เซียวเป่าหลินไม่คาดคิดว่าอู๋เจี๋ยอวี๋จะลากนางเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย สีหน้าจึงบึ้งตึง ทว่าจำต้องพยักหน้าเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความคับข้องใจ
อู๋เจี๋ยอวี๋เอ่ยน้ำเสียงเฉียบขาด ปากกับใจตรงกัน “วันนั้นที่เ้าได้เลื่อนตำแหน่งเป็เป่าหลิน ฝ่าามิได้ทรงประทับในเรือนของเ้า เ้าทำใจได้จริงๆ หรือ”
เซียวเป่าหลินเอ่ยเบาๆ “หม่อมฉันจะทำอันใดได้ ในสายพระเนตรของฝ่าามีเพียงนางเท่านั้น”
“เ้ามันขี้ขลาดจริงๆ!” อู๋เจี๋ยอวี๋เอ่ยตำหนิ จู่ๆ นางพลันเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา นางส่งเสียงฮึในลำคอพลางเอ่ยว่า “ในเมื่อนางสามารถแย่งของของผู้อื่นได้ วันนี้ข้าจะสั่งสอนนางถึงรสชาติของผลกรรมที่จะตามมาสนองกับนาง!”
“น้องหญิงอย่าโมโหไปเลย!” ฮวารั่วซียกมือขึ้นเด็ดดอกโบตั๋น ปลายนิ้วมือัักลีบดอกเบาๆ ก่อนจะยื่นมาเบื้องหน้าอู๋เจี๋ยอวี๋พลางเอ่ยว่า “ฤดูใบไม้ผลิอากาศดีนัก อย่าทำให้ทัศนียภาพต้องสูญเสียความงามเลย”
อู๋เจี๋ยอวี๋รับดอกโบตั๋นจากมือนาง พลางสูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้จิตใจเหม่อลอย ทันใดนั้นนางกลับเบือนหน้าหนีอย่างรวดเร็วพร้อมจามไปหนึ่งครั้ง นางโยนดอกไม้ออกไปด้วยความโกรธ ก่อนจะเหยียบย่ำมันสองสามครั้งแล้วเอ่ยด้วยความขุ่นเคืองว่า “แม้แต่ดอกไม้พวกนี้ยังไม่รักดี คืนนี้น้องจะให้นางได้เห็นดี!”
ฮวารั่วซีแย้มยิ้มเอ่ยว่า “พอดีพี่หญิงนึกถึงสิ่งของเ่าั้ พี่หญิงจะต้องนำไปมอบให้องค์หญิงใหญ่ที่ตำหนักรับรอง พี่หญิงคงต้องไปก่อน น้องหญิงสงบสติอารมณ์ นางคงลำพองใจได้ไม่นาน”
อู๋เจี๋ยอวี๋มองนางด้วยสายตาสงสารและยิ่งรู้สึกว่าตนเองน่าสงสารมากยิ่งขึ้น “ยังดีที่พี่หญิงเคยได้รับความโปรดปรานจากฝ่าา แม้ว่ายามนี้ฝ่าาทรงมิได้มาหาบ่อยนัก ทว่าในใจก็ยังคิดถึงพี่หญิงอยู่บ้าง ไม่เหมือนน้อง......”
นางเอ่ยพลางถอนหายใจ ขณะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง นางก็เห็นเพียงแผ่นหลังของฮวารั่วซีแล้ว
สีหน้านางไม่พึงพอใจนัก ครั้นหันไปมองใบหน้าเศร้าสร้อยของเซียวหรูเสวี่ย อารมณ์ของนางพลันเสียทันที จากนั้นจึงเอ่ยไปสองสามคำ แล้วหันหลังเดินจากไป
เซียวหรูเสวี่ยมองคนสองคนหายไปทีละคน นางนั่งยองๆ มองดอกโบตั๋นแสนบอบบางที่ถูกเหยียบย่ำจนแหลกบนพื้น ใบไม้แนบติดกับพื้นดินเหมือนกับตัวนางเองในขณะนี้
……
ทันทีที่ฮวารั่วซีเข้าไปในตำหนักรับรองขององค์หญิงใหญ่ นางพลันได้ยินองค์หญิงใหญ่แผดเสียงดังลั่น “เ้าว่าอันใดนะ! ต่อไปเขาไม่สามารถทำเื่บนเตียงได้แล้วหรือ?”
