เสี่ยวเมิ่งยืนขึ้น สีหน้าปราศจากความขุ่นเคือง แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“เ้าใช้วิธีใดหลอมรวมวัตถุแร่ผลึกพวกนี้?”
หยวนจุนไม่ตอบข้อสงสัยของเสี่ยวเมิ่ง แต่กลับจ้องไปที่วัตถุแร่ผลึกเรียงรายบนแผงตาไม่กะพริบ เขารู้สึกประหลาดใจ
การเกิดใหม่อีกครั้งทำให้จิติญญาของเขาเหนือกว่านักยุทธ์ทั่วไป พลังจิตที่พบได้ยากและทรงพลัง เมื่อรวมกับความทรงจำในชาติก่อน ทำให้เขารู้จักการใช้พลังจิตอย่างชาญฉลาด
เขาดึงปราณดาราอี้เสอจากภายในออกมา พลังจิตนั้นทำให้วัตถุแร่ผลึกสามชิ้นนี้หลอมรวมกัน
เห็นได้ชัดว่าหยวนจุนไม่ได้คาดหวังผลลัพธ์เช่นนี้ เป็เื่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าการให้เขากลืนยาต้าฮ่วนลงไปเสียอีก!
ประตูนักสร้างถูกเปิดออกโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว
เพียงแต่ยังขาดวิธีและประสบการณ์
เมื่อเห็นเสี่ยวเมิ่งทำปากโค้ง ในใจหยวนจุนเกิดแสงประกาย เขาโน้มตัวไปใกล้นางแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางช่วยสอนข้าหลอมเครื่องมือได้ไหม ถ้าเ้าตกลง ข้าจะมอบหญ้าหลงหยางให้เ้าเป็การแลกเปลี่ยน”
ครั้นได้ยินคำว่าหญ้าหลงหยาง แม้ใบหน้างามของเสี่ยวเมิ่งจะไม่ได้แสดงความประหลาดใจออกมา แต่หางตากลับกระตุกเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความหวั่นไหวภายในใจ
หญ้าหลงหยาง เป็สมุนไพรราคาแพงที่เหล่านักยุทธ์ระดับดาราใฝ่หา หลังจากกลืนลงไปจะสามารถบรรลุวงแหวนได้ หากวางหญ้าหลงหยางไว้ในเมืองที่พลุกพล่านเช่นนี้ ทุกคนต้อง่ชิงอย่างเสียสติแน่นอน
เสี่ยวเมิ่งมองหยวนจุนอย่างพินิจพิเคราะห์ เห็นเสื้อผ้าเขาขาดรุ่งริ่ง อย่างไรก็ไม่เหมือนผู้ที่มีหญ้าหลงหยาง ดังนั้นนางจึงปฏิเสธไปโดยไม่คิดว่า “ไม่ ข้าไม่สอน!”
“แม่นางตอบว่าไม่สอน มิใช่ว่าทำไม่เป็ คาดว่าข้าคงหาถูกคนแล้ว” หยวนจุนดีใจยิ่งนัก ทำทีประจบประแจง รอการตอบกลับของเสี่ยวเมิ่งอีกครั้ง
เมื่อเห็นใบหน้างามขาวเนียนราวกับหิมะเปลี่ยนสี เขาจึงกล่าวว่า “นักสร้างไม่ใช่ช่างธรรมดา ต้องเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติมากมาย แม่นางอย่าทำร้ายตนเองเลย ข้าแนะนำให้เลิกคิดเช่นนี้เสียโดยเร็ว จะได้ไม่ทำลายคุณค่าของตนเอง”
หยวนจุนกำลังเข้าเื่ พลันเสียงหัวเราะลั่นก็ดังมาจากหน้าแผง
“แม่นางเสี่ยวเมิ่ง เหตุใดวันนี้จึงตั้งแผงไว้ตรงนี้ล่ะ? ฮาฮา ทำให้พวกข้าหาแทบแย่!”
