ขณะเดียวกัน ซุยจื่อเมิ่งที่เฝ้ามองทุกอย่างจากนอกโลก ตอนนี้นางรู้ดีแล้วว่าตนเองสูญเสียกองทัพพยัคฆ์ขาวไปเรียบร้อย การขยับตัวต่อจากนี้จึงเต็มไปด้วยความลำบาก เพราะลูกสาวบุญธรรมทั้งเจ็ดของนางได้ถูกส่งออกมานอกโลกแล้ว แม้ว่าอีกด้านหนึ่ง พวกนางก็สามารถส่งผู้พิทักษ์ของมู่หนานซือทั้งห้าคนออกไปจากโลกนี้ได้สำเร็จ
แต่ว่าแผนการทั้งหมดของนางดูเหมือนจะต้องเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง เพราะเมื่อครู่นี้เองที่นางพยายามทำนายดวงชะตาของเต๋า์ นางก็เพิ่งได้รับข้อมูลบางอย่างจากเสียงลึกลับเสียงนั้นโดยระบุว่าพระบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะ้าให้นางกลายเป็แพะรับบาปสำหรับการโจมตีมู่หนานซือ
ในทางกลับกันมู่หนานซือเองก็จะใช้นางเป็แพะรับบาปเหมือนกัน เด็กผู้หญิงคนนั้นเล่นละครตบตานางได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ที่สำคัญนางรู้ว่าเสียงนั้นมัน้าให้นางเป็บันไดสำหรับคนยุคใหม่ แต่ฝันไปเถอะ
ซุยจื่อเมิ่งนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งสัญญาณบางอย่างออกไป
ทันใดนั้น ชายชุดดำคนหนึ่งก็เดินออกมาจากความว่างเปล่าตรงเข้าหานาง พร้อมกับเอ่ยขึ้น
“ท่านจักรพรรดินี ทุกอย่างเรียบร้อยดี...”
ยังไม่ที่เขาจะได้พูดจนจบประโยค หัวของชายคนนั้นก็ะเิออกทันที แต่เขากลับยังไม่สิ้นชีพและเตรียมใช้พลังหนีไปทันที
ซุยจื่อเมิ่งยื่นมือออกไปคว้าร่างของเขาไว้ก่อนจะทำการจับชายคนนั้นทำลายอวัยวะทุกส่วนจนพิการทั้งร่างและทำการปกปิดโชคชะตารวมถึงบิดเบือนเศษิญญาของชายคนนี้เอาไว้เพื่อไม่ให้ใครสามารถตรวจสอบสถานะภาพของเขาผ่านเศษิญญาได้ ก่อนที่จะดึงร่างของชายชุดดำนั้นเข้ามาใกล้ แล้วดึงคริสตัลบางอย่างออกมาจากแหวนมิติของเขา ก่อนจะใช้นิ้วแตะลงบนผิวคริสตัลอย่างแ่เบา
ก่อนที่นางจะปรับเสียงตัวเองให้เหมือนชายชุดดำทันทีพร้อมพูดรหัสลับกับคริสตัล
“ในวันที่พระอาทิตย์กลายเป็สีดำ โลกทั้งใบจะจมลงสู่ใต้เท้าของตระกูลโจว เงาดำหมายเลขสอง มีเื่มารายงานกับนายน้อยโจวขอรับ”
เสียงชายหนุ่มดังขึ้นจากอีกด้านด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นแต่ทรงอำนาจ
“ว่ามา”
ซุยจื่อเมิ่งยิ้มเล็กน้อยอย่างเ้าเล่ห์ก่อนจะพูดขึ้น
“นายน้อย สุสานของเทพพระเ้าแห่งสมุนไพร... กำลังจะเปิดออกในอีกเจ็ดวันข้างหน้าขอรับ ตอนนี้องค์ประกอบทุกอย่างพร้อมแล้วขอรับ”
ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย
“เข้าใจแล้ว อีกห้าวันข้าจะออกเดินทางทันที”
ซุยจื่อเมิ่งกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความเคารพจอมปลอม
“พวกเราจะเตรียมการต้อนรับท่านให้ดีที่สุดขอรับ นายน้อย”