เมื่อนางได้ยินคำพูดประโยคนี้ใบหน้าถึงกับแดงขึ้นมาเล็กน้อย คิดกับตนเองว่าเชื้อสายตระกูลซ่งช่างเป็คนแปลกจริงๆ
ตำหนักหลังของซ่งอี้เฉินมีสนมกว่าสามพันคน ยังคิดวิธีหานางสนมที่โปรดปรานใหม่เพิ่มเรื่อยๆ องค์หญิงใหญ่เป็อิสตรีกลับพูดเื่บนเตียง แม้นจะโปรดปรานบุรุษบำเรอมากเพียงใดก็ควรมีความละอายบ้าง นอกจากรัชทายาทที่ถูกปลดพระองค์นั้น เสียนอ๋องในตอนนี้ได้ยินมาว่าเป็คนเก่งมากทีเดียว ดีดพิณเขียนบทกวีทั้งวัน ในตำหนักมีสตรีไม่มากนัก กลับมีเด็กมากกว่าเสียอีก
นางล้มเลิกความคิดโดยคิดว่าหากนางพรวดพราดเข้าไปตอนนี้ เกรงว่าจะถูกเพลิงโทสะขององค์หญิงใหญ่แผดเผาเป็แน่ ในขณะที่นางกำลังลังเล พลันเห็นคนสองคนออกมาจากด้านในห้องและกำลังลากทูตซวี่หรงออกมาพร้อมกัน
ทูตซวี่หรงะโกลับไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว “องค์หญิง......องค์หญิง...ซวี่หรงยังปรนนิบัติให้องค์หญิงได้พ่ะย่ะค่ะ......”
องค์หญิงใหญ่ไม่ได้เดินออกมา ทว่ากลับส่งเสียงเ็าดังมาจากในห้อง “ปรนนิบัติหรือ เ้ากลายเป็เช่นนี้ไปแล้ว จะปรนนิบัติอันใดได้อีก? เ้าคิดว่าข้าชอบฟังเ้าดีดพิณขับบทกวีจริงๆ หรือ? นั่นเป็เพราะเห็นเ้าเป็บุรุษ ดูเพลินๆ ไปก็เท่านั้น หาก้าฟังบทเพลงดีๆ ในวังหลวงมีคนมากมาย เ้าเป็เพียงตัวประกันจากแคว้นหูหลัว มีอันใดน่าฟัง!”
“องค์หญิง......ได้โปรด......” ดวงตาของซวี่หรงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “องค์หญิงได้โปรดอย่าขับไล่ข้าน้อยออกไปเลย......”
“ซวี่หรง เ้าก็รู้ว่าเ้าทำอันใดลงไป คิดเสียว่าเป็บทเรียนให้กับผู้อื่น เมื่อคิดจะทรยศข้า ก็ควรคิดถึงชะตากรรมของตนเองด้วย”
ซวี่หรงคิดอยากจะะโบางสิ่ง ทว่าเขากลับต้องอ้ำอึ้งกลืนมันลงไป เหลือเพียงสายตาหวาดกลัว
ฮวารั่วซีรู้จักสถานที่แห่งหนึ่งในวังหลวงเรียกว่า ‘บ่อเกิดใหม่’ หากเป็คนรับใช้ที่ป่วยจนรักษาไม่ได้ หรือถูกเ้านายทอดทิ้งล้วนถูกอุ้มและโยนลงไปในบ่อนี้
บ่อน้ำลึกอย่างยิ่ง หากตกลงไปอวัยวะทั่วร่างกายคงต้องแหลกละเอียด หากโชคดียังไม่ตายทว่าก็อยู่ได้ไม่นาน ไม่มีผู้ใดให้อาหาร ซ้ำยังาเ็สาหัส ไม่เกินสองวันย่อมตายอย่างแน่นอน สิ่งที่ััไม่ใช่ความเ็ปจากร่างกาย หากแต่เป็ความสิ้นหวัง เมื่อเวลาผ่านไป ความหวังค่อยๆ เลือนหายไป ความตายค่อยๆ เยื้องย่างเข้ามาหาในที่สุด
ที่นั่นควรเป็จุดหมายปลายทางสุดท้ายของซวี่หรง
