”
จิ่งฝาน “มีเื่อันใดหรือ?”
หลงจู๊ “ผู้าุโสามตระกูลก้าให้ท่านตรวจรักษาให้ขอรับ”
จิ่งฝานได้ยินก็เงยหน้าขึ้น
หลงจู๊หลงถูกมองด้วยสายตานั้นทำให้ตกตะลึงไป ระล่ำระลักว่า “จะให้ข้าน้อยปฏิเสธ?”
จิ่งฝานโค้งริมฝีปากยิ้มบาง “ไม่ต้อง ให้เขาเข้ามาเถิด”
อ๋าวหรานสงสัย ผู้าุโสามตระกูลกวานนี่คือผู้ใด?
เมื่อหลงจู๊ถอยหลังออกไป สักครู่ก็มีชายอายุราวห้าสิบหกสิบเข้ามา รูปร่างสูงมาก หน้าดำ ถึงแม้จะแก่แล้วแต่ดูไปก็ยังแข็งแรงดีอยู่ คิ้วและเครามีสีขาวแซมอยู่ประปราย
คนคนนั้นประสานมือคารวะมาทางจิ่งฝาน “คุณชายจิ่ง ข้าอยากให้ท่านช่วยตรวจรักษาโรคให้”
จิ่งฝานหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง พยักหน้า “นั่งลงเถิด”
คนคนนั้นนั่งลงเสร็จแล้วก็เห็นอ๋าวหรานที่ยืนอยู่ข้างกายจิ่งฝาน พูดอย่างอ้อมค้อมว่า “คุณชายท่านนี้”
อ๋าวหรานเข้าใจ ลุกขึ้นทำท่าจะจากไป
จิ่งฝานจับแขนเขาไว้ “ไม่เป็ไร ให้เขาฟังอยู่ที่นี่”
อ๋าวหราน “นี่...” ไม่ค่อยดีกระมัง ถ้าเกิดเขามีโรคลับขึ้นมาจะทำอย่างไร
จิ่งฝาน “นั่งลง”
จิ่งฝานมองกวานหยูไท่อีกครั้ง “ผู้าุโกวานคงไม่ว่าอะไรใช่หรือไม่?”
กวานหยูไท่ทำได้เพียงส่ายศีรษะ “ไม่... ไม่เป็ไร”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้