สิ้นสุดบทสนทนา การเชื่อมต่อก็จบลงโดยสมบูรณ์
สีหน้าของซุยจื่อเมิ่งแปรเปลี่ยนไปทันที กลับกลายเป็ความเ็าสุดขั้ว ความจริงของการมาที่โลกเบื้องล่างในครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อกักขังมู่หนานซือ แต่เพื่อทำการปิดบังโลกใบนี้ไว้จากสายตาภายนอก
เป้าหมายที่แท้จริงของนาง คือการยึดครองอาณาจักรลับของเทพพระเ้าแห่งสมุนไพร ซึ่งเป็หนึ่งในสิบเทพพระเ้าาเอาไว้ โดยที่บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะก็รู้เื่นี้ และเป็ฝ่ายที่มาขอความร่วมมือจากนางด้วยตัวเอง
นางคิดไว้แล้วว่ามันแปลกๆ ในความเป็จริงถ้าเขาไม่เชื่อใจดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะ ก็ยังมีตระกูลโจวของพ่อเขาหรือว่าตระกูลซูของแม่เขาที่สามารถช่วยเหลือเขาได้ ซึ่งในตอนแรกนางก็มีแผนจะแทงข้างหลังชายคนนั้นเหมือนกันแต่มันก็เป็การหักหลังเล็กน้อย แต่ไอ้เด็กคนนั้นมันจะเอามีดแทงนางเลยนางเลยเลือกที่จะเปลี่ยนแผนทันที
ส่วนมู่หนานซือ... ตอนแรกนางยังคิดว่ามันเป็แค่ความบังเอิญธรรมดา แต่หลังจากวันนี้ ซุยจื่อเมิ่งมั่นใจแล้วว่า การที่มู่หนานซือมาอยู่ในโลกแห่งนี้ มันไม่ใช่เื่บังเอิญแน่นอน
ซุยจื่อเมิ่งยิ้ม สายตาของนางมองผ่านไปยังโลกเบื้องล่าง ใบหน้าอันงดงามนั้นแฝงไปด้วยความหยิ่งผยองปนเย้ยหยัน ก่อนที่ริมฝีปากสีแดงจะขยับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแ่เบา
“หึ... มาดูกันอีกทีดีกว่าว่า ใครกันแน่ที่จะเป็เบี้ยบนกระดาน...”
…..
…..
….
ภายในโลกเบื้องบน ห้องโถงมืดทึบที่ถูกสร้างจากซากกระดูกโบราณนับล้านปี กลิ่นคาวเืและกลิ่นอายของความตายแผ่คลุมไปทั่ว บ่อเืขนาดั์กลางห้องเดือดพล่าน เปลวหมอกสีแดงที่ระเหยขึ้นมาจากบ่อ ส่งเสียงร้องโหยหวนราวกับิญญาที่ยังไม่ไปผุดไปเกิด
ท่ามกลางความอำมหิตนั้น ร่างชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งแช่ร่างอยู่กลางบ่อเื ผมยาวดำสนิทถูกรวบมัดไว้ด้านหลัง คิ้วดกคมดั่งคมดาบ เบื้องหน้าเขามีแผงหน้าจอพลังงานสีฟ้าเปล่งแสงอยู่
“...ส่งเงาดำหมายเลข 3 ถึง 12 ไปเพิ่มที่โลกเบื้องล่างที่ 23 ซะ” ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉยชา
หลังจากพูดเสร็จ คริสตัลสีดำสนิทเม็ดหนึ่งปรากฏขึ้นในมือเขาก่อนที่เขาจะโยนมันขึ้นกลางอากาศโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมอง
คริสตัลหมุนคว้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหายวับไปในความว่างเปล่า ทันใดนั้น เสียงตอบรับจากอีกมิติหนึ่งก็ดังขึ้นมาในห้องอย่างนอบน้อมและเต็มไปด้วยความเคารพสูงสุด
“รับทราบขอรับ...นายน้อย”
ชายหนุ่มไม่ตอบรับอะไรเพิ่มเติม เพียงแค่เอนหลังจมลงไปในบ่อเือย่างผ่อนคลาย
…..
…..
….