“ซูเฟย เ้าไม่เข้ามาด้านในหรือ?” ทันใดนั้นเสียงขององค์หญิงใหญ่พลันดังขึ้น นางประหลาดใจจนทำให้นางรู้สึกตึงเครียด
ฮวารั่วซีรวบรวมสติอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงแย้มยิ้มแล้วเปิดม่านเดินเข้าไป
องค์หญิงใหญ่เดินออกมาจากด้านในห้อง และซางจือิยืนอยู่ด้านข้างช่วยจับชีพจรให้องค์หญิง สีหน้าของเขานอบน้อมอย่างยิ่ง เมินเฉยต่อเสียงกรีดร้องของทูตซวี่หรง
“ซูเฟย มาหาข้ามีเื่อันใด?” องค์หญิงใหญ่เหลือบมองไปทางด้านหลังนาง แสดงสีหน้ายิ้มครึ่งไม่ยิ้มครึ่ง ซึ่งมีส่วนคล้ายกับซ่งอี้เฉินยิ่งนัก คิ้วและดวงตาของสองพี่น้องมีความคล้ายคลึงกับอดีตฮ่องเต้อย่างยิ่ง แม้แต่อุปนิสัยก็เหมือนกันอีกด้วย
“เต๋อเฟยขอให้รั่วซีนำสิ่งของมีค่ามาคืนให้องค์หญิงเพคะ” ฮวารั่วซีไม่พูดอ้อมค้อม
องค์หญิงใหญ่มองนางด้วยสายตาเ็า สีหน้าเย้ยหยันเผยออกมาให้เห็นชัดเจน “แค่นี้หรือ? ลงโทษทูตซวี่หรงของข้าจนใช้การไม่ได้ ซ้ำยังรื้อค้นตำหนักของข้าเสียจนยับเยิน จากนั้นนำสิ่งของน่ารังเกียจพวกนี้มาอีก? ข้าจะเอาสร้อยข้อมือนี้ไปทำอันใด? ลูกประคำมีประโยชน์อันใด? จะให้ข้าเลื่อมใสพุทธศาสนาหรือ? หรือใช้มันหลอกลวงผู้อื่น?”
ฮวารั่วซีหลุบตาลงต่ำ รู้สึกดูถูกเหล่าเชื้อพระวงศ์พวกนี้จากก้นบึ้งหัวใจ นอกจากตำแหน่งเชื้อพระวงศ์ และอำนาจตัดสินชะตากรรมของผู้อื่นแล้ว พวกเขาไม่เห็นทำอันใดได้เลย อู๋เจี๋ยอวี๋เป็เช่นเดียวกัน องค์หญิงใหญ่ยิ่งไม่แตกต่างกัน
อารมณ์ขุ่นเคืองเช่นนี้นางไม่มีทางเผยออกมาบนใบหน้าได้ หลังองค์หญิงใหญ่ชักสีหน้าเยาะเย้ยนางแล้ว นางพลันแย้มยิ้มและเอ่ยว่า “องค์หญิงใหญ่มีสถานะสูงศักดิ์ บุรุษงดงามในใต้หล้าล้วนเป็คนรับใช้ขององค์หญิงเพคะ?”
“บุรุษงดงามมีมากมายหรือ? เช่นนั้นเ้าก็ไปหามาให้ข้าสักคน เอาแบบที่มีใบหน้าหล่อเหลาเหมือนซวี่หรงของข้านะ!” องค์หญิงใหญ่เสียพระทัยที่ต้องสูญเสียซวี่หรงไป มันไม่ง่ายที่จะหาใครสักคนมาทดแทนเพื่อทำให้นางมีความสุข บุรุษบำเรอไม่มีแล้ว เมื่อนึกถึงเื่นี้ นางร้องไห้ออกมาจริงๆ
ฮวารั่วซีเดินเข้าไปใกล้นาง พลางเอ่ยตักเตือนไปด้วยความกังวล “องค์หญิงใหญ่ทรงรักษาพระวรกาย พี่หญิงเต๋อเฟยไม่รู้ว่าไม้พลองนั้นร้ายกาจเพียงใด ตามอุปนิสัยนางที่เป็คนใจอ่อนมีเมตตา หากนางรู้ไม่มีทางสั่งให้ลงมือหนักเช่นนี้อย่างแน่นอนเพคะ!”
