มู่เฟิงกำลังจดจ่อสมาธิอยู่ในห้วงความคิด ผู้าุโเหมียวเดินกลับไปนั่งจิบชาเงียบๆ โดยไม่คิกจะรบกวนเขา สายตาของชายชรามองไปที่มู่เฟิงด้วยความชื่นชม
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้พบเด็กหนุ่มที่มีพร์อันน่าทึ่งเช่นนี้
หลังจากนั้นไม่นาน รอยยิ้มก็พลันปรากฏขึ้นตรงมุมปากของมู่เฟิง เด็กหนุ่มรีบโค้งคำนับผู้าุโเหมียวอีกครั้งอย่างจริงใจพร้อมรอยยิ้มกว้าง “ขอบคุณผู้าุโเหมียวสำหรับคำชี้แนะ ศิษย์ทราบแล้วว่าท่านหมายถึงสิ่งใด”
“หึๆ ถูกต้องแล้ว สำหรับทักษะพลังปราณ แม้จะเป็แค่รายละเอียดเพียงเล็กน้อย แต่การมีอยู่ของมันย่อมมีเหตุผล ดังนั้นจึงไม่สามารถละเลยได้ ต่อให้ก่อนหน้านี้เ้าจะใช้พลังปราณเพลิงเข้ามาทดแทน แต่เมื่อถึงระดับสมบูรณ์ ดอกปทุมของเ้าก็จะไม่สามารถใช้ประโยชน์อันใดได้มากนัก”
ผู้าุโเหมียวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์น้อมรับคำสั่งสอน”
มู่เฟิงกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง
“ูเาตำรานั้นมีความพากเพียรเป็หนทาง ทะเลความรู้นั้นมีความพยายามเป็เรือพาย เส้นทางของการฝึกฝนนั้นไม่มีทางลัด แต่มีรูปแบบวิธีการ” ผู้าุโเหมียวกล่าวเสียงเรียบ
ก่อนที่เขาจะโบกมือพลางกล่าวว่า “เอาละ เ้าไปได้แล้ว”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเข้าใจแล้ว ผู้าุโเหมียวก็เอ่ยส่งแขกทันที จากนั้นมู่เฟิงจึงเดินออกจากหอคัมภีร์ ค่ายกลด้านนอกคลายตัวลงชั่วขณะ ทำให้เขาสามารถออกไปได้อย่างปลอดภัย
หลังจากได้รับทักษะร่างกายนี้มา มู่เฟิงก็ตรงไปที่หอคอยเทียนอวิ่นโดยไม่คิดจะหยุดพักเลยสักนิด เด็กหนุ่มขึ้นไปยังชั้นสี่ของหอคอย และเข้าสู่กระบวนการบ่มเพาะวรยุทธ์อีกครั้งภายใต้แรงกดทับมหาศาลทันที
เวลานี้วรยุทธ์ของมู่เฟิงมาถึงจุดสูงสุดของระดับจื่อฝู่ขั้นแปดแล้ว ซึ่งอยู่ห่างจากขั้นเก้าเพียงแค่เส้นกั้นบางๆ เท่านั้น
มู่เฟิงคาดไม่ถึงว่าขึ้นมาครั้งนี้บนชั้นสี่จะมีห้องฝึกที่ว่างเปล่าไร้ผู้คนอยู่ เพราะปกติแล้วภายในห้องฝึกจะมีคนใช้อยู่จนเต็มเสมอ วันนี้นับว่าโชคดีไม่น้อย