เมื่อมองกลับไป เห็นชายหนุ่มสวมเสื้อยุทธ์กำลังเล่นแกนผลึกสัตว์อสูร จากนั้นก็โยนไปมา แล้วปรบมือด้วยความสนุก
การปรากฏตัวของนักยุทธ์เหล่านี้ ทำให้หยวนจุนรับรู้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเสี่ยวเมิ่งได้อย่างชัดเจน นอกจากความไม่พอใจแล้ว ยังมีความตึงเครียดด้วย
แผงขายของที่อยู่ข้างๆ ก็เผชิญสถานการณ์ไม่ต่างกัน เพียงเห็นด้านหลังของคนพวกนี้ไกลๆ ก็รู้สึกหน้ามืดตาลายแล้ว
“เ้าคนบ้านนอกนี้เป็ใคร?” ชายที่อยู่ตรงกลางกลุ่มถามขึ้น หลังจากเห็นหยวนจุนยืนอยู่ข้างเสี่ยวเมิ่ง คำพูดของเขาก็เปลี่ยนไป
พวกนั้นหัวเราะเยาะ ก่อนจะเบนความสนใจไปที่ความงามของเสี่ยวเมิ่ง คำพูดแฝงไปด้วยการคุกคาม “ถ้าเื่นี้ได้ยินถึงหูพี่หานจิ้น เกรงว่าเมืองเทียนอวิ่นต้องมีคนตายเพิ่มอีกหนึ่งแน่”
“แต่ผู้ที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ต่อให้ตายเป็พันคนก็ไม่มีใครสนใจ...”
“ผ่าง”
เสี่ยวเมิ่งหยิบถุงผ้าที่เย็บอย่างประณีตออกมาจากแหวนมิติแล้วโยนออกไปให้ชายผู้นั้น “หานซู่ ข้าเข้าใจกฎของทหารรักษาเมือง ห้าร้อยเหรียญทอง คงพอแล้วนะ?”
หานซู่ถือถุงผ้ากะน้ำหนักในมือ เมื่อรู้สึกถึงเหรียญทองจำนวนมาก จึงพยักหน้าพอใจ “ยังเป็แม่นางเมิ่งที่มีน้ำใจ ข้าก็ไม่ได้อยากทำเ้าลำบากใจหรอก อย่างไรเสีย การรักษาความปลอดภัยและความสงบของเมืองเทียนอวิ่นก็เป็หน้าที่ของพวกข้าอยู่แล้ว”
“พี่หานจิ้นกำชับพวกข้าว่า หากเจอแม่นางเมิ่งตั้งแผง ต้องดูแลให้ดีที่สุด แต่ถ้าแม่นาง้าสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่านี้ เชิญหารือกับพี่หานจิ้นเองจะดีกว่านะ...”
หานซู่ไม่ทันกล่าวจบประโยค เสี่ยวเมิ่งก็ตอบกลับ “ไม่จำเป็”
ตอนนี้เหรียญทองอยู่ในมือแล้ว ไม่จำเป็ต้องอยู่ที่นี่ต่อ หลังจากคำนับแล้วเขาก็เดินไปที่แผงถัดไป
“เคราะห์ร้ายยิ่งนัก!” เสี่ยวเมิ่งพึมพำ หันไปมองหยวนจุนด้วยความโกรธ “ต้องโทษเ้าเลย เ้าคนอับโชค!”
หยวนจุนเหยียดปาก ไม่รู้ว่าทำไมเสี่ยวเมิ่งถึงใจร้อนเช่นนี้ ในเมืองเทียนอวิ่น สำหรับคนทั่วไปแล้ว ห้าร้อยเหรียญทองเพียงพอที่จะเลี้ยงสิบคนในหนึ่งปี นับเป็เงินไม่น้อยเลย
เมื่อมองหานซู่ที่ยังเก็บเหรียญทองไม่หยุด หยวนจุนจึงถามด้วยความสงสัย “พวกเขาคือใคร?”