องค์หญิงใหญ่หยุดร้องไห้และเงยหน้าขึ้นมองนาง “เป็คำสั่งเต๋อเฟยหรือ?” นางเอ่ยโดยไม่รอให้ฮวารั่วซีตอบกลับ พร้อมสำทับด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “เติบโตมาจากนางกำนัลชั้นต่ำ ช่างเหมือนกับนางแม่มดเฒ่านั่น ปากพร่ำท่องบทพระคัมภีร์ มีศีลมีธรรม ทว่าจิตใจดั่งงูพิษ! ซวี่หรงของข้าถูกพวกนางลงโทษจนตาย!”
ซวี่หรงของนางยามนี้คงดิ้นรนอย่างสิ้นหวังอยู่ในบ่อแล้วกระมัง ผู้ที่สั่งให้โยนเขาลงไปในบ่อก็คือองค์หญิงใหญ่เองมิใช่หรือ
ฮวารั่วซีแอบคิดอยู่เงียบๆ ทว่าใบหน้ากลับแสดงท่าทีเศร้าโศกพลางเอ่ยว่า “องค์หญิงทรงอย่าโศกเศร้าไปเลยเพคะ องค์หญิงจะต้องพบกับบุรุษที่ดีกว่าทูตซวี่หรงอย่างแน่นอนเพคะ”
องค์หญิงใหญ่หยุดร้องไห้และมองนางอีกครั้งด้วยสีหน้าเ็า “จริงหรือ? เ้าแนะนำให้ข้าสักคนสิ!”
เดิมทีฮวารั่วซีเพียงแค่ปลอบใจนางเท่านั้น ไม่คาดคิดว่านางจะ้าคำตอบจากนาง จึงอดเผยสีหน้าประหลาดใจไม่ได้
เมื่อองค์หญิงใหญ่เห็นท่าทางของนาง นางพลันยิ้มเยาะและกล่าวว่า “ตอบไม่ได้หรือ ล้วนเป็คนหน้าซื่อใจคดกันทั้งนั้น ข้าเกลียดคนหน้าซื่อใจคดเหล่านี้มากที่สุด หากวันนี้เ้าบอกไม่ได้ อย่าโทษที่ข้าไม่เกรงใจ!”
องครักษ์ด้านหน้าเดินเข้ามาจ้องนางด้วยสีหน้าดุดันราวกับกำลังจ้องมองเหยื่อ
องค์หญิงใหญ่มักเย่อหยิ่งและบ้าอำนาจ ทำทุกอย่างตามที่นาง้า แม้แต่ไทเฮาก็ไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่น้อย ไม่ต้องพูดถึงนางสนมต่ำต้อยอย่างนาง ฮวารั่วซีรู้ว่าตอนนี้นางตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง หากนางตอบได้ไม่ดี มีโอกาสถูกโยนไปอยู่ในบ่อน้ำเกิดใหม่แน่นอน
ดวงตานางเผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนก ในสมองพยายามครุ่นคิดถึงบุรุษที่นางเคยพบมาก่อน น่าเสียดายั้แ่นางมาที่แคว้นเซวียน นอกจากอยู่ที่ตระกูลอวิ๋นแล้ว ก็อยู่แต่ในวังหลวงแห่งนี้เท่านั้น ยามนี้ตระกูลอวิ๋นสิ้นแล้ว ในวังหลวงที่นางพบหน้าแต่ละวัน บ้างก็เป็ขันที หรือไม่ก็องครักษ์ ส่วนองครักษ์เ่าั้ตากแดดตากลมแทบทุกวัน ไม่มีคำว่าบุรุษงดงามเลยแม้แต่น้อย หาก้าหาบุรุษที่มีเสน่ห์โดดเด่นสักคน......
ใช่แล้ว บุรุษที่หล่อเหลาคมสัน!
ทันใดนั้นใบหน้าของคนผู้หนึ่งพลันปรากฏขึ้นในความคิดนาง นางถึงกับดีใจลิงโลดเลยทีเดียว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้