หลังจากเข้ามาในห้องฝึกแล้ว มู่เฟิงก็ปิดประตูหินก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงบนฟูก เขากลืนเม็ดยาโลหิตขั้นสองลงไปสามเม็ด ก่อนจะเริ่มกลั่นเป็พลังปราณภายใต้การส่งเสริมของพลังเทียนอวิ่นที่รายล้อมอยู่โดยรอบ
มวลคลื่นพลังทั้งแปดลูกภายในจุดตันเถียนจื่อฝู่ค่อยๆ รับพลังที่ถูกกลั่นออกมาจากตัวยาเข้าไป ทำให้พวกมันอยู่ในสภาพที่เสถียรเป็อย่างมาก
พลังปราณที่ถูกกลั่นออกมา รวมถึงพลังฟ้าดินที่ถูกดูดซับเข้าไปกำลังรวมตัวกันอยู่ในพื้นที่ว่างของจุดตันเถียนจื่อฝู่
เมื่อปริมาณมากขึ้น พลังสีขาวนวลก็ควบแน่นเข้าด้วยกันและก่อตัวขึ้นเป็บอลทรงกลม ก่อนจะค่อยๆ กลายเป็มวลคลื่นพลังอีกหนึ่งลูก
พลังฟ้าดินที่ลอยอบอวลอยู่ภายในห้องฝึกนั้นมีทั้งหมดเจ็ดสีตามธาตุพลังที่ต่างกัน ยามนี้พวกมันกำลังถูกดูดซับเข้าไปในจุดตันเถียนจื่อฝู่
กลุ่มก้อนพลังกำลังจะควบแน่นขึ้นอย่างรวดเร็ว มวลคลื่นพลังลูกที่เก้าของเขากำลังจะก่อตัวขึ้นแล้ว ขณะที่มู่เฟิงกำลังจะก้าวข้ามเส้นกั้นบางๆ เพื่อบรรลุสู่ระดับจื่อฝู่ขั้นเก้านั้น ทันใดนั้นเอง
ปัง! ปัง! ปัง...!
เสียงเคาะประตูพลันดังขึ้นจากด้านนอกอย่างแรง และเสียงนี้ก็ดังเสียดหูเข้ามาถึงด้านใน
โครม...!
คราวนี้เป็เสียงประตูหินที่ถูกกระชากให้เปิดออก
พรึ่บ…!
เสียงโครมครามเมื่อครู่ส่งผลกระทบต่อสมาธิของมู่เฟิง ทำให้มวลพลังภายในร่างกายของมู่เฟิงที่กำลังจะก่อตัวขึ้นได้รับผลกระทบและแตกสลายลงทันที มวลพลังที่กำลังจากกลายเป็กลุ่มก้อนพลันกระจายตัวอยู่ในจุดตันเถียน
“หึ…”
มู่เฟิงพ่นลมหายใจออกมาอย่างเ็า เมื่อการควบแน่นพลังเกิดข้อผิดพลาด แน่นอนว่าตัวเขาเองก็ย่อมต้องโดนผลสะท้อนกลับ กระแสพลังที่เกิดการตีกลับ ทำให้เืสีแดงสดไหลออกมาจากมุมปากของเขา เหตุการณ์นี้ทำให้เขาได้รับาเ็ภายในเล็กน้อย
การควบแน่นมวลคลื่นพลังลูกที่เก้าของเขาล้มเหลว!
มู่เฟิงลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน เผยให้เห็นความมืดครึ้มอันเย็นะเืในแววตา เสียงรบกวนเมื่อครู่ทำให้ความตั้งใจของเขาพังทลาย
“เ้าคนบัดซบ เ้าเป็ใครกัน? ไม่รู้หรืออย่างไรว่านี่มันห้องฝึกของข้า?”