“ทหารรักษาเมืองเทียนอวิ่น บางครั้งก็เข้ามาในเมืองเพื่อเก็บเงิน หรือเรียกอีกอย่างว่า รักษาความเป็ธรรมและความปลอดภัยของเมือง แต่แท้จริงใช้ข้ออ้างนี้เพื่อมาเก็บส่วย!”
“ข้าเห็นเ้าไม่ได้บ่มเพาะเพียงพลังยุทธ์ระดับดาราวงแหวนขั้นสองได้เท่านั้น แต่ยังสร้างพลังจิตได้ด้วย เ้ายังต้องกลัวคนเลวพวกนั้นอีกหรือ!”
เสี่ยวเมิ่งตวัดสายตาด้วยความอารมณ์ไม่ดี นางกล่าวว่า “ทหารรักษาเมืองพวกนั้นมีกองใหญ่ คนเยอะ ถ้าอยากทำงานที่นี่ไปนานๆ ห้ามทำให้พวกเขาไม่พอใจ
หยวนจุนพยักหน้าเงียบๆ เขาไม่รู้เลยว่าเมืองเทียนอวิ่นมีทหารรักษาเมืองที่ประหลาดเช่นนี้อยู่ด้วย
“ยายแก่หนังเหนียว! ไม่มีเงินแล้วยังกล้าตั้งแผงอีก จะลองดีกับข้าหานซู่ เ้าตายเสียเถอะ!”
ทั้งสองรีบหันมองตามเสียงที่อยู่ไม่ไกล เห็นว่าที่ใต้เท้าของหานซู่เป็หญิงชรา แขนเหี่ยวย่นนั้นมีตะกร้าห้อยอยู่ ด้านในเป็เครื่องปรุงยาที่หาซื้อได้ทั่วไป
แม้ถูกหานซู่เหยียบ หญิงชราก็กอดตะกร้าในมือไว้แน่น ได้ยินเสียงขอความเมตตาเป็ระยะๆ
พ่อค้าแม่ค้าโดยรอบต่างกำมือแน่น แม้ในใจจะต่อต้าน แต่ก็ทำได้เพียงยืนมอง ไม่กล้ามีเื่กับพวกเขา
“พวกแกอย่ามารังแกยายข้านะ!”
ห่างจากเท้าของหานซู่ไปเพียงไม่กี่เมตร เด็กอายุประมาณสี่ห้าขวบในชุดลาย ถือดาบไม้สั้นอยู่ในมือ กำลังพูดกับทหารพวกนั้นอย่างมุ่งมั่น
“โอ๊ย ไอ้เด็กเหลือขอ อยากมีเื่นักใช่ไหม! พวกเรา จัดการสั่งสอนเขา!”
หานซู่จ้องเขม็ง เด็กคนนั้นสะอื้นร้องไห้ด้วยความกลัว แต่ก็ไม่ยอมทิ้งดาบไม้ในมือ
“ไอ้พวกสารเลว!” เสี่ยวเมิ่งหายใจถี่ โกรธจนสั่นไปทั้งตัว
“อายุยังน้อยก็ถูกยัดเยียดความโกรธแค้นให้แล้ว น่าสงสาร” หยวนจุนหน้านิ่วคิ้วขมวด ก้าวออกไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล
เขามองนักยุทธ์ที่กำลังใช้มือหิ้วเด็กชุดลาย หยวนจุนตรงไปจับข้อมือนั้นทันที พลังความร้อนของปราณดาราถูกแผ่ออกมา ได้ยินเพียงเสียงแตกร้าว มือซ้ายของทหารผู้นั้นถูกเขาหักเสียแล้ว!
เสียงร้องโหยหวนเหมือนหมูถูกฆ่าดังแสบแก้วหูทั่วท้องถนน หลังจากหยวนจุนหักข้อมือของชายผู้นั้น พลังยังไม่สลายไป เขาจึงใช้ประโยชน์จากมันอีกครั้ง ทำให้กระดูกแขนทั้งหมดแตกเป็เสี่ยงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้