ณ โลกเบื้องล่างที่ 23 ขณะเดียวกันท่ามกลางกลิ่นคาวเืและเถ้าถ่านของสนามประลองที่เพิ่งผ่านมหาามา อู๋เวินลอยอยู่กลางอากาศ สายตาของเขากวาดมองไปยังด้านล่าง ก่อนจะหยุดนิ่งที่ร่างของเย่หลิน ซึ่งถูกผู้าุโผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะพาหนีออกมาในสภาพกึ่งเป็กึ่งตาย ใกล้กันนั้น ิญญาของฮัวจินหรูกำลังลอยมาอย่างเชื่องช้า สีหน้าของนางซีดขาวและิญญาที่พร้อมจะหายไปทุกเมื่อ
อู๋เวินโบกมือหนึ่งเบาๆ เพื่อเตรียมดึงทั้งสามเข้ามาใกล้ตัวเอง ทว่าทันใดนั้น กลิ่นอายสังหารอันหนาวเย็นก็พุ่งเข้ามาใส่เขาโดยไร้สัญญาณเตือนใดๆ
ฟึ่บ!
คลื่นดาบเฉือนอากาศพุ่งเฉียดเข้าที่ลำคอของอู๋เวิน เขายกมือขึ้นตั้งม่านพลังิญญาแทบไม่ทัน และยังต้องรีบะโหลบออกมาอย่างฉับพลัน แม้เขาจะเลี่ยงได้ แต่คมดาบก็ยังฝังรอยแผลตื้นๆ บนลำคอของเขาอยู่ดี
"แม่สาวน้อย... เ้ากลายเป็จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ั้แ่เมื่อไหร่กัน?" เขาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มปนแปลกใจ
เสียงของจี้อี้เหรินดังก้องฟ้า ดวงตาของนางเต็มไปด้วยเพลิงแห่งโทสะ
“ตายซะ ไอ้สารเลว!”
คลื่นดาบมหึมาฟาดเปรี้ยงเข้าหาอู๋เวินอย่างไร้ปรานี แต่ก่อนที่มันจะัักับอู๋เวิน พื้นดินใต้เท้าก็สั่นไหว กำแพงดินหนาหลายสิบชั้นผุดขึ้นมาขวางไว้ทันควัน เสียงะเิดังสนั่นขณะที่ดาบฟันกระแทกเข้ากับดิน กลายเป็หมอกฝุ่นตลบอบอวล
ฝุ่นเ่าั้ยังไม่ทันจากหาย หุ่นดินเหนียวสวมเกราะเต็มตัวนับร้อยตัวก็พุ่งเข้าใส่จี้อี้เหรินราวกับพายุอสูร อู๋เวินหัวเราะในลำคอ
"ข้าก็อยากจะฆ่าเ้าซะเดี๋ยวนี้เหมือนกันนะ สาวน้อย...แต่ข้าไม่อยากเสี่ยง เพราะถ้าข้าสามารถฆ่าเ้าได้ เด็กสาวทั้งหลายที่เ้าสั่งสอนมานั่นล่ะ...จะไม่ยอมนิ่งเฉยแน่นอน และผู้คุ้มกันของพวกนางก็คงสังหารข้าต่อเลย"
เขาหยุดพูดแค่นั้นก่อนจะดีดนิ้วเบาๆ ยันต์วาร์ปสีฟ้าปรากฏขึ้นกลางอากาศและเปิดมิติเพื่อหลบหนีไปทันทีพร้อมดึงร่างของอีก 3 คนเข้ามา
"ข้าขอผ่านก่อนละกัน"
ในพริบตาเดียว อู๋เวินหายตัวไปพร้อมกับร่างของเย่หลิน ฮัวจินหรู และผู้าุโผู้ยิ่งใหญ่ จี้อี้เหรินกัดฟันแน่นก่อนจะะเิพลังทำลายหุ่นดินทุกตัวจนไม่เหลือชิ้นดี
ความเงียบเข้าครอบงำนางชั่วครู่ ก่อนจะหันหลังกลับมามองเด็กสาวทั้งห้าคนด้วยแววตาที่เยือกเย็น เสียงของนางเ็าจนแม้แต่สายลมยังนิ่งงัน
"ข้า... ขอให้พวกเ้าโชคดีในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ ข้าคงจะไม่สามารถสอนอะไรให้พวกเ้าได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นต่อจากนี้ไป พวกเ้าทั้งห้าคน... รวมถึงเย่หลิน จะไม่ใช่ศิษย์ของข้าอีกต่อไป!! ลาก่อน!"