เสียงเล็กแหลมพลันดังเสียดหูพร้อมกับร่างเพรียวบางของสตรีนางหนึ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าของมู่เฟิง
สตรีผู้นี้สวมใส่ชุดคลุมสีแดง เส้นผมยาวสลวยของนางเองก็เป็สีแดงเช่นกัน นางมีใบหน้ารูปแตง ผิวขาวเนียนละเอียด และดวงตากลมโตเหมือนเมล็ดซิ่งที่กำลังเบิกกว้างราวกับไม่พอใจ ส่วนความสูงของนางก็ไม่ได้สูงมากนัก สูงเพียงห้าฟุตครึ่งเท่านั้น นางสวมใส่รองเท้าสีแดงคล้ายก้อนสำลีสองก้อน ดูน่ารักน่าเอ็นดูเป็อย่างยิ่ง
โดยรวมแล้วนับเป็สตรีที่มีหน้าตางดงามผู้หนึ่ง ทว่าเวลานี้นางกำลังจ้องมองมู่เฟิงด้วยความโกรธ
มู่เฟิงเองก็กำลังโกรธเช่นกัน เมื่อครู่เขาอยู่ใน่เวลาสำคัญ ความสำเร็จในการบ่มเพาะพลังที่อยู่เพียงแค่เอื้อม แต่แล้วมันกลับถูกสตรีผู้นี้ทุบทำลายจนย่อยยับ เช่นนี้จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร
“เ้าเป็ใคร? ไม่เคยมีใครสั่งสอนเ้าหรืออย่างไร? ไม่รู้หรือว่าไม่ควรรบกวนผู้อื่นในขณะที่กำลังฝึกฝน? เ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเมื่อครู่เ้าได้ทำลาย่เวลาการฝึกที่สำคัญของข้า?”
มู่เฟิงหยัดกายลุกขึ้น ก่อนจะย่างเท้าไปข้างหน้าทีละก้าว เขาจ้องสตรีตรงหน้าก่อนจะตวาดออกมาอย่างเ็า
เมื่อข่งเซวียนเอ๋อร์ได้สบกับั์ตาอันเย็นะเืของมู่เฟิง นางก็รู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาและอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยออกไปสองก้าว มู่เฟิงขยัยกายเข้าใกล้นางมากขึ้น สายตาจ้องมองนางอย่างโกรธเกรี้ยว ระยะห่างระหว่างพวกเขาอยู่ห่างกันเพียงหนึ่งฟุตเท่านั้น เป็ระยะที่ใกล้มากจนได้กลิ่นหอมจากกายของหญิงสาว
“ขะ ข้า ข้า ห้องฝึกนี้เป็ของข้า บัณฑิตทุกคนในชั้นสี่ต่างก็ทราบกันดี ใครใช้ให้เ้ามาแย่งห้องฝึกของข้ากันเล่า”
คลื่นพลังของข่งเซวียนเอ๋อร์ดูเหมือนจะอ่อนแอลงสองส่วน นอกจากนี้นางยังเว้นระยะห่างจากมู่เฟิงให้มากขึ้น
“ของเ้า?”
มู่เฟิงยิ้มหยัน ก่อนจะก้าวเท้าเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมกับแรงกดดัน “เ้าเป็คนสร้างห้องฝึกนี้ขึ้นมาหรืออย่างไร? ห้องนี้มันไม่ใช่ทั้งของเ้าและของข้า มันเป็ของสำนักศึกษา ใครมาก่อนก็ได้ใช้มัน เ้าถือสิทธิ์อะไรมาบอกว่าห้องนี้เป็ของเ้า?”
ข่งเซวียนเอ๋อร์ถูกมู่เฟิงบีบให้ต้องถอยไปยังมุมห้อง แต่แล้วนางก็รวบรวมความกล้าขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะตวาดออกมาอย่างไร้เหตุผลว่า “ข้าบอกว่ามันเป็ของข้าก็คือของข้า เ้านั่นแหละไสหัวออกไป!”
เมื่อได้ยินดังนั้นมู่เฟิงก็ยิ่งทวีความโกรธมากขึ้น เขาทำอะไรผิดกับสตรีผู้นี้หรืออย่างไร เหตุใดนางถึงมายั่วยุเขาอย่างไม่ลืมหูลืมตาเช่นนี้
“เ้ายังไม่รีบไสหัวไปอีก?”