มือข้างหนึ่งของนางชูยันต์วาร์ปขึ้น ก่อนจะฉีกมันออกกลางอากาศ ร่างของนางกลายเป็แสงและหายวับไปในมิติอย่างเงียบงัน
“ท่านอาจารย์! อย่าไป...!”
เสียงหวังฟางเซียนะโไล่หลังออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ทว่าเสียงของนางก็ไม่มีวันไปถึงอีกฝ่ายได้อีกต่อไป
ความเงียบแผ่คลุมทั่วทั้งสนาม เด็กสาวทั้งห้าคนยืนนิ่ง ท่ามกลางเศษซากหุ่นดินที่ยังร้อนระอุ ไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดออกมา แม้แต่ลมหายใจยังหนักอึ้ง ไม่มีคำพูด ไม่มีคำปลอบใจ ไม่มีทางให้กลับหลัง
…..
…..
….
ใต้ร่มเงาของต้นไม้สีชมพูที่ผลิดอกบานสะพรั่งทั่วทั้งูเา สายลมอ่อนๆ พัดผ่านใบไม้เบา ๆ กลีบดอกปลิวตามสายลมราวกับหิมะสีชมพูที่ร่วงโรยจากฟากฟ้า
มู่หนานซือนั่งนิ่งอยู่ใต้ต้นไม้นั้น ดวงตาของนางปิดสนิท สีหน้าเงียบสงบดังผืนน้ำที่ไร้คลื่น ราวกับกำลังจมลึกอยู่ในห้วงคิดบางอย่าง
จนกระทั่งแสงวาร์ปส่องประกายขึ้นตรงหน้า นางลืมตาขึ้นช้า ๆ แสงนั้นค่อย ๆ จางหายไป เผยให้เห็นร่างของจี้อี้เหรินที่ยืนอยู่กลางแสงนั้น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยคราบน้ำตา หัวใจราวกับแบกรับภาระเกินกว่าที่มนุษย์จะรับไหว
ในพริบตาเดียว จี้อี้เหรินทรุดตัวลงคุกเข่าอย่างแรง ก่อนจะฟาดหน้าผากของตนลงกับพื้นเสียงดัง
“ข้าขออภัยท่านเ้าสำนัก ข้าขออภัยในความอ่อนแอและความโง่เขลาของข้า…!”
เสียงของนางสั่นเครือทุกถ้อยคำ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงลงบนพื้นดินจนเปียกชื้น
แต่ไม่ทันที่นางจะได้พูดอะไร วงแขนที่แสนอบอุ่นก็สวมกอดร่างของจี้อี้เหรินเอาไว้แน่น มู่หนานซือโอบกอดนางไว้เต็มแรงราวกับไม่อยากปล่อยให้นางต้องแตกสลายอีก ดวงตาที่นิ่งสงบของนางในตอนแรก บัดนี้แฝงด้วยแววอ่อนโยน
“ข้าเข้าใจเ้า...พี่สาว” มู่หนานซือพูดเบา ๆ พลางลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างแ่เบา
“พวกเราทุกคนล้วนเป็เหยื่อของเต๋า์เท่านั้น”
ไม่มีคำตำหนิ ไม่มีโทษทัณฑ์ มีเพียงความจริงที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าความผิดใด ๆ โลกนี้โหดร้ายเกินกว่าที่ใครคนใดคนหนึ่งจะรับผิดชอบทุกสิ่งเพียงลำพังได้
กลีบดอกไม้สีชมพูยังคงร่วงหล่น... แต่บัดนี้ กลิ่นของความเ็ปเริ่มจางหาย เหลือเพียงความเข้าใจ และการให้อภัย ที่แ่เบาแต่หนักแน่นยิ่งกว่าหินผาใด ๆ บนโลกนี้