ข่งเซวียนเอ๋อร์ตวาดออกมาอีกครั้งอย่างฉุนเฉียว จากนั้นนางก็เหวี่ยงขาไปทางมู่เฟิง
มู่เฟิงขยับกายหลบหลีกก่อนจะก้าวถอยออกไปสองก้าว แต่ข่งเซวียนเอ๋อร์ยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น นางหมุนตัวเตะเท้าไปยังหัวไหล่ของมู่เฟิงต่อทันที ทำให้มู่เฟิงต้องถอยหลังออกไปอีกสองก้าว
“วันนี้ข้าคงต้องสั่งสอนบทเรียนให้สตรีโง่เง่าที่ไม่รู้จักกฎเกณฑ์อย่างเ้าเสียแล้ว”
มู่เฟิงถอยหลังออกไปสองก้าว สีหน้าของเขาในเวลานี้กำลังเปี่ยมล้นด้วยโทสะ ทันใดนั้นเปลวเพลิงก็พลันก็ปะทุออกมาจากใต้ฝ่าเท้าของเขาอย่างฉับพลัน ร่างกายของเด็กหนุ่มเคลื่อนตัวเข้าหาข่งเซวียนเอ๋อร์อย่างรวดเร็ว พร้อมหมัดทั้งสองข้างที่เหวี่ยงออกมาอย่างดุดัน
เมื่อข่งเซวียนเอ๋อร์เห็นว่ามู่เฟิงกำลังโจมตีเข้ามา นางก็ปล่อยพลังปราณออกมาเพื่อต้านทานการโจมตีของอีกฝ่าย แต่การเคลื่อนไหวของมู่เฟิงนั้นว่องไวเป็อย่างมาก อีกทั้งเขายังลงมือด้วยโทสะดังนั้นการโจมตีของเขาจึงไม่มีการยั้งแรงเลยแม้แต่น้อย วรยุทธ์ของสตรีผู้นี้ยังไม่ถึงระดับจื่อฝู่ขั้นแปด ดังนั้นนางจะสามารถต่อกรกับมู่เฟิงได้อย่างไร นางถูกหมัดของเขาต่อยเข้าที่ท้องน้อยอย่างแรงจนร่างเล็กปลิวไปกระแทกผนังหินของห้องฝึก
ข่งเซวียนเอ๋อร์ร้องครวญครางด้วยความเ็ป นางรู้สึกปวดหน่วงตรงหน้าท้องอย่างรุนแรง แต่มู่เฟิงยังคงพุ่งเข้ามาประชิดร่างของนางอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็กระแทกเข่าลงบนหน้าท้องของนางอีกครั้ง
“กรี๊ด…”
ข่งเซวียนเอ๋อร์กรีดร้องออกมา มือของนางกุมหน้าท้องของตัวเองเอาไว้ในขณะที่ร่างกายกำลังจะล้มลงไปบนพื้น มู่เฟิงคว้าจับร่างของอีกฝ่ายเอาไว้และยกแขนของข่งเซวียนเอ๋อร์ขึ้น จากนั้นก็ใช้นิ้วจิ้มลงไปบนจุดฝังเข็มสองสามจุดใต้รักแร้ ข่งเซวียนเอ๋อร์รู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ
เมื่อครู่มู่เฟิงทำให้แขนของอีกฝ่ายไม่อาจใช้การได้ชั่วคราว ก่อนที่เขาจะให้ร่างของข่งเซวียนเอ๋อร์พิงซบในอ้อมแขนของเขา
“เ้า เ้าจะทำอะไร?”
เมื่อข่งเซวียนเอ๋อร์เห็นว่าตนกำลังนอนหงายอยู่ในอ้อมแขนของเด็กหนุ่มแปลกหน้า นางก็มีท่าทีตื่นตระหนกเป็อย่างยิ่ง
ข่งเซวียนเอ๋อร์พยายามขืนกายออก แต่ร่างของนางกลับสั่นสะท้านขึ้นมาทันใด เมื่อหน้าอกของนางรับรู้สึกได้ถึงััอันใกล้ชิดของอีกฝ่าย ใบหน้าของนางพลันแดงก่ำทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้